“ฉีหลินน้ำของเจ้าอะไร สิ่งของของเจ้าก็คือสิ่งของของข้า ข้าช่วยเก็บไปแทนเจ้า” ในเวลานี้เอง เสียงที่ทำให้จินเฟยเหยาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นจากด้านบน
จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ว่าหลงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศตั้งแต่เมื่อใด สวมเสื้อคลุมสีดำทั่วร่างดังเดิม
เส้นเลือดตรงศีรษะของนางเต้นตุบๆ เอ่ยถาม “แล้วสิ่งของของท่านเล่า?”
หลงมองนางแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเรียบๆ “สิ่งของของข้าย่อมต้องเป็นสิ่งของของข้า เป็นพาหนะยังคิดจะมีสมบัติส่วนตัว?”
“ไหนเลยมีเรื่องเช่นนี้! ท่านรีบปล่อยหลินชิงเจียงออกมานะ นั่นเป็นเหยื่อที่ข้าเฝ้ามาตั้งหลายปี ท่านจะฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ[1]ไม่ได้!” จินเฟยเหยาร้อนใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น งงไปหมดแล้ว!
“กฎเกณฑ์ของโลกบำเพ็ญเซียน ใครล่าเหยื่อได้ก็เป็นของคนนั้น ฉีหลินน้ำตายแล้ว ดังนั้นคือสิ่งของของข้า ส่วนเจ้าก็มีเรื่องต้องทำ ไม่ได้เฝ้าบ้านมานานแล้วนะ” หลงเอ่ยอย่างสบายๆ
ขณะที่จินเฟยเหยาคิดจะเอ่ยอะไร หมื่นศรพลิกวิญญาณของปู้จื้อโหยวพลันไม่เสถียร ราวกับองค์ชายสามกำลังใช้เวทลับบางอย่างในวงเวท เพื่อไม่ให้ศรวิญญาณเสียหายมากเกินไปบวกกับใช้พลังวิญญาณจนเกือบหมดแล้ว เขาจึงเก็บวงเวทศรกลับมา
วงเวทศรล่าถอยไป องค์ชายสามยืนเลือดอาบอยู่ในนั้น เทียบกับนิสัยที่แสดงความอหังการออกมาภายนอกก่อนหน้านี้ เขาในยามนี้ดูอ่อนแออย่างยิ่ง และไม่มีอานุภาพแห่งราชวงศ์ใดๆ
“ถึงก่อนได้ก่อน…” เดิมทีจินเฟยเหยาคิดจะช่วงชิงกับจอมมารหลง เฝ้าประตูก็ไม่เป็นไร คืนตานศักดิ์สิทธิ์ของฉีหลินน้ำให้ตนเองได้หรือไม่ เห็นว่าที่นี่ยังมีองค์ชายสามที่ยังเหลือลมหายใจอยู่ นางตะลึงงันไปในใจพลันเกิดความคิดขึ้นมา
“ถ้าพวกเจ้า..กล้าสังหารข้า เสด็จพ่อของเราต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่ อีกทั้งผู้ใดสังหารข้าก็จะได้รับ…” องค์ชายสามชี้ปู้จื้อโหยว เอ่ยแบบลมหายใจไม่ต่อเนื่อง
ยังเอ่ยไม่จบ เขาก็เห็นหลงที่เป็นขั้นว่างเปล่าอยู่ไกลๆ คำพูดต่อมาจึงถูกสกัดไว้ ยามนี้องค์ชายสามจึงนึกขึ้นได้ ต่อให้พี่รองของตนเองมีอำนาจก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเชิญคนที่อยู่ขั้นว่างเปล่ามาสังหารตนเอง ค่าตอบแทนไม่เพียงพอ! หรือเพียงแค่บังเอิญ ไม่ได้ถูกพี่น้องของตนเองวางแผนลอบทำร้าย แบบนี้ขอเพียงตนเองจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล พวกเขาก็จะปล่อยข้าไป!
“ช้าก่อน ข้าเป็นองค์ชายแห่งโลกวิญญาณเทียนตี้! พวกเจ้าต้องการอะไรข้าก็จะให้ ถ้าไม่เพียงพอ ข้าสามารถกลับไปเอามาได้ สิ่งใดก็ได้ทั้งนั้น!” เพื่อรักษาชีวิต องค์ชายสามระเบิดพลังชีวิตอันแข็งแกร่งออกมา เมื่อครู่ยังพูดจาแบบไร้เรี่ยวแรง ตอนนี้กลับคารามเสียงดัง พูดจาลื่นไหลสุดๆ
“ขอเพียงเจ้าตายสิ่งของย่อมต้องเป็นของข้า” หลงไม่มีปฏิกิริยา เพียงมองเขาแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าสังหารคนปล้นชิงสิ่งของเป็นเรื่องปกติ
องค์ชายสามพูดไม่ออก หรือว่าไม่มีทางรอดเลย!
ในเวลานี้เองจินเฟยเหยาพลันใช้เวทหนีไฟนรกพุ่งมาถึงเบื้องหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ทงเทียนหรูอี้กลายเป็นดาบยาวฟันใส่ศีรษะขององค์ชายสามแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง
ความเคลื่อนไหวของจินเฟยเหยารวดเร็วถึงขีดสุด องค์ชายสามไม่ทันมีปฏิกิริยาก็ศีรษะแยกออกจากกัน หยวนอิงปรากฏขึ้นกลางอากาศส่องแสงสีทองวิบวับ หลังจากลืมตายังมีสีหน้างุนงง ทว่าสิ่งที่ประทับลงในดวงตาคือจินเฟยเหยาที่พุ่งเข้ามาราวกับพยัคฆ์หิวโหยกระโจนใส่เหยื่อ ทำให้หยวนอิงหวาดกลัวจนอยากจะหลบหนี
“จะไปไหน!” ฉีหลินน้ำก็ไม่เหลือ ถ้าแม้แต่หยวนอิงอันนี้ยังรักษาไว้ไม่ได้ ตนเองคงวางแผนมาหลายปีอย่างเสียเปล่า ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงนำเรี่ยวแรงดูดน้ำนมารดาออกมา ให้ทงเทียนหรูอี้กลายเป็นตาข่ายสีขาวครอบหยวนอิงเอาไว้ จากนั้นนางใช้มือคว้าหยวนอิงมากลืนกินลงไป
เห็นนางรีบร้อนสังหารองค์ชายสามชิงหยวนอิง ปู้จื้อโหยวและหลงก็มองนางอย่างหมดวาจา หยวนอิงไม่มีประโยชน์สำหรับปู้จื้อโหยว เขาสนใจเพียงทรัพย์สินขององค์ชายสาม ส่วนหลงไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชาชั่วร้าย หยวนอิงจึงไม่มีประโยชน์เช่นกัน ที่ต้องการฉีหลินน้ำเนื่องจากเกล็ดและโลหิตของฉีหลินสามารถหลอมยาและสร้างของวิเศษได้ ส่วนวิญญาณจริงของฉีหลินสามารถเพิ่มพลังการบำเพ็ญเพียร
พวกเขาสองคนไม่ได้คิดจะเอาหยวนอิงขององค์ชายสาม ทว่าจินเฟยเหยากลับจำได้ว่าใต้เท้าหลงเคยบอกว่า ผู้ใดสังหารก่อนก็ถือเป็นของผู้นั้น อารามรีบร้อนไปชั่วขณะ เกรงว่าจะถูกชิงไปก่อนดังนั้นจึงรีบแย่งหยวนอิง เห็นท่าทางการกินของนางราวกับสุกรกินอาหาร บ้านใครมีพาหนะแบบนี้คงอับอายขายหน้าจริงๆ
จินเฟยเหยากลืนหยวนอิงขององค์ชายสามแล้ว นางจึงเอ่ยอย่างกระหยิ่มยินดี “เป็นอย่างไร ข้าเป็นคนสังหารเจ้าหมอนี่ สิ่งของของเขาเป็นของข้าทั้งหมด ใครก็อย่าหวังจะได้ส่วนแบ่ง ถ้าคิดจะแย่งชิงสิ่งของของข้าอีก ข้าจะเป็นศัตรูด้วย!”
จากนั้นนางก็มองปู้จื้อโหยวและหลง เห็นพวกเขาสองคนไม่เอ่ยวาจา จินเฟยเหยาจึงยื่นมือไปดูดถุงเฉียนคุนขององค์ชายสามมา หากมิใช่จินเฟยเหยาใช้พลังวิญญาณดึงไว้องค์ชายสามที่เสียชีวิตคงร่วงไปในทะเลนานแล้ว ตอนนี้ถุงเฉียนคุนถูกนำไป พอจินเฟยเหยารั้งพลังวิญญาณกลับมา เขาก็ร่วงลงไปในทะเลทันที
อย่าเห็นว่าจินเฟยเหยากระทำสิ่งเหล่านี้อย่างเรียบร้อย ที่จริงในใจกำลังวางแผนว่าทำอย่างไรจึงหลบหนีไปได้ ท่าทางของจอมมารหลงไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ถ้าจะฆ่าเมื่อครู่เขาคงไม่โยนตนเองออกมาจากฟ้าดินดับสูญหรอก ในนั้นไม่ใช่สถานที่ที่ให้คนอยู่จริงๆ ไม่มีอากาศแม้แต่น้อย มีเพียงความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
มองไม่เห็นแม้แต่หลินชิงเจียงที่จมลงสู่ฟ้าดินดับสูญด้วยกัน เงียบงันจนทำให้คนใจเต้นรัว อีกทั้งยังทำให้ขาดใจตายอย่างช้าๆ ก็ไม่ได้สังหารตนเอง ท่าทางอย่างแย่ที่สุดคือถูกจับกลับไปเฝ้าบ้าน
ไม่รู้ว่ามองทะลุความคิดของนางใช่หรือไม่ ฟุ่บ หลงพลันยกมือขึ้น ในมือมีโซ่เล็กๆ สีดำเส้นหนึ่ง จากนั้นเขามองจินเฟยเหยาพลางเอ่ยว่า “ปลอกคอเส้นนี้น่าจะแข็งแรงทนทานกว่าครั้งที่แล้ว ข้าใส่การรับรู้ไว้ในนั้น จะลองดูหรือไม่”
จินเฟยเหยาตัวแข็งทื่อ มีสีหน้าปั้นยาก
ทันใดนั้น ซากศพองค์ชายสามที่จมลงในทะเลพลันเปล่งแสงสีทองสว่างเจิดจ้า มังกรแสงสีทองตัวหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากเหาะขึ้นกลางอากาศก็คำรามอย่างเดือดดาล “กล้าสังหารคนตระกูลข้า ต้องสับร่างเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”
“เอ๋” จินเฟยเหยาตะลึงงัน นี่มันเรื่องอะไรกัน วิญญาณมังกรหรือ!
หลงเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างสงสัย “คำสาปของคนตาย…”
เวลานี้มังกรแสงสีทองพุ่งเข้าใส่จินเฟยเหยา ตอนนี้หลบไม่ทันแล้ว จินเฟยเหยาจุดไฟนรกขึ้นคิดจะต้านทานมังกรแสงสีทองที่อธิบายไม่ได้ตัวนี้
ทว่ามังกรแสงกลับทะลุผ่านร่างของนาง โอบล้อมจินเฟยเหยาและพานางพุ่งเข้าขึ้นกลางอากาศ มีแสงสีทองวาบขึ้นแล้วก็หายไป
หลงและปู้จื้อโหยวเงยหน้าขึ้นมองมังกรทองม้วนจินเฟยเหยาหายไปเช่นนี้ ปู้จื้อโหยวลังเลนิดหนึ่งจึงเอ่ยถามอย่างช้าๆ “ท่านลุง นี่คืออะไร เสี่ยวเหยาตายแล้วหรือ?”
“คำสาปคนตาย เวทคำสาปที่ถูกบรรพชนเข้าสิงร่าง หากทายาทถูกสังหาร คำสาปของคนตายก็จะสิงอยู่ในร่างของผู้สังหาร บางอันจะทิ้งรอยประทับไว้ทำให้คนมาแก้แค้นแบบไม่ตายไม่เลิกรา ตอนนี้คำสาปคนตายน่าจะพานางไปในสถานที่ซึ่งสมควรตาย” หลงมองกลางอากาศอย่างเย็นชาและเอ่ยเรียบๆ
“ขอมอบสิ่งนี้ให้เจ้าเล่น เจ้าชอบศึกษาสิ่งของประเภทนี้มิใช่หรือ” หลงโยนปลอกคอในมือให้ปู้จื้อโหยว ร่างก็ส่ายไหวและหายไปกลางอากาศ
ปู้จื้อโหยวถือปลอกคอเส้นนี้ในมือ รู้สึกงุนงงอยู่บ้าง จินเฟยเหยาจะถูกส่งตัวไปยังสถานที่ใด หรือว่าจะตายอย่างง่ายดายขนาดนี้? จริงสิ! เวลานี้ปู้จื้อโหยวจึงนึกขึ้นได้ ลืมมอบนกปีกสวรรค์ให้จินเฟยเหยา ดังนั้นจึงรีบปล่อยนกปีกสวรรค์ออกมา ถ้าตอนนี้นางยังอยู่ที่โลกวิญญาณซิงหลัวก็สามารถอาศัยนกปีกสวรรค์หานางพบ
ทว่าหลังจากนกปีกสวรรค์ถูกปล่อยออกมา มันบินวนอยู่กลางอากาศหลายรอบก็กลับมาบนมือของปู้จื้อโหยว ส่งเสียงร้องจิ๊บๆ
“ไม่จริงน่า ไม่อยู่ที่โลกวิญญาณซิงหลัวแล้ว? ยายนั่นคงไม่ตายจริงๆ หรอกนะ!” ปู้จื้อโหยวมองสถานที่ซึ่งจินเฟยเหยาหายไปอย่างตะลึงงัน นี่นับเป็นเรื่องอะไร
“ที่นี่คือที่ใด?” จินเฟยเหยามองรอบด้าน รู้สึกงุนงง
เวลานี้นางกำลังยืนอยู่บนแท่นราบที่สูงถึงสิบกว่าจั้ง เหนือแท่นราบมีคมดาบกว้างสามจั้งเล่มหนึ่งแขวนอยู่กลางอากาศ ส่วนนางกำลังยืนอยู่ใต้คมดาบพอดี บนพื้นใต้เท้าเป็นวงเวทขนาดยักษ์ เพียงแต่บนนั้นมีมอสและตะไคร่ขึ้น พอเห็นก็รู้ว่าไม่เคยใช้มาหลายปี
ส่วนไกลออกไป นางเห็นเมืองอันใหญ่โตโอ่อ่าแห่งหนึ่ง แลดูงดงามอร่ามตาอย่างประหลาด แต่สถานที่ซึ่งนางอยู่ตรงนี้ นอกจากแท่นราบแห่งนี้กลับเป็นที่รกร้าง สีเขียวเพียงอย่างเดียวคือมอสบนวงเวทของแท่นราบ
ยืนอยู่ใต้คมดาบอันตรายเกินไปจริงๆ จินเฟยเหยาคิดจะขยับตัว ทว่ากลับขยับร่างไม่ได้เลยสักนิด มังกรทองตัวนั้นรัดนางไว้อย่างแน่นหนาทำให้นางขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
“ท่านมังกรหรือท่านลุงมังกร ท่านพันข้าไว้ทำไม ท่านไม่มีความสามารถจะทำให้คมดาบด้านบนลงมาฟันข้าให้ตาย รอบด้านก็ไม่มีใครสักคน ถึงกักพลังวิญญาณของข้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ พวกเรายืนมาตั้งสองชั่วยามแล้ว ท่านเรียกคนมาตรงๆ เถอะ ไม่เช่นนั้นจะยืนอยู่ถึงเมื่อใด” จินเฟยเหยาหาว จุปากเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย
นางถูกแสงสีทองพามาที่นี่อย่างงุนงง จากนั้นถูกปราณมังกรสีทองรัดให้ยืนมาสองชั่วยามแล้ว ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามังกรตัวนี้คิดจะทำอะไร
มังกรตัวนี้ก็รอจนหมดความอดทน พอถูกจินเฟยเหยาพูดแบบนี้ก็มีโทสะ ด่าทออย่างเดือดดาล “เจ้าสารเลวพวกนี้! คิดไม่ถึงว่าบนแท่นประหารเซียนจะไม่มีใครสักคน บนวงเวทก็มีมอสและตะไคร่ขึ้น บิดาไม่มีเวลาจะมาผลาญที่นี่มากนักนะ”
“ท่านมังกร ที่นี่คือแท่นประหารเซียนหรือ ข้ายังไม่ได้เป็นเซียนเลยนะ ท่านกินยาผิดใช่หรือไม่?” จินเฟยเหยาหัวเราะหึๆ
“เจ้ายังกล้าหัวเราะอีก!” มังกรแสงสีทองเข้ามาใกล้เบื้องหน้าจินเฟยเหยาและคำรามอย่างดุร้าย
จินเฟยเหยาหดคอ เอ่ยพึมพำ “เพราะเหตุใดจึงหัวเราะไม่ได้ ข้าไม่ใช่เซียนจริงๆ นี่นา”
“เจ้าสังหารทายาทของข้า ยังกล้าหัวเราะอีก แท่นประหารเซียนนี้เตรียมไว้เพื่อคนอย่างพวกเจ้า! ขอเพียงขับเคลื่อนวงเวท คมดาบประหารเซียนด้านบนจะฟันลงมาทำให้เจ้าขาดเป็นสองท่อน หยวนอิงก็จะถูกทำลายในวงเวทนี้ แก้แค้นให้กับคนในตระกูลข้า” มังกรทองเอ่ยอย่างดุร้าย
“แบบนี้เอง องค์ชายสามคือทายาทของท่าน พวกเขาล้วนเป็นบุตรหลานมังกร ได้กำไรครั้งใหญ่แล้ว ถ้ามีมากมายแล้วกินให้หมดก็สามารถเลื่อนขั้นได้” พอจินเฟยเหยาได้ฟังก็รีบมองไปทางวังหลวง คนที่อาศัยอยู่ในนั้นทั้งหมดคืออาหารเลิศรส
มังกรทองมีโทสะจนด่าทอเป็นการใหญ่ “เจ้าคนโอหัง ถึงเวลาตายแล้วยังพูดจาเหลวไหล”
จินเฟยเหยาทำปากยื่นเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ท่านมังกร พวกเรายืนมาสองชั่วยามยังไม่มีคนมาเปิดวงเวท อีกทั้ง ร่างของท่านยิ่งจางลงทุกที ข้ารู้สึกว่าพลังวิญญาณผ่อนคลายลง ท่านกลัวว่าจะรอคอยจนทายาทมาสังหารข้าไม่ไหว”
มังกรทองแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดไม่ถึงว่าเจ้าสารเลวพวกนั้นจะไม่ส่งคนมาแท่นประหารเซียน ล้วนเป็นพวกสารเลวกลุ่มหนึ่ง ทันใดนั้น มันก็พบว่าในที่สุดตรงวังหลวงมีคนพบเห็นความเคลื่อนไหวที่นี่
ดังนั้นมันจึงคำรามอย่างตื่นเต้น “มีคนมาแล้ว”
จินเฟยเหยาโผล่ศีรษะไปดู มีคนกลุ่มหนึ่งเหาะมาทางนี้จริงๆ
…………………………………….
[1] ตีชิงตามไฟ หมายถึง ฉวยโอกาสปล้นชิงตอนที่ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย