ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 10 ตอนที่ 2
วันเสาร์ วันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะต้องเลือกชมรมที่ตัวเองอยากเข้า ห้องเรียนมีเสียงดังกึกก้องเพราะเด็กหลาย ๆ คนกำลังมาตัดสินใจเลือกในวินาทีสุดท้าย
“เฮ้ย ชมรมบอร์ดเกมนี่แหละเจ๋ง ผู้หญิงเยอะดี”
“หา ผู้หญิง? จะไปอยู่กับผู้หญิงทำไมถ้าเราสนุกกันเองได้? ไปชมรมพัฒนาโปรแกรมเถอะ ที่นั่นมันร้านเกมชัด ๆ เลยนะ”
“ยอมแพ้เรื่องชมรมเต้นเลยว่ะ ฝึกกันหนักแบบเลือดตาแทบกระเด็น ไม่รู้มาก่อนเลยจริง ๆ ให้ตาย”
เหล่าเด็กหนุ่มต่างพากันหาชมรมที่ ‘ดีที่สุด’
“วันนี้มีปลาทอดกับซุปปลา เฮ้อ มีแต่ปลา…” โดจินถอนหายใจยาว
“ถ้าไม่กินเดี๋ยวกินให้ไหม?”
“ไปไกล ๆ เลย เอาลูกอมถั่วหน่อยปะ?”
“เอาสิ”
เหมือนทุกวัน มารุเริ่มคาบแรกด้วยลูกอมจากโดจิน แม้แต่เดมยังจากหน้าห้องก็ยังเดินมาคุยกับพวกเขา
“ไง เดมยัง เอาลูกอมปะ?”
“อ่า เอาสิ ขอบใจ”
เดมยังรับลูกอมไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองหนุ่มดูท่าจะสนิทกันขึ้นบ้างแล้ว เดมยังนั้นเป็นคนประเภทที่ยิ้มได้ตลอดเวลา ถึงจะยังขี้กังวลในหลาย ๆ เรื่อง แต่เวลาจะช่วยแก้นิสัยนั้นได้เอง
‘ดีจริง ๆ ที่วันนั้นตัดสินใจเข้าไปคุยด้วย’ มารุคิดในใจ
มันเป็นแค่การกระทำเล็ก ๆ ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่เพราะเรื่องนั้น ทำให้ตอนนี้เดมยังยิ้มออกมาได้
“ไง เดมยัง เมื่อคืนฉันเพิ่งได้นี่มา”
เด็กคนหนึ่งเดินเข้าห้องมาพร้อมเสียงตะโกน เด็กเกือบครึ่งห้องมักจะคุยกันเรื่องเวิลด์แครช
“ฉันก็ได้”
“ฉันไม่ได้เลย มีแค่ Exp แต่เวลาเกิดมอนนี่อย่างพอดีเลย ถึงขนาดลืมกินข้าวกินปลา ฟาร์มยาวทั้งคืนเลย”
“นี่ เดมยัง มีที่ฟาร์มเวลอื่นอีกปะ?”
เดมยังบอกว่าเรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันตอนเที่ยง เมื่อไหร่ก็ตามที่เด็ก ๆ คุยกันเรื่องเกม เดมยังมักจะอยู่เป็นศูนย์กลางเสมอ ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เมื่อวันแรก ๆ ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เพราะนี่คือตัวตนจริง ๆ ของเดมยัง
‘ดีจริง ๆ ที่เข้าไปคุยด้วย’ มารุคิด
มารุไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นคนที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ เขาแค่อยากมีชีวิตวัยเรียนสบาย ๆ ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ชีวิตในสังคมจริง ๆ เจอภรรยาอีกครั้ง กลายเป็นคุณพ่อแสนธรรมดา การหาความสนุกระหว่างทางมันก็แค่ของแถม
[คราวนี้ขอให้ใช้ชีวิตอย่างสนุก]
เขายังจำคำของหญิงชราได้ดี
‘สนุก ไม่ได้หมายความว่าต้องออกไปผจญภัยนี่นะ’
เขาแค่อยากใช้ชีวิตที่สบายกว่าเก่าสักหน่อย แค่นั้นก็พอแล้ว ถ้าเขาอยากได้อะไรไปมากกว่านั้น มันจะกลายเป็นความโลภที่มากเกินไป และความโลภมักพามาซึ่งหายนะเสมอ เขาเสียบหูฟังและหลังตาลง การได้ฟังเพลงที่ชอบจนเริ่มเข้าเรียนนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว
* * *
คัง โดวุค หันมามองหน้าคนที่กำลังพูดอยู่เบื้องหน้า
‘น่ารำคาญ…’ เขาได้แต่คิด คนที่เขาหมายตาไว้ว่าจะใช้งานกลับได้มีกลุ่มเพื่อนจนได้
มันคือ ปาร์ค เดมยัง เจ้าบ้าที่กำลังจะกลายเป็นเบ๊ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศูนย์กลางของห้องแทน
‘ให้ตายสิวะ’
เมื่อเป้าหมายเดิมเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาจึงต้องหาเหยื่อรายใหม่คอยช่วยทำการบ้านให้แทน ขณะที่เขากำลังมองไปรอบ ๆ ห้อง
สายตาของเขาไปบรรจบเข้ากับโดจิน
“มองเหี้ยไร?” โดจินท้าทาย
เหอะ ตลกเป็นบ้า หมอนี่ไม่รู้จักอยู่เฉย ๆ บ้างเลยจริง ๆ
“อะไร? แค่ใช้ตาตัวเองมองก็ผิดเหรอ?”
“ไปมองที่อื่นไป ไม่อยากโดนคนอย่างแกมองว่ะ”
“เหอะ ทำเป็นเท่”
“มองไปที่อื่นไป ไม่สิ… เดี๋ยวฉันมองไปทางอื่นเอง”
โดจินหันหน้าหนีพร้อมเสียงเดาะลิ้น โดวุคอยากเดินเข้าไปตบหัวไอ้บ้านี่แทบขาดใจ แต่เขาก็พยายามทำตัวให้เย็นเข้าไว้ เขาไม่อยากต้องมามีปัญหาเพราะเรื่องอะไรแบบนี้ ที่สำคัญ กับครูที่โรงเรียนนี้แล้ว การต่อยตีกันมันไม่คุ้มค่าแน่ ๆ
มีเรื่องหนึ่งที่เขาได้ยินมาจากรุ่นพี่ ว่าเด็กช่างไฟกับเด็กช่างกลไปต่อยตีกัน หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็โดนลากเข้าห้องประชุมไปอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าพวกครูจะเอาท่อ PVC ฟาดทั้งสองคนจนลุกแทบไม่ขึ้น พอได้ยินแบบนั้นก็ทำให้โดวุคเลิกคิดจะมีเรื่องชกต่อยทันที
‘ขนาดครูประจำชั้นยังดูไม่ปกติเลยสักนิด’
เขาไม่ได้มาเข้าโรงเรียนอาชีวะเพื่อจะเสียคน เขายังคงวางแผนจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย พยาพยามจะเปลี่ยนตัวเองและตั้งใจเรียนขึ้น เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่อยากจะมีปัญหาอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่ก่อนเรียนจบ
‘และเพราะแบบนั้นฉันถึงต้องมีเบ๊’
เขาคงตั้งใจเรียนไปได้ไม่ตลอดสามปี เพราะเรื่องนั้นมันบ้าบอ เขาจึงต้องมี ‘คู่ซี้’ ช่วย
“ไง โดวุค เอาบุหรี่หน่อยปะ?”
โดวุคเงยหน้าขึ้นมอง อ่า พวกนี้คือคนแบบเดียวกันกับเขา เด็กคนหนึ่งดึงบุหรี่ยี่ห้อเกาหลีออกมาพอให้เขาได้เห็น
“เฮ้อ ให้ตาย ไม่มีรสนิยมจริง” เขาบ่นกับตัวเอง
“จะเอาไหมล่ะ?”
“เออ เอา จะไปสูบที่ไหนเถอะ?”
“รุ่นพี่บอกว่าที่หอประชุมชั้น 5 ว่าง ไปสูบที่หน้าต่างแถวนั้นเอาก็ได้”
“โอ้ ก็ดี”
“ปะ มีไฟแช็คไหม?”
“มีสิ”
โดวุคลุกขึ้นพร้อมเด็กคนอื่น ๆ ปลาทอดนั้นมันเป็นอาหารที่หนักท้องเอามาก ๆ การได้สูบบุหรี่คงช่วยผ่อนคลายลงได้บ้าง
แต่ตอนที่กำลังจะออกพ้นจากห้อง ซองบุหรี่ก็หลุดออกจากมือของโดวุค และกระเด้งกระดอนไปตกที่เท้าของเจ้าคนที่นั่งฟังเพลงอยู่ เด็กคนนั้นก้มลงหยิบซองบุหรี่ โดวุคจำมันได้ดี มารุ เด็กคนหนึ่งที่เขาไม่เคยจะคุยด้วย แต่ก็ยังทำตัวให้เขารำคาญได้
หมอนี่คือคนประเภท ‘นั้น’ พวกที่พยายามจะประจบสอพลอครู แต่ว่า
“ทำไมถึงต้องทำร้ายสุขภาพร่างกายตัวเองด้วย?” เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มระหว่างที่เขาหยิบซองบุหรี่คืนให้ หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงนั่งฟังเพลงต่อ สำหรับโดวุคแล้ว มันค่อนข้างน่าตกใจทีเดียว โดวุคนึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องยึดบุหรี่เขาไปแน่ ๆ งั้นบางที…
“อยากสูบด้วยปะ?” เขาลองถาม
“ขอโทษที เลิกนานแล้ว”
“…หะ?”
“เปล่า พวกแกเองก็เลิกเถอะ ไม่งั้นจะมาเสียใจภายหลังเอา เชื่อสิ ยิ่งตอนมีลูกสาวนะ… อะ ไม่มีอะไร”
ลูก? ลูกสาวอะไร? หมอนี่มันพูดอะไรของมัน?
“เฮ้ย ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวก็หมดเวลาพักก่อนหรอก”
เพื่อนของเขาพยายามเร่ง โดวุคหันมามองนาฬิกา อะ อีก 15 นาทีจะบ่ายโมง
“ไปกันเถอะ” เขากล่าว
* * *
“พระเจ้าช่วย เกลียดมันแม่งฉิบหาย” โดจินบ่น
มารุได้แต่มองอย่างเงียบ ๆ จากมุมมองของคนทั่วไป โดจินกับโดวุคดูท่าทางจะเข้ากันได้ดี เพราะทั้งคู่ต่างก็หน้าตาเหมือนนักเลง โดจินเองก็เคยเล่าเรื่องที่ตัวเองเป็นนักเลงตอนมัธยมต้นให้ฟังเหมือนกัน แต่ว่าหลังจากจุดหนึ่ง การทำตัวแบบนั้นก็เริ่มน่าอายสำหรับเขา ทำให้เขาต้องมานั่งเสียใจภายหลังไม่น้อย
“งั้นเหรอ คุณอดีตนักเลง?”
“อ่า เงียบเลยนะ ฉันเลิกเป็นมานานแล้ว ตอนนี้เป็นคนดีแล้ว”
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ?”
“ฉันน่ะเหรอ? เพราะมันน่าอายไง”
“ไม่ ๆ หมายถึง ทำไมถึงคิดว่ามันน่าอายล่ะ?”
“อ่อ คือมันมีคนหนึ่งที่ฉันเคยแกล้งเมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้วนะ หยุดมองด้วยสายตาแบบนั้นเลย ยังไงก็เถอะ ตอนปีสองมันบอกฉันว่า… สิ่งที่ฉันทำมันดูเด็กน้อยมาก หมอนั่นน่ะเป็นพวกที่ถึงจะโดนแกล้งก็ไม่ใส่ใจอะไร พอฉันลองมาคิด ‘ถ้าฉันอยู่ในสภาพเดียวกับหมอนี่ล่ะ?’ ฉันคงมั่นใจได้ไม่ถึงครึ่งของที่มันมั่นใจด้วยซ้ำ จากวันนั้นมา ฉันก็เลิกเลย แล้วพอมองย้อนกลับไปดูตัวเองในอดีต มันยิ่งน่าอาย”
“ฟังดูเป็นคนดีเลยนี่นา”
“ดีจริง แล้วก็นะ หมอนั่นเรียนโคตรเก่งด้วย น่าจะตั้งใจเรียนตอนที่มันเตือน ดันไปใช้เวลาสูบบุหรี่เอาเท่ เฮ้อ น่าอายโว้ย”
โดจินพูดจบด้วยรอยยิ้ม เพื่อนมักจะส่งผลกระทบต่อกันเสมอ มารุมองดูที่เดมยัง ช่วงมัธยมปลายคือช่วงที่เด็ก ๆ เริ่มก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เพื่อนมีอิทธิพลมากกว่าครอบครัว คำพูดคำเดียวจากเพื่อนอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเราไปได้ตลอดกาลเลย เดมยังหันกลับมายิ้มตอบให้ อืม ค่อยยังชั่ว
‘ใช้ชีวิตอีกครั้ง… บางทีคนที่ได้ใช้ชีวิตอีกครั้งอาจจะไม่ใช่แค่ฉัน แต่เป็นพวกเราทั้งหมด’
คนดี พอนึกถึงความหมายของคำพูดนี้ก็ทำให้เขาอมยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไรของเอ็งวะ?” โดจินถาม
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 10 ตอนที่ 1
“เจอกันพรุ่งนี้”
หลังบอกลากับเพื่อน บาดะก็แอบซื้อขนมที่ร้านหน้าบ้านก่อนจะเก็บมันไว้ในกระเป๋า
‘ครั้งนี้ไม่พลาดแน่’ เธอคิด เพราะพี่ชายของเธอนั้นมีประสาทสัมผัสที่ไวมาก หากมีใครกินขนมในบ้านล่ะก็ ต้องโดนเขารู้เข้าอย่างแน่นอน เมื่อก่อนตอนเธอยังอยู่ชั้นประถม พี่ชายของเธอดีกับเธอมาก แต่หลังจากเธอขึ้นมัธยมมาเขาก็เริ่มทำตัวแปลกไป ยิ่งหลังจากที่คอมพิวเตอร์ในห้องนั่งเล่นย้ายเข้าไปอยู่ในห้องของเขา ก็ยิ่งเกิดปัญหามากขึ้น ทำให้ทั้งสองทะเลาะกันแทบทุกวัน
จริง ๆ แล้ว ช่วงก่อนจะเปิดเทอมพวกเขาทั้งสองคนทะเลาะกันอย่างหนักจนถึงขั้นที่บาดะไม่ยอมเข้าไปใกล้ห้องของพี่ชาย ก็ได้ ไม่ใช้คอมด้วยก็ได้ ไอ้ขี้งก แต่ว่า…
‘เราอยากแต่งรูปโปรไฟล์ไซเวิลด์…’
คนที่ต้องยอมแพ้ก็คือบาดะเอง เพราะพอได้เห็นเพื่อน ๆ แต่รูปโปรไฟล์กันอย่างน่ารักสวยงาม ก็ทำให้เธออยากจะแต่งบ้าง ยิ่งเวลาเพื่อน ๆ เอารูปมาอวดให้เธอดู เธอก็ได้แต่คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้สวยกว่าด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้นวันนี้เธอจึงตัดสินใจซื้อขนมกลับบ้านมาด้วยเพื่อเป็นค่าสินบน บางทีอาจจะใช้ขนมนี้ซื้อเวลาเล่นคอมมาได้บ้างก็ได้
หลังกลับมาถึงบ้าน เธอก็ตรงดิ่งไปเคาะประตูห้องของมารุทันที
“พี่”
โดยปกติเธอจะเรียกเขาว่า มัน หรือ แก เท่านั้น ประตูเปิดออกหลังเสียงของเธอดังขึ้น บาดะคิดว่าพี่ชายของเธอคงจะใช้เวลาเล่นคอมอยู่ตามปกติ แต่ช่างน่าแปลกใจที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ และหนังสือที่ว่านั่นก็ไม่ใช่หนังสือการ์ตูนเสียด้วย
“มีไร?” มารุถาม
“คือ ขอใช้คอมหน่อยได้ไหม?”
ขณะที่เธอกำลังค้นกระเป๋าหาสินบนนั่นเอง
“ใช้สิ”
“ว่าไงนะ?”
ง่าย ๆ งี้เลย? บาดะจ้องมองไปที่มารุด้วยท่าทีมึนงง
“ใช้สิ”
“จริงดิ?”
“อะไร จะพูดเล่นเพื่อ? แล้วกินข้าวมารึยังเถอะ?”
“ยังเลย”
“งั้นไปกินข้าวก่อน แม่ทำคิมชีจีแกไว้”
“แต่แม่ไม่อยู่นี่?”
“อ่อ ออกไปคุยกับคนข้างบ้านแน่เลย รอเดี๋ยวนะ”
บาดะหันตามมารุไปขณะที่เขาเดินออกจากห้อง เพื่อจะได้ซ่อนขนมไว้ด้านหลัง มารุเดินเข้าห้องครัวไป และไม่นานบาดะก็ได้ยินเสียงถ้วยชามกระทบกัน ตามมาด้วยเสียงเตาแก๊สถูกเปิดขึ้น ทำให้เธอสงสัยจนต้องชะโงกหน้าเข้าไปมอง
“จะทำข้าวเย็นให้เหรอ?”
“ไม่งั้นก็ไม่ยอมกินใช่ไหมล่ะ? ขนมนั่นไว้ค่อยกินหลังข้าว ไม่งั้นจะกินข้ามไม่อร่อยเอา”
มารุจัดโต๊ะอาหารด้วยข้าว ซุป และอาหารอีกสองสามอย่าง อะไรของเขา? เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ฮาน มารุ นั้นเป็นคนประเภทที่จะขโมยอาหารทุกอย่างที่มีไปกินเอง เรื่องนี้ทำให้บาดะได้แต่นั่งลงที่โต๊ะอาหารด้วยความงุนงง
“กินแล้วเอาจานไปแช่น้ำไว้ด้วยนะ เดี๋ยวล้างให้”
มารุเดินเข้าห้องนั่งเล่นไปเปิดทีวีดู เขาจะให้เธอใช้คอมจริง ๆ เหรอ? ถ้างั้นเธอก็ไม่มีเวลามาเสียแล้ว บาดะรีบทานอาหารตรงหน้าลงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่พี่ชายของเธอจะเปลี่ยนใจ เมื่อเธอทานเสร็จ เธอก็เห็นมารุลุกขึ้นมาเตรียมล้างจานให้
‘อะไรเนี่ย…’ พอได้เห็นเขาทำท่าทางใจดีแบบนี้ก็มีแต่ทำให้เธอรู้สึกขนลุก
มาดะจ้องมองไปที่พี่ชายด้วยสายตาสงสัย เขาทำอะไรของเธอพังรึเปล่านะ? เธอจึงเข้าไปตรวจดูในห้องของตัวเอง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหาย เป็นอะไรของเขา? ตอนที่เธอเดินออกมาจากห้อง เขาก็ยื่นแอปเปิลที่ปลอกเปลือกแล้วมาให้เธอ “ของหวาน”
“อะ อืม”
“อย่าเล่นนานนักล่ะ ไปทำการบ้านด้วย”
“…อืม”
แปลกมาก ทำไมจู่ ๆ มารุถึงมาทำตัวเป็นคุณพ่อแบบนี้? ท่าทางของเขาตอนที่นั่งดูทีวี ยิ่งตอนที่ดูข่าวนั้น… มันทำให้มารุดูเหมือนพ่อ เสียยิ่งกว่าพ่อตัวจริงอีก
‘อะไรเนี่ย?’
ถ้าเขาพูดมาว่า ‘ไม่ คอมเป็นของฉัน อีอ้วน’ เหมือนทุกที บาดะก็คงไม่รู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ เธอเดินเข้าไปในห้องของมารุด้วยความรู้สึกแปลก ๆ วนเวียนเต็มหัวไปหมด
* * *
“มารุทำตัวแปลก ๆ อะ” บาดะบอก
“หมายความว่าไง?”
“มันทำข้าวให้หนูกิน เอาของหวานมาให้ แถมยังยอมให้ใช้คอมอีก”
ตอนนี้บาดะกำลังนั่งคุยกับแม่ของตัวเอง หลังเธอกลับมาที่บ้าน วันนี้มันแปลกจริง ๆ พี่ชายของเธอต้องกำลังวางแผนอะไรอยู่แน่ ๆ เพราะไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางทำเรื่อง ‘แบบนั้น’ แน่นอน
“พี่เขาแค่โตขึ้นน่ะ ทำไมเราไม่ลองเปลี่ยนตัวเองดูบ้างล่ะ?”
“ไม่มีทาง พี่มันต้องทำอะไรไว้แน่ ๆ ใช่ไหม?”
“ไม่มี”
แม่ของเธอหยิบธนบัตรใบ 10000 วอนออกมาจากกระเป๋า ทันทีที่บาดะเห็น ใบหน้าบูด ๆ ของเธอก็กลายเป็นรอยยิ้มทันที
“ค่าขนม?”
“ใช่ ค่าขนม”
“อะไรเนี่ยแม่? เมื่อวานยังบอกให้หนูรอไปก่อนอยู่เลย”
บาดะจับมือของแม่ไว้ด้วยความดีใจ เท่านี้เธอก็จะมีเงินไปถ่ายรูปสติกเกอร์กับเพื่อน ๆ แล้ว ตอนนี้รูปเก่าที่ติดอยู่กับโทรศัพท์ของเธอนั้นมันเริ่มจะหลุดออกมาแล้ว ถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะเอาของใหม่มาติดเสียที
“มารุบอกแม่ ว่าให้เอาเงินนี่มาให้เรานะรู้ไหม?”
“เอ๋? มันอะนะ?”
“ใช่”
บาดะได้แต่คิดกับตัวเองในใจขณะก้มลงมองเงินในมือ
ในที่สุดก็เป็นบ้าไปจนได้เหรอ?
* * *