รถขับไปบนถนนสิงเจิ้ง ขับขึ้นไปที่เขื่อนซู ขับข้ามสะพาน หลังจากนั้นรถก็หยุดที่หน้าประตูของคฤหาสน์สีขาวที่ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้สีเขียวและดอกไม้สีแดง
ประตูใหญ่ทองเหลืองทั้งสองด้านก็ถูกเปิดออก ชายชราในเครื่องแบบสีเทายืนต้อนรับอยู่ที่ประตู
รถขับเข้าไปข้างใน ชายชราเดินมาช่วยเปิดประตูให้ และพูดด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนว่า ” คุณหนูชุยกลับมาแล้วหรอตรับ? คุณผู้หญิงและคุณชายกำลังรอคุณหนูทานข้าวครับ”
ชุยเสี่ยวซินพูดกับชายชราว่า ” เหยียนโบ ลุงเกรงใจเกินไปแล้ว หนูเป็นเด็ก หนูเปิดประตูรถเองได้”
ชายชราหัวเราะและพูดว่า ” ไม่เป็นไรครับ เป็นเรื่องที่ทำจนชินแล้ว”
ชายชุดคลุมสีเขียวเดินลงจากรถ ยกมือขึ้นมากุมและคารวะชายชรา หลังจากนั้นก็เดินไปทางหลังบ้าน สำหรับชายชราที่ดูแลตระกูลเหยียนมานานหลายทศวรรษ หนิงซินไห่ไม่กล้าเฉยเมย
ชุยเสี่ยวซินเดินเข้าไปในโถงใหญ่ โดยมีเหยียนโบเดินไปเป็นเพื่อน
ที่ห้องรับแขกเปิดไฟสว่างจ้า ผู้หญิงที่สง่างามในชุดกี่เพ้าสีม่วงกำลังเล่นหมากรุกกับหนุ่มหล่อที่ใส่แว่นตากรอบสีทอง
“แม่ ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่มีทางยอมให้แม่เด็ดขาด เมื่อกี้แม่บอกว่าสามารถข้ามน้ำได้ ปืนใหญ่สามารถเปลี่ยนมุมได้ มาตอนนี้บอกว่าทหารของผมเป็นคนทรยศ ต้องการใช้ทหารของผมจัดการความหล่อของผม…..แม่ แม้ว่าผมจะเป็นลูกชายแท้ๆของแม่ แต่แม่ก็ไม่สามารถรังแกผมได้มั้ง?”
ผู้หญิงสวยมองค้อนใส่ลูกชาย เธอยังคงดูเหมือนสาววัยรุ่นที่ยังมีความเป็นเด็ก
“ลูกเป็นลูกชายของแม่ แม่คลอดลูกออกมาไว้ใช้ทำอะไร? ก็เพื่อไว้รังแกเวลาอารมณ์ไม่ดีไงหล่ะ”
“แม่ ใครทำอะไรแม่? แม่พูดชื่อมา พรุ่งนี้ผมจะพาคนไปทุบขาของเขาให้หัก…” ชายหนุ่มตั้งใจพูดเหมือนโกรธ ในสายตากลับมีรอยยิ้มแฝงอยู่
“เหยียนโบหลาย” ผู้หญิงคนนั้นพูด
ชายหนุ่มใช้มือดันแว่นตาขึ้น ยิ้มเจื่อนและพูดว่า ” แม่ เปลี่ยนเป็นคนอื่นได้มั้ย? คนคนนี้สำหรับผมแล้วก็เหมือนแผ่นเหล็กแข็ง ผมกลัวว่าถ้าผมเตะออกไปแล้วผมจะเจ็บขาเอง……….”
“ไม่เปลี่ยน ก็คือเขา ” ใบหน้าของผู้หญิงเต็มไปด้วยความโกรธกับสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำโหดร้าย เธอพูดว่า ” เมื่อสามปีก่อนเขาสัญญาว่าจะพาพวกเราไปในสนามรบโบราณของมังกร เขาผิดสัญญา เมื่อปีที่แล้วตกลงกับฉันว่าจะพาฉันกลับไปฉลองตรุษจีนที่เมืองเทียนตู สรุปเขาบอกว่าช่วงตรุษจีนเขาต้องทำงานให้ให้พวกเราสองแม่ลูกกลับกันเอง เมื่อครึ่งเดือนที่แล้วบอกว่าจะพาแม่ไปชอปปิ๊งที่ซีก่างต้า สรุปมาบอกว่าจะมีหัวหน้ามาตรวจสอบงาน เขาจำเป็นต้องอยู่ต้อนรับ…………ลูกลองคิดๆดู หนึ่งเดือนมีสามสิบวันเขากินข้าวที่บ้านกี่วัน? พูดกับพวกเรากี่คำ? คนแบบนี้สมควรได้รับการสั่งสอนหน่อยมั้ย? ไม่ใช่ว่าลูกเป็นผู้ชายที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงหนานหรอ? ใครๆก็พูดว่าลูกเก่งมาก รังแกคนได้อย่างดุร้าย แม่ในฐานะแม่ก็ดีใจ รู้สึกมีหน้ามีตา………..ลูกก็ช่วยแม่ล้างแค้นนี้หน่อยแล้วกัน ถือว่าแม่ติดหนี้น้ำใจลูก ได้มั้ย?”
