ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 19 2

บทที่ 19 ตอนที่ 2

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 19 ตอนที่ 2

 

“ชื่ออะไร?”

“ฮาน มารุครับ”

“มารุ? ชื่อดีนี่ เอาล่ะ จากนี้มารุจะปราศรัยให้ฟังเป็นเวลา 5 นาที และการอยู่ในท่านั้น 5 นาที คงลำบากแย่ใช่ไหม?”

“ครับ”

“แล้วเธอคิดจะทำยังไงล่ะมารุ?”

“ต้องรีบพูดให้จบเร็ว ๆ ครับ”

“ใช่ไหม? งั้นขอการปราศรัย 5 นาที เกี่ยวกับเรื่อง… ความรู้สึกแรกหลังเห็นฉัน พร้อมนึกถึงความผิดของเด็กคนอื่น ๆ ไปในหัวด้วย อืม แค่นั้นพอ”

มิโซหันมองไปที่เหล่าปีหนึ่ง บ้างก็ดูมีพรสวรรค์ บ้างก็ดูท่าหมดหวัง เจ้าคนตัวสูงด้านหลังดูจะเคยฝึกพูดมาก่อนแล้วด้วยซ้ำ แต่เรื่องพวกนั้นมันไม่เกี่ยวกับมิโซ เพราะตอนนี้มีแค่อย่างเดียวเท่านั้นที่เธอยากเห็น

‘หมอนี่ดูท่าทางมีไหวพริบ’

ไหวพริบไม่ใช่ประสาทสัมผัสหลัก แต่เป็นทักษะที่เกิดมาจากการสังเกต การสังเกตที่แม่นยำจะนำไปสู่การคาดเดาความคิดของอีกฝ่าย และมารุดูท่าจะเก่งด้านนั้น

แต่เขาจะเข้าใจสิ่งที่มิโซต้องการในตอนนี้รึเปล่านะ?

มิโซหันไปมองมารุ ใบหน้าของเขานิ่งเฉย สงบ ตอนที่ถูกเรียกชื่อก็ดูสงบ ตอนที่โดนบอกให้มายืนด้านหน้าก็ดูเรียบเฉย แม้แต่ตอนนี้เขาก็ดูไม่มีความตื่นเต้นเลย ถึงอาจจะมีเกร็ง ๆ อยู่หน่อย แต่ถ้าเขาได้ตั้งสมาธิแล้ว อาการเหล่านั้นก็จะหายไปทันที นี่มันค่อนข้างใช้ได้เลย อาจจะถึงขั้นเยี่ยมยอดด้วยซ้ำ

การไม่กลัวสายตาของผู้คนนั้น เป็นอะไรที่นักแสดงต้องมี ถ้าพูดถึงด้านนั้น มารุคงผ่านการทดสอบนี้ไปได้แบบคะแนนเต็มทะลุหลอดเลย

“เริ่มได้”

หลังจากมิโซบอกให้สัญญาณ

“อย่างแรกเลย พวกแกอ่อนแอมาก”

เสียงตะโกนดังออกมาจากปากของมารุ ถึงน้ำเสียงจะไม่มีความนุ่มลึก เพราะเขาไม่ได้ใช้กะบังลม แต่มันก็ดังพอจะก้องไปทั่วห้องประชุม มารุสูดหายใจเข้าลึกและกำลังจะพูดต่อ

“พอ” มิโซขัดขึ้น “อย่างน้อยก็ยังจำได้ ปีหนึ่ง ลุกได้”

ใบหน้าของเด็ก ๆ ต่างเปลี่ยนเป็นสีแดง มิโซหันไปมองที่พวกนั้นอีกครั้ง บ้างก็กำลังจัดเสื้อผ้า บ้างจัดทรงผม จากทั้งหมด มีเพียงสองคนกำลังหันมามองทางนี้โดยไม่สนใจเสื้อผ้าหรือทรงผมของตัวเอง

‘โดจินกับเกนซุคเหรอ? อย่างน้อยก็ดูไม่ได้โง่ ยิ่งกับเกนซุค… ต้องสอนสนุกแน่ ๆ’

“ขอลงได้รึยังครับ?” เสียงของมารุถามขึ้นจากด้านหลัง

“ลงมาได้มารุ”

“ครับ”

มารุใส่รองเท้าและเดินกลับเข้าที่ มิโซนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้งก่อนจะพูดต่อ

“บอกไปก่อนจะเริ่มแล้วใช่ไหม? ว่าให้พูดเสียงดัง ให้คนที่อยู่หลังสุดได้ยินอย่างชัดเจน ราวกับว่ากำลังจะดึงดูดความสนใจทั้งหมดมาที่ตัวเอง เรื่องแค่นี้จำไม่ได้เหรอ?”

คนที่ไม่หลบตาของเธอหลังได้ยินคำพูดนี้ คือมารุ เพราะเขาไม่มีเหตุผลต้องหลบ เธอจึงปล่อยมันผ่านไป

“จะขอเตือนหน่อยนะ เพราะเราจะต้องอยู่ด้วยกันอีกทั้งปี ก่อนอื่นเลย ถ้าฉันสั่งทำอะไร จงทำ ไม่งั้นพวกเธอก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าตัวเองควรทำอะไร สอง คิด อย่าทำตามสั่งอย่างเดียว ต้องคิดด้วย เข้าใจไหม?”

“ครับ/ค่ะ”

“ตอบได้ดี เสียงน่ะ ยิ่งใช้มากมันก็จะยิ่งดัง เพราะฉะนั้นจากนี้พยายามฝึกการตะโกนไว้ด้วย”

“ครับ/ค่ะ”

“ดีมาก วันนี้พอเท่านี้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้มาแนะนำตัวกันจริง ๆ จัง ๆ ดีไหม?”

มิโซถอดเสื้อนอกของตัวเองออก ทำให้เด็กบางคนต้องหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย น่าเอ็นดูจริง ๆ

“อ่อ แล้วก็อย่างที่สาม ฉันน่ะจริงจังมากเวลาทำงาน แต่นอกนั้นฉันค่อนข้างสบาย ๆ นะ เพราะงั้นไม่ต้องเกร็งแล้ว แต่ถ้าได้ฝึกกันอีกฉันก็พร้อมจะโหด เข้าใจไหม?”

มิโซจบบทพูดของด้วยเองด้วยรอยยิ้ม

* * *

“ไว้เจอกันอีกนะ อาจจะพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าฉันโทรหาต้องรับด้วยนะเข้าใจไหม?”

มิโซเดินออกจากห้องประชุมไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากแผ่นหลังของเธอลับหายไปจากสายตา พวกนักเรียนต่างพากันถอนหายใจ

“พระเจ้าช่วย”

“น่ากลัวจริง ๆ”

“ขนาดตอนหลังมา ยังรู้สึกกลัว ๆ อยู่เลย”

ทุกคนต่างมีเรื่องจะพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา มิโซทำให้พวกเขาประทับใจมาก ไม่ว่าจะประทับใจในทางดีหรือร้ายก็ตาม มารุหันไปถามเดนมิ

“ครูคนก่อนเป็นแบบนี้ไหมครับ?”

“ไม่เลย คนก่อนใจดีจะตาย”

“เหรอครับ แล้วชอบคนไหนมากกว่าเหรอ?”

“อืม…”

แต่คนที่ตอบคำถามนี้กลับเป็นยูนจัง

“ฉันชอบเธอมากเลย ถึงจะน่ากลัวก็เถอะ”

ดวงตาของยูนจังเป็นประกายวิบวับ ทำให้มารุรู้สึกขนลุกแปลก ๆ เพราะเธอดูเหมือนพวกเด็กขี้เล่น เด็กขี้เล่นที่ชอบเล่นอะไรที่เจ็บปวดและทารุณ

“ฉันว่าเขาดีมากเลยนะ” จุงฮยุกเข้ามาเสริม

เท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่ามิโซไม่ใช่คนไม่ดีอะไร คำพูดของจุงฮยุกมีน้ำหนักมาก ๆ

“อ่ะ แล้วคราวหน้าเราจะได้ทำอะไรกัน?”

“ไม่รู้สิ ไม่เคยเห็นใครทุ่มเทขนาดนี้เลยนะ ครูคนก่อนเองก็มาสอนแค่ชั่วโมงเดียวต่อสัปดาห์”

จุงฮยุกหันไปมองนาฬิกา ตอนนี้เข็มสั้นกำลังชี้เลข 7 หมายความว่าพวกเขาอยู่กับครูฝึกมาถึง 6 ชั่วโมงเต็ม

“ค่ำขนาดนี้แล้วเหรอ?”

“จริงด้วย ไม่ทันรู้ตัวเลย”

เหล่าเด็ก ๆ ต่างตกใจเมื่อหันไปเห็นนาฬิกา มารุได้แต่นึกถึงครูฝึกการแสดงคนนี้อีกครั้ง เธอนั้นมีเสน่ห์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ค่อนข้างมากด้วย ไม่งั้นคงไม่มีทางที่จะทำให้เด็ก ๆ ลืมเวลาไปได้ถึง 6 ชั่วโมงแบบนี้แน่ และเรื่องที่ว่าเธอทำตัวสบาย ๆ มากถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็เป็นความจริงด้วย

‘เป็นผู้ใหญ่ที่ดีเลย’ นั้นคือภาพจำที่มารุมีต่อเธอ

 

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 19 ตอนที่ 1

 

ห้องประชุมเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ตอนนี้ มีเด็ก 5 คนที่ได้รับการทดสอบ 5 นาทีไปแล้ว ยูริมเป็นคนที่สองหลังเดมยัง เธอดูท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ พอไม่ได้มีมือถือในมือ

เธอนั้นคล้ายกับเดมยัง เธอขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ และพูดออกมา เธอพูดออกมาแน่ ๆ แต่คำที่เปล่งเสียงออกมานั้น คงจะหาใครที่เข้าใจมันได้ยาก เพราะเธอออกเสียงคำพูดได้ไม่ชัดเจน ฟังไม่เป็นคำ ยูริมได้เล่าเรื่องซินเดอเรลล่า แต่ก็ไม่มีใครฟังออกว่าเธอเล่าอะไรออกมา หลังจากเด็กสาวได้ลงมาจากเก้าอี้ สิ่งแรกที่เธอทำ ก็คือเดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์มากำไว้ในมือทันที

โซยอน เป็นคนที่โดนเรียกเป็นรายต่อไป ตอนแรกเธอมีท่าทีที่ค่อนข้างมั่นใจ แต่หลังขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ เธอก็ตัวแข็งทื่อทันที เพราะนักเรียนเกาหลีจะไม่ค่อยมีประสบการณ์การนำเสนองานหน้าห้องสักเท่าไหร่ ทำให้การต้องออกมาพูดต่อหน้าคนเป็นเรื่องที่กดดันพวกเขาเอามาก ๆ สุดท้าย โซยอนเองก็ทำได้ไม่ค่อยดีเช่นกัน แต่อย่างน้อย ๆ เธอก็พอเล่าเรื่องลูกหมูสามตัวได้รู้เรื่องกว่าสองคนก่อนหน้า

โดจินออกมาเป็นรายต่อไป เขาเป็นคนที่ชอบดึงดูดความสนใจคนอื่นเป็นนิสัยอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้จึงดูไม่ค่อยมีปัญหาสำหรับเขา อย่างน้อย ๆ  มันก็เป็นแบบนั้นจนมิโซบอกหัวข้อใหม่มาให้เขา หัวข้อที่ต่างกับคนก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง

“ตอนพูดให้พูดไปทางที่ฉันชี้นะ”

มิโซชี้ไปทางอิเซ และหัวข้อที่โดจินได้มานั้น…

“เล่นว่าตัวเองเป็นแฟนกันมาครบร้อยวัน และอธิบายแผนการฉลองวันครบรอบให้เธอฟัง”

เมื่อโดจินได้ยินแบบนั้นทำให้เขาเครียดมาก ถึงขั้นต้องกัดเล็บตัวเองไประหว่างพูด ถึงจะสามารถอธิบายออกมาได้ ในแบบที่ฟังดูสมเหตุสมผล แต่หลังจากโดจินกลับถึงที่นั่ง เขาก็ต้องยกน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ทันที

คนต่อไปคือแทจูน เขาไม่ได้รับหัวข้อแปลกประหลาดเหมือนโดจิน เขาแค่ถูกบอกให้แนะนำตัวเอง ถึงแม้จะต้องมองตามปลายปากกาของมิโซที่ชี้ไปที่คนนั้นทาง คนนี้ทาง และการต้องคอยสบตาคนไว้ตลอดนี่เองที่ทำให้เขาค่อนข้างลำบาก จนสุดท้ายเขาต้องพูดเชื่อมประโยคทุกครั้งด้วยคำว่า ‘แล้วก็…’

“ก็ดีขึ้นมาหน่อย” มิโซบอกความคิดตัวเองออกมาเป็นครั้งแรก ดีหน่อย

เด็กคนอื่นที่ไปก่อนแทจูนเริ่มทำหน้ามุ่ย

“เธอและเธอมาต่อ”

เกนซุคถูกเรียกออกไปพร้อมอิเซ พวกเขาไม่ต้องไปแย่งกันยืนบนเก้าอี้ แต่ยืนหันหน้าเข้าหากันแทน พวกเขาทั้งสองคนไม่มีท่าทางเกร็งใด ๆ เลย เกนซุคดูราวกับเป็นก้อนหินเหมือนทุกครั้ง ส่วนอิเซยิ้มออกมาอย่างน่ารักสดใสราวกับกระต่ายตัวน้อย ๆ

“5 นาที บทของพวกเธอคือชักชวนให้อีกคนมาเข้าศาสนาของตัวเอง จะใช้วิธีไหนก็ได้ เริ่ม”

มิโซนั่งลงดูการแสดงของทั้งสองบนเก้าอี้ ที่ผ่าน ๆ มา เธอมักจะเหลือบมองคนดู ขณะที่คนแสดงกำลังพูด หลายครั้งที่สายตาของมารุและมิโซสบกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพราะเธอตั้งใจมองนักเรียนทั้งสองคนอย่างจริงจัง

“สวัสดี มีเวลาสักเดี๋ยวไหม?” เกนซุคถาม

มารุรู้สึกตกใจมาก เพราะใบหน้าที่แข็งทื่อราวหินผาของเด็กหนุ่ม กลับกลายเป็นใบหน้าของพี่ชายแสนอ่อนโยนในพริบตา อิเซเองก็พูดขึ้นบ้างแหมือนกัน

“มีสิคะ มานั่งคุยกันหน่อยไหม?”

อิเซยื่นมืออกไปจับมือของเกนซุคไว้ ทำให้เด็กหนุ่มกระตุกไปนิดหน่อย เพราะเรื่องนี้มันเหนือความคาดหมายของเขา มารุมองดูอย่างสนุกสนาน ถ้าไม่ใช่ทั้งสองคนนี้ออกมาเล่นด้วยกัน คงไม่มีทางออกมาน่าสนใจขนาดนี้แน่ ถ้าเดมยังมาเล่นแทนเกนซุคล่ะ? หรือเอายูริมมาแทนอิเซ มันคงกลายเป็นการพูดคนเดียวตลอด 5 นาทีแน่ ๆ

เกนซุคก้มลงมองที่มือของตัวเอง ก่อนจะใช้มือข้างจับเข้าที่หลังมือของอิเซ เขาลดเสียงลงและเริ่มสวดภาวนา

“โอ้ พระผู้เป็นพ่อ…”

“เออ…”

อิเซได้แค่มองอย่างตกใจ คู่สนทนาของเธอจู่ ๆ ก็หลับตาลงสนิท เธอนั้นพยายามจะทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์นี้ แต่ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็สามารถดึงเกมกลับเข้ามาในเรื่องราวของตัวเองได้หมด สุดท้ายอิเซจึงได้แต่มองเกนซุคสวดภาวนา คำพูดเดียวที่เธอเอ่ยออกมาได้ในตอนจบคือ ‘อาเมน’

“เยี่ยม ทั้งสองคนเสียงชัดเจน และก็มีไหวพริบดี”

นี่เป็นคำชมจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรกจากปากของมิโซ เกนซุคก้มหัวลงทำความเคารพก่อนจะเดินกลับเข้าที่ หูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มเองก็คงรู้สึกเขินอายเช่นกัน

‘แต่การที่ปกปิดมันไว้ได้นี่แหละ ที่ทำให้เขาเป็นนักแสดง’

เดี๋ยวนะ มารุเริ่มหันมองรอบตัว ก่อนจะพบว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้ออกไปพูด เพราะพวกปีสองไม่ได้เข้าร่วมทดสอบด้วยแต่แรก มารุจึงเตรียมใจลุกขึ้นยืม รอตาของตัวเอง

“ทุกคน ลุก”

มิโซพูดราวกับว่าการทดสอบจบลงแล้ว เหล่าปีหนึ่งต่างหันไปมองที่มิโซที หันไปมองที่มารุที ด้วยความงุนงง

“หะ?”

พวกปีหนึ่งเอาแต่ส่ายหัว มารุเองก็ยืนอยู่เฉย ๆ ถ้าเธอจะไม่ทดสอบเขา เขาก็ไม่ได้คิดจะติว่าอะไร

“หัวหน้า ออกมาข้างหน้า”

มิโซชี้ไปที่เก้าอี้ มารุเดินขึ้นไปด้านหน้า เขามองเห็นว่าเก้าอี้มีแต่รอยเปื้อนจากเท้าคนก่อน ๆ ที่ขึ้นไปเหยียบ และครูฝึกคนนี้ก็นั่งลงอย่างไม่สนใจ? มารุยอมรับนับถือในความกล้าของหญิงสาวก่อนเขาจะถอดรองเท้าและขึ้นไปยืนบนเก้าอี้บ้าง

“ปีสอง อยู่ตรงนั้นฟังนะ”

พวกปีสองพยักหน้ารับ

“ปีหนึ่ง… วิดพื้น”

“หะ?”

ห้องประชุมเกิดเสียงคุยกันดังขึ้น แต่สุดท้ายเหล่าปีหนึ่งก็ยอมเข้าท่าเตรียมวิดพื้นในที่สุด พวกผู้ชายดูจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนพวกผู้หญิง… มารุเห็นแขนของบางคนเริ่มมีอาการสั่นแล้ว

* * *

ข้ามเวลาล่าฝัน

ข้ามเวลาล่าฝัน

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset