ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 11 ตอนที่ 2
‘ยอดคน’
มารุยังจำได้ ตอนที่เขาลาออกจากงานเก่าเพื่อมาเป็นคนขับรถโดยสาร หนังของ ฮง เกนโซ ขายบัตรเข้าชมได้มากกว่า 12 ล้านที่นั่ง เขายังจำตอนที่นึกขึ้นว่า ‘หมอนี่เจ๋งจริง’ ระหว่างขับรถได้อยู่เลย
“เคยดูเขาใน แดฮัคโร ที่เขาทำการแสดงข้างถนน”
“ใช่ ๆ ได้ยินว่าจะไปเล่นหนังให้ผู้กำกับอิสระด้วยนี่?”
“จริงดิ? ว้าว นี่มันครอบครัวนักแสดง”
เหล่าปีสองต่างมองมาด้วยความคาดหวัง ขนาดเด็กสาวที่นั่งข้าง ๆ เกนซุคยังต้องหันมามองเขาด้วยสายตาสุดตื่นเต้น
“อ่า บทตัวเอกไปแล้ว” โดจินบ่นพึมพำ เดมยังเองก็มองไปที่เกนซุคด้วยท่าทางอิจฉา
ห้องชมรมดูครึกครื้นขึ้นมาทันตา แบบนี้แหละดี มารุคิด อย่างน้อย ๆ เด็กหนุ่มคนนี้ก็จะต้องมีความรู้เรื่องการแสดงอยู่บ้าง พวกเขาเองก็น่าจะพอไปรอดถ้าเกนซุคยอมสอนสักนิด และตอนนั้นเองที่ประตูเปิดออกอีกครั้ง เผยให้เห็นเด็กใหม่อีกสองคน
“ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษครับ”
เด็กชายและหญิงสองคนเดินเข้ามาในห้อง มารุได้แต่ทำสีหน้าประหลาดใจ เด็กหนุ่มมีหน้าตาหล่อเหลา ส่วนเด็กสาวก็มีดวงตาที่กลมโตและสวยงาม ทั้งคู่ดูเป็นผู้ใหญ่มาก
‘ดูดีจัง’
ส่วนปีสองก็ปรบมือต้อนรับทั้งสองคน
“ไม่ต้องตกใจ พวกนายยังไม่เคยเจอกันสินะ? สองคนนี้เขาเพิ่งมาส่งใบสมัครเข้าเมื่อวานน่ะ เอาล่ะ ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว แนะนำตัวหน่อยไหม?”
เด็กหนุ่มก้มลงทักทายพวกที่มาก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อ ปาร์ค แทจูน ปีหนึ่งวิศวกรรมไฟฟ้า”
“สวัสดีนะ ฉันชื่อคิม อิเซ ปีหนึ่งเอกคอมพิวเตอร์”
มินซองชี้ไปยังกระดาน ทำท่าให้ทั้งคู่เข้าไปเขียน เดมยังจึงยื่นปากกาให้
“ขอบคุณ”
อิเซยิ้มให้น้อย ๆ และหยิบเอาปากกาจากมือเดมยังไป ส่วนเดมยังหันกลับมาทำท่าเขินอาย พอทั้งสองเขียนชื่อตัวเองลงไปเสร็จ กระดานก็ถูกเติมจนเต็มพอดี
“ประธานเชิญด้านหน้า”
ยูนจังก้าวออกมาพร้อมเสียงกระแอมในลำคอ
“พวกเราทั้ง 12 คนจะอยู่ด้วยกันในชมรมนี้ไปตลอด 1 ปี มันอาจจะมีเรื่องลำบากบ้าง แต่เรามาช่วยกันสร้างการแสดงดี ๆ ด้วยกันเถอะ แล้วเดี๋ยวเราจะแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกันด้วย อ่ะ แล้วก็ สมาชิกชมรมห้ามคบกันเป็นแฟนนะ เข้าใจไหม?”
ยูนจังพูดพร้อมขยิบตา มารุเห็นสีหน้าของโดจินหม่นหมองลงทันที
“…โกหกจ้า จะคบกันก็ไม่ว่าหรอก แต่อย่าสร้างปัญหาให้ชมรมก็พอ เพราะถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นล่ะก็… คงรู้กันนะ?”
ยูนจังเริ่มหัวเราะด้วยท่าทีราวกับวายร้าย แปลกคนดีจริง ๆ เดนมิกลับลุกขึ้นและมาเขย่าไหล่เพื่อนตัวเอง
“ทำไมไม่ทำตัวให้มันสมเป็นรุ่นพี่หน่อยหา?”
“อะไร?”
“เฮ้อ”
เดนมิก้าวขึ้นมาแทนที่และหยิบมือถือออกมา
“ในนี้มีใครไม่มีโทรศัพท์บ้างไหม?”
ไม่มีใครพูดอะไร
“ดี งั้นเอาโทรศัพท์ออกมาเลย”
เหล่าปีหนึ่งต่างพากันหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาคนแล้วคนเล่า บ้างก็เป็นแบบพับ บ้างก็เป็นแบบเลื่อน ตามที่ตัวเองมี มารุก็หยิบของตัวเองออกมาเช่นกัน
“เราจะแลกเบอร์กันนะ บันทึกไว้ดี ๆ ล่ะ เพราะชมรมอาจจะมีการเรียกประชุมด่วนบ้างเป็นบางครั้ง ยิ่งเวลาใกล้ถึงการแสดง เข้าใจไหม?”
“ครับ/ค่ะ”
“เยี่ยมมาก ยูนจังก่อนเลย”
เหล่าปีสองผลัดกันออกมาพูดชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองทีละคน ๆ
“เอาล่ะ เริ่มจากเกนซุค บอกชื่อกับเบอร์โทรศัพท์มา บันทึกไว้ดี ๆ นะ เราต้องสนิทกันไว้ก่อน เพราะต้องอยู่ด้วยกันอีกทั้งปี” เดนมิกล่าว
เกนซุคเริ่มพูดแทบจะทันที เสียงของเขามีมิติ เป็นเสียงประเภทที่ได้ยินแล้วไม่มีวันลืมได้ นี่คือพรสวรรค์ของนักแสดงรึเปล่านะ? และไม่นาน พวกเขาก็ผลัดกันพูดจนไปจบที่อิเซ
“เอาล่ะ เท่านี้ก็ครบแล้ว มาคุยกันต่ออีกสักหน่อยไหม เรื่องชีวิตความเป็นอยู่อะไรก็ได้ เดี๋ยวนะ ขอไปซื้อขนมข้างนอกเดี๋ยว”
“ผมไปด้วย” โดจินตะโกน เดนมิหันมาบอกปัดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวมีงานให้ได้ทำเป็นภูเขาแน่ ตอนนี้นั่งพักสบาย ๆ ไปก่อนเถอะ”
เดนมิเดินออกจากห้องไปพร้อมกับยูนจัง ประตูปิดลงดังแกร๊ก
“เอาล่ะน้อง ๆ”
มินซองมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที เด็กหนุ่มหยิบท่อ PVC ขึ้นมาด้วยท่าทีขึงขัง ทำให้ห้องเงียบลงทันตา
‘ว่าแล้ว’ มารุคิด มันดูแปลก ๆ แต่แรกแล้วที่พวกรุ่นพี่ไม่มีการตักเตือนเรื่องกฎอะไรให้พวกเขาฟังเลย
“ขอบอกเลยนะ ว่าฉันอยากสนิทกับพวกแกจริง ๆ ฉันชอบรอยยิ้ม แต่บางครั้งน่ะนะ มันก็ต้องใช้อย่างอื่นบ้าง”
เขาฟาดท่อเข้ากับผนัง ทำให้เด็กรุ่นน้องสะดุ้งกันเป็นแถว
“อันนี้ไม่ได้มีไว้เล่น ๆ นะ ขอบอกเลยว่าถ้าจำเป็น ฉันจะใช้มันตีแน่ ๆ ไม่เกี่ยงเพศด้วย”
เหล่าปีหนึ่งต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว ยกเว้นมารุ ทำให้เขารับรู้อีกครั้งว่าประสบการณ์มันน่าเกรงขามขนาดไหน ของแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องเด็กเล่นไปเลยเมื่อเทียบกับการข่มขู่จริง ๆ ในบริษัท
จริง ๆ แล้วมันดูน่ารักเสียด้วยซ้ำไป เพราะเขารู้สึกได้เลยว่าเด็กหนุ่มให้ความสำคัญกับชมรมมากแค่ไหน มันค่อนข้างชัดเจนว่าเด็กหนุ่มไม่ได้หยิบท่อขึ้นมาด้วยอารมณ์บ้าอำนาจ จริง ๆ มารุเห็นเสียด้วยซ้ำไป ว่ามือของเด็กหนุ่มเองก็สั่นอยู่เหมือนกัน คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำอะไรแบบนี้หลังเห็นรุ่นพี่ทำมา
มารุหันไปดูจุงฮยุก เขายังคงทำท่าทีเยือกเย็นเหมือนเคย ถึงจะมองออกได้ง่าย ๆ ว่าเขาก็กำลังเกร็งอยู่เช่นกัน
“เข้าใจไหม?” มินซองถาม
“ครับ/ค่ะ”
“ดี”
มินซองโยนท่อทิ้งไป พร้อมทำท่าทางปลอดโปร่งขึ้น
“จริง ๆ เลย จากนี้ก็มาพยายามด้วยกันล่ะ ชมรมนี้เป็นชมรมที่ดี เราต้องสร้างความทรงจำดี ๆ ได้แน่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกนายจะพยายามกันแค่ไหนล่ะนะ ฉันกับจุงฮยุกจะพยายามกันในฐานะทีมงานหลังบ้าน เราคงไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากนัก แต่พวกรุ่นพี่ผู้หญิงน่ะจะได้อยู่ด้วยกันแน่ เพราะฉะนั้นดูแลกันดี ๆ ล่ะ”
“ครับ/ค่ะ”
เขาพูดออกมาตามตรง มารุเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามินซองให้ความสำคัญกับชมรมนี้มากแค่ไหน รอยย่นบนหน้าของเหล่าปีหนึ่งค่อย ๆ หายไปหลังจากพวกเขาเริ่มรับรู้ถึงเรื่องนี้
“ถึงยูนจังจะแปลกคนไปหน่อยก็เถอะ พวกนายคงมีแต่ต้องทำใจให้ชิน”
ฟรูด
จุงฮยุกหลุดขำออกมาจากด้านหลัง ส่วนปีหนึ่งไม่มีใครกล้าที่จะหัวเราะ ยกเว้นคนเดียว
“หึหึ” มารุหลุดขำออกมา เขาพยายามหันหน้าหนีหลังเห็นคนอื่น ๆ มองมาที่เขา
“มารุ ชอบแกว่ะ คนเราต้องยิ้มเข้าไว้”
มินซองเข้ามาตบบ่ามารุเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม นี่คงเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา เพราะเขาช่างดูไม่เหมาะจะถือท่อขู่คน จริง ๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็…
มารุหันไปมองที่จุงฮยุก คนที่จะลงมือคงเป็นคน ๆ นี้เสียมากกว่า
“กลับมาแล้ว”
ยูนจังและเดนมิกลับเข้ามาในห้องชมรม ทำให้บรรยากาศแสนอึดอัดลอยหายวับไปกับตา แทนที่มาด้วยน้ำอัดลมและขนมต่าง ๆ ทำให้การประชุมครั้งแรกจบลงไปได้อย่างงดงาม
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 11 ตอนที่ 1
ยูนจังมองไปที่ประตูห้องชมรมด้วยความตื่นเต้น
“ให้ตายสิ ในที่สุดก็จะมีรุ่นน้องแล้ว ตื่นเต้นจัง…”
“อยู่เฉย ๆ เป็นไหม?” เดนมิกล่าว
แต่ยูนจังเองก็สังเกตเห็นได้ว่าเดนมิก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ถึงขั้นขาสั่นกันเลยทีเดียว
“12 คนเหรอ ไม่มากเท่าที่หวัง แต่ก็เยอะพอตัวเลย”
“เท่านี้เราก็เล่นเรื่องที่ใช้คนเกิน 10 คนได้แล้ว”
“ถ้าได้ล่ะนะ ฉันว่าต้องมีเด็กที่อยากเป็นแค่ทีมงานอยู่ด้วยบ้างแหละ” จุงฮยุกพูดขัดขึ้น
ยูนจังแลบลิ้นใส่ด้วยความรำคาญ จุงฮยุกนั้นเอาแต่ยึดติดกับความเป็นจริง เป็นคนที่คอยพูดอะไรให้มันสมเหตุสมผลเสมอไป ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีหรอกนะ
“เอาน่า มีความหวังหน่อย น้องอาจจะอยากเป็นนักแสดงกันหมดเลยก็ได้นะ” ยูนจังตอบกลับ
“อืม ถ้าได้งั้นก็ดีสิ” จุงฮยุกพูดพร้อม ๆ กับดันกระโถนเข้าไปเก็บที่มุมห้อง นี่เป็นของที่ถูกใช้งานเมื่อ 6 ปีก่อน จะว่าไป…
“ชุดที่พวกเราใช้กันตอนนี้ สักวันหนึ่งรุ่นน้องจะทำเหมือนมันเป็นผ้าขี้ริ้วรึเปล่านะ?”
“ก็คงงั้น”
“แย่จริง”
“นี่ พวกเรายังเหลือเวลาอีกตั้ง 2 ปีนะ กว่าจะจบ” ยูนจังเบะปากใส่จุงฮยุกจากด้านหลัง มันเป็นนิสัยที่เธอมีมาตั้งแต่เด็ก พวกผู้ใหญ่ชอบบอกให้เธอเลิกทำปากแบบนั้นแต่เธอก็แก้นิสัยนี้ไม่ได้เสียที
“จะมากันแล้ว” เดนมิกล่าว พร้อมก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ
ยูนจังหันไปมองที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ อีกสิบนาที สิบนาทีพวกปีหนึ่งก็จะมาถึง
* * *
“เปิดดิ”
“ม-ไม่เอา”
“กลัวเหรอวะ?”
“ไม่ใช่ แต่…”
“งั้นก็เปิดดิ”
“ท-ทำไมไม่เปิดเองล่ะ?”
“ไม่เอาอะ”
“…”
มารุเดินขึ้นไปด้านหน้าหลังเห็นเพื่อนทั้งสองคนเถียงกันอยู่นาน เขาจับที่ด้ามจับประตู ด้ามที่เคลือบด้วยสเตนเลสมีร่องรอยการสึกหรอจากการใช้งานมาอย่างยาวนาน พอเขาลองบิดเปิดดู ประตูก็ส่งเสียงดัง แกร๊ก
“มากันเกือบครบแล้ว”
เสียงนั้นเป็นของมินซอง รุ่นพี่หัวโอ๊ก ปีสองแยกตัวเองออกไปอยู่ทางฝั่งซ้ายของห้อง ส่วนมารุเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มปีหนึ่งที่เหลือ
“ยินดีต้อนรับ ฉันขอทำตัวเป็นกันเองหน่อยนะ ไหน ๆ ก็เข้าชมรมมากันหมดแล้ว แต่เรามีเรื่องต้องทำกันก่อน ทุกคน หันไปด้านหลัง”
เหล่าเด็กปีหนึ่งหันไป และพบกับไวท์บอร์ดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ด้านบนเขียนชื่อของพวกปีสองไว้ โดยมีชื่อ ‘ลี ยูนจัง’ เขียนไว้ด้วยปากกาสีน้ำเงิน พร้อมด้วยคำว่า ‘ประธาน’ ต่อท้ายชื่อ
“แต่ละคนช่วยเขียนชื่อของตัวเองลงไปด้วย พร้อมกับสาขาเอก” มินซองพูดต่อ
คนตัวใหญ่นั้นเป็นคนแรกที่ก้าวออกไป เขาหยิบปากกามาร์คเกอร์ขึ้นและเปิดฝาออก ก่อนจะบรรจงเขียนชื่อของตัวเองลงไป เด็กสาวอีกสองคนก็เขียนตามไปหลังเด็กหนุ่มเขียนเสร็จ
ฮง เกนซุค, ลี ยูริม, คิม โซยอน
ทั้งสามคนเรียกเอกการออกแบบ โซยอนโยนปากกามาให้มารุเพื่อเขาจะได้เขียนต่อ
“มารุ?”
เขาได้ยินเสียงคนพูดมาจากด้านหลัง เขาคุ้นเคยกับการตอบสนองแบบนี้ดี แม้หลังจากเรียนจบไปแล้ว คนอื่นก็มักจะประหลาดใจเมื่อได้รู้ชื่อของเขา ตอนหนุ่ม ๆ มันทำให้เขาเครียดมาก แต่พอแก่ตัวลง เขาก็เริ่มชอบชื่อของตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ การมีชื่อที่น่าจดจำน่ะ เป็นเรื่องดี
“เราแนะนำตัวกันไปเมื่อวานแล้ว วันนี้จะไม่พูดอีก เดี๋ยวอยู่กันไปก็จะรู้เองแหละว่าพวกเราไม่ใช่รุ่นพี่ที่โหดร้ายอะไร มาสนุกไปด้วยกันเถอะ นะ? แต่ถ้ามีใครทำผิดอะไรขึ้นมา พวกเราก็พร้อมจะด่าเสมอนะ เพราะเราไม่ได้มาเล่นสนุกกันเฉย ๆ”
คำพูดของจุงฮยุกทำให้บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกขึ้นทันที
“เฮ้ย ทำไมชอบทำให้ทุกอย่างมันดูน่ากลัวไปหมดกัน? มาฟังน้องเราแนะนำตัวกันก่อนดีกว่า”
มินซองปรบมือ และชี้ไปยังเกนซุคที่นั่งอยู่สุดแถว
“สูงดีนะเรา ตัวใหญ่ด้วย ชื่อว่า… ฮง เกนซุค ใช่ไหม แนะนำตัวเอง เหตุผลที่เข้า และเป้าหมาย หรือถ้าอยากพูดอะไรเพิ่มเติมก็เชิญได้เลย”
มินซองนั่งลงด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดี ปีหนึ่งการออกแบบ ฮง เกนซุค มาเรียนที่โรงเรียนนี้เพื่อมาเข้าชมรมนี้โดยเฉพาะ อยากร่วมแสดงละครอันแสนวิเศษกับทุกคนในอนาคต เป้าหมายคือการได้ไปแสดงในศูนย์ศิลปะกรุงโซลครับ”
เกนซุคพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ราวกับว่าเขาพยายามจะย้ำให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดไป แทนที่มันจะฟังดูน่าหมั่นไส้ มารุกลับรับรู้ได้ถึงความหนักแน่นในน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม เท่จริง ๆ ถึงเขาจะดูแตกต่างมาแต่แรกแล้วก็ตาม แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าเขามีความฝันแบบนั้น…
“เดี๋ยวนะเกนซุค มาโรงเรียนช่างเพราะอยากเข้าชมรมการแสดงเหรอ?”
“ครับ”
“ถามจริงดิ?”
“ครับ”
“ทำไมล่ะ? โรงเรียนอื่นก็มีชมรมการแสดงนะ”
“ผมอยากสัมผัสประสบการณ์ที่พี่ชายเคยได้พบเจอครับ”
“พี่ชาย?”
“ครับ”
ยูนจังคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินไปทางชั้นวางหนังสือ ที่เก็บรวบรวมอัลบั้มของชมรมเอาไว้
“ต้องขอถามหน่อยล่ะ ใครเหรอ?” เธอเป็นคนประเภทที่ห้ามความสงสัยของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ จริง ๆ เธอดูจะตื่นเต้นกว่าเก่าด้วยซ้ำ ร่าเริงกว่าเดิม ใช่ ร่าเริง
“ฮง เกนโซ จากรุ่นแรกครับ”
“…ว่าแล้วเชียว”
ชมรมดูครึกครื้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ไม่แปลกหรอกที่จะเป็นแบบนั้น เพราะขนาดมารุยังรู้จักชื่อนี้เลย เขาคือคนที่รับบทบรรยายจากเรื่องมาโรเนียพาร์ค และหลังจากนั้นก็มีผู้กำกับมาทาบทามไปเล่นหนัง ในการแสดงครั้งแรกของเขา เขาได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี ถึงขนาดชนะรางวัลมาเลยด้วย หลังจากนั้นก็ผันตัวเองไปทำงานอยู่สายเพลงและดนตรีแทน