ป๋ายซ่าวเช็ดน้ำตาแล้วกระซิบพึมพำสองสามประโยคข้างใบหูหลินเมิ้งหยา
ดวงตาของหลินเมิ้งหยาเปล่งประกาย ก่อนจะยกนิ้วเห็นด้วย
“หากนายหญิงอนุญาต หลังจากกลับไปแล้วข้าจะทำตามที่บอกท่านไป ไม่ทราบว่าท่านคิดเห็นเช่นไร?”
ป๋ายซ่าวลองถามหยั่งเชิง เห็นได้ชัดว่านางกำลังเตรียมความพร้อม
หลินเมิ้งหยากลับกดร่างของนางเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยชี้แนะอย่างใจเย็น
“อย่าเพิ่งรีบร้อน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงเลือกเจ้าไปเยือนเมืองหลินเทียนกับข้า?”
มองใบหน้าเปื้อนยิ้มของนายหญิง ป๋ายซ่าวหยุดครุ่นคิดครู่หนึ่ง ไม่นานนางทำท่าทางประหนึ่งคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงเล่าความคิดของตนเองให้หลินเมิ้งหยาฟัง
“ใช่แล้ว ข้าอยากทำให้หูตาของเจ้ากว้างไกลยิ่งขึ้น หากเจ้าได้ท่องโลกกว้าง เช่นนั้นเจ้าจะทำงานได้ดีกว่าเดิมหลายเท่าอย่างแน่นอน ฉะนั้นเรื่องนี้จึงยังไม่ต้องรีบร้อนลงมือ ค่อยเป็นค่อยไปเถิด”
ความใจกว้างโอบอ้อมอารีของหลินเมิ้งหยาทำให้หัวใจของป๋ายซ่าวสงบลง
มองท่าทางสบายใจกว่าเดิมของสาวใช้ หลินเมิ้งหยาจึงถอนหายใจเบาๆ
คนเป็นหมอย่อมรู้ดีว่าหลังจากหญิงสาวถูกทำร้าย หัวใจของพวกนางจะได้รับการกระทบกระเทือนมากเพียงใด
โชคดีที่ป๋ายซ่าวเป็นคนเข้มแข็ง คำพูดเหล่านั้นจึงสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของนางได้
เรื่องที่นางแก้แค้นแทนป๋ายซ่าวจะต้องแพร่สะพัดด้วยคำบอกเล่าของหยวนซานอย่างแน่นอน
แม้หลินเมิ้งหยาจะมีท่าทางสุภาพอ่อนโยน แต่บางคราก็มีความหยิ่งทะนงในตัวเอง นางรู้ดีว่าเรื่องนี้มีผลต่อขวัญกำลังใจของทุกคน ฉะนั้นการเดินทางในคราวนี้คงไม่ราบรื่นนัก
ขบวนรถม้าแล่นไปบนถนนใหญ่ของเมืองหลวง หลินเมิ้งหยาลอบมองบรรยากาศภายนอกผ่านหน้าต่าง
ขบวนรถม้าแล่นเป็นแถวอย่างมีระเบียบ คันหลังไล่ตามคันหน้า หลังจากได้รับการตรวจสอบจากองครักษ์เฝ้าประตูเมืองแล้วจึงแล่นออกจากเมืองหลวง
แม้หยุนจู๋และหยวนซานจะจัดการทุกอย่างเอาไว้อย่างดีแล้ว
แต่หลินเมิ้งหยายังอดที่จะรู้สึกกังวลไม่ได้
ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนดังในเมืองหลวง แม้หลายคนจะจำนางไม่ได้ แต่ถ้าหากเจอกับคนคุ้นหน้ากันขึ้นมา เช่นนั้นนางคงออกไปจากที่นี่อย่างไม่ราบรื่นนัก
ขบวนรถม้าค่อนข้างยาว ฉะนั้นเมื่อหลินเมิ้งหยากำลังผ่านประตู สีหน้าขององครักษ์จึงไม่เป็นมิตรนัก
ในขบวนรถมีสิ่งของมากมาย เพื่อทำการตรวจสอบ เหล่าองครักษ์จึงต้องปีนขึ้นปีนลง กว่าจะตรวจสอบถึงคันรถของหลินเมิ้งหยา พวกเขาก็มีท่าทางเหนื่อยหอบแล้ว
หลังจากหยวนซานมองเห็นสีหน้าท่าทางขององครักษ์ เขาจึงรีบกระโดดลงจากรถม้า ก่อนจะยื่นหนังสือผ่านประตูให้แก่องครักษ์ด้วยมือทั้งสองข้าง ล้วงกระเป๋าหยิบเงินจำนวนหนึ่งยัดใส่มือขององครักษ์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ลำบากนายท่านแล้ว คุณชายใหญ่และฮูหยินของข้านั่งอยู่ในรถม้าคันนี้ ท่านลองตรวจสอบในหนังสือชี้แจงเถิด”
อันที่จริงองครักษ์หาได้อยากกักพวกพ่อค้าเหล่านี้เอาไว้ โดยเฉพาะพวกเขาที่ต้องออกเดินทางจากเหนือจรดใต้
ท่านกัวเองก็เป็นคนมีชื่อเสียง องครักษ์คนนี้เองก็รู้จักมักคุ้นกับเขาเป็นอย่างดี ฉะนั้นเขาจึงดูแลขบวนพ่อค้านี้เป็นพิเศษ
มิเช่นนั้นพวกเขาคงมิอาจผ่านประตูด่านนี้ไปได้ง่ายๆ
องครักษ์หยักยิ้มกว้าง เขารู้สึกว่าคนรับใช้คนนี้รู้งานเป็นอย่างดี
ผงกศีรษะลง เขาใช้ปลายดาบแหวกผ้าม่านออก ก่อนจะยกมือขึ้นเตรียมปล่อยผ่าน
“ช้าก่อน”
คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งจะดังขึ้นขณะที่หยวนซานกำลังจะขับรถม้าออกไป
ด้านหลัง ชายร่างกำยำกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมรถม้าเอาไว้
หัวหน้ากลุ่มคือชายร่างกำยำหน้าตาไม่เป็นมิตร ใบหน้าอวบอ้วน เขาสวมชุดสีเขียวเข้มน่าขัน
ไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็เหมือนลูกชิ้นห่อใบตอง
หลินเมิ้งหยาแหวกผ้าม่านออกมองชายตรงหน้า ดูเหมือนการแก้แค้นจะมาไวกว่าที่นางคิด
“พี่ชายทั้งหลาย พวกข้าเป็นเพียงนักเดินทางค้างแรมในยุทธภพ ไม่ทราบว่าพวกข้าทำอะไรให้พวกท่านขุ่นเคืองอย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาของหยวนซานมีประกายวาบผ่าน แต่ริมฝีปากยังคงฉีกยิ้ม ท่าทางเสมือนคนรับใช้ตัวกระจ้อยเพียงเท่านั้น
เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขายอมถอยหลังก้าวหนึ่ง พวกเขาจึงยิ่งรู้สึกได้ใจ
ชายร่างกำยำซึ่งยืนอยู่ข้างเขายกมือขึ้นตบหน้าหยวนซานไปหนึ่งที
แม้หยวนซานจะมีรูปร่างสมชายชาตรี แต่เผื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกอันธพาลกักขฬะตรงหน้า เขาจึงดูอ่อนแอไปในทันที
ร่างของหยวนซานร่วงลงกับพื้น เขาหดหัวงอตัวราวกับคนกำลังหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ฮ่า ฮ่า ถุย ไอ้ขยะไร้ประโยชน์”
ชายร่างกำยำส่งเสียงหัวเราะร่วน แต่อยู่ๆ เขาก็รู้สึกคันที่ฝ่ามือ
ครุ่นคิด บางทีอาจถูกเห็บเหาบนตัวของไอ้ขยะนั่นกัดก็เป็นได้
จากนั้นเขาถมน้ำลายใส่หยวนซานอีกสองครั้ง
“ทุกท่าน น้องชายคนนี้คือผู้ร่วมขบวนการค้าของข้า หากทำให้พวกท่านไม่พึงพอใจ เช่นนั้นข้าจะชดใช้แทนพวกเขาเอง หากพวกท่านยอมอดทนรามือไปในคราวนี้ เช่นนั้นข้าท่านกัวผู้นี้จะรู้สึกขอบใจพวกท่านมาก”
ท่านกัวรีบเดินขึ้นมาข้างหน้า กวาดสายตามองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
จะต้องเป็นเพราะไอ้คนหื่นกามนั่นมิอาจตัดใจ ดังนั้นจึงส่งคนมาปั่นป่วนหาเรื่อง
โชคดีที่ยังอยู่ในเมืองหลวง ฉะนั้นชื่อเสียงของเขายังเป็นที่รู้จักอยู่มาก ดังนั้นพวกเขาควรไว้หน้าและไม่กล้ายุ่งวุ่นวายอีก
เพียงหัวหน้าคนนั้นได้เห็นท่านกัว ท่าทางหยิ่งผยองพลันหายไป
ยกหมัดขึ้นชนฝ่ามือเพื่อคารวะอีกฝ่าย ก่อนจะแสยะยิ้มไม่น่ามองพลางเอ่ย
“อันที่จริงข้าควรไว้หน้าท่านกัว แต่น้องชายของข้าได้รับบาดเจ็บหนัก ท่านเองก็เห็นแล้ว พวกเราล้วนอาศัยอยู่ในยุทธภพแห่งนี้ หากมิได้รับการชดเชย เช่นนั้นจะอยู่ในเมืองหลวงอย่างสงบสุขได้เช่นไร”
เพียงได้ยินคำพูดของชายอ้วนผู้นั้นหลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการขูดรีดเงินจากนาง
นางมิได้เสียดายเงินเหล่านั้น หากสามารถใช้เงินชดเชยเวลาอันมีค่าของนางได้ เช่นนั้นนางก็ยินดีจะจ่าย
เพียงแต่…เงินเหล่านั้นต้องให้เช่นไรและให้มากเท่าไร เรื่องนี้ท่านกัวต้องเป็นคนตัดสินใจ
“มีเหตุผลยิ่งนัก เช่นนั้นข้าจะขอเป็นคนกลางระหว่างพวกเจ้า ทุกคนล้วนมิอยากก้มหัวใคร เช่นนั้นน้องชาย เจ้าคิดว่าควรชดเชยเท่าไร?”
การที่ท่านกัวเอ่ยถามด้วยตัวเอง นั่นเท่ากับว่าเขากำลังไว้หน้าชายเจ้าเนื้อคนนั้น
หากชายตรงหน้ารู้ความ ในเมื่อไว้หน้ากันแล้ว เช่นนั้นก็ควรจะเพียงพอ
แต่เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นหาได้รู้ความแต่อย่างใด
หันมาจ้องรถม้าคันนั้นด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะเอ่ยจำนวนเงินที่ตนเองต้องการ
“สามพันตำลึงเพื่อแลกกับมือทั้งสองข้างของน้องชายข้า”
สามพันตำลึง? ท่านกัวหยักยิ้ม แต่เก็บซ่อนความเย็นชาในหัวใจเอาไว้
ขบวนการค้าของพวกเขายังไม่อาจทำกำไรได้มากถึงเพียงนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ชายหื่มกามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนั้นเป็นผู้หาเรื่องก่อน คุณชายหยวนทำเพียงสั่งสอนเขาเท่านั้น
บังอาจเข้าไปแตะต้องภรรยาของคนอื่น หากสามีไม่เข้าไปสั่งสอนสิแปลก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าเรียกเงินถึงสามพันตำลึง
ท่านกัวย่อมรู้ได้ทันทีว่าพวกอันธพาลเหล่านี้ต้องการสร้างความลำบากใจให้แก่คุณชายหยวน ขณะที่คิดจะยื่นมือเข้าไปช่วย คุณชายหยวนกลับเป็นฝ่ายเดินลงจากรถม้าออกมาด้วยตัวเอง
ขมวดคิ้วไม่เห็นด้วย แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นเรื่องของผู้อื่น เขาทำได้เพียงเป็นคนกลางช่วยสื่อสารแต่เพียงเท่านั้น
“สามพันตำลึงแลกกับอุ้งเท้าทั้งสองข้างของน้องชายเจ้า นี่เจ้ากำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่?”
ขณะนั่งอยู่บนรถม้า หลินเมิ้งหยาปรายสายตาดูถูกพวกอันธพาลเหล่านี้อยู่นานแล้ว
ตอนแรกนางไม่คิดจะหยิบยื่นเงินให้แม้เพียงตำลึงเดียว แต่เพราะไม่อยากสร้างความวุ่นวายให้แก่ขบวนรถม้า ฉะนั้นนางจึงเตรียมเงินไว้ราวสองพันตำลึง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนพวกนี้จะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ดูเหมือนวันนี้นางคงไม่อาจออกจากเมืองได้อย่างราบรื่น
เพราะเหตุนี้นางจึงรู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก
แสยะยิ้มเย็น แม้แต่ป๋ายซ่าวเองยังรู้สึกหวาดหวั่น
ดวงตาตี่เล็กเท่าเม็ดถั่วเขียวของชายอ้วนเป็นประกายทันทีที่ได้เห็นคุณชายหยวน เพราะเหตุนี้น้องชายของเขาจึงบอกว่าเขาต้องพาคุณชายคนนี้กลับไปเล่นสนุกให้ได้
ใบหน้าของคุณชายตรงหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาชวนมอง รูปร่างบอบบาง หากได้ครอบครองอยู่ในวงแขนคงรู้สึกดีไม่น้อย
แลบลิ้นเลียริมฝีปาก หากได้ลิ้มลองคุณชายหน้าตางดงาม ซ้ำยังได้เงินของเขาเป็นของแถม นี่เท่ากับโชคหล่นทับเข้าอย่างจังมิใช่หรือไร
“ไม่ให้เงินก็ได้ แต่เจ้าต้องไปกับพวกข้าเพื่อชดใช้สิ่งที่ทำลงไป แต่เพราะเห็นแก่หน้าท่านกัว พวกเราจะไม่ทำร้ายเจ้า”
หลินเมิ้งหยาปรายตามองพวกเขาด้วยสายตารังเกียจ หากมิใช่เพราะกลัวว่าฐานะของตัวเองจะถูกเปิดเผยแล้วทำให้ท่านกัวต้องเดือดร้อน ป่านนี้นางคงสาดพิษใส่ดวงตาคนเหล่านี้แล้ว
แค่นหัวเราะเสียงเย็น นางจะต้องหาสถานที่สงบไร้ผู้คนเพื่อกำจัดคนเหล่านี้
“ได้ เช่นนั้นข้าจะไปกับพวกเจ้า แต่ขบวนพ่อค้ามิอาจโอ้เอ้คอยท่าอยู่ที่นี่ได้ พวกเจ้าจงรอข้าปรึกษากับท่านกัวก่อน จากนั้นข้าจะไปกับพวกเจ้า”
เมื่อคุณชายหยวนรับคำ ชายร่างอ้วนจึงรู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก
ใช่ว่าเมื่อก่อนจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขารู้จักพวกคนร่ำรวยเหล่านี้เป็นอย่างดี
แม้จะต้องชดใช้ความผิดด้วยบั้นท้าย แต่เพื่อหน้าตาของวงศ์ตระกูลแล้ว พวกเขาต้องเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกคุณชายเหล่านั้นยังต้องกลายมาเป็นต้นไม้เขย่าเงินของพวกเขาอีกด้วย แม้เขาจะชื่นชอบหญิงงามมากกว่า แต่คุณชายผิวพรรณนุ่มนิ่มคนนี้คงมิได้ด้อยไปกว่าพวกผู้หญิงอย่างแน่นอน
ชายร่างกำยำหันหน้าสบตากันเพื่อส่งสัญญาณ หลินเมิ้งหยาที่ได้เห็นรู้สึกรังเกียจไม่น้อย
ดูเหมือนพวกเขาจะกำลังวางแผนแบ่งสรรปันส่วนคุณชายร่ำรวยคนนี้อย่างทั่วถึง
“ท่านกัว เชิญทางนี้ขอรับ”
หลินเมิ้งหยากลับไม่สนใจพวกเขา หมุนตัวแล้วเดินนำท่านกัวมาอีกทาง
หันไปมองเหล่าทหารองครักษ์ ตอนนี้พวกเขาไปตรวจสอบที่อื่นแล้ว
ดูเหมือนการแก้แค้นส่วนตัวในคราวนี้พวกเขาจะต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น เพียงได้เห็นท่าทางหยิ่งผยองของพวกอันธพาล ซ้ำยังไม่มีใครหยุดยืนดูเหตุการณ์ครึกครื้นตรงหน้า แสดงว่าเรื่องนี้คงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางเองก็ไม่ควรทำให้ขบวนพ่อค้าต้องเสียเวลาเดินทางเพราะนาง
“ท่านกัวได้โปรดพาฮูหยินและคนขับรถม้าของข้าล่วงหน้าไปก่อนเถิด ข้าจะตามพวกท่านไปทีหลัง”
หลินเมิ้งหยากระซิบเสียงเบา ก่อนจะทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่าจะกำจัดพวกเขาเหล่านั้น