ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 38 2

บทที่ 38 ตอนที่ 2

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 38 ตอนที่ 2

พวกเขาทั้งสามคนเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะเมื่อเข้ามาถึงตัวตึก พวกเขาเดินผ่านส่วนที่ดูเหมือนเป็นห้องนั่งเล่นจากตรงนั้นมารุเห็นเด็กเล็กหลายคนกําลังวิ่งเล่นกันอยู่กับครูด้านใน

“นี่ที่ส่วนบุคคลเหรอ?” มารุถาม

ซูจินพยักหน้ารับ

“ดูดีเลยนี่นา

เมื่อก่อนตัวเขาเองก็เคยพาลูกสาวไปฝากไว้ที่สถานรับเลี้ยงที่ ๆ เขาเลือกนั้นค่อนข้างจะแพงเลยด้วยแต่เพราะว่าตอนนั้นภรรยาของเขายังทํางานอยู่จึงมีเงินจ่ายได้ไม่มีปัญหาที่แรกพวกเขาคิดว่าจะเอาลูกไปฝากไว้ให้ปู่ย่าเลี้ยงด้วยซ่ำแต่พอได้รู้ว่าการเลี้ยงเด็กมัน ยากแค่ไหน พวกเขาก็ล้มเลิกความคิด นั้นไป

“ที่นี่ดูดีนะครับเนี่ย น่าจะได้รับงบประ มาณสนับสนุนจากทางภาครัฐด้วยรึเปล่า ครับ สถานที่ก็ดูดี ครูก็เยอะ… มีบริการ รับส่งด้วยไหมครับเนี่ย?”

ซูจินหันมามองด้วยความงงงวย มารุ ได้แต่ทําท่าไอกลบเกลื่อน

“คุณมารุรู้เรื่องพวกนี้เยอะนะเนี่ย? อย่า งกับเป็นผู้ใหญ่เลย” ซูจินกล่าว

“ไม่ใช่ผู้ใหญ่หรอกครับ แค่รู้อะไรไป เรื่อยเปื่อย เรื่องไร้สาระทั่ว ๆ ไป”

“ไม่หรอก เรื่องแบบนี้น่ะ สําคัญมากเล ยนะคะ ถ้าแต่งงานไปคงเป็นพ่อที่ดีได้ เลย”

ซูจินยิ้มออกมา ใครได้ผู้หญิงคนนี้ไป เป็นภรรยาคงโชคดีมาก ๆ

มารุเอาตุ๊กตาไปเก็บไว้ในกล่องที่ใหญ่ ที่สุดตามที่ซูจินบอก ทําให้เด็ก ๆ ต่าง เข้ามามุงดูด้วยความสงสัย ส่วนมากน่า จะอายุประมาณ 4 ขวบ

“อะไย?”

“ไยอะ?”

“ไร?”

เด็ก ๆ ต่างยังพูดกันไม่ค่อยชัดถ้อยชัด คําเท่าไหร่

“ตุ๊กตาจะ”

ซูจินคุกเข่าลงพร้อมตอบคําถามเด็ก ๆ พอได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้ว ทําให้มารุ สึกราวกับว่าเธอเองก็เป็นครูที่นี่ด้วยอีก คน เขามองดูอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะจําได้ว่า ซูจินพูดอะไรกับเขา และมุ่งหน้าตรงไป ที่ห้องน้ําทันที

เรื่องที่ว่าเขาดูน่ากลัว…

เขาไม่เคยได้ยินใครพูดแบบนี้ใส่เขา เลย ตลอดทั้งชีวิต ที่เขาเคยได้ยินอาจ จะเป็น หน้าตากวนตีนบ้าง เจ้าแผนการ บ้าง หรืออะไรทํานองนั้น แต่ก็ไม่เคยได้ ยินใครเรียกเขาว่าน่ากลัวเลย

เขาก้มลงส่องกระจกสําหรับเด็กบาน หนึ่งในนั้น และจ้องมองหน้าตัวเอง

…ดูเกร็ง ๆ นะ
หรือเพราะเขาคิดเรื่องอะไรไร้สาระ มากจนเกินไป? มารุพยายามยิ้มใน กระจก ดี อย่างน้อยๆ รอยยิ้มก็เขาก็ยัง ไม่ดูแข็งกระด้าง

พอออกมาจากห้องน้ํา หูของเขาก็ได้ ยินเสียงเด็ก ๆ กําลังหัวเราะกันอย่าง สนุกสนาน ทําให้เขารีบเดินกลับมาดูว่า เกิดอะไรขึ้น

“ฮ่าฮ่า”

สิ่งแรกที่มารุได้เห็นคือซูจินกําลังใส่ห น้ากากกระต่าย เหมือนว่าเธอจะใส่มัน เพื่อเล่นกับเด็ก ๆ แต่สิ่งที่เด็ก ๆ ตอบก ลับมานั้น… มันช่างต่างกับสิ่งที่จินตนา การไว้

“ปีศาจกระต่าย”

“ปีศาจต่ายล่ะ”

ก็จริงที่เธอดูประหลาด อาจจะเพ ราะฟันหน้าของหน้ากากมันใหญ่มาก เห ล่าเด็ก ๆ รุมต่อยตีเธอ ขณะที่เธอกัมลง ขดตัวอยู่กับพื้น
หมัดของเด็กอายุ 4 ขวบ มันอาจจะดู ไม่รุนแรงอะไรมาก แต่มารุรู้ดี ว่าหมัด ของเด็ก ๆ นั้นเป็นยังไง จากประสบการ ณ์การเลี้ยงลูกสาวของตัวเองมา

มันเจ็บปวดมาก

“ด-เดี๋ยวก่อนเด็ก ๆ”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

อย่างน้อย ๆ เด็ก ๆ ก็ดูมีความสุขกันดี มารุนึกถึงการสนทนาของเขากับซูจิ นทางโทรศัพท์เมื่อวาน เรื่องที่เกิดขึ้นคง ไม่ต่างจากตอนนี้นัก

“เด็ก ๆ พี่เจ็บนะจ๊ะ”

แน่นอนว่าเด็ก ๆ ไม่คิดจะหยุดลงสัก คนเดียว มารุได้แต่มองดูภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มจนกระทั่งเขาเห็นซูจินถอดหน้ากากและหันมาจ้องทางเขา

“เราไปซ้อมกันหน่อย”

“อ่า ได้ครับ”

ซูจินปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นกับคุณครูต่อและเดินออกมาหามารุ เธอลากแขนของเขาและเดินไปทางบันได

“เราจะเริ่มฝึกกันหลังจากเด็ก ๆ เข้านอนกลางวันนะคะเด็กคนอื่นคงทยอยตามกันมาทีหลังเราจะฝึกกันที่นี่แหละค่ะ”

“ครับ แต่… พูดสุภาพใส่ผมอีกแล้ว”

“อ่า เอ๋? ขอโทษนะ มันติดเป็นนิสัยแล้วน่ะน่ารําคาญเนอะ?”

“ไม่เป็นไรครับ พูดตามสบายเถอะผมขอเรียกพี่ว่าพี่ได้ไหม?”

“ได้ เรียกตามสบายเลย บางที่มิโซเรียกฉันว่าหมาน้อยด้วยซ่ำ”
หมาน้อย… เป็นชื่อที่ดูเหมาะแปลก ๆ

“เราจะฝึกกันประมาณ 4 ชั่วโมงเคยได้ยินนิทานเรื่องลมกับดวงอาทิตย์แล้วก็เรื่องเกี่ยวกับสองพี่น้องที่กลายเป็นพระอาทิตย์กับพระจันทร์ไหมคะ?”

“เคยสิครับ”

“เราจะเล่นสองเรื่องนั้นแหละค่ะด้วย

ซูจินเอาตุ๊กตานิ้วออกมาโชว์ด้วยความ ภาคภูมิใจเสือเด็กสองคน นักเดินทาง พระอาทิตย์ และพระจันทร์

“น่าสนุกเนอะ?”

เธอดูจะตื่นเต้นกว่าพวกเด็ก ๆ เสียอีกมารุลองเอาตุ๊กตาสวมใส่นิ้วตัวเองดูพอเขาทําแบบนั้นซูจินก็ถามเขาทันที

“เป็นไงคะ?”

“หืม?”

“ใส่ดีไหมคะ?”

ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบเธอกําลังรอรับคําชมอยู่อย่างสุดตัวมารุเคยเห็นสายตาแบบนี้มาก่อนใช่นี่มันคือสายตาแบบเดียวกับลูกสาวของเขามีตอนที่เธอยื่นรูปที่วาดเองมาให้เขาดู

“ทําเองเหรอครับ?”

“ใช่แล้ว เป็นยังไงบ้างคะ?

“โอ้ คุณภาพดีมากเลย ผมนึกว่าของร้านนะเนี่ย”
“เอ๋? ดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

ซูจินยิ้มกว้างเสียยิ่งกว่าใบหน้าของตุ๊กตาอีก

“แต่มิโซชอบว่าตุ๊กตาฉันตลอดเลย”

“คน ๆ นั้นเขาชมคนอื่นไม่เป็นหรอกครับ”

“เนอะ? เนอะ?”

พอได้เห็นมารุพยักหน้ารับ ซูจินยิ่งยิ้มออกกว้างกว่าเดิมเธอคงโดนแกล้งบ่อย ๆ เขานึกภาพออกอย่างง่ายดายภาพที่มิโซแกล้งซูจินอย่างไร้ปรานี

“เดี๋ยวจะเล่าเรื่องให้ฟังก่อนนะคะเราไม่อยากให้เนื้อเรื่องหลักมันเพี้ยนจนเกินไปแต่จะเล่นนอกบทก็ไม่มีปัญหาค่ะตราบเท่าที่ฉันยังพอจะรับบทต่อได้จะเพี้ยนไปสักนิดก็ไม่มีปัญหาอะไร”

“คงไม่มีเล่นนอกบทหรอกครับผมเพิ่งเคยลองทําด้วย”

“เหรอคะ? ยังไงก็เถอะตามมาทางนี้หน่อยค่ะ”

ซูจินเปิดบทที่เธอเอามาด้วยให้ดูมารุเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นเลมอนอ่อน ๆ ลอยออกมาจากตัวเธอ

หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้น ตอนนั้นเองที่ภาพภรรยาของเขาทําหน้ามุ่ยก็ลอยเข้ามาในหัว

“มีอะไรเหรอ?”

“เปล่าครับแค่นึกถึงอะไรนิดหน่อย”

ซูจินพยักหน้ารับและเริ่มอ่านบท

นิยาย ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 38 ตอนที่ 1

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 38 ตอนที่ 1

มารุฝืนตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ อย่างยากลําบาก เขาดันผ้าห่มผืนหนา ไปเก็บขณะที่ลุกขึ้นมาจากเตียง ตอนนี้เป็นเวลา 7.30 เขาเปิดประตูออกมาและเดินเข้าห้องครัว บ้านของเขาว่างโล่ง ครอบครัวของเขาค่อนข้างจะตื่นสายในเช้าวันอาทิตย์เพราะไม่ต้องไปโบสถ์ เขาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ําก่อนจะออกมาทําอาหารเช้าง่าย ๆ ด้วยข้าวกับไข่ ตอนที่เขากินข้าวเสร็จมันก็เป็นเวลา 8 โมงเช้าพอดี เป็นเวลาที่พ่อของเขาเดิ นออกมาจากห้องนอนด้วยหัวยุ่ง ๆ

“จะไปข้างนอกเหรอ?” พ่อของเขาถามขึ้น

“ใช่”

“ไปไหน?”

“ไปเล่นละคร

อ่า อืม”

มารุกําลังจับลูกบิดประตูหน้าบ้าน หลังกล่าวลาพ่อเสร็จ ตอนที่เขากําลังจะก้าวออกบ้านนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงปฏิกิริยาตอบสนองอันล่าช้าจากพ่อของเขา

“ละคร?”

“ใช่ ละคร

“หะ?”

มารได้แต่ยิ้มกลับไป

มารปั่นจักรยานมาตามถนนที่มุ่งหน้าสู่สถานีซูวอน พอมาถึงเขาก็พบว่าพื้นสถานีถูกปไปด้วยแผ่นเหล็ก เขายังจําได้ดีว่าสถานีนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานเอามาก ๆ

ตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือนพฤษภาคมแล้ว ช่วงเวลาที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น แต่บางครั้งบางที ก็ยังจะมีลมหลงฤดูพัดมาให้ขนต้องลุกซู่บ้าง มารุหันไปเห็นรถขายอาหารข้างทางอยู่ที่อีกฝากของถนน ร้านพวกนี้ขายน้ําเต้าหูกับแซนด์วิชปิ้ง มีตั้งเรียงรายอยู่ถึง 5 ร้าน แต่ละร้านก็ขายของแบบเดียวกัน แต่ความนิยมกลับแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าจําไม่ผิด พวกนี้เดียวก็จะโดนสั่งออกเหมือนกันล่ะนะ

ไม่กี่ปีต่อไป ทางภาครัฐจะสั่งให้เอาดอกไม้มาวางแทนที่ตรงลานจอดรถแถวนี้ พวกเจ้าของร้านก็จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ขณะเดียวกัน พวกร้านอาหารรอบ ๆ ก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าร้านข้างทางพวกนี้ที่ไม่ได้จ่ายภาษีเท่าที่ควร

มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครได้หรือเสียอย่างชัดเจน มารุเดินเข้าไปซื้อแซนด์วิช ถึงเขาจะกินข้าวเช้ามาแล้ว แต่ร่างกายของเขาก็ไม่เคยรู้สึกอิ่มเลยไม่ว่าจะกินไปเท่าไหร่

“ไม่รู้ด้วยสิว่าพวกนี้จะโดนสั่งย้ายออกเมื่อไหร่ ขอกินก่อนแล้วกัน

มารุเดินไปรอที่หน้าสถานีหลังจากกิน แซนด์วิชและน้ําเต้าหูจนหมด มันเป็นเวลา 10 นาทีก่อนจะถึง 9 โมงเช้า

ตืดด เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋า

เขาได้รับสายเข้าจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก

– นี่ ฮาน มารุ รึเปล่าคะ?
“ใช่ครับ”

เสียงปลายสายคือผู้หญิงที่เขาคุยด้วย เมื่อวานนั่นเอง

– อยู่ไหนเหรอ?

“อยู่ตรงหน้าสถานีซูวอนเลยครับ”

– จริงเหรอ? เดี๋ยวนะ ออกมาอยู่แถวถนนใกล้ ๆ สะพานลอยได้ไหม? เดี๋ยวจะลองมองหาดู ฉันขับรถสีแดงค่ะ

“ครับ”

มารุเดินไปทางถนนหลังวางสายลง เขามองเห็นรถคันสีแดงค่อย ๆ ขับเข้ามาใกล้เขา แถวนี้ไม่มีที่จอด มารุจึงเดินเข้าไปหารถด้วยตัวเอง

“ฮาน มาร?”

“ครับ”

“สวัสดีนะคะ ฉันมาสายรึเปล่า?”
“ตรงเวลาพอดีครับ ขอขึ้นไปได้ไหมครับ?”

“ขึ้นมาเลยค่ะ”

มารุขึ้นมานั่งบนรถ หลังจากเขานั่งลงแล้ว เขาก็ได้กลิ่นของเลมอนลอยมาเตะ จมูกเข้าทันที มันช่างแตกต่างกับรถคันหรูของมิโซ ที่ด้านหน้าของเขามีตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อยตกแต่งอยู่หลายตัวที่กระจกมองหลังก็มีตุ๊กตากระต่ายห้อยอยู่ด้วย

อย่างน้อย ๆ ในรถต้องมีตุ๊กตาอยู่สิบเกือบตัว มารุหันไปมองที่ด้านหลังเพื่อดูว่ามีตุ๊กตาอยู่อีกไหม และแน่นอนว่ามันมีอยู่อีกเพียบ เขาเห็นว่ามันมีกระทั่งตุ๊กตาสวมนิ้วตัวน้อยวางอยู่ด้วย

“ของเยอะใช่ไหมล่ะคะ?” หญิงสาวกล่าวทักทายมารุ

มารุหันมามองหน้าหญิงสาวเป็นครั้งแรก เธอมีใบหน้าที่งดงาม ผมดํายาวลงมาถึงบ่า ดูจากหน้าแล้วไม่มีทางรู้หรอกว่าอายุเหยียบเลข 3 เธอมีดวงตาที่ดูสมวัย บนใบหน้ามีริ้วรอยบ้างตามอายุ คาดว่าคงเพราะยิ้มมากเกินไป และที่แก้มก็มีลักยิ้มด้วย

เธอดูท่าทางอ่อนโยน ตรงกันข้ามกับมิโซ เขานึกไม่ออกเลยว่าเวลาเธออยู่กับมิโซ พวกเขาจะคุยกันยังไง
“ของเอาไว้แสดงเหรอครับ?” มารุถาม และชีมือไปด้านหลัง

“ค่ะ บ้างก็เอาไว้แสดง บ้างก็เอาไว้ให้เด็ก ๆ”

เธอสับเกียร์และเริ่มออกรถ น่าแปลกใจที่รถที่เธอขับนั้นเป็นแบบเกียร์ ดูท่าทางแล้ว น่าจะขับมาจนชินแล้วด้วย พอมารุเห็นแบบนั้นภาพของคนขับแท็กซี่ก็ลอยมาซ้อนภาพของเธอทันที

“แปลกใช่ไหมล่ะที่ฉันไม่ขับออโต้นะ?”

เหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นสายตาของเขา ทําให้มารุต้องส่ายหัว

“แบบเกียร์น่ะขับสะดวกกว่าออโต้ ออโต้ขับง่ายกว่าแน่นอนล่ะ แต่ถ้าลองได้ ไปขับรถบรร…”

อ่ะ เขาหลุดปากไปอีกแล้ว เขารีบปิดปากตัวเองทันทีและหันไปมองหน้าหญิงสาว

“พูดว่าอะไร…”

“พ่อผมบอกมาน่ะ ว่ารถเกียร์น่ะดีกว่าเยอะ”

“อ่อ เหรอคะ? พ่อฉันเองก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน เพราะแบบนั้นเขาเลยฝึก และให้ฉันไปสอบเอาใบขับขี่รถเกียร์ธรรมดามา ฉันคิดว่าอยากจะลองไปสอบใบขับขี่รถสาธารณะดูด้วย ถ้ามีเวลา”

“รถสาธารณะ?”

“ค่ะ” เธอตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม น้อย ๆ

คําพูดพวกนี้มันฟังดูแปลกมาก ยิ่งเมื่อ ออกมาจากปากคนที่หน้าตาดีแบบเธอ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยมันผ่านไป

“อ่ะ จะว่าไป ยังไม่ได้บอกชื่อฉันเลยสินะคะเนี่ย? ฉันชื่อดังซูจิน อย่างที่บอกไปว่าอายุ 30 แล้ว และทํางานรับจ้างทั่วไป”

“ผมฮาน มารุ เป็นนักเรียน คอยช่วยงานชมรมการแสดงภายใต้การดูแลของครูฝึกมิโซ และก็ไม่ต้องพูดสุภาพกับผมมากก็ได้นะครับ”

“จะดีเหรอคะ?”

“ครับ”
“อืม งัน… จะลองพูดสบาย ๆ ดู” เธอพูดออกมาอย่างยากลําบาก

ผู้หญิงอายุเท่านี้น่ารักได้ขนาดนี้เลยเหรอ มารุได้แต่มองไปยิ้มไป

“เคยเล่นกับเด็กมาก่อนไหม?”

“ครับ”

แน่นอว่าต้องเคย เยอะด้วย เขาทํานุ่นทํานี่ให้ลูกสาวตัวน้อยของเขามามาก ทําหน้าที่ตาเล่นกับเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ของเขา
“เหรอคะ? น่าแปลกใจนะเนี่ย เด็กอายุเท่านี้ไม่น่าจะเคยเล่นกับเด็กน้อยมาก่อน”

“ก็จริงนะครับ”

“แต่มันก็คงจะยังลําบากอยู่ดี เด็กบางคนยิ่งขี้แกล้งด้วย ถึงจะไม่ได้ทําให้ฉันโกรธอะไร เพราะพวกเขาน่ะน่ารักมาก ๆ อ่ะ จะว่าไป… คุณอารมณ์ร้อนรึเปล่า?” น้ําเสียงของเธอฟังดูหวั่น ๆ อาจจะเพราะเจอคนที่อารมณ์ร้อนมาเยอะเหรอ

“ผมโกรธไม่เป็นหรอกครับ ไม่ต้องห่วง”
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ดูหน้าคุณน่ากลัวหน่อย ๆ อ่ะ ขอโทษนะ ไม่ได้จะหมายความแบบนั้น…”

เธอมองมาที่มารุด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ มารุมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ทําให้มีกล่องข้อความลอยขึ้นมา

[หน้าตาภายนอกน่ากลัวไปหน่อย แต่ดูท่าจะไม่เป็นไร ค่อยยังชั่ว ทีแรกก็กลัว ๆ แต่ดูท่าจะเป็นเด็กดี

ความคิดของเธอตรงกับสิ่งที่พูดออกมา เธอหักพวงมาลัยไปทางซ้ายด้วย รอยยิ้มเต็มใบหน้าความสามารถนี้มันมีประโยชน์จริง ๆ มันทําให้เขาได้รู้ว่าใครพูดอะไรออกมาจากใจจริงหรือไม่

“แม้แต่ตัวเรา

รถถูกขับขึ้นมาบนถนนลาดชันจนมาจอดอยู่ที่ย่านชานเมือง น่าจะใช้เวลาขับจากสถานีมาประมาณ 20 นาที พวกเขามาหยุดอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กขนาดสองชั้นแห่งหนึ่ง

ที่นั่นมีคนที่ดูเหมือนจะเป็นครูคอย พวกเขาอยู่เธอโบกมือให้ทั้งสองอย่างร่าเริง

“นั่นคนที่เขาทํางานที่นี่น่ะ ใจดีมาก ไปกันเถอะ” ซูจินอธิบาย
ซูจินกล่าวทักทายก่อนจะเปิดหลังรถออก ครูคนนั้นเข้ามาช่วยขนตุ๊กตาออกไปจากหลังรถ มารุเองก็ช่วยหยิบไปด้วยเหมือนกัน

ข้ามเวลาล่าฝัน

ข้ามเวลาล่าฝัน

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset