ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 16 ตอนที่ 2
ฮง เกนซุค แน่ล่ะ หมอนั่นมันต่างกับเด็กคนอื่นอย่างสิ้นเชิง เพราะเขามาที่โรงเรียนนนี้เพื่อเข้าชมรมการแสดงโดยเฉพาะ มันเป็นอะไรที่ดูมุ่งมั่นมาก ๆ ความมุ่งมั่นแบบที่มารุชอบ
“เมื่อวานลองแวะไปดูที่เอกออกแบบมา ผู้หญิงอย่างเยอะ ทั้งสองห้องเลยด้วย เยอะกว่าผู้ชายด้วยซ้ำล่ะมั้ง” โดจินกล่าวต่อ
“จ-จริงดิ?”
“โหโห คุณเดมยังครับ สนใจเหรอครับ?”
“…”
เดมยังแสดงท่าทีเขินอายออกมาทันที ให้ตายสิ ไม่มีพรสวรรค์ในการแสดงเลย มารุยกยาคูลท์ของตัวเองขึ้นดื่ม ตอนนี้เกือบถึงเวลาที่พวกเขาต้องไปเข้าชมรมแล้ว อาทิตย์ก่อนพวกเขาแนะนำตัวกันไปแล้ว เพราะฉะนั้นอาทิตย์นี้คงได้ทำกิจกรรมกันจริง ๆ เสียที
เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับเด็กคนอื่น ทุกคนต่างถือถาดอาหารในมือ เขามองเห็นเด็กบางคนก็เตรียมตัวออกจากโรงอาหารแล้วเช่นกัน
แต่ที่มุมขอบสุดสายตา เขาเห็นโดวุคกำลังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว
“…”
โดจินเดาะลิ้นด้วยความไม่สบอารมณ์
“อะไร เริ่มชอบมันขึ้นมารึไง?”
“ไม่รู้สิวะ”
โดจินหันกลับไปเก็บถาดอาหารของตัวเอง เดมยังเองก็หันไปมองโดวุคด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยเช่นกัน
“ฉันไม่ชอบมันเลยจริง ๆ นะ เพราะมันเป็นคนนิสัยเสียมาก แต่…”
“แต่?”
“ไม่อยากเห็นมันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
มารุรู้ดีว่าโดวุคทำอะไรไว้กับเดมยัง เขาขู่แย่งที่นั่งของเดมยังไป แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการจะแกล้งเดมยังต่อไปในอนาคต
แต่จู่ ๆ โดวุคก็เงยหน้าขึ้นมาสบตามารุเข้า เดมยังได้แต่หันหน้าหนีไป แต่มารุตัดสินใจจะปะทะกับสายตาของโดวุคตรง ๆ จนในที่สุดโดวุคก็เป็นคนหันหน้าหนีไปก่อน เขาก้มหน้าลงไปมองถาดอาหารของตัวเอง ราวกับสัตว์ตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว มารุเองก็ไม่อยากจะเห็นอะไรไปมากกว่านี้เช่นกัน
“ไปกันเถอะ”
“อ-อ่า”
ตอนนี้ปล่อยไว้ก่อนจะดีกว่า มารุหันไปมองโดวุคอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากโรงอาหารไป
* * *
โดวุคไม่มีอารมณ์จะกินข้าว เขานำถาดอาหารที่กินได้ไม่ถึงครึ่งไปเก็บก่อนจะเดินออกมาข้างนอก วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วที่เขาเริ่มกินข้าวคนเดียว ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันมากนัก แต่ปรากฏว่า มันยากกว่าที่เขาคิดมาก
เขารู้สึกได้ ว่าคนอื่น ๆ มักจะล้อเขา ดูถูกเขา โดวุควิ่งมาที่โรงอาหาร เขายังหิว แต่ตอนที่เขาเลี้ยวหัวมุมทางเดิน ก็ไปเจอเข้ากับกลุ่มของฉางฮู
ฉางฮูยิ้มเยาะมาที่เขา และเดินผ่านไปโดยไม่สนใจอะไร โดวุครู้สึกโล่ง ที่อย่างน้อย ๆ พวกนั้นก็ไม่ได้ล้อเขา
ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ได้นะ?
เขาเดินเข้ามาซื้อขนมปังและนั่งลงกินที่หน้าโรงอาหาร แต่พอเขาเห็นพวกเพื่อนร่วมห้องเดินมาใกล้ เขาก็เอาขนมปังแอบซ่อนไว้ด้านหลัง เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาเห็นเขานั่งกิน
ทำไม? เขาไม่รู้ถึงเหตุผลเลย ราวกับว่าร่างกายของเขามันขยับไปเอง เขานั่งลงในที่นั่งว่าง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลงมือกินขนมปังอีกครา มันอร่อย ถึงมันจะอร่อยก็จริง….
“เฮ้อ เหี้ย”
ทำไมถึงได้รู้สึกโดดเดี่ยวขนาดนี้นะ?
* * *
มารุสังเกตเห็นจากหน้าต่างชั้นสองว่าโดวุคนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว
‘ให้ตาย ดูเหมือนเป็นคนที่โดนไล่ออกจากกลุ่มแบบเต็มตัวเลยนะ’
คนที่โดนไล่ออกจากกลุ่มในช่วงมัธยมปลาย… เด็กคนอื่นในห้องก็สังเกตเห็นโดวุคเช่นกัน พวกนั้นต่างพากันเดาะลิ้นไม่ชอบใจ บ้างถึงขั้นหัวเราะออกมา
“ว่าแล้ว ไอ้เด็กเวรนั่น”
“คิดว่าทำตัวเหมือนเด็กมัธยมต้นแล้วจะอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลายได้อย่างสงบสุขเหรอ”
พวกเขาต่างออกปากบ่น ก่อนจะกลับไปนั่งที่ตัวเอง ตอนนี้โดวุคไม่มีค่าพอแม้แต่จะให้นินทา
มารุนั่งเคาะนิ้วกับหน้าต่างพร้อมครุ่นคิด การมีเสียงเคาะเป็นจังหวะจะช่วยให้สมองเขาแล่นได้มากกว่า โดวุค… พวกขี้แกล้งที่ถูกแบนจากเพื่อน ๆ เสียเอง
‘แกน่าจะเลิกทำเก๊กแล้วพูดความในใจจริง ๆ ออกมาสักทีนะ การเป็นคนธรรมดามันน่าอายขนาดนั้นเลยเหรอ?’
แน่นอนว่าโดวุคคงไม่อยากใช้ชีวิตโดดเดี่ยวไปตลอดสามปีที่เหลือ มารุหันหน้าหนีจากหน้าต่าง เขาอยากจะช่วย อยากจะช่วยหรอก แต่โดวุคคงไม่ยอมรับความช่วยเหลือของเขา เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกให้เขามุ่งหน้าไปที่ชมรมได้แล้ว
* * *
เดมยังกังวลว่าคนข้าง ๆ ตัวเขาอาจจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเขาในตอนนี้ เพราะเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขา เธอมีดวงตาแสนขี้เล่น ริมฝีปากที่อวบอิ่ม และผมสีน้ำตาลสุดสวย ยูริมทำให้ท้องไส้ของเดมยังปั่นป่วนไปหมด
“นี่ เดมยัง ขยับไปหน่อยได้ไหม?”
“ด-ได้”
เดมยังหันไปมองที่โซยอน ที่นั่งอยู่อีกด้านของยูริม เธอค่อนข้างจะอวบ ราวกับตุ๊กตาที่เด็ก ๆ ชอบเล่นกัน สำหรับเขาแล้ว เธอดูเหมือนเป็นน้องชายมากกว่าจะเด็กผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาได้คุยกับโซยอนมาบ้างแล้ว คงเพราะรูปร่างที่ใกล้เคียงกันล่ะมั้ง? ส่วนยูริมไม่คิดจะสนใจคำพูดของทั้งสองคนข้างตัวเลย
‘เราไม่กล้าพอที่จะเข้าไปทักเธอด้วยซ้ำ’
เดมยังเหลือบดูยูริมอีกครั้งก่อนจะหันหน้าหนีไปทางซ้ายมือของตัวเอง คนที่นั่งตรงนั้นก็คืออิเซ เธอกำลังนั่งคุยกับเด็กหนุ่มหน้าหล่อ แทจูน เขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปขัดทั้งสองคนคุยกัน เพราะเขาไม่มีทางเข้าไปคุยกับคนที่หน้าตาดีขนาดนั้นได้
อิเซนั่นสวยจนน่ากลัว สวยจนทำให้คนรอบตัวเธอต้องตกต่ำไปเลย ส่วนแทจูนเองก็หน้าตาดีพอจะเป็นดาราได้สบาย ๆ การเข้าไปอยู่ใกล้สองคนนี้ มีแต่จะทำให้คนอื่นล้อเขาเอา
“ปาร์ค เดมยัง ใช่ไหม?” จู่ ๆ แทจูนก็ถามขึ้น
มันน่าประหลาดใจ เดมยังไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะเป็นคนโดนทัก เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยไปคุยกับเด็กหนุ่มตอนไหน ถึงพวกเขาจะแนะนำตัวและทำความสะอาดห้องชมรมด้วยกัน แต่ก็แทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั้น
“อ-อ่า ใช่ เดมยัง”
“ชื่อดีนะ ฉันชอบคนที่ชื่อลงท้ายด้วย ‘มยัง’”
“ห-เหรอ?”
มันเป็นคำชมที่ฟังดูแปลก ๆ ‘มยัง’ ฟังดูดี? ล้อเล่นรึเปล่า? คงไม่ เพราะแทจูนทำหน้าตาจริงจังเต็มที่
‘อ่า ไอ้บ้า ทำไมถึงชอบคิดว่าคนอื่นพูดอะไรไม่ดีใส่ตลอดเลยวะ?’
เขาต้องแก้นิสัยนี้ของตัวเองให้ได้สักวัน ถ้าไม่ใช่เพราะมารุ เขาคงกลายเป็นพวกโดดเดี่ยวไม่มีใครคบไปแล้ว เดมยังยิ้มออกมา ทำให้อิเซก็หันมามองด้วย
“จำชื่อฉันได้ไหม?” อิเซถาม
แน่นอนว่าเขานั้นจำได้ แต่เขาก็ส่ายหัว เพราะถ้าบอกว่าจำได้ไป มันจะดูน่าอาย
“ฉัน คิม อิเซ เอกคอม”
“อ่า ใช่”
“น่ารักนะ”
“เอ๋?”
“ฮ่าฮ่า”
โชคดีที่ได้ยินแบบนั้น เขาเห็นสาวสวยยิ้มให้เขา ทำให้หัวใจของเขาแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ วันนี้เป็นวันที่ดีจริง ๆ
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 16 ตอนที่ 1
โรงเรียนใหม่ ห้องเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ และวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามหลังการเปิดภาคเรียนแล้ว เป็นวันที่พวกเขาจะได้ทุ่มเทไปกับกิจกรรมชมรมอย่างเต็มที่
โรงเรียนนั้นสนับสนุนกิจกรรมชมรมอย่างเต็มที่ เหตุผลหลัก ๆ คงเพราะหลังจากมีระบบชมรมเกิดขึ้น พวกเด็ก ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะก่อเรื่องน้อยลง แต่ข่าวลือที่ว่าโรงเรียนมองข้ามอาชญากรรมบางอย่างไป ก็มีให้ได้ยิน แต่… การมีชมรมนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจริง ๆ
ทุกวันเสาร์ โรงเรียนจะมีการเรียนการสอนแค่ครึ่งวัน และปล่อยให้อีกครึ่งเป็นการทำกิจกรรมชมรม และทุก ๆ วันเสาร์สุดท้ายของเดือน จะไม่มีการเรียนการสอน มอบเวลาให้กิจกรรมชมรมเต็ม ๆ แต่จริง ๆ แล้วในเดือนที่เป็นเลขคู่ ทุก ๆ วันเสาร์จะกลายเป็นวันที่ทำกิจกรรมชมรมกันเต็มวันตลอดเดือน
ห้องเรียนมีการคุยเสียงดัง เพราะมีคนได้ยินมาว่าอาหารกลางวันจะเป็นทงกัตสึ และตอนนี้ก็เป็นเวลา 5 นาที ก่อนจะถึงเวลาพักเที่ยง ครูภาษาเกาหลีของพวกเขายิ้มให้อย่างมีเลศนัย
“อยากไปกินข้าวกันรึยัง?”
“อยากแล้วครับ”
“วันนี้ตั้งใจเรียนกันมาก ครูจะปล่อยให้ก่อนเวลาแล้วกัน อย่าไปกวนห้องอื่นเขาล่ะ เข้าใจไหม?”
ครูคนนี้ช่างรับมือนักเรียนได้เก่งกาจ มารุก้มมองที่นาฬิกาของตัวเอง มันเป็นเวลาก่อนจะเลิก 3 นาที เหล่านักเรียนต่างพากันย่องออกนอกห้องไป ราวกับว่ากำลังเล่นหนังสายลับอยู่ มันรู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้กลับมาทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก แต่ขณะที่มารุกำลังจะก้าวขาออกห้องไปบ้างนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นอะไรเข้า
สิ่งที่เขาเห็นคือโดวุค เด็กหนุ่มนั่งอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีใครชวนเขาออกไปไหน หลังจากวันเสาร์ที่แล้ว โดวุคก็กลายเป็นคนเงียบ ๆ ไป เพื่อน ๆ ต่างพากันหนีห่างจากเขา แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยมือที่ยังล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง
และหันมาเห็นสายตาของมารุเข้าพอดี
“…”
เขาเดินตามหลังเด็กคนอื่น ๆ ออกไป ทำให้มารุต้องประหลาดใจ เพราะเขาคิดว่าโดวุคจะต้องหันมาพูดอะไรใส่สักอย่างแน่ ๆ
“เป็นอะไรของมัน?” โดจินถาม
“อะไร ห่วงมันเหรอ?”
“เออ ถ้ามันทำตัวเลวทรามอย่างเมื่อก่อนก็ยังพอว่า แต่มาเห็นมันทำตัวแบบนี้แล้วหงุดหงิดแปลก ๆ”
มารุเอามือโอบไหล่ของโดจิน ส่วนอีกข้างโอบไหล่เดมยังไว้
“ปล่อยนะ”
โดจินพยายามสะบัดไหล่ออก แต่มารุก็ไม่ปล่อยไปง่าย ๆ
“ปล่อย”
“เฮ้ย เดมยัง โยนไอ้หมอนี่ลงพื้นกันไหม?”
“น่าลอง อืม”
ตอนนี้ทั้งสองคนค่อนข้างจะสนิทกันแล้ว ส่วนมารุก็ตอบกลับด้วยการดึงทั้งสองคนเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
“น่า ๆ เพื่อนกันทั้งนั้น”
“อะไรวะมารุ? แรงเยอะฉิบหาย”
“จริง ๆ เลย”
โดจินและเดมยังพยายามจะหนีแต่ก็เปล่าประโยชน์ มารุหันไปดูท่อนแขนของตัวเอง เขาดูแข็งแรงขึ้นกว่าก่อนจริง ๆ เขายังจำได้ดีว่าตอนวัยรุ่นเขามีร่างกายที่แข็งแรง แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ แต่เขาไม่ได้รู้สึกว่ากล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นหรืออะไรทำนองนั้น แต่เป็นการควบคุมของเขาต่างหากที่ดีขึ้น เขารู้สึกได้เลยว่าการควบคุมกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสของเขาดีขึ้นกว่าก่อนมาก
‘ถึงจะยังไม่เข้าขั้นนักกีฬา แต่ก็คงพอเทียบได้’
คงเป็นผลมาจากความสามารถที่เขาได้มา
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเอานะ”
มารุเริ่มออกวิ่ง เขาพุ่งจะไปจนเกือบจะสุดทางเดิน เพราะของแบบนี้ อย่างที่เขาว่ากันไว้ ใครเร็วใครได้ เขาอยู่ห่างจากโรงอาหารแค่ประมาณ 100 เมตรเท่านั้น
“วิ่ง”
“เฮ้ย มารุ โดจิน รอด้วย”
เดมยังผู้น่าสงสาร ถูกทิ้งไว้ด้านหลังเพียงคนเดียว มารุและโดจินหันมาหาเด็กหนุ่มก่อนจะแสดงเครื่องหมายแห่งมิตรภาพอันแน่นแฟ้น ‘นิ้วกลาง’
“ไปก่อนว่ะ”
“ลาก่อน”
มิตรภาพน่ะพร้อมจะแหลกสลายไปทุกเมื่อ ถ้ามันเป็นเรื่องของกินแล้วล่ะก็
* * *
“แฮ่ก ๆ พวกนาย เกินไปแล้ว แฮ่ก ๆ”
เดมยังมาถึงที่ด้านหลังของพวกเขา พร้อมลมหายใจหอบถี่
“ว่าไง เรามาจองที่ไว้ให้ก่อน แกนี่นะ หัดออกกำลังกายบ้างเถอะ”
“…”
“เพลา ๆ เรื่องเกมลงบ้าง ไม่สิ วันนี้ไปเล่นบาสกันเลยไหม?”
“ฉันเล่นบาสไม่เป็นนะ”
“ไม่เป็นไร ถ้าได้ลองต่อยสักนิดเดี๋ยวก็เป็น”
“…?!”
เดมยังหันไปมองหน้าโดจินอย่างงุนงง ส่วนโดจินก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เดมยังนั้นกลายเป็นเด็กที่คนอื่น ๆ ชอบแล้ว เพราะว่าในห้องชายล้วน เรื่องที่พวกเขาจะเอามาคุยกันก็มีแต่เรื่องสาว เรื่องฟุตบอล สุดท้ายก็เรื่องเกม เพียงเท่านั้น และพอดีว่าเดมยังนั้นเป็นสุดยอดเกมเมอร์ การที่เด็กคนอื่นจะอยากคุยกับเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ใบหน้าของเด็กหนุ่มเอง ก็ไม่มีความเขินอายจากวันแรกอยู่แล้ว
“ใครจะไปรู้ บางทีเราอาจจะต้องการนักแสดงอ้วน ๆ เข้าสักวันก็ได้” มารุพูด ก่อนจะตักข้าวใส่ปากไป
วันนี้เป็นวันเสาร์ วันที่ชมรมจะมีการรวมตัวกันอีกครั้ง เขาเองก็กำลังตื่นเต้นว่าวันนี้ชมรมจะทำเรื่องอะไรกัน
“จะได้เลือกละครที่อยากจะแสดงรึยังนะ?” เดมยังเองก็ดูท่าทางตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“จะว่าไป เดมยัง แกเข้าชมรมเพราะอยากเป็นนักแสดงรึเปล่า?” โดจินถาม พร้อมกับค่อย ๆ ลอบเอามือไปหยิบยาคูลท์ของเดมยัง
“อ่า อยากลองดูน่ะ” เดมยังตอบพร้อมกับตบมือของโดจินที่ยื่นมา
“ทีแรกฉันว่าอยากจะเป็นตัวเอก แต่ก็ยอมแพ้ละ เพราะยังไงไอ้เกนซุคนั่นก็ต้องได้เป็นตัวเอกแน่ ๆ”
“จริงดิ? อืม”
ทั้งสองคนต่างมองไปยังความว่างเปล่าด้วยสายตาที่มีความอิจฉาปะปนอยู่