ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 24 2

บทที่ 24 ตอนที่ 2

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 24 ตอนที่ 2

 

*ต่างจากพวกเราจริง ๆ” มารคิด

สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นคนที่มาเข้าโรงเรียนนี้เพื่อชมรมการแสดงโดยเฉพาะเกนซุคดูท่ามีแววเป็นนักแสดงใหญ่ได้

“แต่ว่าทําไมในอนาคตเราถึงไม่เคยได้ยินนักแสดงชื่อนี้เลยนะ?”

เขาได้ยินชื่อเสียงพี่ชายของเกนซุคมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเกนซุคเลย เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?

มารุส่ายหัวตัวเองเบา ๆ เขาไม่อยากจะคิดถึงมัน และเมื่อมีมารุเข้ามาในชีวิตแล้ว ชีวิตของเด็กหนุ่มเกนซุคอาจจะเปลี่ยนไปได้บ้าง ถึงจะไม่มากแต่ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาบ้าง

“ถ้าฉัน…”

 

ถ้าเด็กหนุ่มเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือขึ้นมา…. มารุก็อยากจะเป็นคนที่อยู่คอยช่วย เพราะหน้าที่ของผู้ใหญ่คือการส่งเด็ก ๆ ให้ไปถึงฝั่งฝันเขาคิดแบบนั้นจนสายตาของทั้งสองหันมาสบกัน

เกนซุคหันมามองอย่างงง ๆ ทําให้มารุตอบกลับไปด้วยการยักไหล่

 

“แน่นอนว่าเป้าหมายของชมรมการแสดงทุกที่นั้นคือการไปแข่งระดับชาติงานประกวดจะเริ่มช่วงหน้าร้อน และเขาจะมีการแข่ง ระดับภาคก่อนหน้านั้นจังหวัดคยองกีของเราจะมีการแบ่งเป็นสี่ เขตย่อย หมายความว่าพวกเธอต้องได้ที่หนึ่งในระดับจังหวัดก่อน แล้วค่อยไปคว้าที่หนึ่งระดับภาคมาต่อถึงจะได้รับสิทธิไปแข่งยังระดับประเทศ ทั้งหมดนี้เขาจะเริ่มกันช่วงเดือนมิถุนายนแล้วรู้ไหมว่านี่เดือนอะไรแล้ว?”

 

“มีนาคม

“คงจะต้องลําบากกันหน่อย ถึงจะเป็นมีนาคม แต่ก็เกือบจะสิ้นเดือนแล้วเพราะฉะนั้นเราจะเหลือเวลาซ้อมแค่ 2 เดือนเท่านั้น 4

ดวงตาของเหล่าปีสองเบิกกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ร-เราจะไประดับชาติเหรอ?”

 

“แน่อยู่แล้วสิ”

เดนมิถอยหลังไปด้วยความตกใจ มารุเห็นยูนจังกําหมัดของตัวเองไว้แน่น

“คือ ครูฝึกครับ” จุงฮยุกยกมือขึ้น

“ว่าไง?”

“เราไม่มีปีสามนะครับ”

“รู้ เพราะฉะนั้นจะมีแค่พวกเรา 12 คนเท่านี้แหละ”

“ยังไงก็เถอะ กลับไปที่เรื่องหลักกัน มาคุยกันดีกว่าว่าทําไมชมรมมันถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ จะให้ฉันเล่าก็ได้นะ เพราะฉันได้ยินจากที่ปรึกษาพวกเธอมาแล้วแต่… คิดว่าไง ปีสอง? จะอธิบายเองไหม?” ยูนจังไหล่ตกทันที่ที่ได้ยินแบบนั้น มิโซพูดต่อ “ควรใช่ไหม? ก่อนอื่นฉันจะอธิบายให้ฟังก่อนว่าชมรมนี้มันคืออะไร”

มิโซชี้ไปที่ปีหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น

“เอาล่ะ เริ่มแรกเลย บลูสกาย ชื่อนี้ครูแทซิคของพวกเราเป็นคนตั้งให้เรื่องมันผ่านมาแล้ว 13 ปี” เธอมีใบหน้าราวกับคนที่กําลังระลึกถึงความหลังในชีวิต

มิโซหันไปมองในหอประชุมอีกครั้งเมื่อมารุเห็นแบบนั้นเขาก็รู้ทันทีว่าเธอต้องเคยอยู่ในชมรมนี้แน่นอน

“อ่า ลืมบอกไปสินะ? ฉันเป็นรุ่นพี่ของพวกเธอฉันเป็นรุ่นแรกของชมรมและพวกเธอ… เป็นรุ่นที่ 13”

อย่างที่คิด

“ตอนนั้นพวกเรายังอยู่ปีหนึ่งกันทั้งนั้น ครูคนใหม่ นักเรียนใหม่ตึกใหม่ทุกสิ่งทุกอย่างมันใหม่เอี่ยมไปหมด ชมรมนี้เองก็ถูกตั้งขึ้นโดยนักเรียนในสมัยนั้นนั่นแหละนั่นคือที่มาของชมรม ถึงคนที่ช่วย เราตั้งมันขึ้นมาจะเป็นครูก็เถอะจะว่าไปรู้ไหมว่าครูแทซิคน่ะไม่แก่ ลงเลยนะ เมื่อก่อนก็หน้าตาแบบนี้เลยแหละ”

ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าสู่ช่วงทําตัวสบาย ๆ แล้ว เมื่อเหล่านักเรียนเห็นก็ต่างพากันถอนหายใจ ก่อนจะนั่งลงอย่างสบายตัว

“ที่แรกฉันก็ไม่คิดจะเข้าชมรมหรอก ตอนนั้นฉันชอบวาดรูปมาก มากจนอยากจะเป็นนักเขียนการ์ตูนตาหวานเลยล่ะช่วงนั้นเวลาเด็กคนอื่นวาดผลไม้ ฉันก็จะวาดหน้าคน ก่อนที่เจ้าบ้าคนหนึ่งจะมาชวนฉันว่า “มาแสดงกันเถอะ” มันบ้ามาก ๆ สติไม่สมประกอบแน่ๆเพราะเขาพยายามจะชวนคนทั้งห้องเลย”

มิโซส่ายหัวเบา ๆ ไปพร้อมกับรอยยิ้ม

 

“ยังไงก็เถอะ บลูสกายถูกสร้างขึ้นด้วยน้ําพักน้ําแรงของเจ้านั่นกับครูและคนที่เจ้าบ้านั้นชวนเข้ามาแต่ละคน มีแต่คนบ้า ๆ จน เต็มชมรมไปหมดมันวุ่นวายมาก ๆ เลยล่ะ เว้นแต่ตอนฝึก เมื่อถึง เวลาฝึกซ้อม เราจะมุ่งมั่นกันยิ่งกว่าใคร ๆ”

 

เธอเดินออกไปจากกลุ่มนักเรียน และกลับมาพร้อมอัลบั้มรูปในมือมันคืออัลบั้มของสมาชิกชมรมรุ่นแรก มิโซเบิดมันออกดูด้วยท่าทางอันภูมิใจอัลบั้มมันไม่เก่าลงเลย ถึงบางรูปจะขาดไปบ้าง บ้าง อาจจะเปลี่ยนสีไปมิโซหยิบรูปหนึ่งออกมา

มันเป็นรูปของคน 17 คนยืนเรียงกันด้วยรอยยิ้มอันสดใสในมือถือเหรียญอันใหญ่ไว้ และป้ายด้านหลังเขียนไว้ว่า “ยินดีด้วยที่ชนะงานประกวดแข่งขันระดับประเทศ

 

“ได้ที่หนึ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงเลยเหรอครับ?” เกนซุคถามมิโซพยักหน้ารับ

“เหตุผลที่เราเข้าแข่งนะก็เพื่อชนะ เข้าร่วมเพื่อความทรงจําดีๆ ?อย่ามาตอแหลหน่อยเลย ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าคนที่สร้างชมรม ขึ้นมานะมันบ้าและก็รวมตัวคนบ้า ๆ มาอยู่ในชมรม จะเรียกว่า ฉันเป็นหนึ่งในพวกบ้านั่นก็ไม่ผิดหรอกยังไงก็เถอะเราพยายามกัน อย่างเต็มที่เพื่อจะได้ชนะงานประกวดเราซ้อมระหว่างเรียนเราซ้อมหลังเลิกเรียน แม้แต่ช่วงวันหยุดก็ไม่มีข้อยกเว้น แน่นอนว่ากา รเรียนนะเป็นเรื่องสําคัญแต่การแสดงต้องมาก่อนเราซ้อมช่วงพักเที่ยงถ้าเกิดมีครูมาดว่าเรา เราก็จะไปซ้อมบนดาดฟ้าแทน เรา ตะโกนในสนามจนเสียงแหบบางคนต้องเจ็บตัวระหว่างทําฉากก็มี”

ยิ่งเธอพูดอารมณ์ของเธอยิ่งปะทุ

“ตอนนั้นเราไปขอความช่วยเหลือจากชมรมการแสดงรอบ ๆ ไปทั่วแต่ไม่มีใครคิดจะช่วยอะไรเราจริงๆจังๆยิ่งพวกชมรมการแสดงของโรงเรียนหญิงล้วนใกล้ๆนี่นะ เพราะชมรมของพวกนั้นก็ ดังเอาเรื่องอยู่ พอเราเข้าไปปรึกษากับครูที่ปรึกษาชมรมมันเจ้าหมอนั่นกลับบอกเรามาว่ามือใหม่อย่างเราไม่มีทางไปได้ไกลหรอกเราเลยยิ่งต้องแสดงให้มันได้เห็น”

 

มิโซเอารูปขึ้นมาให้ดูอีกครั้ง รอยยิ้มของทุกคนดูจริงใจ มารุมองดูรูปนั้นราวกับต้องมนสะกดพลังงานที่เปล่งออกมาจากรูปนั้นมันช่างล้นเหลือแม้เวลาจะผ่านมาแล้วถึง 13 ปีก็ตาม

 

“นั่นคือต้นกําเนิดของบลูสกาย พวกบ้า ๆ ต่างพากันเรียนจบไปหลังจากนั้นทําให้พอขึ้นปีสองมาเราไม่สามารถชนะได้แต่เราก็ยังได้รับการกล่าวถึงอยู่แล้วพอมาดู…”

 

ใบหน้าของมิโซดูโกรธเคืองขึ้นทันทีหลังหันไปมองพวกปีสอง

“พอฉันกลับมา ชมรมกลับอยู่ในสภาพแบบนี้”

เธอหันมองมองหน้ายุนจังอย่างหงุดหงิด

“อธิบาย ให้พวกปีหนึ่งฟัง”

ยูนจังลุกขึ้นยืน ทําให้ความสนใจของคนทั้งห้องไปตกที่เธอท่าทางร่าเริงของเธอนั้น ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้ได้เห็น

“ฉันน่าจะเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้แล้ว ขอโทษที่เล่าช้านะฉันบอกไปแล้วใช่ไหม? ว่าพวกปีสามและปีสองคนอื่น ๆ นอกจากเราออกชมรมกันไปหมด”

เธอถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ

“ที่พวกเขาออกจากชมรมไป… เพราะอุบัติเหตุหนึ่ง”

 

 

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 24 ตอนที่ 1

 

ตอนแรกมารุนึกว่ามิโซนั้นพูดเล่น ทุกคนก็เช่นกัน แต่หลังจากได้เห็นใบหน้าอันเคร่งขรึมของมิโซ มันก็ทําให้พวกเขาเร่งเดินท่าเป็ดไปหาเธออย่างจริงจัง 60 เมตร มันค่อนข้างไกล และเมื่อทุกคนเดินไปถึงด้านหน้าของเธอ มิโซก็ปรบมือขึ้นแล้วพูด

 

“คราวนี้เดินกลับ แต่ขากลับให้ผ่อนคลายข้อต่อทุกส่วน

 

มิโซแสดงตัวอย่างให้พวกเขาได้ดู ด้วยก้าวย่างแต่ละก้าวที่เดินออกไป เธอบิดปล่อยข้อมือและข้อเท้าไปหลายครั้ง หลังจากเดินไปได้ครบสามเก้า เธอก็จะบิดยืดคอด้วย

 

“เริ่ม

 

สมาชิกชมรมต่างเดินกลับไปที่เดิมตามคําสั่ง หลังจากพวกเขากลับมาถึงที่ การฝึกตะโกนก็เริ่มอีกครั้ง

 

“ตะโกนโดยพยายามเปิดลําคอเอาไว้ตลอดเวลา”

 

อ่า ความรู้สึกแสนประหลาดนี้ ทําให้มารุนึกถึงตอนยังทํางานอยู่ในบริษัทแล้วลูกค้าที่จะลงโฆษณาเดินมาบอกว่า “อยากได้อะไรที่ให้อารมณ์ประมาณนี้” พร้อมรูปในมือ

 

“อ้าาา

 

เสียงตะโกนอันบ้าคลั่งเริ่มขึ้นโดยมีจุงฮยุกนํา และทุกคนก็ตะโกนได้ดังกว่าครั้งก่อนมานิดหน่อย พวกเราตะโกนต่อกันมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่อิเซ เมื่อครบแล้วสมาชิกต่างหันไปมองมิโซด้วยความมั่นใจ แต่เธอกลับตอบกลับมา

 

“เดินเป็ด”

 

การลงโทษ มารุคิดว่าหญิงสาวน่าจะแค่ต้องการสั่งสอนให้เหล่าสมาชิกชมรมได้รู้สถานะของตัวเอง ถ้าทุกคนเหนื่อยแล้วเธอก็คงหยุดไปเอง

 

แต่ไม่นานนักมารุก็ได้รู้ว่า สิ่งที่เขาคิด มันไม่ใช่สิ่งที่กําลังเกิดขึ้น

 

“แฮก แฮก แฮก”

 

เหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงมาจากหน้าผากของเขา ยิ่งมารุได้มองไกลๆแล้ว มิโซยิ่งเหมือนปีศาจเข้าไปใหญ่ หญิงสาวโบกมือให้พวกเขาเข้าไปหา ยังมีคนที่ทนได้อยู่สี่คน รวมมารุด้วย พวกเขาเดินท่าเปิดมาจนถึงจุดหมายได้อย่างยากลําบาก

การฝึกแสนพิสดารนี้ดําเนินติดต่อกันมาถึงหนึ่งชั่วโมงแล้ว จากที่แรกเป็นการฝึกตะโกนแล้วเดินท่าเป็ด ตอนนี้มันกลายเป็นการเดินท่าเปิดวนไปวนมาแทน ไม่มีการตะโกนอีกต่อไป มีแต่การเดินทาเป็ด

 

“เป็ดร้องก้าบๆแล้วไก่ร้อง?”

 

“จิ๊บ จิ๊บ”

 

จุงฮยุก แทยูน มารุ และเกนซุค พยายามอย่างที่สุดของที่สุด หลังจากผ่านช่วง 50 นาทีมา สิ่งที่ยังทําให้พวกเขาไปต่อได้ ก็มีแค่แรงใจเท่านั้น แม้แต่มารุผู้ที่ฝึกกล้ามเนื้อขาด้วยการปั่นจักรยานอยู่ทุกวัน ยังต้องกระอักหลังจากเดินท่าเปิดมานานขนาดนี้ ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงมิโซด้วยลมหายใจที่หอบถี่

 

“มีแววตาที่ดีมากหนุ่มๆ”

 

มิโซหันมายิ้มให้ อะไรของผู้หญิงคนนี้นะ? มารุกัดฟันเพื่อหยุดขาของตัวจากอาการสั่น

 

“ว่าไง ยังไหวไหม?”

 

“ ครับ”

เสียงของพวกเขาไม่เหลือความมั่นใจอยู่แล้ว แต่ก็แน่ล่ะ เพราะเดินกันมาตั้งหนึ่งชั่วโมง

 

“นั่งพักได้ และพวกที่เหลือ หันหน้าหากําแพง”

 

มิโซตะโกนข้ามฟากหอประชุมไปหาพวกที่เหลือ เสียงของเธอดังไม่มีตก คนอื่นๆที่ยอมแพ้ไปก่อนหันหน้ากลับมาหาเธอ

 

“วิ่งมานี่”

 

“ครับ/คะ”

 

สมาชิกคนอื่นๆ ต่างพากันวิ่งมาอย่างสุดแรง พวกนั้นหันมามองคนทั้งสี่ที่นั่งเหนื่อยอยู่อย่างรู้สึกผิด

 

“คนที่ยอมแพ้คนแรก”

 

“ครับ”

 

เดมยังตอบกลับด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติเพราะความกลัว

 

“มีเครื่องดื่มเกลือแร่วางอยู่ข้างประตู ไปหยิบมา”

 

“ครับ”

 

เดมยังวิ่งไปที่ประตูหลัง มารุมองดูเด็กหนุ่มด้วยความเหนื่อยหอบ เขาไม่เคยเห็นเด็กอ้วนคนนี้วิ่งได้เร็วแบบนั้นเลย

 

อีก อีก

 

เหล่าสมาชิกต่างพากันแบ่งเครื่องดื่มให้กัน ในที่สุด ก็ถึงเวลาพักเสียที ทั้งสี่คนผู้เหลือรอดจนสุดท้ายต่างพากันนวดขาของตัวเองพร้อมร่ําร้องด้วยความเจ็บปวด

 

“ขอพูดอะไรหน่อยนะ ตอบมาตามตรงล่ะ เข้าใจไหม?”

 

“ครับ/คะ”

 

“พวกปีสอง

 

“ครับ/คะ”

 

“ปีก่อนไปเล่นที่งานเทศกาลไหนมาบ้าง?”

 

“เราไปงานหนึ่งที่มีจังหวัดเป็นเจ้าภาพ อีกงานมีมหาวิทยาลัยกังวูเป็นเจ้าภาพ”

 

ยูนจังตอบกลับมา ตอนที่เธอตอบคําตอบเหล่านั้นออกมา เธอค่อยดูเหมือนเป็นประธานชมรมหน่อย

 

“แล้วงานแข่งระดับภาคล่ะ?”

 

“ ไม่ได้ไปค่ะ”

 

“หมายถึงไปไม่ได้รึเปล่า?”

 

ยูนจังกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อได้ยินคําพูดนั้น ดูเหมือนว่าเธออยากจะพูดอะไรสวนกลับไป

 

“ไม่คิดว่าพวกน้องปีหนึ่งมันควรได้รู้บ้างเหรอ ว่าชมรมชื่อดังอย่างชมรมการแสดงทําไมถึงกลายสภาพเป็นแบบนี้”

 

“…”

 

“นั่ง”

 

ยูนจังนั่งลง มิโซเองก็นั่งลงบนเก้าอี้พับของตัวเองเหมือนกัน

 

“นี่ ปีหนึ่ง”

 

“ครับ/คะ”

 

“รู้ไหมว่าในเกาหลีใต้มีเวทีการแสดงสําหรับเหล่านักแสดงวัยรุ่นอยู่ทั้งหมดกี่ที่?”

 

ไม่มีใครตอบ มารุเองก็ไม่ทราบเช่นกัน

 

“จริงเหรอ? ไม่มีเลย? แค่เดามาก็ได้”

 

เกนซุคยกมือขึ้น

 

“ว่าแล้ว เอาสิ ลองบอกมาหน่อย”

 

“มีงานประกวดระดับชาติ ที่จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการและสภาศิลปกรรมเกาหลี

 

“ใช่”

 

“แล้วก็มีงานที่จัดโดยเหล่ามหาวิทยาลัยต่างๆ งานดังๆก็อย่างเช่นงานประกวดของมหาวิทยาลัยกังวู มหาวิทยาลัยโฮเอชอน และมหาวิทยาลัยจุคยัง”

 

“ดีๆ”

 

“และก็มีงานเฉพาะเครือข่ายและงานประกวดระดับภาค เพื่อคัดเลือกตัวแทนไปแข่งระดับประเทศ”

 

“อธิบายได้ดี เยี่ยมมาก” มิโซปรบมือให้ ทําให้เหล่าปีหนึ่งต่างพากันปรบตาม

ข้ามเวลาล่าฝัน

ข้ามเวลาล่าฝัน

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset