ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 14 ตอนที่ 2
“ฮาน มารุ”
“ครับผม”
“มีอะไรจะแก้ตัวไหม?”
“ไม่มีครับ ต้องขอโทษด้วยครับครู”
“งั้นอย่าทำอีกล่ะ เข้าใจไหม?”
”ครับครู”
ตอนนี้ที่น่องด้านหลังของเขากำลังร้อนรุ่มดั่งเปลวเพลิง เพราะความเจ็บปวดจากการถูกตีแต่ละครั้ง มารุย่อเข่าลงบนโต๊ะ และโดนตีด้วยไม้เรียว ทุกการโจมตีแฝงไปด้วยความเจ็บปวดรุ่มร้อน ไม้เรียวนี่มันทำมาจากออะไรกันนะ? ทั้ง ๆ ที่มันเล็กเสียยิ่งกว่าข้อนิ้ว แต่กลับปวดยิ่งกว่าเวลาถูกท่อ PVC หวดเอาเสียอีก ครูภาษาอังกฤษทำหน้าเศร้า ๆ ขณะตี แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความเจ็บปวดลดลงเลย
“คราวนี้ไว้แค่นี้ก่อน เพราะมันเพิ่งจะเป็นครั้งแรก เข้าใจไหม?”
“ครับครู”
“แล้วพวกที่ลอกการบ้านจากมารุวันนี้นะ หวังว่าจะไม่คิดทำแบบนี้อีก”
“…ครับ” เสียงเบา ๆ หลายเสียงตอบกลับมา
มารุนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองด้วยขาอันสั่นเทา การให้เพื่อนลอกการบ้านน่ะมันไม่ใช่ปัญหา จุดที่เป็นปัญหาคือ
ภาษาอังกฤษเขาห่วยแตกมาก
เขาใช้วิธีนอกตำราการในการตอบของการบ้าน และดูเหมือนว่าพวกที่ลอก จะลอกกันแบบคำต่อคำ ครูคงรู้สึกแปลก ๆ เพราะเห็นเด็กทำผิดแบบเดียวกันมาตั้ง 8 คน
“ว่าไง เจ็บมากปะ?” โดจินกระซิบถาม
“เจ็บโคตร ๆ”
“แม่ง ไม่นึกเลยว่าครูเขาจะตรวจแต่ละจุดละเอียดแบบนั้น วันหลังอย่าลอกการบ้านวิชาภาษาอังกฤษกันเลยเนอะ”
“…แล้วมาบอกฉัน?”
“ขอโทษครับ”
ครูภาษาอังกฤษกลับไปยืนที่แท่นหน้าห้อง มารุคิดว่าคงได้เวลาเรียนต่อ แต่ไม่ใช่ ริมฝีปากของคุณครูภาษาอังกฤษโค้งลงด้วยความไม่พอใจ อีกรายเหรอ
“คัง โดวุค ลิม จิชุล”
สองเหรอ โดวุคกับจิชุลลุกขึ้นยืน
“เอ๋ ห้องเรามีคนแบบนั้นด้วยเหรอ?” โดจินถาม พร้อมมองไปที่จิชุล
มารุเองก็ค่อนข้างตกใจเช่นกัน เขาคิดว่าตัวเองรู้จักทุกคนในห้องแล้วเสียอีก แต่เขากลับไม่เคยเข้าไปคุยกับจิชุลมาก่อน เด็กหนุ่มมีร่างกายผอมบาง ใส่แว่นตาหนาเตอะ พร้อมด้วยผมที่ยาวจนปิดหน้า ที่จิชุลผ่านครูปกครองมาได้คงเพราะเขาดูธรรมดา
“ใครลอก?” ครูถาม
มารุบอกได้ทันทีว่าโดวุคคือคนที่ลอก คนอื่น ๆ ก็คงคิดเช่นเดียวกัน เพราะโดวุคเป็นคนที่ประกาศตัวเป็นนักเลงมาตั้งแต่วันแรก ส่วนจิชุล เหมือนจะเป็นคนนอกเสียมากกว่า คนแบบนี้ไม่มีทางไปขอลอกการบ้านโดวุคแน่ ๆ นอกจากนี้มารุยังสงสัยว่ามารุจะทำการบ้านเองเป็นด้วยเหรอ
‘ไม่สิ คิดเองเออเองอีกแล้ว’ เขารู้สึกตัว
มารุเลิกคิดและมองดูสถานการณ์ต่อ
“ถามว่าใครลอกใคร” ครูกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันกว่าเดิม
นักเรียนต่างเรียกครูคนนี้ว่าหมูชมพู ถ้ามารุจำไม่ผิด เหตุผลไม่ใช่เพราะครูอ้วนหรืออะไรแบบนั้น แต่เป็นเพราะแก้มอวบ ๆ ที่มีสีชมพูอยู่ตลอด แต่ตอนนี้แก้มสีชมพูที่ว่า กลับเริ่มกลายเป็นสีแดงขึ้นมาแล้ว ไม้เรียวในมือนั้นสั่นจนเห็นได้ชัด
อ่า เจ็บแน่ ๆ มารุก้มลงไปนวดขาตัวเอง
ตอนนั้นเองที่เขาเห็นจิชุลกำลังค่อย ๆ ยกมือขึ้น เขาคงคิดจะสารภาพ
“ผมทำ” คำตอบกลับออกมาจากอีกด้าน
“โดวุค เธอเหรอ?”
ช่างน่าประหลาดใจ โดวุคยกมือ?
“ครับ”
“บ้าบอ พวกเธอรู้ใช่ไหมว่าครูเอาการบ้านให้ ไม่ใช่แค่จะเอาอะไรไปให้ทำมั่ว ๆ แต่นี่เป็นแบบฝึกให้พวกเธอ เพราะเธอต้องฝึกภาษากันอีกมาก เข้าใจใช่ไหม?”
“ขอโทษครับ”
“ลุกขึ้นยืนบนโต๊ะ คัง โดวุค รู้ไหมว่าครูเกลียดคนที่ชอบให้คนอื่นลอกการบ้านแค่ไหน?”
โดวุคลุกขึ้นยืนโดยไม่ปริปากบ่น มารุมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ โดวุคเนี่ยนะให้จิชุลลอกการบ้าน? ไม่ล่ะ ไม่มีทาง จิชุลก็ยืนอยู่ในตัวเองด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจไม่แพ้กัน แต่ถ้าแบบนั้น ทำไมเขาถึงยอมรับล่ะ?
‘เพื่อจะได้โดนลงโทษแทน?’
มารุมองไปที่โดวุคอย่างครุ่นคิด ขณะที่คุณครูลงโทษเขาด้วยความทารุณ
* * *
คาบเรียนภาษาอังกฤษจบลง มารุบอกให้โดจินและเดมยังออกไปก่อน เพื่อจะได้ใช้เวลาสังเกตโดวุค ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นคนโดดเดี่ยวในเวลาแค่วันเดียว ปกติเวลาเรียนเขาชอบส่งเสียงดังรบกวน แต่ตอนนี้กลับนั่งอ่านการ์ตูนไปคนเดียวเงียบ ๆ พวกเด็กที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันก็แยกกลุ่มออกไปคุยกันเอง โดนมีเจ้าหมวกไหมพรมเป็นศูนย์กลาง
จิชุลลุกขึ้นเดินเข้าไปหาโดวุคเงียบ ๆ มารุแกล้งทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่างและแอบฟังอยู่ใกล้ ๆ
“คือ…” จิชุลพยายามจะพูด
“อะไร?”
“ทำไมถึง…”
“อะไรล่ะ?”
“ป-เปล่า”
จิชุลกลับไปนั่งที่ตัวเอง การสนทนา จบลงเร็วกว่าที่คิด ตอนนั้นเองที่มารุก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง พวกเพื่อนเก่าของโดวุคเดินเข้าไปหาโดวุค พวกมันเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะเริ่มพูดกันเอง
“เฮ้อ อะไรของมัน ห้องเรามีคนแบบนั้นด้วยเหรอวะ” เจ้าไหมพรมเปิดก่อน
มารุพยายามนึกหาชื่อของเจ้าไหมพรมที่ว่านี้จากในสมอง อ่า จุง ฉางฮู ใช่ไหม?
ฉางฮู… ฉางฮู แค่ได้ยินชื่อก็ทำให้เขารู้สึกรังเกียจขึ้นมาแล้ว ราวกับว่าโดนอะไรกระแทกเข้าที่หัวและพอหันไปมองก็เจอหน้าที่ยิ้มแย้มรออยู่ เขาจำไม่ค่อยได้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกขยะแขยงกับชื่อนี้นัก แต่ที่แน่ ๆ คือต้องไม่ใช่เรื่องดี และพอมานึกดู เมื่อก่อนก็มีนักเลงหัวโจ๊กในห้องเขาด้วยไม่ใช่เหรอ? ถึงจะจำไม่ค่อยได้ แต่ความสงสัยก็ทำให้มารุคิดว่าอาจจะเป็นฉางฮูก็ได้
แล้วโดวุคล่ะ? เขาเข้าใจผิดเหรอ?
“แต่ดูเหมือนว่าไอ้คนแบบนี้ก็ยังมีเพื่อนอยู่นะ หืม?” ฉางฮูพูดต่อ พร้อม ๆ กับหันไปมองที่โดวุค ทำให้เพื่อน ๆ ของเขาต่างหัวเราะออกมา
“นี่ ไม่เอาน่า ถึงจะเป็นตัวอะไรมันก็มีเพื่อนได้แหละ”
“พวกเปลี้ย ๆ มันก็ชอบไปรวมตัวกันอยู่แล้ว”
“เฮ้ย ๆ อย่าไปว่างั้นดิ สงสารคนพิการจริง ๆ หมด”
กลุ่มเด็กหนุ่มต่างพากันหัวเราะก่อนจะหันไปมองโดวุค พวกเขาลุกขึ้นและเดินไปทางโรงอาหาร ทิ้งให้โดวุคอยู่คนเดียวกับดินสอคู่ใจ ที่ถูกเขาขยี้จนหักคามือด้วยความโกรธ สายตาของโดวุคมองตามกลุ่มนักเลงออกไปนอกประตู ถ้าปล่อยไปแบบนี้ได้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นแน่ มารุจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาโดวุค
“ทำอะไรของแกวะ?” โดวุคถาม สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เพื่อนเก่าของตัวเอง “แก… มีปัญหาอะไรกับฉันรึไง?”
โดวุคลุกขึ้นมองหน้ามารุ
[น่ารำคาญฉิบหาย อะไรของมันวะ?]
มารุไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายกับกล่องคำพูดที่ลอยขึ้นมา มันไม่ได้ทำให้เขาโกรธหรือไม่พอใจอะไร
“อย่าลดตัวเองลงไประดับเดียวกับพวกมัน” มารุบอก
“หา?”
“อย่าปล่อยให้ตัวเองโดนยั่วโมโหได้ง่าย ๆ”
ใบหน้าของโดวุคเต็มไปด้วยความงุนงงทันที ส่วนมารุก็ยิ้มและตบบ่าของเด็กหนุ่มเบา ๆ
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 14 ตอนที่ 1
แม่ของมารุ ลี ซุนจี ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนของตัวเองด้วยความตกใจ เธอยื่นมือไปควานหารีโมททีวีทันที เมื่อเธอกดเปิดขึ้น ทีวีก็มีภาพฉายออกมาพร้อมเสียงปี๊บ
“ทำยังไงดีเนี่ย…”
เวลา 7.50 บาดะยังดีเพราะเธอเดินไปโรงเรียนแค่ใกล้ ๆ แต่มารุ…
“ทำไมนาฬิกาถึงไม่ปลุกนะ?”
มารุจะต้องโกรธเธอมากแน่ ๆ เธอจึงรีบเดินออกจากห้องไป แต่ก็ต้องพบกับมารุที่กำลังจัดเตรียมอาหารเช้าอยู่
“ม-มารุ?”
“ตื่นแล้วเหรอแม่? ผมทำข้าวเช้าไว้ให้แล้ว เดี๋ยวมากินสักหน่อยนะ”
มารุชี้ไปที่ข้าวสวยในจาน ซุนจีได้แต่พยักหน้ารับด้วยความมึนงง
“บาดะล่ะ?”
“นั่งอยู่นั่นไง”
บาดะกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับทานแอปเปิลไปด้วย เธอหันมาเห็นว่าแม่ของเธอกำลังมองมาด้วยตาที่กระพริบถี่ ๆ
“ตื่นแล้วเหรอแม่?”
“อ่า กินข้าวรึยัง?”
“อืม พี่ทำให้กินแล้ว”
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว”
เธอนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน และมารุก็นำน้ำอุ่นมาวางไว้ให้ ทำให้เธอยิ่งทำหน้างงหนักไปกว่าเดิม
“มีอะไรเหรอ?”
“เปล่า… แม่แค่ตกใจ”
“ตกใจเรื่องอะไร? ผมไปก่อนนะ ถ้าอยากได้ซุปผมทำคาไว้ที่เตานะ”
“ซุป? ซุปอะไร?”
เธอหันมามองด้วยความประหลาดใจ
“แค่ซุปสาหร่ายธรรมดา ๆ ไม่มีเวลาพอจะทำอย่างอื่นหรอก ถ้าแม่ไม่ชอบก็ทิ้งไว้นั่นแหละ เดี๋ยวผมกลับมากิน”
เมื่อนาฬิกาปลุก ปลุกเขาขึ้นมาในตอนเช้า มารุได้เดินเข้าไปในครัว แต่ก็ไม่พบแม่ของตัวเอง เขาจึงเข้าไปส่องดูในห้องของแม่ แล้วก็พบว่าเธอยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ถ้าเป็นเขาสมัยวัยรุ่น เขาคงพยายามเข้าไปปลุกเธอให้ตื่นมาทำกับข้าวให้กิน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขาลงทำอาหารเช้าที่เคยทำมาบ้าง พร้อมน้ำซุปสาหร่าย ถึงมันจะไม่อร่อยเท่าที่ภรรยาของเขาเคยทำให้ทาน แต่ก็ยังพอกินได้ อย่างน้อย ๆ น้องสาวของเขาก็กินไปโดนไม่บ่นอะไรออกมา
“งั้นไปก่อนนะ” เขากล่าว
“…อ่า ระวังรถด้วยนะ” เสียงของแม่ยังฟังดูมึนงง มารุโบกมือลาและออกมานอกบ้าน ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนมีนาคมแล้ว แต่อากาศก็ยังไม่อุ่นขึ้นสักนิด มารุยังเห็นน้ำแข็งเกาะที่กระจกหน้ารถ รถที่จอดอยู่ใกล้ ๆ บ้าน เขาได้แต่หวังว่าอากาศอุ่นขึ้นเร็ว ๆ แต่เหมือนท้องฟ้าจะไม่เป็นใจ
มารุใส่ถุงมือก่อนจะออกแรงถีบ เสียงเพลงดังกรอกในหูของเขา นี่คือเส้นทางที่เขาใช้มาถึงสามปี และเป็นเส้นทางที่เขาจะใช้มันอีกสามปี หลังถีบผ่านร้านค้าที่คุ้นเคย ต้นไม้ที่คุ้นตา ผู้คนที่คุ้นหน้า ในที่สุดเขาก็มาถึงโรงเรียน ระหว่างทางเขาเห็นนักเรียนหลาย ๆ คนหันมามองทางเขา
“น่าอิจฉาฉิบหาย ใส่ชุดธรรมดาไปโรงเรียน”
“เกลียดเครื่องแบบที่สุดเลย”
รอก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกแกก็จะได้รู้ถึงความเยี่ยมยอดของเครื่องแบบเอง
ตอนที่มารุลงจากจักรยานของตัวเอง เขาก็ได้เดินผ่านเด็กนักเรียนหลายคนที่กำลังพยายามจะปีนรั่วเข้าโรงเรียน อ่า ผมตั้ง ๆ แบบนั้น… ครูฝ่ายปกครองคงได้ลงโทษพวกเขาแน่ อย่างน้อย ๆ ก็คงจับตกกะโหลกสักทีสองที แต่มารุไม่มีปัญหาเรื่องนั้น เพราะการมีผมสั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เข้าโรงเรียนด้วยทางด่วนเลย
“อรุณสวัสดิ์ครับครู”
“อ่า”
มารุผ่านครูฝ่ายปกครองมาอย่างง่ายดาย เขาเดินจูงจักรยานไปที่จอด ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ อ่า นั่นมันเสือหมอบที่เห็นเมื่อวันก่อนนี่นา ในที่สุดก็จะได้เห็นหน้าเจ้าของเสียที
“อ่า แกเอง” มารุทำหน้าตะลึงหลังเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเจ้าของจักรยาน มันคือโดวุค ผู้ที่เมื่อเห็นมารุแล้วก็รีบทำหน้ามุ่ยทันที
“อะไร?”
“แค่คิดว่าจักรยานสวยดี อย่าทำหายล่ะ”
“…”
โดวุคยิ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหนักกว่าเดิม แต่มารุก็เดินหนีไปก่อนเด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรออกมา มารุได้ยินเสียงโดวุคเก็บจักรยานเข้าที่ด้วยความรุนแรงตามหลังมา
มารุเดินขึ้นบันไดที่อยู่ทางปีกขวาของตึก เพื่อขึ้นไปยังห้องเรียนของตัวเอง ในห้องมีสภาพแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าใครสนิทกับใคร
“มาแล้วเหรอ?”
“เออ”
โดจินทักทายเขาด้วยการโยนลูกอมให้ อ่า วันนี้รสสตรอเบอร์รี่สินะ
“กินทุกวันแบบนี้ระวังฟันหลอนะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันแปรงฟันสามเวลาหลังอาหาร”
“ทำการบ้านมาปะ?”
“ไม่ ฉันเอาเวลาไปเตรียมสินบนมาให้แกนี่ไง ขอลอกหน่อยได้ปะ?”
“สินบน? ลูกอมแค่เนี่ยอะนะ?”
“เอาเพิ่มปะล่ะ?” โดจินถามพร้อมอมยิ้ม มารุจึงปาสมุดการบ้านให้ เดมยังกับพวกก็เดินมาหาเขาจากแถวหน้าเช่นกัน
“น-นี่ มารุ ขอดูด้วยได้ปะ?” เขาถาม
“ไม่ได้”
เดมยังทำหน้าเศร้าทันที หมอนี่มักจะรับมุกไม่เคยทัน มารุจึงบอกต่อไปว่าแค่ล้อเล่น ทำให้เด็กหนุ่มยิ้มขึ้นมาได้ เด็กคนอื่นที่มากับเดมยังเองก็มองมาที่มารุด้วยความคาดหวังเช่นกัน
“เฮ้ย ฉันต้องจ่ายสินบนนะเว้ย” โดจินตะโกน และยกสมุดของมารุขึ้นสูง มารุจึงแย่งมาและโยนไปทางพวกเดมยัง
“แค่อย่าลอกให้เหมือนมากก็พอ” เขาย้ำ
ใครจะไปคิดล่ะว่าวันนี้จะมาถึง เพราะสมัยเรียนเขาไม่เคยคิดจะทำการบ้านด้วยตัวเองเลย ที่มีส่งได้ก็เพราะอาศัยคอยลอกเพื่อนหรือจะทำเองจริง ๆ ก็ต่อเมื่อโดนด่าเท่านั้น แบบนี้คงหวังเกรดบีได้อยู่
* * *