ข้ามเวลาล่าฝัน บทที่ 28 2

บทที่ 28 ตอนที่ 2

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 28 ตอนที่ 2

 

เรื่องนี้มารุเองก็รู้ดี ในการแข่งระดับจังหวัด 16 ทีมการแสดงจาก 80 โรงเรียนจะถูกเลือกเข้าไปแข่งระดับภาค และที่ 1 กับที่ 2 ของระดับภาคจะได้รับสิทธิไปแข่งระดับชาติตารางการแข่งขันค่อนข้างจะแน่นยิ่งกับชมรมที่มีนักแสดงแค่ 11 คนกับผู้ช่วยหนึ่งคนด้วยแล้ว

 

พวกเขาอาจจะพอผ่านไปได้ด้วยชุดต่าง ๆ ที่พวกรุ่นพี่ทําเอาไว้ แต่ฉากนั้น พวกเขาต้องทําใหม่หมด

“จะเริ่มคาบแล้ว”

“เอานี่ กินไหมมารุ”

มารุหยิบซองขนมที่เดมยังยื่นให้ยัดลงใต้โต๊ะ ใครจะไปนึกล่ะว่า เด็กหนุ่มจะควบคุมตัวเองได้ดีขนาดนี้เขาคงมุ่งมั่นมาก

 

“พวกนี้พยายามกันได้ดีมาก

แต่ยิ่งเห็นแบบนั้น ความรู้สึกโดดเดี่ยวก็ยิ่งกัดกินมารุ ถึงจะได้ ขนมมาช่วยคลายลงบ้างก็ตาม

 

“ต้องตั้งใจกับสิ่งที่ตัวเราทําได้”

เขาเลือกไปแล้วตั้งแต่เดือนก่อน การมาลังเลใจเอาตอนนี้มีแต่จะ เสียสุขภาพจิต

 

“เฮ้ยโดวุค เอาสมุดคืนมาได้แล้ว”

“อ่า”

มารุหันไปมองที่ต้นเสียง เขาเห็นโดวุคยื่นสมุดคืนให้เพื่อนของ เขา นับแต่นั้นมาเขาก็ปรับตัวเข้ากับห้องได้ดีถึงจะโดนด่าบ้า งเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

 

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สายตาของพวกเขาสบกันเข้า โดวุคก็มักจะ หันหน้าหนีไป

ประตูหน้าห้องเปิดออกในที่สุดคุณครูก็เข้าสอนเสียที

 

“พยายามหนักเลยนะ?”

แม่ของเขาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มา รุใช้ชีวิตแบบเดิมซ้ํา ๆ โรงเรียนห้องสมุดยิมอ่านหนังสือไม่แปลกหรอกที่แม่ของเขาจะเดินเข้ามาพูดอะไรแบบนี้ใส่

 

“แต่… ไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”

 

“จะมีเรื่องอะไร?”

“แม่ดีใจนะที่ลูกโตขึ้นนะ แต่มันกะทันหันไปหน่อย”

 

แม่ของเขาวางถุงขนมลงบนโต๊ะ ทําให้มารุต้องเงยหน้ามองแม่ ของตัวเอง เขาเห็นเธอมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนหน้า

 

“ถ้ามีอะไรก็มาคุยกับแม่ได้นะ

 

“ครับ”

 

“ดีมาก”

แม่ของเขาเปิดประตูและเดินออกไป แต่ขณะที่กําลังจะปิดประตู ลง เธอก็หันมาบอกเขาอีก

“จากนี้ไปแม่จะเคาะประตูนะ”

“แล้วแต่เถอะ”

มารุได้แต่ร่ําร้องอยู่ในใจ พ่อแม่ของเขาสังเกตเห็นความเปลี่ ยนแปลงของเขาแต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้ นกับลูกสาวของเขา เขาก็คงจะรู้สึกได้เหมือนกันแม่ของเขาคงคิดว่าจู่ ๆ มารุก็โตเป็นผู้ใหญ่ทําให้เธอแปลกใจเท่านั้น

 

แต่มันก็มีทั้งความรู้สึกตกใจปนเสียใจ มารุเองก็คุ้นชินกับความรู้ สึกที่ต้องมองดูลูก ๆ ออกไปใช้ชีวิตนอกอ้อมอกพ่อแม่ ความรู้สึกที่ รู้ว่าลูก ๆ ไม่ต้องพึ่งพ่อแม่อีกต่อไป

 

“ฉัน… ต้องดูแลท่านดี ๆ”

 

ความคิดนับพันวิ่งแล่นผ่านหัว วันนี้เขารู้สึกไม่มีสมาธิอ่า นหนังสือเรียนต่อแล้ว เขาปิดหนังสือลงและทิ้งตัวลงนอนบนที่ นอนพร้อมหนังสือเล่มใหม่ เล่มนี้เป็นอัตชีวประวัติของนักแสดง ดูเหมือนว่าคนเขียนจะดังเอาเรื่อง แต่มารุก็ไม่รู้จักอยู่ดี เขาแค่หยิบ หนังสือจากชั้นแนะนํากลับมาเท่านั้น

มารุเริ่มเปิดอ่าน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ปิดไฟ วันนี้เองก็คง เป็นวันที่ดีเหมือนเคย

 

ตอนนี้อากาศอุ่นขึ้นมากพอที่จะทําให้มารุไม่ต้องใส่ถุงมือปั่นจักร ยานแล้ว เขาไม่ได้ปั้นมือเปล่าแบบนี้มาสักพักใหญ่ ๆ ทําให้เขารู้สึก ได้ถึงยางที่อยู่ติดกับฝ่ามือ

อากาศเริ่มดีขึ้นมาก อีกไม่นานก็จะเข้าเดือนพฤษภาคมแล้ว ผู้ คนเริ่มใส่เสื้อผ้าบางลง มันเป็นฤดูที่คนเริ่มกลับมาใส่เสื้อบาง ๆ ตัวเดียวกันอีกครั้ง

โซ่ของจักรยานเริ่มฝืด มารุได้แต่คิดว่า ถึงเวลาจะต้องหย อดน้ํามันมันสักที่แล้ว จะว่าไปวันนี้เป็นวันที่เหล่านักเรียนจะใช้ เวลาทํากิจกรรมชมรม ชมรมการแสดง แน่นอนว่าต้องไปรวมตัวกันที่หอประชุมชั้น 5

วันนี้เขาพกของมาสองอย่าง หนึ่งคือหนังสือที่เขาอ่านค้างไว้ เมื่อคืน และสองคือขวดน้ําสําหรับมารุมันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสัก เท่าไหร่แม้จะไม่มีการเรียนการสอน พวกฉากเองก็เสร็จเกือบหมดแล้วที่เหลือก็แค่ซ้อมการแสดง มารุจอดจักรยานในที่จอดและ เดินขึ้นบันไดไป เขาได้ยินเสียงพวกชมรมฟุตบอลตะโกนใส่กันอยู่

ไกล ๆ

คงลงเงินกับเกมหน้าไปเยอะ

เขาได้ยินเสียงร้องระหว่างทางเดินไปชั้น 5 เป็นชมรมดนตรีไม่ ผิดแน่ ถัดมาเขาได้ยินเสียงพวกชมรมเกมกําลังซื้อของกันอยู่ในห้องทั้งชั้นมีแต่เสียงปะทะกันดังวุ่นวายไปหมดพอเขาเดินมาถึงช่วงกลางของชั้นเขาถึงเริ่มได้ยินเสียงของชมรมการแสดง

“ยืดกล้ามเนื้อก่อน แล้วค่อยมาเริ่มกัน”

“ครับ/ค่ะ”

เขาได้ยินเสียงคนคุยกันอย่างคึกคักที่ด้านหลังประตู ชมรมเขา น่าจะนัดกันมาตอน 9 โมงนี่นา มารุหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา 8.50 ทุกคนพยายามกับกิจกรรมชมรมมากจริง ๆ

 

มารุเปิดประตูออกด้วยความประหม่า

 

ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 28 ตอนที่ 1

 

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 28 ตอนที่ 1

 

เรียน คุยเล่น และกลับบ้าน นาน ๆ ที่ก็แวะร้านเกมหรือโรงอาบน้ำกับเพื่อนก่อนจะกลับมาอ่านหนังสือต่อที่บ้าน กว่ามารุจะอ่านหนังสือเสร็จมันก็เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้ว เขาจะเขียนบล็อกนิดหน่อย เปิดดูอะไรเล่นไปเรื่อย ก่อนจะเข้านอนตอนเที่ยงคืน เขายังได้ยินเสียงพัดลมคอมพิวเตอร์ทํางานอย่างชัดเจน

 

มารุจ้องมองไปที่หน้าจอคอม ก่อนจะหยิบหนังสือออกมาจากชั้น มันเป็นของที่เขายืมมาจากห้องสมุดใกล้ ๆ เขาพยายามหาหนังสือเกี่ยวกับพวก “พัฒนาตัวเอง แต่ก็หาเจอไม่มากนัก จะว่าไป หนังสือพวกนั้นมันยังไม่เป็นที่นิยมในช่วงยุคนี้นี่นา

 

ตอนที่มารุเริ่มทํางานในบริษัทไปจนถึงช่วงที่เขาไปเป็นคนขับรถโดยสาร เขาได้อ่านหนังสือจํานวนมาก มากจนท่วมหัวตัวเอง และการที่ได้อ่านหนังสือพวกการพัฒนาตัวเองเหล่านี้ทําให้เขาได้ข้อสรุปอย่างหนึ่ง

 

หนังสือเรื่องการพัฒนาตัวเองน่ะ มันก็แค่หนังสือที่เล่าเรื่องราวชีวิตของคนที่ประสบความสําเร็จเท่านั้น

 

“แต่เราก็อ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ดี”

 

หนังสือเล่มหนึ่งที่เขาจําได้ดีเป็นหนังสือจากญี่ปุ่น ชื่อ คนตื่นเช้า มันเป็นค่านิยมในยุคนี้ว่าคนตื่นเช้ามักจะประสบความสําเร็จในชีวิต มารุเปิดอ่านไป ทั้ง ๆ ที่เขาแทบจะจําทุกคําในหนังสือได้แล้ว แต่เขาก็ยังคงอ่านมันต่อไป

 

ตอนที่เขาอ่านมันจบ ก็เป็นเวลาเกือบตี 1 แล้ว เขานั่งลงบนที่นอนก่อนจะผล็อยหลับไป วันนี้เป็นวันที่มีประสิทธิผลมาก ทั้ง ๆ อย่างนั้นทําไม

 

“ทําไมมันรู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?”

 

ความรู้สึกราวกับว่าเขากําลังอยู่บนทางด่วนโล่ง ๆ เขารู้ดีว่าทางด่วนจะไม่พาเขาอ้อมไปไหนแน่ ๆ ถึงจะรู้อย่างนั้น เขาก็ยังอดมองลงไปที่คนด้านล่าง ที่กําลังขับรถตามทางคดเคี้ยวไปยังคนที่มองชมวิวทิวทัศน์ข้างทางอย่างสุขสม ลุยไปตามทางที่ถนนพาพวกเขาไป

 

การไปถึงจุดหมายช้าไม่ใช่ปัญหาสําหรับพวกเขา ตราบเท่าที่พวกเขายังไปถึง ปัญหาเดียวก็คือ..

 

“เมื่อน้ำมันหมด”

 

การต้องนั่งมองคนอื่นขับรถผ่านตัวเองไป ขณะที่ตัวเองได้แต่นั่งอยู่ข้างทาง มารุหลับตาลง คราวนี้เขาหลับตาพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน ๆ วันนี้เขาก็ได้รับรู้อีกครั้งว่าการมาใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จนบรรยากาศอันเงียบสงบปกคลุมห้องของเขาอีกครั้ง

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งห้องเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตมัธยมปลายได้แล้ว ไม่มีความยุ่งเหยิงใด ๆ เหลือให้เห็นอีก ตอนนี้ทุกคนต่างจับกลุ่มของตัวเอง กลุ่มที่คงจะอยู่ด้วยกันไปจนหมดปี

 

ตอนนี้ใกล้จะสิ้นเดือนเมษายนแล้ว มารุมองออกไปนอกหน้าต่างโดนมีเพื่อนสองคนนั่งอยู่ข้าง ๆ มือข้างหนึ่งถือขนมปังอีกข้างถือมันฝรั่งทอด นักเรียนคนอื่น ๆ มักเข้ามาขอชิมคนละทีสองที แต่โดจินก็ไล่พวกนั้นไปจนหมด

 

“เบอร์เกอร์นี้ฉันขอมาจากคนขายเขาเลยนะ อะ เอาไปกินนะ”

 

โดจินยื่นเบอร์เกอร์ครึ่งชิ้นมาให้มารุด้วยรอยยิ้ม มารุหันไปรับพร้อมขอบคุณห้วน ๆ

 

“ครูฝึกมิโซบอกว่าหมอนี่มันต้องลดน้ำหนักลงหน่อยน่ะ”

 

“หน่อยเหรอ? หืม”

 

เดมยังยกน้ำขึ้นดื่มกลบเกลื่อน พวกเขาทั้งสองคนดูจะพยายามกับกิจกรรมชมรมกันอย่างมาก โดจินและเดมยังได้เป็นนักแสดงทั้งคู่ จากที่พวกนี้เล่ามา มิโซบอกให้พวกเขาฝึกบทที่อยากจะเล่น พวกเขาพยายามจะเล่นเป็นตัวประกอบที่ค่อนข้างบนเยอะ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด และกลายเป็นเล่นบทผู้โดยสาร 1 กับพรรคพวกแทน

 

“ทําไมถึงจําอะไรง่าย ๆ แบบนั้นไม่ได้กันนะ”

 

“ตอนอยู่ต่อหน้าครูหัวฉันขาวโพลนไปหมด ทําอะไรไม่เป็นเลย”

 

ครู เหรอ? เหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มสนิทกับเธอมากขึ้นแล้ว แต่มันก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะพวกเขาต้องอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน บางทีตอนพักเที่ยงก็ต้องไปซ้อมด้วย แต่มารุไม่รู้หรอกว่าพวกเขาไปทําอะไรกัน เพราะเขาจะโผล่หน้าไปชมรมแค่ช่วงวันเสาร์ ไปอ่านบทสั้น ๆ และช่วยทําฉากประกอบแค่นั้น

 

[กลับได้แล้วมารุ]

 

นั่นคือคําพูดแค่อย่างเดียวที่มิโซจะใช้พูดกับเขา 5 โมงเย็นในวันปกติ และ 3 โมงเวลาเรียนครึ่งวัน มิโซจะหันมาบอกเขาเสมอเมื่อนาฬิกาบอกว่าถึงเวลานั้น จนถึงจุดหนึ่งที่มารุไม่ต้องรอให้ใครบอก เขาหยิบกระเป๋าและกลับบ้านทันที คนอื่น ๆ ก็ยังทําอะไรกันต่อในห้องประชุม แต่มารุก็ไม่สนใจ

 

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

มันคือสิ่งเดียวที่เขาพูดออกมา ไม่เป็นไรใช่ไหม? เพราะเขาพูดอะไรมากไม่ได้ เขาไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างบนเวที

 

“จะตายแล้ว”

 

“เหนื่อย..”

 

คําตอบของเพื่อน ๆ เขาเองก็มักจะไม่ต่างจากเดิมนัก มักบ่นออกมาว่า “เหนือย” แต่มารุก็สังเกตได้ว่าสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขากําลังพัฒนาขึ้น มารุกัดเบอร์เกอร์ในมือ หลังจากวันนั้นมา เขายังคงนึกเสียใจอีกหลายครั้งที่ตัดสินใจอยู่วงนอก ยิ่งพอได้เห็นเพื่อน ๆ ในชมรมหัวเราะกัน เพราะบทที่เขาไม่เคยได้อ่านแล้ว ก็ยิ่งทําให้เขานึกเสียใจมากเข้าไปอีก

 

แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เขาชินแล้ว

 

“พยายามเข้าล่ะ เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวแล้วนะใช่ไหม?”

 

“อ่า อีกเดือนเดียว” โดจินตอบกลับ ก่อนจะยกปลายนิ้วตัวเองขึ้นมาดูด

 

“อ่า ประหม่าฉิบหายเลย อย่างน้อย ๆ ขอที่ 8 เถอะนะ”

ข้ามเวลาล่าฝัน

ข้ามเวลาล่าฝัน

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset