ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 26 ตอนที่ 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 26 ตอนที่ 2
เมื่อก่อนคนแบบนี้มันดูเท่มากสําหรับเขา เขายังจําได้ดีว่า การได้อยู่ในกลุ่ม “เด็กเท่” นี้ มันเป็นสิ่งที่เท่ที่สุดในช่วงนั้น แต่กลุ่ม “เด็กเท่” ก็ยังมีอยู่จนเขาโตขึ้นและแก่ตัวลง ตอนที่เขาเป็นเด็กมหาลัย มันคือเด็กที่เรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ตอนที่เขาเตรียมตัวหางาน มันคือบริษัท ตอนที่เขาเป็นพนักงานกินเงินเดือน มันก็คือพวกผู้จัดการ
ในช่วงมัธยมปลาย กลุ่มนักเลงพวกนี้จะสร้างกฎของตัวเองขึ้นมาด้วยการข่มขู่คนอื่น แน่นอนว่ามันอาจจะมีคนไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่…. คนส่วนใหญ่ก็ยังอยากจะอยู่ในกลุ่มนั้นมากกว่าจะโดนแกล้ง
โดวุคลุกขึ้นยืน ซองบุหรี่ถูกขยี้คามือเขา เขายืนหอบหายใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปเปิดตู้เก็บเครื่องมือทําความสะอาดที่หลังห้อง เขาหยิบไม้กวาดออกมาและพยายามเดินออกจากห้องเรียนไปด้วยสีหน้าซีดๆ มารุคว้าแขนของเด็กหนุ่มไว้ได้ก่อนเขาจะทันเดินออกไป
“ปล่อย”
“จะเอาของแบบนั้นไปสู้พวกมันเหรอ?”
“อยากโดนก่อนไหมล่ะ?”
“ไม่เอาน่า อุตส่าห์ทนมา ทําไมคิดจะเลิกตอนนี้ล่ะ?”
“ทน? ห่า เออ กูทนมันมา พยายามจะตั้งใจเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่จะให้นั่งดูพวกเหี้ยนั้นมันทําตัวแบบนั้นต่อเหรอ? ต้องไปสั่งสอนให้พวกแม่งรู้บ้าง”
โดวุคพยายามจะสะบัดมือของมารุออก แต่มารุกลับเพิ่มแรงจับขึ้น เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เขาพยายามจะใส่แรงสะบัดให้มากขึ้น แต่เขาก็ไม่สามารถสะบัดมันหลุดออกได้
“ก็ เรามันแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
มารุมองเข้าไปในดวงตาของโดวุค
“ไม่ชอบที่โดนล้อเหรอ?”
“เออสิเหี้ย คิดว่ากูชอบเหรอ?”
“เลิกสบถที่เถอะ สบถทุกคําจนจะฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว”
“อะไรของมึง อยากได้ห่าอะไรวะ?”
โดวุคจับคอเสื้อของมารุพร้อมตะโกนลั่น มารุกลับยักไหล่สวน “ไม่ใช่แกกําลังสํานึกผิดอยู่เหรอ?”
“หะ?”
“ไม่ใช่เหรอ? ที่แกพยายามทนเพราะไม่อยากไปยุ่งกับพวกมันใช่ไหมล่ะ?”
“พูดเรื่องอะไรของแกวะ?”
“นี่มันเรื่องที่แกเคยทําไม่ใช่เหรอ? ที่กําลังโดนทําใส่อยู่ตอนนี้น่ะ”
“ฉันทํา?”
“โดจินเคยบอกฉันไว้ว่าเขามักจะฝันถึงเหล่าเหยื่อของเขา และเมื่อเขาต้องอยู่ตัวคนเดียวในห้อง เขาก็จะได้ยินเสียงของพวกนั้นดังขึ้นมาในหู แกเองก็เป็นแบบนั้นใช่ไหม?”
ดวงตาของโดวุคเบิกกว้างขึ้นทันที ก่อนจะมีกล่องข้อความลอยขึ้นมาบนหัว
[มันรู้ได้ยังไง?]
