คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายบทที่ 310 โรคจิต

บทที่ 310 โรคจิต

พั่งจื่อ​ส่งตัว​จาก​เกาะ​จ้งเซี่ย​กลับ​เกาะ​ปาจิ่ง ล้วง​นก​หมอก​ออก​มาจาก​ถุงเฉียน​คุ​น​

นี่​คือ​อาวุธ​เวท​รู​ปน​กช​นิดหนึ่ง​ที่​มีวง​เวท​ขี่​สายลม​ แค่​ใส่ศิลา​วิญญาณ​ชั้นล่าง​หนึ่ง​ก้อน​ตรง​ก้น​ก็​สามารถ​เหาะ​เหิน​กลางอากาศ​ได้​ห้า​ชั่ว​ยาม​ แม้แต่​คนธรรมดา​ก็​สามารถ​นั่ง​โดยสาร​ได้​ คนธรรมดา​ที่​ร่ำรวย​ส่วนมาก​ล้วน​ซื้อ​ไว้​ใช้ใน​บ้าน​ตัว​หนึ่ง​ ใช้ออกจาก​บ้าน​ไปหา​ญาติ​บน​เกาะ​ที่อยู่​ใกล้​ๆ ได้​สะดวกสบาย​อย่างยิ่ง​

นก​หมอก​ตัว​นี้​พั่งจื่อ​เป็น​คนซื้อ​เอง​ มัน​ไม่โง่ขนาด​ว่ายน้ำ​กลับ​ไปเกาะ​ตง​เหลียง​

มัน​เหาะ​สามชั่ว​ยาม​ก็​ถึงเกาะ​ตง​เหลียง​ เพิ่ง​ผ่าน​วง​เวท​วิญญาณ​สิบสอง​ปิศาจก็​ได้ยิน​สตรี​ผู้​หนึ่ง​ตะโกน​อย่าง​เดือดดาล​บน​เกาะ​

“จิน​เฟย​เหยา​ ข้า​ให้​เวลา​เจ้าหนึ่ง​เดือน​ เจ้าหา​กระดูก​สัตว์​ปิศาจขั้น​เก้า​มาให้​ข้า​เดี๋ยวนี้​ ไม่เช่นนั้น​ข้า​ไม่เอา​ด้วย​แล้ว​!” หน้า​กระท่อม​ของ​เกาะ​ลอย​ได้​ มีสตรี​ที่​สวม​ชุด​อัน​งดงาม​กำลัง​ชี้หน้า​ด่าทอ​จิน​เฟย​เหยา​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ ด่า​อย่าง​เดียว​ไม่พอ​ ยัง​ฉีก​ทึ้ง​สิ่งของ​บน​ตัว​ชิ้น​หนึ่ง​โยน​ไปเบื้องหน้า​จิน​เฟย​เหยา​

จิน​เฟย​เหยา​กำลัง​นับว่า​ครั้งนี้​ได้​วัตถุดิบ​และ​ตาน​สัตว์​ปิศาจเท่าใด​ เมื่อ​เผชิญหน้า​กับ​สตรี​ที่​เดือดดาล​ ก็​เพียงแค่​หยิบ​สิ่งของ​ที่​นาง​โยน​ขึ้น​มาดู​จากนั้น​เอ่ย​อย่าง​จนปัญญา​ “ข้า​ว่า​นะ​หวา​หวั่น​ซี เจ้าอย่า​ใช้กำลัง​ดึง​แขน​ลงมา​ได้​หรือไม่​ ข้า​ต้อง​ใช้เวลา​ใส่เข้าไป​นะ​ เจ้าเปลี่ยน​นิสัย​หน่อย​ได้​ไหม​ จู้จี้จุกจิก​ ไม่เข้ากับ​รูปลักษณ์​อัน​งดงาม​ของ​เจ้าเลย​สักนิด​”

“รูปลักษณ์​อัน​งดงาม​! ตอนนี้​ข้า​มีรูปลักษณ์​อะไร​? นี่​คือ​รูปลักษณ์​ที่​เจ้าเอ่ยถึง​ ข้า​จะเปิด​ออก​ให้​เจ้าดู​!” สตรี​ที่​สวม​ชุด​หรูหรา​สง่างามมีท่าทาง​ดุร้าย​ เป็น​วิญญาณ​ของ​หวา​หวั่น​ซีที่​สิงอยู่​ใน​ตัว​หุ่นเชิด​ร่าง​แยก​วิญญาณ​จริง​

ฝีมือ​ของ​จิน​เฟย​เหยา​ยอดเยี่ยม​ยิ่ง​ ทำ​ใบหน้า​ของ​หวา​หวั่น​ซีได้​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​ไร้​ตำหนิ​ เหมือน​ตอน​มีชีวิต​อยู่​ราวกับ​พิมพ์​เดียวกัน​ ผิวพรรณ​เนียน​ดุจ​หยก​มัน​แพะ​ เส้น​ผม​ยาว​ดำขลับ​ ดวง​ตาโต​ที่​สดใส​และ​ฉลาดเฉลียว​ บวก​กับ​ริมฝีปาก​แดง​เป็น​มันวาว​ ตรง​หว่าง​คิ้ว​ฝังมุก​สีสัน​สดใส​ส่อง​ประกาย​เม็ด​หนึ่ง​ งดงาม​จน​ทำให้​ใจสั่นสะท้าน​ ต่อให้​บอก​ความจริง​ว่า​นาง​เป็น​เพียง​หุ่นเชิด​ก็​ไม่มีใคร​เชื่อ​

เวลานี้​นาง​กำลัง​แก้​เข็มขัด​บน​ร่าง​ออก​อย่าง​รวดเร็ว​ หลัง​แก้​เข็มขัด​ออก​ก็​เปิด​เสื้อผ้า​ให้​จิน​เฟย​เหยา​ดู​

พั่งจื่อ​เข้ามา​พอดี​ จิน​เฟย​เหยา​เอียง​ศีรษะ​ไปมอง​พั่งจื่อ​ “พั่งจื่อ​ เจ้ากลับมา​แล้ว​หรือ​? เจอ​คน​ขาย​หนัง​สุกร​ผีเสื้อ​หยก​หรือไม่​?”

พั่งจื่อ​หยิบ​ป้าย​ชิ้น​หนึ่ง​ออกมา​อย่าง​ว่องไว​ หมึก​วิญญาณ​เก่าๆ​ บน​นั้น​ใกล้​จะเลือนหาย​ไปแล้ว​ เขียน​อักษร​ไว้​เพียง​สอง​ตัว​ว่า​ ‘ไม่มี’

“อ๊า!​ ข้า​ไม่ขอ​อยู่แล้ว​ เพราะเหตุใด​จึงไม่มีหนัง​สุกร​ผีเสื้อ​หยก​!” พอ​หวา​หวั่น​ซีเห็น​ ก็​ใช้มือ​ข้าง​หนึ่ง​กุม​ศีรษะ​ร้องไห้​คร่ำครวญ​

“เดิมที​เจ้าก็​ตาย​แล้ว​” จิน​เฟย​เหยา​กลอกตา​ใส่นาง​ จากนั้น​พูด​กับ​พั่งจื่อ​ “ข้า​ไม่ได้​ฟังคำพูด​ของ​เจ้าไม่เข้าใจ​ จะชูป้าย​ทำไม​!”

พั่งจื่อ​ได้​แต่​ชี้หวา​หวั่น​ซีแล้ว​ร้อง​ “อ๊บๆ​ อ๊บ”​

“รู้​แล้ว​ ถ้าเจ้าทน​ดู​ต่อไป​ไม่ได้​ก็​รีบ​เอา​หนัง​สุกร​ผีเสื้อ​หยก​และ​กระดูก​สัตว์​ปิศาจขั้น​เก้า​มา ไม่เช่นนั้น​เป็น​แบบนี้​ตลอด​ข้า​ก็​ลำบาก​” จิน​เฟย​เหยา​โบก​สิ่งของ​ที่​หวา​หวั่น​ซีโยน​มา พอดี​เป็น​แขน​ข้าง​หนึ่ง​

แขน​ข้าง​นี้​หวา​หวั่น​ซีเป็น​คน​ฉีก​ลงมา​เอง​ สิ่งที่​ไม่เหมือนกับ​ผิวพรรณ​บน​ใบหน้า​อัน​งดงาม​จับใจ​คน​ของ​นาง​คือ​แขน​ข้าง​นี้​เป็น​หนัง​เหี่ยวย่น​สีดำ​ทั้งหมด​ พอ​เห็น​ก็​รู้​ว่า​เป็น​หนัง​แข็งๆ​ ของ​สัตว์​ทะเล​สีดำ​ จากนั้น​มอง​หวา​หวั่น​ซีที่​กำลัง​ทึ้ง​เส้น​ผม​อย่าง​บ้าคลั่ง​ ตั้งแต่​คอ​ขึ้นไป​เป็น​สาวงาม​ขาว​เนียน​นุ่ม​ ทว่า​ตั้งแต่​คอ​ลงมา​ใน​เสื้อผ้า​ที่​เปิดกว้าง​กลับเป็น​ร่าง​ที่​ทำ​จาก​หนัง​สัตว์​แข็งๆ​ สีดำ​

ความแตกต่าง​แบบนี้​ทำให้​คน​ยาก​จะรับได้​ ศีรษะ​คือ​เทพธิดา​ ร่างกาย​กลับเป็น​ยักษ์​ แตก​ต่างกัน​เกินไป​แบบนี้​ทำให้​หวา​หวั่น​ซีผู้​เย่อหยิ่ง​รับ​ไม่ได้​ แม้แต่​พั่งจื่อ​ที่​เป็น​กบ​ก็​ไม่อยาก​มองดู​มาก​นัก​

“กรี๊ด​!” หวา​หวั่น​ซีอาละวาด​อย่าง​รุนแรง​ ใช้เรี่ยวแรง​มหาศาล​ใน​มือ​ทึ้ง​ผม​บน​ศีรษะ​ลงมา​ ศีรษะ​ครึ่งหนึ่ง​กลายเป็น​ล้าน​เลี่ยน​ นาง​ถือ​เส้น​ผม​สีดำ​ครึ่งหนึ่ง​ตะลึงงัน​ทันที​

จิน​เฟย​เหยา​เห็น​แบบนี้​ก็​กระโดด​มาใช้มือ​แย่ง​เส้น​ผม​ใน​มือ​นาง​ไปแล้ว​ด่าทอ​อย่าง​เดือดดาล​ “เจ้าทำ​อะไร​น่ะ​! นี่​เป็น​ขน​ยาว​ที่​ดึง​ลง​มาจาก​ร่าง​หลัง​ข้า​แปลงกาย​เป็น​เทา​เที่ย​นะ​ เจ็บ​มาก​ด้วย​! ถ้าเจ้าทึ้ง​ขาด​ ข้า​จะใช้น้ำหมึก​ของ​ปลาหมึก​ย้อม​เอ็น​สัตว์​ทำ​เส้น​ผม​ให้​เจ้า”

“คุณภาพต่ำ​เกินไป​แล้ว​!” หวา​หวั่น​ซีพูด​ออกมา​ประโยค​หนึ่ง​อย่าง​เสียใจ​แล้ว​หลับตา​ไม่เคลื่อนไหว​

“จริงๆ​ เลย​ กลายเป็น​หุ่นเชิด​แล้ว​ยัง​เจ้าอารมณ์​ขนาด​นี้​ สงบ​บ้าง​ไม่ได้​เลย​” จิน​เฟย​เหยา​สั่น​เส้น​ผม​ใน​มือ​ โชคดี​ที่​ไม่ได้​ทึ้ง​จน​ขาด​ ไม่เช่นนั้น​ต้อง​เปลี่ยน​ร่าง​เป็น​เทา​เที่ย​มาดึง​ขน​ทำ​เส้น​ผม​ให้​นาง​อีก​

แต่​นาง​ก็​ถอนหายใจ​ยาว​เอ่ย​อย่าง​ช่วยไม่ได้​ว่า​ “ข้า​ก็​อยาก​ใช้กระดูก​สัตว์​ขั้น​เก้า​บวก​กับ​หนัง​สุกร​ผีเสื้อ​หยก​ทั้งตัว​สร้าง​ร่าง​หุ่นเชิด​อัน​สมบูรณ์แบบ​ออกมา​ แต่​ใคร​จะรู้​ว่า​ข้า​อยู่​ที่​โลก​วิญญาณ​ซิงหลัว​มาสี่สิบ​กว่า​ปี เจอ​หนัง​สุกร​ผีเสื้อ​หยก​ชิ้น​เท่านี้​พอ​สร้าง​แค่​ส่วน​ศีรษะ​พอดี​ ส่วน​คอ​ลงมา​ย่อม​ต้อง​ฝืนใจ​ใช้ไปก่อน​ มีหนัง​สัตว์​ชนิด​ใด​ก็​ใช้หนัง​สัตว์​ชนิด​นั้น​”

จิน​เฟย​เหยา​บ่น​พลาง​เริ่ม​ใส่แขน​ให้​หุ่นเชิด​ที่​ยืน​นิ่ง​ แขน​ข้าง​นี้​ที่จริง​ก็​ไม่ถือว่า​หวา​หวั่น​ซีฉีก​ลงมา​ นี่​คือ​ส่วน​ที่​ถูก​สัตว์​ปิศาจโจมตี​ตอน​พวก​นาง​สอง​คน​ออก​ไปล่าสัตว์​ปิศาจ เนื่องจาก​ใช้วัสดุ​ไม่ดี​ แค่​พอ​ฝืน​ใช้ได้​ ดังนั้น​จึงถูก​โจมตี​จน​เหลือ​หนัง​ห้อย​อยู่​เล็กน้อย​ หวา​หวั่น​ซีจึงดึง​ลงมา​โยนทิ้ง​อย่าง​เดือดดาล​

ต่อ​แขน​ใหม่​ต้อง​ใช้เวลา​นิดหน่อย​ นาง​ถอดเสื้อผ้า​ของ​หุ่นเชิด​ทั้งหมด​ ใช้พลัง​วิญญาณ​หลอม​ตรง​รอย​ต่อให้​เข้ากัน​

ขณะ​กำลัง​หลอม​แขน​หุ่นเชิด​พลัน​ลืมตา​ขึ้น​อีก​ ครั้งนี้​ดวงตา​เต็มไปด้วย​ความอ่อนโยน​ เอ่ย​วาจา​อย่าง​นุ่มนวล​ว่า​ “เฟย​เหยา​ เจ้าไม่ต้อง​สนใจ​นาง​ นิสัย​ของ​นาง​เป็น​แบบนี้​มาตลอด​ ใน​อดีต​ไม่เคย​ได้รับ​ความลำบาก​แบบนี้​จริงๆ​ พวกเรา​รู้​ว่า​เจ้าแทบ​ใช้ทรัพย์สมบัติ​ทั้งหมด​จน​เกลี้ยง​เพื่อ​ร่าง​นี้​ พั่งจื่อ​ก็​ออก​ไปตั้ง​แผง​ทั้งวัน​ ส่วนใหญ่​คือ​เนื่องจาก​คิด​จะค้นหา​วัสดุ​ดี​ๆ มาสร้าง​ร่างกาย​ให้​พวกเรา​”

“เนี่ย​น​ซี เจ้าไม่ต้อง​พูด​แก้​ตัวแทน​นาง​ นาง​ยิ่ง​ไม่พอใจ​ ครั้งหน้า​ตอน​ออก​ไปล่าสัตว์​ปิศาจก็​จะยิ่ง​ฮึกเหิม​ เห็น​สัตว์​ปิศาจราวกับ​เห็น​ศัตรู​” จิน​เฟย​เหยา​มอง​หุ่นเชิด​แล้ว​เอ่ย​อย่าง​ยิ้มแย้ม​

วิญญาณ​ใน​หุ่นเชิด​เวลานี้​เปลี่ยนเป็น​เนี่ย​น​ซี นาง​ไม่ได้​ปัญญาอ่อน​ ทว่า​มีสติปัญญา​แล้ว​ ยืน​ให้​จิน​เฟย​เหยา​ซ่อม​แขน​อย่าง​สงบนิ่ง​

จิน​เฟย​เหยา​เพิ่ง​เอ่ย​วาจา​จบ​ ดวงตา​ของ​เนี่ย​น​ซีก็​หลับ​ลง​อย่าง​กะทันหัน​ สอง​อึดใจ​ต่อมา​ก็​ลืมตา​ขึ้น​ทันที​ ขึ้น​เสียงคำราม​ “จิน​เฟย​เหยา​! คิดไม่ถึง​ว่า​เจ้าจะฉวยโอกาส​ตอนที่​ข้า​ไม่อยู่​ว่าร้าย​ข้า​ ครั้งหน้า​ถ้าออก​ไปล่าสัตว์​ปิศาจอีก​ ข้า​จะไม่ลงมือ​ ให้​เจ้าเหนื่อย​ตาย​!”

“เอะอะ​แทบตาย​แล้ว​! ตอน​พวก​เจ้าผลัดเปลี่ยน​กัน​ออกมา​บอก​เตือน​หน่อย​ได้​หรือไม่​ ข้า​ตกใจ​หมด​” จิน​เฟย​เหยา​กำลัง​ฟังเนี่ย​น​ซีเอ่ย​วาจา​อ่อนโยน​อยู่​ พลัน​เปลี่ยนเป็น​หวา​หวั่น​ซีกะทันหัน​ เกือบจะ​ทำให้​นาง​ตกใจ​

หวา​หวั่น​ซียัง​บ่น​อย่าง​หยิ่ง​ทะนง​ จาก​ไม่พอใจ​ร่างกาย​จน​มาถึงเกาะ​ลอย​ได้​เล็ก​เกินไป​ คนรับใช้​มีน้อย​ แม้แต่​ขาด​บุรุษ​ก็​พูด​ออกมา​ จิน​เฟย​เหยา​คร้าน​จะโต้เถียง​กับ​นาง​ ถึงมัด​ตัว​บุรุษ​มาให้​ ใคร​จะกล้า​คร่อม​ร่าง​นาง​

จิน​เฟย​เหยา​คิดไม่ถึง​ว่า​ตนเอง​ใส่วิญญาณ​ของ​หวา​หวั่น​ซีใน​หุ่นเชิด​ร่าง​แยก​วิญญาณ​จริง​จะทำให้เกิด​เรื่องใหญ่​ขนาด​นี้​ วิญญาณ​ของ​หวา​หวั่น​ซีสร้าง​ขึ้น​จาก​วิญญาณ​หวั่น​ซีจำนวน​นับไม่ถ้วน​ที่​ถูก​สัตว์​เพาะเลี้ยง​วิญญาณ​ทำ​ขึ้น​ ใน​นั้น​มีวิญญาณ​ที่​โต​เต็ม​วัย​จำนวน​ไม่น้อย​ บาง​อัน​หลอม​รวมกัน​แล้ว​ บาง​อัน​กลับ​ดำรงอยู่​ดังเดิม​

เมื่อ​นาง​นำ​หนัง​สุกร​ผีเสื้อ​หยก​ที่​ใช้เงินก้อน​โต​ประมูล​ได้​จาก​สถาน​ประมูล​และ​โลหิต​ม้าสาย​ตรง​ของ​ฉีหลิน​ที่​ได้​จาก​หลิน​ชิงเจียง​หลอม​กล้ามเนื้อ​และ​ผิวหนัง​ให้​หัวกะโหลก​หุ่นเชิด​ ทั้ง​ยัง​ใช้วัสดุ​อื่นๆ​ ทำ​องคาพยพ​ทั้ง​ห้า​ นาง​จึงเข้าใจ​ว่า​เพราะเหตุใด​ก่อนหน้านี้​จึงมักจะ​ถูก​หัวกะโหลก​งับ​

คิดไม่ถึง​ว่า​ใน​วิญญาณ​ของ​หวา​หวั่น​ซีจะมีคน​มากมาย​ ปกติ​คน​ที่​ออกมา​บ่อย​ที่สุด​คือ​หวา​หวั่น​ซี เนื่องจาก​พลัง​จิตวิญญาณ​ของ​นาง​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ ต่อมา​คือ​เนี่ย​น​ซี เนี่ย​น​ซีคน​นี้​ไม่ได้​ปัญญาอ่อน​ เนื่องจาก​หลอม​รวม​กับ​สติปัญญา​ของ​หวั่น​ซีคนอื่นๆ​ จึงเป็นปกติ​แล้ว​ นอกจาก​พูดจา​นุ่มนวล​ได้​ นาง​ก็​แตกต่าง​จาก​หวา​หวั่น​ซี นาง​ไม่มีพลัง​โจมตี​

ทว่า​สิ่งที่​ทำให้​จิน​เฟย​เหยา​ปวดศีรษะ​มาก​ที่สุด​คือ​มีเพียง​ขณะที่​หุ่นเชิด​เป็น​หวา​หวั่น​ซี หุ่นเชิด​จึงมีพลัง​การ​บำเพ็ญ​เพียร​ขั้น​กำเนิด​ใหม่​ช่วง​ปลาย​ ขณะที่​หุ่นเชิด​เป็น​คนอื่นๆ​ จะไม่มีประโยชน์​เลย​สักนิด​ เป็น​แบบนี้​ก็​ช่างเถอะ​ คิดไม่ถึง​ว่า​ใน​นั้น​ยังมี​วิญญาณ​จริง​ของ​ท่าน​แม่หวา​ซีด้วย​ หญิง​ชรา​คน​นี้​พูด​มากเกินไป​

ขอ​เพียง​วิญญาณ​ท่าน​แม่หวั่น​ซีออกมา​ นาง​ก็​จะเริ่ม​กรีด​มือ​วาด​เท้า​บอ​กว่า​ หญ้า​ใน​แปลง​สมุนไพร​ยัง​ไม่ได้​ถอน​ เตา​หลอม​ยา​ยัง​ไม่ได้​ทำความสะอาด​ ใบ​ของ​พืช​วิญญาณ​ที่​เหี่ยว​ยัง​ไม่ได้​ตัดทิ้ง​ ถึงอย่างไร​ก็​ต้อง​ม้วน​แขน​เสื้อ​ขึ้น​และ​ถือ​ผ้าขี้ริ้ว​เริ่ม​ทำงานบ้าน​อยู่ดี​

เทียบ​กับ​หวั่น​ซีตัว​น้อย​อายุ​หก​เจ็ด​ขวบ​ที่​ต้องการ​เล่น​ซ่อนหา​ทั้งวัน​แล้ว​ ท่าน​แม่หวั่น​ซีจึงเป็น​การดำรงอยู่​ที่​ทำให้​คน​หวาดกลัว​ที่สุด​

เพื่อ​แยกแยะ​พวก​นาง​ นอกจาก​ชื่อ​ของ​หวา​หวั่น​ซีและ​เนี่ย​น​ซีแล้ว​ เด็กน้อย​ใสซื่อ​ที่​ไม่รู้​ว่า​มาจาก​ไหน​ตั้ง​ชื่อว่า​เสี่ยว​หวั่น​ ส่วน​ท่าน​แม่หวา​ซีก็​คือ​ฮูหยิน​หวา​

สิ่งเดียว​ที่​ปลอบประโลม​จิตใจ​คือ​ หวา​ซีสร้าง​หวั่น​ซีขึ้น​มามากมาย​ เวลานี้​มีเพียง​สี่คน​ที่​ปรากฏตัว​ขึ้น​ ถ้าเพิ่ม​มาอีก​ จิน​เฟย​เหยา​คิด​ว่า​ตนเอง​คง​ต้อง​ทำลาย​หุ่นเชิด​ทิ้ง​ เพียง​เพื่อ​ไม่ให้​มีเสียง​กวนใจ​

ในที่สุด​ก็​ต่อ​แขน​ได้​ ปาก​ของ​หวา​หวั่น​ซียัง​ไม่หุบ​ จิน​เฟย​เหยา​ยก​ไม้กวาด​บน​พื้น​ขึ้น​ยัด​ใส่มือ​นาง​ หวา​หวั่น​ซีมอง​ไม้กวาด​ใน​มือ​ ดวงตา​ก็​เริ่ม​อยาก​หลับ​ ปาก​ยัง​เอ่ย​เสียงแข็ง​ “จิน​เฟย​เหยา​ เจ้าอำมหิต​นัก​”

“ข้า​เห็น​ว่า​เจ้าสังหาร​สัตว์​ทะเล​เหนื่อย​แล้ว​ ดังนั้น​อยาก​ให้​เจ้าพักผ่อน​หน่อย​” จิน​เฟย​เหยา​หัวเราะ​หึๆ​ แล้ว​เอ่ย​กับ​หุ่นเชิด​ที่​ลืมตา​ขึ้น​อีกครั้ง​ “ฮูหยิน​หวา​ ห้อง​ของ​ท่าน​เพิ่ง​มีกลีบดอกไม้​ปลิว​เข้าไป​”

พอ​ฮูหยิน​หวา​ได้ยิน​ก็​รีบ​สวม​เสื้อผ้า​ ถือ​ไม้กวาด​วิ่ง​ไปกวาด​พื้น​ ปาก​พูด​ไม่หยุด​ “เมื่อวาน​ข้า​เพิ่ง​กวาด​ใบไม้​ออก​ไป เหตุใด​วันนี้​จึงปลิว​เข้ามา​อีกแล้ว​”

“ฮูหยิน​หวา​ ท่าน​ไม่ได้​กวาด​เมื่อวาน​ ข้า​กับ​หวา​หวั่น​ซีออ​อก​ไปล่าสัตว์​ปิศาจมาสามวัน​ ท่าน​กวาด​ไปเมื่อ​สี่วันก่อน​ เกรง​ว่า​วันนี้​ต้อง​จัดการ​ให้​สะอาด​หน่อย​” จิน​เฟย​เหยา​ตะโกน​บอก​นาง​อีกครั้ง​ จากนั้น​ตาม​ประสบการณ์​ที่ผ่านมา​ ฮูหยิน​หวา​แย่ง​งาน​ของ​เสี่ยว​หง​และ​เสี่ยว​ลวี่​ อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​สามารถ​ทำ​หู​ของ​ตนเอง​โล่ง​ได้​สอง​ชั่ว​ยาม​

จากนั้น​นาง​จึงสะบัด​แขน​ พูด​กับ​พั่งจื่อ​ “พั่งจื่อ​ มีข่าว​ใหม่​กลับมา​หรือไม่​?”

พั่งจื่อ​นั่ง​บน​เก้าอี้นอน​ เสี่ยว​ลวี่​ก็​ยก​ผลไม้​มาให้​ มัน​ถือ​พัด​เตรียม​เล่าเรื่อง​น่าสนใจ​และ​ข่าว​ใหม่​ล่าสุด​ที่​ได้ยิน​มาให้​จิน​เฟย​เหยา​ฟัง

ถ้าพั่งจื่อ​พูด​ภาษามนุษย์​เป็น​คง​ไปเล่าเรื่อง​ใต้​สะพานลอย​ได้​ น่าเสียดาย​ที่​ตอนนี้​มีเพียง​จิน​เฟย​เหยา​เป็น​ผู้ฟัง​เพียง​คนเดียว​ เดือน​หนึ่ง​ได้​เล่า​เพียง​สามสี่ครั้ง​ พั่งจื่อ​รู้สึก​ไม่ชอบใจ​เลย​

…………………………………..

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset