ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 32 2

บทที่ 32 ตอนที่ 2

ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2   ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2   “บอกมาก่อนได้ไหมครับว่าจะไปไหนกัน”   “หา คิดขัดขึ้นเหรอ? คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่มีแรงเหรอ? คอยดู….”   มิโซดึงแขนของเขาอย่างเต็มแรง เธอเป็นคนที่แข็งแรงไม่ผิดแน่ล่ะ สำหรับผู้หญิงแล้ว เธอมีเรี่ยวแรงที่มหาศาลเลย แต่มารุก็ไม่ขยับ เขาทนอะไรเท่านี้ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องขยับตัวด้วยซ้ำ ร่างกายของเขาแข็งแรงอย่างแปลกประหลาด หากลองเทียบกับตัวเขาจริง ๆ ในอดีต คงเป็นความสามารถอีกอย่างที่เขาได้มาตอนกลับมาใช้ชีวิตใหม่   “อื้อ”   มิโซออกแรงหนักกว่าเดิม   “คือ บอกมาได้รึยัง…”   “เงียบไป เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของฉัน”   ศักดิ์ศรี? เรื่องนี้?   มิโซดึงเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี จู่ ๆ เธอก็ดูอยากจะชนะเรื่องนี้ขึ้นมา มารุลองมองไปด้านหลังเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันมองมาด้วยความเป็นห่วง   “หันไปหางอื่น”   มิโซตะโกนบอก เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันหันหน้าหนีไปทันที ความเร็วในการหันนั้น ทำเอานึกถึงเมียร์แคตขึ้นมาเลยทีเดียว มารก้าวไปด้านหน้าก่อนจะสายหัวเบา ๆ เรื่องนี้มันทำให้เขาต้องอับอายไปด้วย   “อย่าขยับเชียว ฉันจะทำให้แกขยับด้วยแรงของฉันเอง”   “ครูชนะแล้วครับ”   “เฮ้ย”   “ไปกันเถอะ มารยอมแพ้ เขาเดินนำมิโซออกไป ทำให้เกิดเสียงดังฟีดฟิดขึ้นมาจากด้านหลัง แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นมัน สมัยที่เขายังเป็นผู้จัดการ เขาได้เจอกับนักแสดงมามากมาย และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากช่วงเวลานั้นคือ… นักแสดงหลายคนมีด้านที่ไร้เดียงสาอยู่   ไร้เดียงสา เป็นคำที่เหมาะจะใช้อธิบายที่สุด หลาย ๆ ครั้งมันไร้เดียงสาจนเป็นเหมือนเด็กๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะการแสดงคือศิลปะแขนงหนึ่งที่ผู้แสดงต้องใช้ร่างกายและจิตใจทั้งหมดในการแสดง ความอับอายนั้นไม่มีอยู่ในการแสดง นั่นทำให้นักแสดงหลาย ๆ คนมีนิสัยประหลาด ประหลาดพอที่จะทำให้คนอื่นมองว่าพวกเขาไร้มารยาท ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร เพราะมันหมายความว่านักแสดงคนนั้นประสบความสำเร็จได้แม้จะทำตัวเสียมารยาท พวกนักแสดงที่ไม่ดังไม่ประสบความสำเร็จ มักจะชอบทำตัวอ่อนน้อมเรียบร้อยตลอดเวลา แต่พวกที่มีหน้ามีตาและการงานมั่นคงจะเป็นคนที่ทะนงตัวมาก ๆ   จะว่าไป มิโซเองก็เป็นครูสอนการแสดงที่มีชื่อเสียงไม่เบา ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 30 เสียด้วยซ้ำหมายความว่าเธอมีอนาคตอันสดใสรอเธออยู่ เรื่องนั้น..   เธอมีความสามารถ และไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ดื้อดึง คนแบบนี้คุณจะยอมให้ชนะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้น พวกเขาจะยิ่งเข้มงวดกับคุณแทน คนแบบเธอต้องจัดการด้วยการเป็น หรือเข้าไปประจบ แค่สองอย่างนี้เท่านั้น ส่วนมารุเลือกที่จะเป็นเธอ และผลมันก็แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็ว   มิโซเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินนำสายตาของมารุไปทางที่จอดรถ   “มานี้ เร็ว ฉันเป็นผู้ใหญ่นะ ทำตามที่ฉันบอกสักครั้งเถอะ”   “เราจะไปไหนกันเหรอครับ?”   “ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”   “หือ?”   “สถานีฮเยวา”   “ที่ ๆ เป็นโรงแสดงของพวกเด็กมหาวิทยาลัย?”   “คิดว่าทำไมกันล่ะ?”   มิโซเปิดประตูรถ “ขึ้นมา”   มิโซหันไปมองที่มารุ เด็กหนุ่มเปิดหนังสือในมือไปเรื่อย ๆ ใครจะไปนึกล่ะว่าเขาจะรักษาความเงียบขรึมของตัวเองไว้ได้มากขนาดนี้ มันเงียบเสียจนน่ากลัวเลย   “อ่านอะไรเหรอ?”   “อัตชีวประวัติของนักแสดงนะ สนุกมากเลย”   ขณะพูดขึ้นเด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาจดจ่ออยู่กันหนังสือที่เขาอ่านมาก ๆ มิโซจริง ๆ แล้วรู้สึกโลภอยากได้มารุมาเข้าทีมมาก ๆ ถ้าลองเป็นเด็กคนอื่นทำตัวแบบเขา เธอคง…   “ใครจะไปคิดล่ะ ว่าเขาจะอ่านบทได้อย่างใจเย็น ยิ่งกับลมหายใจแบบนั้นด้วย…”   ครั้งหนึ่งเกนซุคมาเข้าชมรมสาย จนทำให้มารุได้มาอ่านบทระหว่างฝึกแทน มันเป็นบทที่ค่อนข้างยาว ยาวพอจะทำให้นักเรียนคนอื่นต้องหมดลมก่อนจะพูดจบประโยค มิโซเองก็คาดว่ามารุจะต้องหมดลมและพูดติดขัดเข้าสักที่ แต่ผลน่ะเหรอ?   เธอพบว่ามารอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบได้โดยไม่ต้องพักหายใจ แถมเสียงของเขาก็ไม่มีการสั่นดู ราวกับว่าเขาเคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอารมณ์ในการพูดนั้นเป็นเหตุผลรอง   การความคุมลมหายใจและการใช้คำพูด ทั้งสองสิ่งเป็นเรื่องสำคัญในการเป็นนักแสดง เพราะแบบนั้น… มารุถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลย มิโซมั่นใจได้เลยว่าเด็กหนุ่มจะต้องดึงดูดสายตาของคณะกรรมการในการประกวดได้แน่ ๆ หากฝึกมากพอ   แต่ปัญหาคือ เด็กหนุ่มไม่สนใจ ไม่สิ ไม่ใช่ไม่สนใจ เด็กหนุ่มสนใจแน่ ๆ เพราะแบบนั้นเขาถึงมาอยู่ชมรมนี้ แต่เขากำลังสับสน แต่เรื่องอะไรนั้น มิโซเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่นอนคือ มันเป็นเรื่องที่เกินตัวเด็กมัธยม เกินกว่าที่เด็กคนไหนจะต้องมาคิดถึง   เพราะแบบนั้นมิโซถึงตัดสินใจทำแบบนี้ การปล่อยคนมีพรสวรรค์อย่างเขาไปเฉย ๆ มันไม่ใช่เธอเลย   “ฉันจะลากเจ้านั่นออกมาจากเธอให้ได้”   “ลากอะไรเหรอ?”   “เดี๋ยวก็รู้”   มิโซเหยียบคันเร่งลงด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์

ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2

 

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 2

 

“บอกมาก่อนได้ไหมครับว่าจะไปไหนกัน”

 

“หา คิดขัดขึ้นเหรอ? คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่มีแรงเหรอ? คอยดู….”

 

มิโซดึงแขนของเขาอย่างเต็มแรง เธอเป็นคนที่แข็งแรงไม่ผิดแน่ล่ะ สำหรับผู้หญิงแล้ว เธอมีเรี่ยวแรงที่มหาศาลเลย แต่มารุก็ไม่ขยับ เขาทนอะไรเท่านี้ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องขยับตัวด้วยซ้ำ ร่างกายของเขาแข็งแรงอย่างแปลกประหลาด หากลองเทียบกับตัวเขาจริง ๆ ในอดีต คงเป็นความสามารถอีกอย่างที่เขาได้มาตอนกลับมาใช้ชีวิตใหม่

 

“อื้อ”

 

มิโซออกแรงหนักกว่าเดิม

 

“คือ บอกมาได้รึยัง…”

 

“เงียบไป เรื่องนี้มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของฉัน”

 

ศักดิ์ศรี? เรื่องนี้?

 

มิโซดึงเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี จู่ ๆ เธอก็ดูอยากจะชนะเรื่องนี้ขึ้นมา มารุลองมองไปด้านหลังเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันมองมาด้วยความเป็นห่วง

 

“หันไปหางอื่น”

 

มิโซตะโกนบอก เหล่าสมาชิกชมรมต่างพากันหันหน้าหนีไปทันที ความเร็วในการหันนั้น ทำเอานึกถึงเมียร์แคตขึ้นมาเลยทีเดียว มารก้าวไปด้านหน้าก่อนจะสายหัวเบา ๆ เรื่องนี้มันทำให้เขาต้องอับอายไปด้วย

 

“อย่าขยับเชียว ฉันจะทำให้แกขยับด้วยแรงของฉันเอง”

 

“ครูชนะแล้วครับ”

 

“เฮ้ย”

 

“ไปกันเถอะ

มารยอมแพ้ เขาเดินนำมิโซออกไป ทำให้เกิดเสียงดังฟีดฟิดขึ้นมาจากด้านหลัง แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นมัน สมัยที่เขายังเป็นผู้จัดการ เขาได้เจอกับนักแสดงมามากมาย และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากช่วงเวลานั้นคือ… นักแสดงหลายคนมีด้านที่ไร้เดียงสาอยู่

 

ไร้เดียงสา เป็นคำที่เหมาะจะใช้อธิบายที่สุด หลาย ๆ ครั้งมันไร้เดียงสาจนเป็นเหมือนเด็กๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะการแสดงคือศิลปะแขนงหนึ่งที่ผู้แสดงต้องใช้ร่างกายและจิตใจทั้งหมดในการแสดง ความอับอายนั้นไม่มีอยู่ในการแสดง นั่นทำให้นักแสดงหลาย ๆ คนมีนิสัยประหลาด ประหลาดพอที่จะทำให้คนอื่นมองว่าพวกเขาไร้มารยาท ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร เพราะมันหมายความว่านักแสดงคนนั้นประสบความสำเร็จได้แม้จะทำตัวเสียมารยาท พวกนักแสดงที่ไม่ดังไม่ประสบความสำเร็จ มักจะชอบทำตัวอ่อนน้อมเรียบร้อยตลอดเวลา แต่พวกที่มีหน้ามีตาและการงานมั่นคงจะเป็นคนที่ทะนงตัวมาก ๆ

 

จะว่าไป มิโซเองก็เป็นครูสอนการแสดงที่มีชื่อเสียงไม่เบา ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 30 เสียด้วยซ้ำหมายความว่าเธอมีอนาคตอันสดใสรอเธออยู่ เรื่องนั้น..

 

เธอมีความสามารถ และไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ดื้อดึง คนแบบนี้คุณจะยอมให้ชนะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้น พวกเขาจะยิ่งเข้มงวดกับคุณแทน คนแบบเธอต้องจัดการด้วยการเป็น หรือเข้าไปประจบ แค่สองอย่างนี้เท่านั้น ส่วนมารุเลือกที่จะเป็นเธอ และผลมันก็แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็ว

 

มิโซเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินนำสายตาของมารุไปทางที่จอดรถ

 

“มานี้ เร็ว ฉันเป็นผู้ใหญ่นะ ทำตามที่ฉันบอกสักครั้งเถอะ”

 

“เราจะไปไหนกันเหรอครับ?”

 

“ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”

 

“หือ?”

 

“สถานีฮเยวา”

 

“ที่ ๆ เป็นโรงแสดงของพวกเด็กมหาวิทยาลัย?”

 

“คิดว่าทำไมกันล่ะ?”

 

มิโซเปิดประตูรถ

“ขึ้นมา”

 

มิโซหันไปมองที่มารุ เด็กหนุ่มเปิดหนังสือในมือไปเรื่อย ๆ ใครจะไปนึกล่ะว่าเขาจะรักษาความเงียบขรึมของตัวเองไว้ได้มากขนาดนี้ มันเงียบเสียจนน่ากลัวเลย

 

“อ่านอะไรเหรอ?”

 

“อัตชีวประวัติของนักแสดงนะ สนุกมากเลย”

 

ขณะพูดขึ้นเด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาจดจ่ออยู่กันหนังสือที่เขาอ่านมาก ๆ มิโซจริง ๆ แล้วรู้สึกโลภอยากได้มารุมาเข้าทีมมาก ๆ ถ้าลองเป็นเด็กคนอื่นทำตัวแบบเขา เธอคง…

 

“ใครจะไปคิดล่ะ ว่าเขาจะอ่านบทได้อย่างใจเย็น ยิ่งกับลมหายใจแบบนั้นด้วย…”

 

ครั้งหนึ่งเกนซุคมาเข้าชมรมสาย จนทำให้มารุได้มาอ่านบทระหว่างฝึกแทน มันเป็นบทที่ค่อนข้างยาว ยาวพอจะทำให้นักเรียนคนอื่นต้องหมดลมก่อนจะพูดจบประโยค มิโซเองก็คาดว่ามารุจะต้องหมดลมและพูดติดขัดเข้าสักที่ แต่ผลน่ะเหรอ?

 

เธอพบว่ามารอ่านบทตั้งแต่ต้นจนจบได้โดยไม่ต้องพักหายใจ แถมเสียงของเขาก็ไม่มีการสั่นดู ราวกับว่าเขาเคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอารมณ์ในการพูดนั้นเป็นเหตุผลรอง

 

การความคุมลมหายใจและการใช้คำพูด ทั้งสองสิ่งเป็นเรื่องสำคัญในการเป็นนักแสดง เพราะแบบนั้น… มารุถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลย มิโซมั่นใจได้เลยว่าเด็กหนุ่มจะต้องดึงดูดสายตาของคณะกรรมการในการประกวดได้แน่ ๆ หากฝึกมากพอ

 

แต่ปัญหาคือ เด็กหนุ่มไม่สนใจ ไม่สิ ไม่ใช่ไม่สนใจ เด็กหนุ่มสนใจแน่ ๆ เพราะแบบนั้นเขาถึงมาอยู่ชมรมนี้ แต่เขากำลังสับสน แต่เรื่องอะไรนั้น มิโซเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่นอนคือ มันเป็นเรื่องที่เกินตัวเด็กมัธยม เกินกว่าที่เด็กคนไหนจะต้องมาคิดถึง

 

เพราะแบบนั้นมิโซถึงตัดสินใจทำแบบนี้ การปล่อยคนมีพรสวรรค์อย่างเขาไปเฉย ๆ มันไม่ใช่เธอเลย

 

“ฉันจะลากเจ้านั่นออกมาจากเธอให้ได้”

 

“ลากอะไรเหรอ?”

 

“เดี๋ยวก็รู้”

 

มิโซเหยียบคันเร่งลงด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์

ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 1

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 32 ตอนที่ 1

“บอกแล้วไงคะว่าไม่เป็นไร”

“เอาไปเถอะนะครับ”

“ไม่เอาน่าครู”

มิโซถอนหายใจยาวขณะที่แทซิคยัดซองเงินใส่กระเป๋าเสื้อให้

 

“หนูหาเงินเองได้น่า”

 

“ผมรู้ว่าครูหาเงินเองได้ ครูหยาง แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกัน”

“ตอนหนูยังเป็นนักเรียนทุกอย่างมันดีกว่านี้เยอะเลย มาดูตอนนี้สิมีแต่บรรยากาศน่าอึดอัด”

 

แทซิคได้แต่ยิ้ม มิโซหยิบซองเงินออกมาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงได้แต่คิดว่าเธอคงเถียงสู้ครูคนนี้ไม่ได้จริง ๆ

 

“หนูรู้นะว่าครูได้เงินเดือนไม่เยอะขนาดนี้ เอาจริง ๆ เลยไม่เป็นไรหรอกครู”

“ผมอยู่คนเดียว ไม่เป็นไรหรอก แล้วผมก็เห็นหมดแล้วว่าคุณครูใช้เงินเลี้ยงข้าวพวกเด็ก ๆ ด้วย”

“บอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องคิดมากหรอก รู้ใช่ไหมว่าถ้าจ่ายหนูมาเต็มจํานวนแบบนี้หนูจะยิ่งใช้มันมากขึ้นไปอีกน่ะ?”

 

“เพราะแบบนั้นแหละผมถึงได้ขอบคุณคุณครูจากใจเลย ตอนแรกที่ติดต่อไป ก็ได้แต่นึกว่าจะไปกวนเวลาเปล่า ๆ ยิ่งผมรู้อยู่ว่ามีที่อื่นอยากได้ตัวคุณเยอะแค่ไหน อ่ะ จะว่าไป ผมได้ไปดูการแสดงของชมรมในมหาวิทยาลัยที่คุณครูดูแลอยู่ด้วยนะ มันยอดเยี่ยมมาก ๆ เลย”

“โอ้ไปด้วยเหรอคะ? น่าจะบอกกันก่อน อย่าบอกนะคะว่าซื้อตัวเอง?”

“ซื้อสิครับ การแสดงนั่นมันควรค่ากับเงินของผม”

 

“อ่า เมื่อไหร่จะหัดใช้งานลูกศิษย์เป็นบ้างคะเนี่ย?”

 

มิโซได้แต่เกาหัว ทําให้เธอนึกถึงสมัยยังอยู่มัธยม ตอนนั้นแทซิคกับพวกสมาชิกชมรมต่างเข้ามาเจอโรงเรียนใหม่ ๆ หลาย ๆอย่างไม่เป็นไปดั่งหวัง ทําให้ชีวิตในโรงเรียนช่างยากเย็นแต่เพราะเจ้าบ้าคนหนึ่งทําให้พวกเขาสามารถผ่านมันมาได้

 

ตอนนั้นถ้าเธอไม่ได้เข้าร่วมชมรมมันจะเป็นยังไงนะ? ชีวิตของเธอคงจะน่าเบื่อกว่านี้มากนัก

“พวกอดีตสมาชิกเขาแวะมาเยี่ยมชมรมกันบ้างไหมคะ?”

 

“แน่นอนสิ พวกเขาได้ดิบได้ดีกันหมดเลย ผมล่ะภูมิใจจริง ๆ”

“ต้องได้ดีสิคะ พวกนั้นลูกศิษย์ครูนะ จะว่าไปครูคะ…”

“หม?”

 

“ช่วยเปลี่ยนตัวเองหน่อยได้ไหมคะ? ยิ่งวิธีพูดนั่น”

 

“มันมีอะไรผิดแปลกเหรอ?”

 

“พูดแบบนั้นแล้วดูแก่มาก ๆ เลยค่ะ ครูยังไม่ 40 ด้วยซ้ํานะแต่ฟังพูดแล้วอย่างกับเป็นคุณปู”

 

“38 แล้วก็นับว่าเป็น 40 ไปเถอะ”

“อ่า…. แบบนี้เดี๋ยวจะขึ้นคานเอานะคะ”

 

“เรื่องนั้นน่าเสียดายจริง ๆ”

 

จู่ ๆ แทซิคก็ดูเงียบกว่าเดิม มิโซมองดูเสื้อผ้าของชายหนุ่ม เขาใส่เสื้อยืดเก่า ๆ กับกางเกงยีนส์ตกสี ภายใต้เสื้อนอกนั้นเธอเห็นเสื้อถักไหมพรมที่พวกคุณปูชอบใส่ไปปีนเขากัน

 

“ครูมีแฟนไหมคะเนี่ย?”

“ไม่มีหรอก”

“ว่าแล้วเชียว เดี๋ยวจะได้มาเสียใจเอาทีหลังนะคะ”

 

“ผมเคยคิดแบบนี้เมื่อ 13 ปีก่อนแล้ว แต่คุณเนี่ยคุยด้วยยากจังนะครูหยาง”

“ทําไมล่ะ?”

 

“เพราะคุณไม่ลังเลที่จะทําร้ายจิตใจคนอื่นน่ะ ช่างผมเถอะคุณครูควรสอนเด็ก ๆ มันต่อไปนะ ผมไม่ได้เห็นเด็กพวกนั้นมีแรงจะทํากิจกรรมกันแบบนี้มานานแล้ว ฉากเองก็ทําออกมาได้ดีมาก ๆด้วย”

 

“พวกฉากมารุเป็นคนทํานะ”

 

“มารุ?”

 

“ใช่ พูดถึงขึ้นมาก็ดีเลย หมอนั่นน่ะแปลกคน เขาดูทําตัวไม่สมวัยสุด ๆ”

 

“เขาแค่รอบคอบกว่าคนอื่น ๆ นะ สุภาพมาก ๆ ด้วย อื่มอาจจะไม่ใช่สุภาพ เขา…”

“นึกถึงหัวอกคนอื่นตลอด ทําเอาหนูรู้สึกอย่างกับว่าต้องไปนั่งมกับคนที่เข้าหายาก เขาดูเหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลาและเคยเจอเรื่องราวอะไรมามากมายแล้ว”

 

“เขาแค่รอบคอบกว่าคนอื่น ๆ แหละ”

 

“จะรอบคอบเกินไปน่ะสิ ครูน่าจะลองไปคุยกับเขาดู ทําให้หนูรู้สึกอย่างกับว่าเขามีลุงแก่ ๆ อยู่ในตัวเลยล่ะ”

“เกินไปหน่อยไหม…”

 

“มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ

 

มิโซหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เสียงออดดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าจบคาบเรียนของวันนี้แล้ว เป็นเวลาที่เธอต้องไปพบพวกเด็ก ๆ แล้ว

 

“งั้นไปก่อนนะคะ”

“อ่า พยายามเข้าล่ะ”

“ไม่ต้องกังวลค่ะ แล้วก็ หาเสื้อผ้าอย่างอื่นมาใส่บ้างนะคะ”

“จะลองเก็บไปคิดดู”

 

“ไม่ต้องคิดค่ะ เปลี่ยนเถอะ”

 

“ได้ ๆ ไปได้แล้ว”

แทซิคโบกมือลา ขณะที่มิโซได้แต่ส่ายหัว เด็กหนุ่มที่ทําตัวเหมือนคนอายุ 50 และครูหนุ่มอายุ 30 ที่ทําตัวเหมือนคนอายุ 60 มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

“อ่า วันหลังคงต้องซื้อเสื้อผ้ามาให้เขาเองแล้วเรา”

 

ยิ่งมองดูเขาก็ยิ่งทําให้เธอหัวเสีย

 

“ถ้าดูแลตัวเองหน่อยคงหล่อไม่เบาหรอก”

 

เมื่อ 13 ปีก่อนแทซิคเป็นครูในฝันของสาว ๆ ทั้งหน้าตารอยยิ้ม และท่าทางการพูด… เป็นครูที่เด็กสาวมัธยมต่างหลงใหลมิโซได้แต่หันไปมองอีกครั้งอย่างเหนื่อยใจ และเห็นแทซิคยิ้มตอบกลับมา พร้อมกับเสื้อแสนเหยของเขา

 

“เฮ้อ”

กาลเวลามันช่างโหดร้ายกับชายหนุ่ม

 

มิโซดูมีสีหน้าแย่กว่าทุกวัน มารพยายามหนีออกจากหอประชุมไปโดยไม่ให้เธอรู้ตัว เพราะกลัวว่าจะทําให้เธอต้องเดือดดาลขึ้นมาอีก

 

“ฮาน มารุ”

 

ให้ตาย มันสายไปแล้ว คราวนี้เธอจะมาว่าอะไรเขาอีกนะ?

 

“หยุดก่อนเลย พวกเธอฝึกกันต่อไปนะ ถ้าฉันกลับมาแล้วยังเห็นใครจําไม่ได้อีกนะ โดนแน่ เข้าใจไหม?”

“ครับครู

“ดีมาก”

มิโซเดินไปยังทางเข้าห้องประชุมที่ ๆ มารุยืนอยู่ ดูเหมือนว่าเธอมีแผนจะทําอะไรสักอย่าง และนั่นหมายถึงความยุ่งยากสําหรับมารุ

“อ่า มีอะไร…”

“ตามฉันมา”

“หะ?”

 

มิโซจับแขนมารุ ดูเหมือนเธอจะอยากพาเขาไปที่ไหนสักแห่งแต่มารุไม่คิดจะตามเธอไป เขาไม่ชอบโดนลากไปไหนมาไหนโดยไร้เหตุผล

 

“ตามมา”

 

ข้ามเวลาล่าฝัน

ข้ามเวลาล่าฝัน

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset