ชิวอวี้รู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย เหตุเพราะมีสายตาเย็นชาคู่หนึ่งกำลังจ้องเขม็งมาทางเขา
แม้จะมีผนังรถม้ากั้น แต่หลงเทียนอวี้ทำท่าทางเหมือนต้องการจะสังหารเขาอย่างไรอย่างนั้น
แต่คนที่ทำให้เขารู้สึกทุกข์ทรมานที่สุดคือสตรีตรงหน้าต่างหาก
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมให้เขาออกไปขี่ม้าข้างนอก ฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงรวบรวมความกล้าแล้วมองข้ามสายตาอาฆาตจากด้านนอก
“พักผ่อนที่ด้านหน้าครึ่งชั่วโมง”
อยู่ๆ เสียงตะโกนของจ้าวเฟยพลันดังขึ้นที่ด้านนอก
พวกเขาเดินทางออกจากตำบลเล็กๆ นี้ราวครึ่งวันแล้ว
การเดินทางในคราวนี้มิได้สะดวกสบายเหมือนอย่างที่นางคิด แต่ถึงกระนั้นก็มิได้ลำบากอะไรนัก
กิจกรรมบนเส้นทางเหมือนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร นางยังต้องไปต่อเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเอง
หยวนซานหาสถานที่จอดรถม้า ทันทีที่รถม้าจอดสนิท ชิวอวี้อ้างว่าปวดเบาแล้วรีบวิ่งพรวดพราดออกไปทันที
หลินเมิ้งหยามองตามหลังเขาก่อนจะส่ายหน้า
บางทีบนโลกใบนี้คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถหลบเลี่ยงสายตาอาฆาตของหลงเทียนอวี้ได้
น่าเสียดาย นางมิเคยหวาดกลัวเขาแต่อย่างใด
“นายหญิง พวกเรานำของกินไปมอบให้ท่านอ๋องดีหรือไม่เจ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวกระซิบถามข้างหูนาง
หลังจากหลินเมิ้งหยาโต้เถียงกับท่านอ๋องในตอนเช้า แม้พวกพ่อค้าจะมิได้ปฏิบัติต่อท่านอ๋องเหมือนเป็นศัตรูหรือแสดงท่าทางรังเกียจ แต่เพราะมีหลักจริยธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉะนั้นพวกเขาจึงดูแคลนบุรุษผู้นี้ไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่หลงเทียนอวี้ปรากฏตัว ป๋ายซ่าวมักจะแสดงท่าทางตัวสั่นงันงกอย่างน่าสงสาร ราวกับว่านางหวาดกลัวหลงเทียนอวี้เป็นอย่างยิ่ง
น่าเสียดาย ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องของคนในครอบครัว
ไม่มีทางเลือก ท่านกัวและลูกน้องทั้งสองจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
หลินเมิ้งหยาก้มหน้าลงกินอาหารหงุบหงับๆ
“ท่านพี่ เข้ามากินอะไรสักหน่อยเถอะ”
แม้จะนึกสนุก แต่ก็มิควรปล่อยให้เขาหิวตาย
หลินเมิ้งหยาลอบหัวเราะในใจ แต่ถึงกระนั้นก็ยังแสร้งแสดงสีหน้าขุ่นเคือง
มองหลงเทียนอวี้ที่กำลังเดินใกล้เข้ามา หลินเมิ้งหยาหยิบหมั่นโถวออกมาแบ่งให้เขาส่วนหนึ่ง
“ท่านพี่ ข้ายังมีอาหารอีกนิดหน่อย พวกเรามาคุยกันดีๆ สักครั้งเถิด”
ท่านพี่ ท่านพี่ เรียกอย่างคล่องปากยิ่งนัก หลงเทียนอวี้รู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง
ตอนแรกคิดว่าจะสามารถพลิกเหตุการณ์ได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านางจะแก้เผ็ดเขาเช่นนี้
ไม่มีแม้สักคนมาพูดคุยกับเขา
โชคดีที่เขาฝึกฝนตัวเองให้เป็นคนสงบนิ่งอยู่เสมอ แต่ถึงกระนั้นสายตาของคนเหล่านั้นก็น่าอึดอัดอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น ชิวอวี้ยังบังอาจหลบซ่อนตัวอยู่ในรถม้าไม่ยอมออกมา ดังนั้นเวลาช่วงเช้าจึงมิต่างอันใดจากนรกสำหรับเขา
รับหมั่นโถวไป หลงเทียนอวี้กินโดยไม่มองเลยแม้แต่น้อย
เพียงได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกฝ่าย เขามิอาจตำหนินางได้
เฮ้อ ขมวดคิ้วเข้าหากัน มองนางที่กำลังกัดกินหมั่นโถวทีละคำ นางเคยชินกับอาหารเลิศรสในจวนอวี้แล้ว ของเหล่านี้จะต้องไม่ถูกปากนางอย่างแน่นอน
เดินกลับไปยังม้าคู่ใจของตนเอง ก่อนจะหยิบของที่อยู่ในห่อกระดาษเคลือบน้ำมันออกมา
“นี่ ให้เจ้า”
หลินเมิ้งหยาที่กำลังพยายามกลืนหมั่นโถวลงคอมองของที่อยู่ในมือหนาข้างนั้นเสมือนคนโง่
กลิ่นหอมหวานยั่วให้น้ำลายสอ
รีบรับมาเปิดออก ผลปรากฏว่ามันคือขนมของร้านหรูอี้
“ท่านเอามาได้อย่างไร?”
ยังไม่ทันจะลิ้มรส หลินเมิ้งหยาก็เงยหน้าถามด้วยความสงสัย
หลงเทียนอวี้เดินทางออกจากเมืองหลวงก่อนนางเสียด้วยซ้ำ
หากเขาซื้อตอนนั้น เช่นนั้นป่านนี้ก็น่าจะเสียไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น หากเขากลับไปยังเมืองหลวงอีกรอบ เขาก็คงตามมาไม่ทัน ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ….
“ท่านส่งคนสะกดรอยตามข้า!”
หรือแท้จริงแล้วนางอยู่ในการควบคุมของเขาตั้งแต่ออกจากเมืองหลวง?
หลินเมิ้งหยาเบะปาก อยากโยนของกินตรงหน้าทิ้ง
แต่ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งเพราะความนึกเสียดาย เหตุเพราะของเหล่านี้ค่อนข้างมีราคา แม้ร้านหรูอี้จะเป็นกิจการของนาง แต่นางจะกินทิ้งกินขว้างไม่ได้
“ข้าเพียงแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า พวกเขาคอยปกป้องเจ้าอยู่ลับๆ โดยไม่ปรากฏตัว”
หากเป็นคนอื่น หลงเทียนอวี้คงไม่มีความอดทนในการอธิบาย
แต่หลินเมิ้งหยานั้นต่างไป
“เอาล่ะ เอาล่ะ เอาล่ะ ข้ายอมรับว่าสิ่งที่ข้าทำไปในโรงเตี๊ยมไม่ถูกต้อง ไม่โกรธข้า…ได้หรือไม่?”
“แค่ก แค่ก แค่ก...”
หลินเมิ้งหยารีบยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเอง ก่อนจะมองหน้าเขาด้วยใบหน้าแดงอมชมพู
เขา เขา เขาเป็นฝ่ายขอโทษนางก่อนหรือ? หลงเทียนอวี้ อ๋องอวี้เนี่ยนะ?
สวรรค์ พระอาทิตย์วันนี้จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าหรือไม่?
มองสายตาประหลาดใจของหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้ทำเพียงกระแอมเบาๆ
ดูเหมือนนางได้คืบแล้วจะเอาศอกสินะ
“ได้ ในเมื่อท่านเป็นฝ่ายสำนึกผิด เช่นนั้นคุณชายเช่นข้าจะให้อภัยท่าน แต่ข้ามีเงื่อนไข!”
หลินเมิ้งหยาไม่คิดได้คืบแล้วจะเอาแค่ศอกอย่างแน่นอน
หยักยิ้มมีเลศนัย ดวงตาหรี่เล็กลงขณะลิ้มรสขนมในมือ
“ข้อแรกท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพวกเราทั้งสี่คน!”
ยังดี ยังดี หลงเทียนอวี้แอบถอนหายใจ
เพราะรู้ว่านางจะต้องโกรธ ดังนั้นเขาจึงนำทรัพย์สินของตนบางส่วนติดตัวมาด้วย
อย่าว่าแต่ไปเมืองหลินเทียนเลย ต่อให้ตายไปชาติหน้าก็ใช้ไม่หมด
“ข้อสอง ท่านจะต้องขี่ม้าคอยรับใช้ข้าตลอดการเดินทาง เมื่อไหร่ที่ข้าอยากจับจ่ายใช้สอย ท่านจะต้องเป็นถุงเงินของข้า เวลาข้าเสียใจ ท่านจะต้องเป็นต้าป๋าย [1] ของข้า เวลาข้าเจออันตราย ท่านจะต้องคุ้มกันข้า เวลาข้าทุกข์ใจ ท่านจะต้องเป็นที่ระบายให้แก่ข้า ไม่ว่าข้าสั่งให้ท่านทำอะไร ท่านจะต้องทำทุกอย่าง สรุปก็คือท่านจะต้องทำตามความต้องการของข้า หากท่านทำไม่สำเร็จ ท่าจะกลายเป็นสุนัข พอกลับเมืองหลวงแล้ว ท่านจะต้องเห่าโฮ่งโฮ่งต่อหน้าทุกคนในจวน”
หลินเมิ้งหยาพูดรวดเดียวจนจบ ดังนั้นจึงรีบจิบน้ำตาม
ตอนแรกคิดว่าคนหยิ่งทะนงอย่างหลงเทียนอวี้จะแสดงท่าทางอมทุกข์
เท่านี้นางก็จะสามารถไล่เขากลับเมืองหลวงได้แล้ว
แม้จะยอมรับว่าการมีเขาอยู่ทำให้นางสะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่นางมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าตนเองอาจรู้เรื่องเกี่ยวกับท่านแม่
และเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือที่นี่มีคนของกลุ่มสามสหายมากมาย
เมื่อถึงเวลาสำคัญ นางต้องอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องคนเหล่านี้ แต่หลงเทียนอวี้เป็นคนฉลาดเกินไป นางรู้สึกว่าการมีอยู่ของเขาอาจขัดแข้งขัดขานางได้
ใบหน้าของหลงเทียนอวี้แข็งทื่อ ก่อนคิ้วจะขมวดเข้าหากันแน่น
โกรธเถิด! รีบโกรธเร็วเข้า! จากนั้นจงกลับไปไม่ต้องหันหน้ากลับมาอีก!
หลินเมิ้งหยาภาวนาในใจ นางเตรียมคำพูดต่อไปเอาไว้หมดแล้ว
ทว่า…ทำไมเขาถึงทำท่าทางเหมือนคนกำลังตั้งใจคิดอะไรบางอย่างเล่า!
สวรรค์โปรด! เงื่อนไขบ้าบอคอแตกขนาดนี้ หากเขารับได้ แสดงว่าเขาเป็นคนอื่นปลอมตัวมาอย่างแน่นอน!
คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดแน่น ก่อนที่เขาจะเอ่ยถาม
“คือว่า…”
หัวใจของหลินเมิ้งหยาดีดตัวสูงขึ้น นางกำลังรอให้เขาโกรธ
“ต้าป๋าย…คือสิ่งใด?”
หลินเมิ้งหยากลอกตาพลางมองเขาอย่างเหลือเชื่อ เหตุใดเขาจึงสนใจเรื่องที่ไม่จำเป็นเช่นนี้เล่า?
ตอนแรกนางคิดว่าหลงเทียนอวี้จะบันดาลโทสะออกมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสงสัยเรื่องต้าป๋าย
สรุปว่าสมองของท่านอ๋องไม่เหมือนคนปกติทั่วไปสินะ
“หุ่นยนต์อย่างไรเล่า”
“หุ่นยนต์คืออะไร?”
“หุ่นยนต์ก็คือ….เฮ้อ ช่างเถิด ก็คือหุ่นเหล็กเดินได้ จริงสิ ท่านจะยอมรับเงื่อนไขของข้าหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาเลื่อมใสพี่ชายคนนี้ยิ่งนัก เงื่อนไขเหล่านั้นไม่ยุติธรรมกับเขาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากได้รับคำอธิบายจากนาง หลงเทียนอวี้นิ่งอึ้งพูดไม่ออก
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เรื่องพวกนี้หาใช่ปัญหาไม่ แต่หุ่นเหล็กเดินได้…ข้าคงยังหาคนมาทำให้เจ้าตอนนี้ไม่ได้ อันที่จริงพวกหุ่นเชิดใช้งานได้ไม่ดีนัก แต่ถ้าหากมันเป็นเงื่อนไขของเจ้า เช่นนั้นเมื่อถึงตำบลถัดไป ข้าจะไปหาชุดเกราะเหล็กกลับมา เจ้าว่าจะใช้ได้หรือไม่?”
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกว่าคางของตนเองร่วงหล่นลงพื้น
เขา เขา เขา….คือหลงเทียนอวี้จริงๆ หรือ?
ยื่นมือเข้าไปลูบคลำใบหน้าของเขา อืม ผิวหนังไม่นุ่มนิ่มหรือแข็งกระด้าง อีกทั้งยังอุ่นเล็กน้อย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไม่มีสิวเลยแม้แต่เม็ดเดียว
ไม่ผิดแน่ ใบหน้าหล่อเหลาเช่นนี้ไม่มีทางเป็นของปลอม
แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดอยู่ๆ นางก็อยากเลาะเนื้อลอกหนังเขาออกมาดูภายในให้แน่ใจเหลือเกิน
สวรรค์! เขากินยาผิดขนานมาหรือไม่ เหตุใดจึงเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้?
“เป็นอะไรไป? มีอะไรติดหน้าข้าหรือ?”
มือของนางยังคงลูบคลำใบหน้าของเขา แม้เขาจะไม่รู้สึกรังเกียจ แต่เพราะความกะทันหัน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าใบหน้าของตัวเองมีบางอย่างติดอยู่
คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่เพิ่งจะถกเถียงกับเขาอย่างอารมณ์ดีจะกลับไปทรุดตัวลงนั่งบนรถม้าเสมือนคนมีแก่ใจแต่ไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้
ซ้ำยังถือขิงสดที่ผสมกับเนื้อวัวต้มซีอิ๊วติดมือกลับไปด้วย
อ้าปากกินทีละคำ ตอนอยู่ที่จวนนางไม่แม้แต่จะแตะขิงสด
หรือเพราะคำตอบของเขายังไม่ดีพอ นางจึงยังรู้สึกขุ่นเคือง?
ลูบไล้เส้นผมตรงยาวของนาง แต่ไหนแต่ไรมาเขามิใช่คนรับปากสัญญากับใครง่ายๆ หากตกปากรับคำกับนางไป แต่กลับทำไม่ได้ เช่นนั้นจะไม่ยิ่งทำให้นางผิดหวังหรอกหรือ?
ฉะนั้น เขาต้องมั่นใจก่อนว่าต้าป๋ายคือสิ่งใดกันแน่
หรือนางจะชอบหุ่นเหล็กเดินได้ตัวนั้นมาก จึงได้รู้สึกผิดหวังเช่นนี้?
————————–
หมายเหตุ
[1] ต้าป๋าย คือหุ่นยนต์เบย์แม็กซ์จากภาพยนตร์เรื่อง Big hero