หลินเมิ้งหยายกมือขึ้นกุมท้อง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ
ป๋ายซ่าวถอนหายใจ ก่อนจะเข้าไปควานหายาในกล่อง ในที่สุดนางก็หาขวดยาช่วยย่อยเจอ
วัตถุดิบหลักในการทำยาช่วยย่อยคือซานจาและเฉินผี เมื่อนำเข้าปาก รสเปรี้ยวหวานแผ่กระจายในกระพุ้งแก้ม
หลินเมิ้งหยาหรี่ตาลง รู้สึกเหมือนกำลังกินลูกอมอย่างไรอย่างนั้น
ด้านนอก คนที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเดินออกจากโรงเตี๊ยม
ชิวอวี้มีท่าทางเหมือนคนกำลังเจอเรื่องหนักใจ หลังจากที่ทุกคนเริ่มเก็บสัมภาระ เขาจึงกระโดดขึ้นรถม้าของหลินเมิ้งหยา
“ดูเหมือนพวกเราจะถูกจับตามอง”
ชิวอวี้เอ่ยเสียงเข้ม แต่เขากลับเห็นหลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าวถลึงตาใส่ตน
“พวกเรารู้นานแล้ว เมื่อครู่ลูกน้องของอูยาเพิ่งจะมาหาเรื่องพวกเรา”
ป๋ายซ่าวส่งเสียงถากถาง หมอชิวผู้นี้ดีแต่ปาก ทั้งที่บอกว่าจะปกป้องพวกนาง แต่พอเวลาจวนตัวเขากลับหายหัวไม่เห็นแม้กระทั่งเงา สุดท้ายต้องหวังพึ่งไหวพริบของนายหญิงและหยวนซาน
“เขาคิดจะทำอะไร? พวกเจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
ชิวอวี้รีบถามด้วยความร้อนใจ หลินเมิ้งหยากลับเอ่ยตอบอย่างไม่รีบร้อน
“ไม่เป็นอะไร แต่เจ้าสืบมาแล้วหรือไม่ว่าอูยาคนนี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร? เขาทำการค้าอันใด?”
หลินเมิ้งหยาไม่ได้ตาบอด ขณะที่พวกนางกำลังเดินออกจากห้องโถงของโรงเตี๊ยม ชิวอวี้อ้างว่าต้องการซื้ออาหารสักเล็กน้อยแล้วลากตัวผู้ดูแลไปทางด้านหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านกัวและพี่ชายทั้งสองจะต้องเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างแน่นอน
ลูกน้องของอูยาไม่มีวิทยายุทธ์ ฉะนั้นจึงมิต้องเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัยในตอนนี้
แม้หยวนซานจะรั้งเอาไว้ไม่ได้ แต่ท่านกัวคงมิปล่อยให้ชายคนนั้นทำการสำเร็จอย่างแน่นอน
“ฉากหน้าของอูยาคือการค้าขายเครื่องหอม แต่ผู้ดูแลเล่าว่าเขาทำการค้ามนุษย์ ได้ยินมาว่าทาสหญิงในเมืองเลี่ยหยุนส่วนใหญ่ล้วนผ่านมือเขามาแล้วทั้งนั้น เขาออกล่าหญิงสาวทั่วทุกสารทิศ นอกจากนั้นยังมีการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่อีกด้วย”
คำพูดของชิวอวี้เผยให้เห็นความรังเกียจอย่างชัดเจน
ค้าขายทาส? หลินเมิ้งหยาคิดไม่ถึงเลยว่าอูยาจะโหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้
แต่เพราะเหตุใดเขาจึงเลืองลงมือกับนางเล่า?
ยังไม่ทันเอ่ยถาม ชิวอวี้ก็ตอบคำถามของนางก่อน
“เรื่องนี้คงเพราะท่านกัวทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว เคยมีครั้งหนึ่งพวกเขาลักพาตัวหญิงสาวไปไม่น้อย ตอนนั้นท่านกัวมิอาจทนเฉยได้อีกต่อไป เขายื่นมือเข้าช่วยจึงทำให้คนพวกนั้นทำงานไม่สำเร็จ แน่นอนว่าพวกอูยาโมโหเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจเพราะหน้าตาของเจ้า ดังนั้นเขาจึงมาหาเรื่องเจ้าเพื่อระบายความแค้น”
หลินเมิ้งหยาผงกศีรษะลง เท่าที่ดูจากนิสัยใจคอของท่านกัว เขาคงทำไปด้วยจิตใจที่ยึดถือคุณธรรม
เพราะเหตุนี้เขาจึงลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้คุ้มกันและเข้าร่วมกับกลุ่มสามสหาย
เมื่อเทียบกับงานคุ้มกันที่มิอาจทำให้ผู้อื่นขุ่นเคืองได้ อำนาจในกลุ่มสามสหายดูจะเหมาะสมกับท่านกัวมากกว่า
ไม่ว่างานสืบหาข้อมูลจะถูกหรือผิด แต่ถึงกระนั้นก็เป็นงานที่ได้รับการยอมรับ
อูยาเป็นเพียงกลุ่มพ่อค้าชั่วช้าเท่านั้น หากคิดจะโค่นล้มกลุ่มสามสหาย เช่นนั้นพวกเขาจะต้องวางแผนกันให้ดีเสียก่อน
“เช่นนั้นก็มิใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด หยวนซาน ออกเดินทางได้”
นางเป็นเจ้าสำนักแห่งกลุ่มสามสหาย ตามทฤษฎีแล้ว นางเปรียบเสมือนที่พึ่งของท่านกัว
การที่อูยาต้องการหาเรื่องนาง นั่นเท่ากับว่าพวกเขากำลังหาเรื่องเจ้าสำนัก
แต่การค้าทาสเป็นเรื่องที่ผิดครรลองคลองธรรมยิ่งนัก
น่าเสียดาย สถานที่ที่นางไปมิใช่เส้นทางเดียวกันกับอูยา มิเช่นนั้นนางเองก็อยากก่อสงครามกับพวกเขาดูสักคราเช่นกัน
“ขอรับนายน้อย”
หยวนซานรับคำ หลินเมิ้งหยาเห็นไหวพริบของเขาแล้ว
ชายคนนี้หาใช่เพียงคนขับรถในกลุ่มสามสหาย การที่หยุนจู๋ส่งเขามา แสดงว่าจะต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง
เขาค่อนข้างฉลาดเฉลียว
ขบวนการค้าของท่านกัวออกเดินทางอีกครั้ง โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีนักเดินทางผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมิขาดสาย
หลินเมิ้งหยาแหวกผ้าม่านออกดู
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกเดินทางไกล
หัวใจกู่ร้องด้วยความยินดี นางรู้สึกเหมือนกำลังได้ออกเดินทางท่องเที่ยวช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
ทว่าเมื่อเทียบกับท่าทางผ่อนคลายของหลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าว ชิวอวี้กลับมีหน้านิ่วคิ้วขมวด ท่าทางเคร่งขรึม
ป๋ายซ่าวที่ได้เห็นอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ ดังนั้นนางจึงไล่เขาออกไปนั่งด้านนอกกับหยวนซาน
แม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและอากาศกำลังอบอุ่น แต่ท้องนาทั้งสองข้างทางกลับว่างเปล่า
หลังจากสัมผัสกับการท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อนจนเพียงพอแล้ว หลินเมิ้งหยาเริ่มรู้สึกเบื่อ โชคดีที่นางมีระบบเซินหนง ดังนั้นนางจึงฆ่าเวลาไปกับตำราชิงเจิงผู่ในสมอง
หลับตาลง ตำราชิงเจิงผู่บทรวบรวมยาสมุนไพรพลันปรากฏตรงหน้านาง
การเรียนรู้เรื่องยาเป็นทักษะพื้นฐานของนักศึกษาแพทย์
จำเป็นต้องรู้จักยาและสรรพคุณของยาทุกชนิดจึงจะสามารถจ่ายยาเพื่อรักษาคนไข้ได้
ตำราชิงเจิงผู่เปรียบเสมือนพจนานุกรมตำรับยาก็มิปาน ไม่ว่ายาสมุนไพรหรือแม้แต่โสมเองก็ปรากฏรายชื่อขึ้นมาจนหมด
แม้แต่ธัญพืชธรรมดาก็มีคุณสมบัติทางยาในตำราชิงเจิงผู่
ยิ่งได้อ่าน หลินเมิ้งหยาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
เปิดอ่านทีละหน้า อันที่จริงระบบเซินหนงจัดเรียงข้อมูลเอาไว้ให้นางแล้ว ตอนนี้ขอเพียงหลินเมิ้งหยาป้อนข้อมูลที่ต้องการค้นหา นางก็จะได้สิ่งที่ตนเองต้องการ อีกทั้งยังใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น
แม้จะสะดวกสบาย แต่หลินเมิ้งหยาก็ยังรู้สึกไม่วางใจ
ระบบเซินหนงทำให้นางติดสบายจนเกินไป อาจารย์เคยสอนว่าหากสมองของมนุษย์สามารถพัฒนาจนถึงจุดสูงสุดได้ เช่นนั้นก็จะสามารถไขปัญหาแห่งจักรวาลได้
แต่ตอนนี้ระบบเซินหนงถูกนางพัฒนาไปถึงระยะที่สองแล้ว อีกทั้งการทำงานของมันปรากฏผลที่ทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อออกมา
ทว่าความสามารถเหล่านี้เป็นของนางหรือระบบเซินหนงกันแน่? หากเป็นของระบบเซินหนง เช่นนั้นหากวันหนึ่งเกิดเรื่องไม่คาดฝัน นางจะไม่กลายเป็นคนโง่หรอกหรือ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งเหงื่อตก
โชคดีที่อาจารย์เคยเล่าว่าพลังงานของเรดาร์ขึ้นอยู่กับร่างกายของมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นยังไร้รูปร่าง หากไม่ทำงานหนักจนเกินไปและยังไม่อาจเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ มันก็น่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรมิใช่หรือ?
หลินเมิ้งหยาพยายามปลอบใจตัวเอง โชคดีที่ตอนนี้ระบบเซินหนงกลายเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง
พลิกตำราชิงเจิงผู่อีกครั้ง ก่อนจะทดลองระบบ หลินเมิ้งหยามองดูด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าเนื้อหาถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างดี
ขณะเดียวกัน ตำรับยาพิเศษฉบับหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในสมองของนาง
หลินเมิ้งหยาอ่านอย่างละเอียด ตัวอักษรที่ใช้เขียนตำรับยานี้แตกต่างจากตัวอักษรอื่นในตำรา
ตัวหนังสือรูปทรงสวยงามมีพลัง กระดาษใบนี้เขียนตำรับยาอย่างละเอียด แต่ที่ทำให้หลินเมิ้งหยาประหลาดใจก็คือตำรับยาสูตรนี้เหมือนจะเป็นสูตรยาสำหรับถอนพิษของชิงหูและพี่เถียนหนิง
เมื่อเทียบกับสูตรยาที่ระบบเซินหนงประมวลให้ สูตรยาสูตรนี้ค่อนข้างเหมาะสมกับร่างกายของมนุษย์ อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่ามาก
แต่เหมือนจะยังเขียนไม่เสร็จ…
หรือนี่จะเป็นสูตรยาที่ท่านแม่ใช้รักษาพี่เถียนหนิง?
หลินเมิ้งหยารู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าชิงหูหายไปอยู่ที่ใด แต่พิษในร่างกายของเขาทำให้นางรู้สึกปวดใจอยู่เสมอ
หากมีวิธีที่สามารถทำให้ชิงหูมีชีวิตรอดต่อไปได้ นางจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตเขา
ยิ่งไปกว่านั้นหลินเมิ้งหยายังเชื่อว่าเขาไม่มีทางทอดทิ้งพวกนางและหายตัวไปตลอดกาล
หากเขากล้าทำเช่นนั้น เสี่ยวป๋ายและเสือน้อยจะต้องขย้ำเขาให้เหลือเพียงกระดูกอย่างแน่นอน
เขาจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง ดังนั้นจึงต้องจากไป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คิดไม่ถึงเลยว่านางจะได้ล่างรู้ความลับเช่นนี้
หลินเมิ้งหยาชื่นชอบตำราชิงเจิงผู่ยิ่งนัก พลิกหน้าอ่านอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะพบว่ายังมีอีกหลายจุดที่มีลายมือคล้ายกับลายมือในสูตรยาเหล่านั้น
นั่นแสดงให้เห็นว่าตำราชิงเจิงผู่เคยเป็นตำราธรรมดามาก่อน
แต่เพราะเหตุใดตำราเล่มนี้จึงมีกลไกแปลกประหลาดนั้น เรื่องนี้ยังคงเป็นความลับ
พลิกต่อไปอีกหลายหน้า แต่กลับไม่พบเบาะแสใดๆ
แต่ทุกบทมักมีคำว่า “เฉิน” เขียนเอาไว้
หรือผู้เขียนตำราชิงเจิงผู่จะสกุลเฉิน?
หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน แต่หลังจากที่ท่านแม่ตายจากไป ตำราชิงเจิงผู่ก็กลายเป็นปริศนา
ส่วนนางมีหน้าที่ปิดบังความลับเรื่องตำราชิงเจิงผู่มิให้ถูกเปิดเผย
รถม้าแล่นไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมายก่อนฟ้ามืด
ที่นี่เป็นตำบลเล็กๆ ที่ค่อนข้างหรูหรา
ป๋ายซ่าวและหลินเมิ้งหยาแหวกผ้าม่านออกดู
พวกนางเคยเห็นความหรูหราในเมืองหลวงมาจนชินตา แต่ตำบลเล็กๆ แห่งนี้กลับดูคึกคักและผู้คนมีมนุษยสัมพันธ์กว่ามาก
ทั้งชนไก่ตีลิง เครื่องหอมและเครื่องประทินผิว รถม้าหลากหลายรูปแบบดูแปลกหูแปลกตาไปหมด
เหตุเพราะเป็นเพียงตำบลเล็กๆ พวกเขาจึงต้องพึ่งพาขบวนพ่อค้า ดังนั้นช่วงกลางคืนจึงค่อนข้างครึกครื้น
ตลาดยามค่ำคืนในเมืองหลวงมีทุกวันที่หนึ่งและสิบห้า
แต่เพราะหลินเมิ้งหยาถูกขังอยู่ในจวนตั้งแต่เด็ก แม้จะออกเรือนแต่งงานแล้ว แต่เพราะหลงเทียนอวี้กังวลเรื่องความปลอดภัยของนาง ดังนั้นเขาจึงไม่อนุญาตให้นางออกไปด้านนอกตอนกลางคืน
ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครคอยห้าม นางจึงสะบัดปีกขึ้นลงราวนกน้อยหลุดจากกรงทอง
หลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าวที่นอนหลับพักผ่อนตลอดช่วงบ่ายค่อนข้างรู้สึกสดชื่นแจ่มใส
หยวนซานและชิวอวี้ค่อนข้างเหนื่อยล้า ดังนั้นความคึกคักตรงหน้าจึงทำให้พวกเขารู้สึกปวดหัว
ท่านกัวพาขบวนพ่อค้าไปยังโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในตำบล
เมื่อเทียบกับโรงเตี๊ยมข้างทาง ที่นี่ดูดีขึ้นมากเพียงเล็กน้อย