หลินเมิ้งหยาขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ใบหน้าที่เคยขาวนวลบัดนี้แดงก่ำ
กัดฟันกรอด นางคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะถูกลวนลามทั้งที่แต่งกายเป็นชาย
ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนกระทั่งปัจจุบัน คนหน้าด้านไร้ยางอายที่ชอบลวนลามผู้หญิงล้วนเป็นพวกเดนนรก
แม้นางจะสัมผัสได้ว่าชายคนนั้นยังไม่ทันลงมือทำอะไรตนเอง แต่ความโกรธทำให้นางอยากจะเผาเขาทั้งเป็น!
“ดื่มน้ำอุ่นสักแก้วเถิด หลงเทียนอวี้ไล่ตามไปแล้ว เท่าที่ดูจากความสามารถของเขา เขาไม่มีทางปล่อยให้เจ้านั่นหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน”
ชิวอวี้ไม่รู้ว่าควรปลอบหลินเมิ้งหยาเช่นไร ตอนแรกคิดว่านางจะร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ใครจะคิดเล่าว่านางเกือบจะพุ่งตัวออกไปไล่ล่าโจรด้วยตัวเองเช่นนี้
มิพูดมิได้ว่านางช่างแตกต่างจากคนอื่นยิ่งนัก
“จริงสิ พวกเจ้าแจ้งทางการแล้วหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยารับน้ำอุ่นไป อยู่ๆ ก็เอ่ยถาม
ชิวอวี้ชะงัก เขาไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนี้เช่นไร
“เรื่องนี้ต้องแจ้งทางการให้ทราบเรื่อง เจ้ากับหลงเทียนอวี้ คนหนึ่งเป็นหมอหลวง อีกคนเป็นองค์ชาย พวกเจ้าล้วนเป็นคนสำคัญของบิดามารดาและแผ่นดิน ไม่ว่าไอ้โจรหื่นกามนั่นจะเป็นใคร ข้าจะลากคอมันออกมาให้ได้!”
ไอ้คนสารเลวที่เป็นพิษสงร้ายต่อผู้หญิงจะต้องถูกโบยจนเอวขาดสะบั้น
ทว่าชิวอวี้กลับอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“หากไปแจ้งทางการ เช่นนั้นตัวตนของข้ากับหลงเทียนอวี้จะต้องถูกเปิดเผย นั่นเท่ากับว่าสิ่งที่เพียรพยายามมาทั้งหมดจะสูญเปล่า”
หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะเอ่ย
“ฮึ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเขาเป็นเพียงโจรหื่นกาม? ตำบลแห่งนี้มีหญิงสาวเป็นร้อยเป็นพันคน แต่เขากลับไม่เล็งเป้าหมายไปที่คนอื่น ทว่ากลับพุ่งเป้ามาที่ข้าโดยตรง นั่นเท่ากับว่าเรื่องนี้มิใช่เรื่องธรรมดา”
อันที่จริงหลงเทียนอวี้และชิวอวี้ล้วนเข้าใจเรื่องนี้ดี แม้ว่าพวกเขาจะเห็นกับตาว่าหลินเมิ้งหยาเกือบถูกชายคนนั้นทำมิดีมิร้าย แต่ในสายตาของผู้อื่น คนที่กำลังอยู่ในอ่างอาบน้ำหาใช่ชายาอวี้ แต่เป็นคุณชายหยวนหลิน
หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าโจรหื่นกามคนนั้นจะต้องมีจิตวิปริตอย่างแน่นอน
บางทีเขาอาจมีรสนิยมแปลกประหลาด แต่หลังจากพบว่าหลินเมิ้งหยาเป็นผู้หญิง เขาคงมิได้เกิดความสนใจนัก
สิ่งเดียวที่พอจะอธิบายได้นั่นก็คือเขารู้จักตัวตนของหลินเมิ้งหยาอยู่แล้ว
ชิวอวี้คิดความน่าจะเป็นเช่นนี้ออกมาได้ ขณะเดียวกันเขาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดหลงเทียนอวี้จึงฝากเขาให้ดูแลหลินเมิ้งหยา ก่อนที่ตนเองจะไล่ตามโจรคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง
บางทีร่องรอยของพวกเขาอาจถูกเปิดเผยแล้ว
นั่นหมายความว่าไม่ว่าขบวนพ่อค้าหรือหลินเมิ้งหยาล้วนไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
อันที่จริงยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง แต่ความเป็นไปได้ข้อนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“ข้าจะไปแจ้งทางการเดี๋ยวนี้ ป๋ายซ่าว เจ้าจงดูแลนายหญิงให้ดี”
สายตาชิวอวี้เคร่งขรึมกว่าเดิม เขาพลันลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปยังที่ว่าการของตำบลซื่อฟาง
หลินเมิ้งหยาก้มมองน้ำในถ้วย อยู่ๆ ก็ถอนหายใจแล้วส่งเสียงเบา
“ออกมาเถิด ที่นี่ไม่มีคนนอกแล้ว หรือแม้แต่หน้าข้าเจ้าเองก็ไม่อยากเจอ”
หลังจากป๋ายซ่าวได้ยินคำพูดของหลินเมิ้งหยา นางกวาดสายตามองไปรอบๆ
ภายในห้องนี้มีเพียงพวกนางสองนายบ่าว หาได้มีคนอื่นไม่
รออยู่ราวครึ่งนาที ในที่สุดร่างบางในชุดขาวก็พลิกตัวเข้ามาจากทางหน้าต่าง
กระโดดลงกับพื้นด้วยท่วงท่าพลิ้วไหวนุ่มนวล
ทว่าใบหน้าเรียวเล็กเจือไว้ซึ่งความขลาด หลังจากได้เห็นหลินเมิ้งหยา อีกฝ่ายพลันก้มหน้าลง
“ป๋ายซู เหตุใดจึงเป็นเจ้า? ช่วงนี้เจ้าหายไปอยู่ที่ใด? พวกเราเป็นห่วงเจ้าแทบแย่!”
ป๋ายซ่าวปรี่ตัวเข้าไปหาด้วยอาการตกตะลึง นางคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาจะเป็นป๋ายซู
ทว่าแม้แต่นางเองก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาและความห่างเหินระหว่างหลินเมิ้งหยาและป๋ายซู
ป๋ายซ่าวยืนตรงกลางระหว่างทั้งคู่ คนหนึ่งคือพี่น้อง อีกคนคือเจ้านาย นางไม่รู้ว่าตนเองควรทำเช่นไร
กัดฟัน ป๋ายซ่าวเหลือบมองทั้งสอง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตู
“นายหญิง…ข้า…”
ป๋ายซูพึมพำเสียงสั่นไร้เรี่ยวแรง
หลินเมิ้งหยาทำเพียงปรายตามองนางด้วยสายตาเย็นชา
“ข้ามิใช่เจ้านายของเจ้าอีกต่อไปแล้ว เจ้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าในคราวนี้ด้วยเหตุใด? หรือได้รับคำสั่งจากใครบางคนให้มาสังหารฮ่องเต้แห่งต้าจิ้น? ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว ข้าฝากเจ้าไปบอกเขาด้วยว่าหากหลินเมิ้งหยาคนนี้ยังอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำร้ายฮ่องเต้ได้”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยโดยไม่ไว้หน้า น้ำเสียงเย็นชาของนางคมกริบดุจใบมีดที่กรีดลงบนหัวใจของป๋ายซู
หนึ่งหยด สองหยด หยาดน้ำตาสีใสไหลรินกระทบบนพื้นไม้สีแดงเข้ม
ป๋ายซูไม่ได้พูดอะไร แม้แต่หน้าก็ไม่เงยขึ้น
โขกศีรษะลงกับพื้นต่อหน้าหลินเมิ้งหยาสามครั้ง ก่อนจะหมุนตัวแล้วกระโดดออกจากหน้าต่างไป
“เฮ้อ….”
นานกว่าหลินเมิ้งหยาจะถอนหายใจออกมา นางส่ายหน้าน้อยๆ
ลางเนื้อชอบลางยา อันที่จริงนางมิได้มองป๋ายซูผิดไป ช่างน่าเสียดาย นางไม่อาจบอกให้ป๋ายซูปล่อยวางได้ สิ่งที่นางทำได้คือตัดความสัมพันธ์ระหว่างนายบ่าวทิ้ง
มีเพียงวิธีนี้ไม่ว่าป๋ายซูหรือตัวนางเองก็จะไม่มีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องเหนี่ยวรั้งเอาไว้
หวังว่าป๋ายซูจะดูแลตัวเองให้ดี
“เอ๋? นางเล่า? นายหญิง ป๋ายซูล่ะเจ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวส่งเสียงปีติยินดีเอ่ยถามขณะยกชาเข้ามาในห้อง
ทว่านางกลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาของป๋ายซู
ภายในห้องเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาซึ่งหัวคิ้วกำลังขมวดเข้าหากัน ท่าทางเสมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“นางกลับไปแล้ว จากนี้ไปคงไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราอีก”
ป๋ายซ่าวไม่เข้าใจคำพูดของหลินเมิ้งหยา นับตั้งแต่วันที่ออกจากวัง นางก็ไม่เคยเอ่ยถึงป๋ายซูอีกเลย ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด ครอบครัวที่เคยอบอุ่นของพวกนางจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้
“ตอนที่พวกเราเข้ามาอยู่ในจวน ท่านเคยเอ่ยว่าพวกเราสี่คนล้วนเปรียบเสมือนพี่น้องกัน ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาพวกเรารักและดูแลกันเสมือนพี่น้อง หากป๋ายซูทำผิด นายหญิงได้โปรดเห็นแก่หน้าพวกเราแล้วอนุญาตให้นางกลับมาเถิดเจ้าค่ะ”
สิ่งที่ป๋ายซ่าวพูดคือคำพูดแทนใจสาวใช้ทั้งสามคน
ทุกคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ดังนั้นพวกนางย่อมดูออกว่าใครหวังดีหรือประสงค์ร้าย
แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือหลินเมิ้งหยาหาได้ใจดำไม่ยอมให้ป๋ายซูกลับมา
แต่เพราะตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป ตัวตนของป๋ายซูถูกเปิดเผยแล้ว หากป๋ายซูกลับมาอยู่ข้างกายนางในตอนนี้ เกรงว่านางอาจไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะปกป้องป๋ายซูได้
“เจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าอยากพักสักหน่อย”
ขอบตาของป๋ายซ่าวแดงก่ำ หยดน้ำสีใสเอ่อคลอ
แต่ทำได้เพียงวางของในมือลงแล้วกลับออกไป
ปวดหัว หลินเมิ้งหยายกนิ้วขึ้นนวดหว่างคิ้ว
การปรากฏตัวของป๋ายซูย่อมหมายความว่าคนทางฝั่งเลี่ยหยุนพบร่องรอยของนางแล้ว
นางยังไม่ทันได้กำจัดพวกคนที่กำลังจับตามองต้าจิ้นเลย แต่วันนี้ยังมีเมืองเลี่ยหยุนเพิ่มเข้ามาอีก
เรื่องราวชักยุ่งยากมากขึ้นทุกที
อันที่จริงนางมิได้คาดหวังว่าข่าวการเดินทางไปนำยากลับมาของตนเองจะถูกปกปิดไปตลอด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าข่าวจะแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ ตอนแรกนางคิดว่าพวกเขาจะรู้ตัวหลังจากที่นางเดินทางออกนอกแคว้นไปแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาคงต้องใช้เวลาพลิกหาทั่วทั้งแผ่นดินจึงจะหานางเจอ
เท่าที่ดูจากสถานการณ์ในเวลานี้ หนทางข้างหน้าอันตรายยิ่งนัก แม้แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แรงกดดันมหาศาลทำให้หลินเมิ้งหยาฟุ้งซ่าน
ลุกขึ้นยืนข้างหน้าต่างมองดูถนนใหญ่เบื้องล่าง นางที่คิดจะสูดอากาศหายใจเข้าปอดสักคำรบหนึ่งกลับเหลือบเห็นร่างบางคุ้นตา
แปลกจริง เหตุใดนางจึงมาปรากฏตัวที่นี่?
บนถนนด้านล่าง อาซิ่วในชุดคนเมืองเลี่ยหยุนเดินอยู่บนถนนใหญ่อย่างไร้จุดหมาย
หลินเมิ้งหยาคิดจะร้องเรียก แต่นางสังเกตเห็นความผิดปกติ
ท่าทางการเดินของอาซิ่วแข็งทื่อ ยิ่งไปกว่านั้นเวลาที่นางต้องการหันหลังกลับ นางหาได้หันเพียงศีรษะ แต่กลับหมุนกลับทั้งร่าง
สังเกตอย่างละเอียดอีกครั้ง ผลปรากฏว่ากระดูกทั้งสี่ของนางทำงานไม่สอดคล้องกัน
ทั้งแขนและขาล้วนขยับเขยื้อนผิดวิสัย
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก อันที่จริงคนปกติมองสิ่งเหล่านี้ไม่ออก แต่คนเป็นหมอย่อมรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
ท่าทางราวหุ่นเชิด แขนขาทั้งสี่แข็งทื่อ ท่วงท่าการเดินไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
นางยืนมองอยู่ด้านบนด้วยความอดทน แต่มิได้ตามอาซิ่วไป
เหตุเพราะท่าทางของอาซิ่วเหมือนคนตั้งใจเดินวนไปมาอยู่ที่นี่ หากนางเดาไม่ผิด ดูเหมือนมีคนกำลังตั้งใจหว่านแห
ผลปรากฏว่าขณะที่อาซิ่วกำลังจะเดินเข้าไปในถนนเส้นหนึ่ง ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนาง
เวลาอีกชั่วอึดใจต่อมา เงาของคนสองคนเดินตามเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน
เวลาไม่คอยท่า นางรีบหวีผมพลางครุ่นคิด ก่อนจะหยิบยาพิษป้องกันตัวติดตัวแล้วแอบออกจากโรงเตี๊ยม
หลินเมิ้งหยามุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ตนเองเห็นเมื่อครู่
เมื่อมั่นใจแล้วว่าบริเวณรอบๆ ไม่มีคนอื่น หลินเมิ้งหยาจึงเดินเข้าไป
นางพบว่าที่นั่นเป็นเพียงทางตัน
เป็นไปได้อย่างไร? แม้แต่ร่องรอยของคนที่ตามอาซิ่วไปก็ไม่ปรากฏ
หลินเมิ้งหยารีบหมุนตัวกลับแสร้งทำท่าเหมือนคนเดินผ่านมาอย่างมิตั้งใจ ก่อนจะเดินมาถึงตรอกแห่งหนึ่ง
เดินไปข้างหน้าพลางครุ่นคิด
ตรอกที่เป็นทางตันแห่งนั้นหาได้มีประตูแต่อย่างใด
เวลาที่นางแอบตามมาก็มิได้ช้า แต่เพราะเหตุใดจึงไม่พบแม้แต่ร่องรอยของพวกเขาเล่า?
บางทีตรอกแห่งนั้นอาจมีกลไกอะไรบางอย่าง หากเป็นเช่นนั้นจริงจะต้องมีคนจำนวนมากกำลังจับตามองตรอกนั้นอยู่เป็นแน่
ฉะนั้นนางจะทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้
เดินวนไปมาอยู่ทางด้านนอกขณะกำลังครุ่นคิดเรื่องเมื่อครู่ อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็สัมผัสได้ว่ากำลังมีใครบางคนเดินตามหลังนาง
ดูเหมือนนางที่บังเอิญเดินไปยังตรอกไร้ทางออกแห่งนั้นจะสะดุดตาใครบางคนเข้าให้แล้ว