เด็กหนุ่มมีท่าที่ตกใจมาก แน่นอน เพราะช่วงหลายวันมานี้ ทักษะการสังเกตของมารุเฉียบคมขึ้นมาก สิ่งที่เขาเห็นได้ชัดเจนจากท่าทางของโดวุคคือ การที่เขาไม่สามารถมองไปที่เดมยังตรงๆได้
คงเพราะรู้สึกผิด ไม่ผิดแน่
โดวุคนั้นกําลังเปลี่ยนตัวเอง ถึงเขาจะยังพูดแบบเดิม แต่การปฏิบัติตัวของเขาต่อคนอื่นนั้นได้เปลี่ยนไป เด็กคนอื่นในห้องเริ่มหันมาคุยกับเขาแล้วด้วยซ้ํา มันเป็นสัญญาณที่ดี เขากําลังรู้สึกตัวว่านิสัยเก่าๆ ของเขามันเป็นสิ่งที่ผิด มารุมั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องสร้างเพื่อนใหม่ได้ในไม่ช้าแน่ๆ
ถ้าเขาไม่เอาไม้กวาดไปฟาดหัวฉางฮูล่ะก็นะ ต้องห้ามทําเรื่องนี้เด็ดขาด
“พูดอะไรของแก?” โดวุคถาม
“เมื่อเช้าฉันเห็นแกคุยกับคนอื่นและยิ้มแย้มดูมีความสุขดี
“ฉันไม่คิดหรอกว่าแกเป็นคนดี แต่แกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ฉันว่าแกยังกลับตัวได้”
นี่คงเป็นความรู้สึกจริงๆที่มารุมีต่อเด็กหนุ่ม โดวุคเองก็คงจะเข้าใจเช่นกัน เด็กหนุ่มปล่อยมือออกจากคอเสื้อของมารุพร้อมด้วยท่าทางหงุดหงิด คราวนี้มารุปล่อยมือบ้าง เพราะโดวุคดูไม่เหมือนคนที่จะวิ่งออกไปจากห้องอีกแล้ว เด็กหนุ่มโยนไม้กวาดลงที่พื้น
“เลิกสั่งสอนสักทีเถอะว่ะ น่ารําคาญ
“ขอโทษแล้วกัน”
โดวุคเดินออกห้องไปพร้อมอาการส่ายหัว มารุหยิบไม้กวาดขึ้นมา
“เก็บกวาดไม่เป็นเหรอ?”
ขณะที่เขากําลังเดินเอาไม้กวาดไปเก็บ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น มารุเลือกที่จะไม่รับมัน เพราะเขารู้สึกแปลกๆกับสายเข้านี้ เขารีบเดินไปจนถึงประตูหน้า น่าเสียดายที่เขากลับเห็นคนที่ไม่ควรจะเห็นยืนรออยู่ระหว่างทาง
“ไง มารุ…”
“คิดจะไปไหนวะเพื่อน?”
เดมยังและโดจินยืนรอเขาอยู่ด้วยสีหน้าท่าทางราวกับคนโดนดูดวิญญาณออกจากร่าง ใบหน้าอันยิ้มแย้มของมิโซ ช่างดูราวกับปีศาจที่ตรงดิ่งขึ้นมาจากนรกโลกันต์
มารยิ้มแหยๆออกมา ก่อนจะหันหน้าไปมองสมาชิกชมรมทั้งหมดในหอประชุม
“ไม่ได้รับสายฉันนะ ฉันว่า?” มิโซถาม
มารุหันหน้าหนี้ไปในชั่วพริบตา ก่อนจะตอบกลับมา
“พอดีหูผมไม่ค่อยดีนะครับ”
“โอ้เหรอ? ให้ช่วยดูให้ไหม?”
“เรื่องนั้นมัน”
“จากนี้รับโทรศัพท์ด้วย เข้าใจไหม?”
“ครับผม”
หญิงสาวมีท่าที่ราวกับปีศาจอย่างแท้จริง เหล่าสมาชิกชมรมยืนเรียงแถวกันขณะที่มิโซมองดูแต่ละคน
“ร่างกายเป็นยังไงบ้าง? ด้วยการซ้อมที่ฉันจัดให้เมื่อวาน คงเมื่อยกันบ้างแหละใช่ไหม?”
“เมื่อยกันบ้าง?” จะดูถูกกันเกินไปแล้ว
“เพราะพวกเธอได้ใช้กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่เคยได้ใช้กันยังไงล่ะ เพราะพวกเธอยังฝึกมาไม่พอ”
หม ฟังดูน่าสงสัย มารเริ่มคิดอีกครั้งว่าการมาเข้าชมรม นี้มันเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิดกันแน่ เขามาเพื่อเป็นสมาชิกธรรมดาๆ ไม่ได้มาเพื่อเป็นทหารที่ถูกฝึกโดนครูฝึกจอมโหด
“วันนี้เราก็จะซ้อม แต่แค่ฝึกเสียงกันก็พอ เมื่อวานเห มือนฉันจะหวังมากไปหน่อย วันนี้เราจะให้ร่างกายได้ขยับอย่างยืดหยุ่นบ้าง จะได้คลายกล้ามเนื้อที่สั่งสมกันมาจากการใช้ชีวิตผิดๆ เข้าใจไหม?”
“ครับ/ค่ะ”
“ทําไมเงียบกันจัง?”
“ครับ/ค่ะ”
“ดีมาก
ตอนนั้นเองสีหน้าของมิโซได้เปลี่ยนไป
“แต่เรามีเรื่องต้องทํากันก่อน”
เธอหันมามองที่สมาชิกชมรมก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“วันนี้เราจะมาคัดของปลอมออก เรื่องนี้มันอาจจะยากหน่อย แม้แต่กับเด็กที่ตั้งใจจริง”
ใบหน้าของเธอดูจริงจังเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 26 ตอนที่ 1
มารุจําไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขามาถึงโรงเรียนได้ยังไง ก่อนเขาจะทันรู้ตัว เขาก็มานั่งเหยียดในที่นั่งของตัวเองแล้ว โดจินเองก็นอนกรนอยู่ข้าง ๆ ที่ด้านหน้า เดมยังเองก็หมดสติไปเช่นกัน
“ตื่นได้แล้วเจ้าพวกโง่” ครูเดินเข้ามาพูด
ตอนนี้เป็นเวลาของวิชาลอจิกเกต มารุตื่นขึ้น พวกเขาต้องตื่นไปอีกสี่ชั่วโมง จนกว่าจะถึงพักเที่ยง เรื่องนั้นมันจะไหวแน่เหรอ?
‘ต้องตั้งใจเรียน…’
หนังตาของมารุนั้นเริ่มตกลงแทบจะทันที ชีวิต… มันไม่ง่ายเลยหากต้องการควบคุมชีวิตของตัวเอง
“รอดจนได้” โดจินกล่าว หลังจากคาบ 4 จบลง มารุก็ก้มหัวลงฟุบกับโต๊ะพร้อมกับพูดว่า ‘เวลางีบ’ กับตัวเอง
“พวกนายไหวไหม?” เดมยังหันมาถามเพื่อนทั้งสองคนเมื่อวานมิโซฝึกเขาอย่างหนักเป็นพิเศษ สั่งให้เขาวิ่งบ้าง กระโดดบ้าง ไปทั่วห้อง…
‘จริง ๆ เธออาจจะแค่อยากแกล้งให้เขาต้องทรมานก็ได้’
ขาของเขายังคงเจ็บปวด จนน่าจะลาพักวันนี้ไปเสียด้วยซ้ำ
“ฉันยังไหวหรอก แกล่ะ เดมยัง?”
“ฉัน?”
เดมยังชี้ลงไปที่ขาของตัวเอง มันสั่นอย่างหยุดไม่อยู่
“เรื่องนั้นน่ะนะ… ”
เด็กหนุ่มได้แต่ยิ้ม
“เฮ้อ”
“ฮ่า”
มารุและโดจินยืนประกบข้างเดมยัง พวกเขาพยายามจะช่วยเพื่อนให้เดินไปให้ถึงโรงอาหาร แถวที่โรงอาหารเริ่มยาวขึ้นแล้ว มารุเห็นนักเรียนปีหนึ่งหน้าตาคุ้น ๆ อยู่หลายคน พวกเขาต่างก้มลงนวดขาของตัวเอง
“เกนซุค” มารุตะโกนเรียก เด็กหนุ่มหันกลับมายิ้มให้
พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนร่วมสนามรบกันมา เด็กหนุ่มเกนซุคค่อนข้างเป็นคนยิ้มง่ายเลยเมื่ออยู่นอกชมรม เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าเขาจริงจังกับการแสดงมากแค่ไหน
‘แล้วฉันล่ะ?’
มันเป็นเวลากว่า 4 อาทิตย์แล้วที่เขากลับมายังชีวิตใหม่ครั้งนี้ เขาปรับตัวได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าเขายอมรับชีวิตใหม่ได้ค่อนข้างดีมากกว่า เพราะการปรับตัวนั้นคือ การหลอมรวมตัวเองเข้ากับสิ่งใหม่ แต่เขาไม่สามารถจะทําแบบนั้นได้
มันช่วยไม่ได้หรอก เขายังคงเป็นตัวเขาในวัย 45 ปี ถึงเขาจะไม่สามารถจําชีวิตก่อนหน้าของเขาได้มากมายนัก แต่ประสบการณ์ต่าง ๆ ก็ยังคงฝังอยู่ในจิตใจเขา ในร่างของเด็กมัธยมปลายนี้มีจิตใจของชายวัน 45 ปีอยู่ เขา หันไปมองที่โดจินและเดมยัง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่…ในความเป็นจริง เขาไม่ได้มองทั้งสองอย่างเท่าเทียม เขามองเห็นทั้งสองเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่เขาต้องดูแล
มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีรึเปล่า? เขาไม่รู้เลย เพราะเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน แถมจะไปถามใครที่ได้ใช้ชีวิตที่สองก็คงไม่มี สุดท้าย เขาก็ต้องลองหาคําตอบด้วยตัวเอง มีแต่ต้องรอให้เขาอายุครบ 45 ปีอีกครั้งเท่านั้น เขาถึงจะสามารถตอบคําถามนี้ได้
“อ่า ใช้ชีวิตมาดีจริง ๆ”
หรือว่า…
“นี่ ไปกันเถอะ” โดจินโบกมือบอก แถวด้านหน้าของเขาขยับแล้ว
“ได้ ๆ”
ตอนนี้ เขามีแต่ต้องมุ่งหน้าต่อไป
คาบเรียนหมดลง มารุไม่สามารถจําได้เลยว่าวันนี้เขาได้เรียนเรื่องอะไรไปแล้วบ้าง หรือเขาทําอะไรไปบ้างในการเรียนวันนี้
“ฮ่าว” โดจินหาวพร้อมยึดบิดตัว “กลับกันเถอะ เดี๋ยวขากลับเลี้ยงมันฝรั่งทอดเอาไหม?”
“ฟังดูดี”
“เดมยังโว้ย กลับกัน”
เด็กหนุ่มที่นั่งแถวหน้าพยายามฝืนลุกขึ้นยืน
“เพื่อนเอ้ย เมื่อเช้าแกมาถึงโรงเรียนได้ยังไงวะ?”
“ก็ฉันไม่อยากโดนดุ ครูเขาน่ากลัวจะตาย เลยวิ่งมาสุดแรงน่ะ แฮะ ๆ”
โดจินถือกระเป๋าให้เดมยัง ทั้งสองคนเดินออกจากห้องไปพร้อมพูดถึงความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญเมื่อคืนหลังกลับถึงบ้าน ขณะที่มารุกําลังจะเดินตามทั้งสองคนออกไป เขากลับได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“นี่ ขอบุหรี่หน่อยดิวะ”
ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น มารหันไปดู เขาเห็นฉางฮูและพ้องเพื่อนกําลังล้อมโต๊ะของโดวุคอยู่ ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนสนิทกันมาก แต่กลับกลายเป็นศัตรูกันภายในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน
ฉางฮูและพรรคพวกดูท่าทางสดชื่นมาก เขาไม่มีสีหน้าท่าทางเหมือนคนที่กําลังกลั่นแกล้งคนอื่นอยู่เลย ราวกับว่าพวกเขาแค่ขอของจากเพื่อนเท่านั้น มารุไม่ชอบสีหน้าแบบนั้น พวกเด็กในกลุ่มบางคนแค่ทําตามฉางฮูต้อย ๆ โดยไม่ได้คิดอะไรเสียด้วยซ้ำ แค่เห็นคนแบบนั้นก็ทําให้มารุรู้สึกรําคาญอย่างบอกไม่ถูกแล้ว
“น่าเพื่อน แค่บุหรี่”
ฉางฮูเตะโต๊ะเบา ๆ โดวุคหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มพร้อมกับกระซิบเบา ๆ ว่า ‘ไม่มี’
“ฮ่า ๆ ๆ งั้นก็บอกมาแต่แรกสิวะ จะทําท่ากลัวไปเพื่อ?”
ซองบุหรี่ตกลงบนโต๊ะของโดวุค
“นี่ เอาไปสูบแล้วเลิกทําตัวเป็นตุ๊ดทีเถอะ ขอล่ะนะ? แกน่ะเป็นคนดี ใช่ไหม? อย่าไปแกล้งมันเลยพวก เนอะ? มันเป็นคนดี”
เด็กรอบ ๆ ตัวฉางฮูต่างหัวเราะออกมาเบา ๆ
“โดวุค เราต้องสนิทกันไว้นะ เนอะ? พวกสาว ๆ ที่สวนก็เริ่มถามหาแกแล้ว นะเพื่อน รู้ใช่ไหมว่าต้องทํายังไง?”
ฉางฮูดันซองบุหรี่ไปให้โดวุคอีกครั้งก่อนจะเดินออกห้องไป
“ไว้เจอกันว่ะ”
มารุหันไปมองเด็กหนุ่มอย่างสงสัย
“อะไร?” ฉางฮูพูดขึ้น
“เปล่า”
“…ระวังแล้วกัน นะ?”
“ไม่เป็นไรหรอกเว้ย”
มารุตบหลังฉางฮูเบา ๆ ทําให้เด็กหนุ่มต้องหันกลับมาขู่ใส่ก่อนเดินออกไป เหล่าเด็กหนุ่มผู้ติดตามเองก็หันมาจ้องมองมารุก่อนจะเดินตามจ่าฝูงไป