ชายรูปหล่อหัวเราะและพูดว่า “ผู้ชายมีชื่อเสียงอย่างผมก็ฉลาดนะ ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะได้ว่าไม่มีวิศัยทัศน์ ทำให้ขายหน้า แม่ลองคิดดู เดิมทีคนข้างนอกก็ไม่ค่อยพอใจพวกเราอยู่แล้ว เวลาพวกเราทำอะไรก็ต้องระมัดระวังและทำอย่างเงียบๆ ใช่มั้ย? คนที่แม่พูดถึงผมช่วยแม่จำไว้ก่อน ไว้รอมีโอกาสค่อยล้างแค้นให้แม่แรงๆเลยดีมั้ย?”
“หึ่ย แม่รู้แล้วว่าลูกเป็นคนเห็นคนนอกดีกว่า ลูกไม่คิดหน่อยหรอว่าลูกออกมาจากท้องของใคร” ผู้หญิงโกรธ เธอชี้ไปที่หน้าผากของชายหนุ่มและพูดขึ้นมา
ผืด………..
ชุยเสี่ยวซินหลุดขำออกมา เธอเกดินตรงไปยังคุณผู้หญิงและพูดว่า ” คุณอาเล็ก คุณอานี่ทำให้พี่ชายลำบากใจนะคะ คุณอาสั่งให้เขาไปรังแกพ่อแท้ๆของตัวเอง ต่อให้เขามีความกล้าเป็นร้อยเท่าเขาก็ไม่กล้า”
“ว๊าว เสี่ยวซินกลับมาแล้ว ” ผู้หญิงคนนั้นมองชุยเสี่ยวซินด้วยใบหน้าดีใจ เธอกวักมือให้ชุยเสี่ยวซินและพูดว่ารีบมาเร็ว รีบมา ให้อาได้ดูหน่อย……….วันนี้เสี่ยวซินไปเที่ยวที่ไหนมา? มีคนรังแกเสี่ยวซินมั้ย? ถ้ามีใครมาหาเรื่องหนู่ะก็บอกกับอาได้เลยนะ เดี่ยวอาจะสั่งให้พี่ชายของหนูไปจัดการมัน พี่ชายของหนูว่างทั้งวัน ยังไงก็ต้องหางานให้เขาทำบ้าง”
ชุยเสี่ยวซินนั่งลงตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น ยอมให้เธอจับมือตัวเองและพูดว่า “คุณอาเล็ก หนูสบายดีค่ะ แค่ออกไปเดินเล่นข้างนอก”
เหยียนเซียงหม่าเอาแก้วชาวางไว้ตรงหน้าชุยเสี่ยวซิน ฉีกยิ้มจนเห็นฟันทั้งสองแถว เขายิ้มและพูดว่า ” ได้ยินมาว่าช่วงนี้เสี่ยวซินช่วยติวหนังสือให้เพื่อนหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของชุบเสี่ยวซินจางลง จู่ๆก็กลับไปเป็นใบหน้าปก เธอพูดว่า ” ใช่ค่ะ ใกล้จะสอบเอ็นทรานซ์แล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งคะแนนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หนูก็เลยอยากจะช่วยเขาให้พัฒนาขึ้น”
ชุยซินชือมองชุยเสี่ยวซินด้วยความรักและพูดว่า ” ชุยเสี่ยวซินเป็นเด็กดี หน้าตาสวย นิสัยก็ดี ชีวิตก็ดี ต่อไปต้องเป็นผู้ชายแบบไหนกันนะถึงจะคู่ควรกับชุยเสี่ยวซินของพวกเรา? โชคดีที่เมืองเทียนตูมีคนมีความสามารถเยอะแยะ มีวีรบุรุษมากมาย ถึงตอนนั้นตระกูลชุยต้องหาคนที่เติมเต็มซึ่งกันและกันให้หนู แต่เมื่อค้องคิดว่าอีกไม่ถึงครึ่งปีหนูก็ต้องกลับไปที่เมืองเทียนตูแล้ว อาก็รู้สึกเหมือนหัวใจโดนควักหายไป หนูมาอยู่กับอาที่นี่ห้าปีแล้ว อาเองก็เห็นหนูเป็นลูกสาวแท้ๆคนหนึ่ง หนูกลับไปแล้ว…………….”
“แม่ครับ ไม่จบซักที? ต้องมาแสดงบทดราม่าทุกวัน แม่ไม่เบื่อบ้างหรอ เสี่ยวซินยังทนไม่ไหวเลย ถ้าแม่ยังทำแบบนี้อีก เสี่ยวซินก็คงต้องรีบกลับเมืองเทียนตู……….เสี่ยวซิน เธอว่าใช่มั้ย?” เหยียนเซียงหม่ามองแม่ของตัวเองด้วยความเซ็งและพูดขึ้นมา
” จะใช่ได้ยังไงกัน?” ชุยเสี่ยวซินยิ้ม เธอจับมือของคุณอาเล็กจนแน่นและพูดว่า “หนูเองก็ไม่อยากไปจากคุณอาเล็ก หนูอยู่ที่เจียงหนานมีความสุขมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเรืองไปเรียนต่อล่ะก็ หนูเองก็ไม่อยากไปจากที่นี่”
“ยังไงเสี่ยวซินก็เป็นคนที่รู้ใตอามากที่สุด ไม่เหมือนพวกคนแซ่เหยียนที่จิตใจไม่ดี ” ชุยซินชือพูดด้วยใบหน้าปลื้อมอกปลื้มใจ “เสี่ยวซิน ไปกันเถอะ พวกเราไปกินข้าวกัน”
“ค่ะ” ชุยเสี่ยวซินยืนขึ้น
“แม่ของพี่รู้ว่าเสี่ยวซินชบกินปลา เธอก็เลยตั้งใจให้คนส่งปลาฉือเหยียนมาจากภูเขาไท่ซาน ปลาฉือเหยียนมันเกิดและโตระหว่างซอกหินในน้ำแร่ เนื้อนุ่มไม่มีก้าง วางมันบนหินแล้วเอาไปตากแดดเพียงครู่เดียวก็แทบจะละลาย” เหยียนเซียงหมาหยิบถ้วยขึ้นมาช่วยตักซุปให้แม่และชุยเสี่ยวซินไปด้วย และเขาก็พูดอธิบายไปด้วยว่า “ใช้ปลาชนิดนี้มาต้มซุป เนื้อปลาก็จะละลายรวมอยู่กับน้ำซุป หาเนื้อไม่เจอ แม้แต่เกล็ดปลายังหาไม่เจอเลย แต่เมื่อเธอกินซุปนี้เข้าไปคำหนึ่ง…………มันจะเหมือนมีปลาหนึ่งตัวกำลังแหวกว่ายอยู่ในปากของเธอ มันอร่อยมากจริงๆ”
“ลูกนี่ประจบสอพลอจริงๆ” ชุยซินชือพูดตำหนิลูกชาย
“นี่ผมกำลังประจบสอพลอคุณแม่อยู่นะ” เหยียนเซียงหม่าหัวเราะและพูดว่า ” ก็ไม่ใช่เพราะอยากให้ชุยเสี่ยวซินได้รู้ถึงน้ำใจและความหวังดีของแม่?”
“หึ่ย น้ำใจและความหวังดีอยู่ในใจ ลกพูดออกมาก็ไม่มีความหมายแล้ว” ชุยซินชือส่ายหน้าและพูดว่า ” ลูกอ่ะ ลูกเหมือนพ่อของลูก ความคิดซับซ้อน เหนื่อยมั้ย?”
“พอแล้ว พอแล้ว ผมไม่พูดแล้วก็ได้โอเคมั้ย? โอเคมั้ย?” เหยียนเซียงหม่าพูดขอร้อง
ชุยซินชือและชุยเสี่ยวซินสบตากันแล้วหัวเราะ ชุยซินชือชวนชุยเสี่ยวซินชิมซุป ” ซุปปลาต้องกินร้อนๆถึงจะอร่อย ถ้าเย็นจะมีกลิ่นคาวปลา เสี่ยวซินลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง เค็มไปหรือจืดไปบอกอานะ ครั้งหน้าอาจะได้บอกให้พ่อครัวปรับปรุง”
ชุยเสี่ยวซินใช้ช้อนตักซุปมาชิม รสชาติหอมกลมกล่อมเต็มปาก เธอพูดชมว่า ” อร่อยมากเลยค่ะ เค็มจืดกลางๆ รสชาติกำลังดี ”
“งั้นก็ดี” ชุยซินชือก้มหน้าชิมซุป
“อ่อใช่ เสี่ยวซิน…….” เหนียนเซียงหม่ามองชุยเสี่ยวซิน ยิ้มและพูดว่า “คนที่เธอไปช่วยติวหนังสือให้เขา เป็นคนเดียวกันกับที่ช่วยชีวิตเธอไว้ที่ร้านกาแฟหรือเปล่า?”
ชุยเสี่ยวซินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมามองเหยียนเซียงหม่าและพูดว่า ” ใช่ค่ะ เขาเป็นคนดีมากเลย แต่เรียนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีเวลาอีกไม่กี่สิบวันก็จะสอบเอ็นทรานซ์แล้ว ฉันเลยอยากจะช่วยเขาทำอะไรซักหน่อย เพราะตอนนั้นถ้าไม่ได้เขาช่วยเอาไว้ คุณลุงหนิงก็มาช่วยฉันไว้ไม่ทัน……………”
“หึ่ย นักฆ่าหวูยา ไม่ช้าก็เร็วจะทำให้เขาตาย” บนใบหน้าของเหยียนเซียงหม่ามีความโกรธปรากฏขึ้น “ที่เทียนตูได้เริ่มภารกิจแล้ว ผู้มีฝือมือของตระกูลชุยและตระกูลเหยียนได้ออกตามหาหวูยาทั่วทุกทิศ ที่เมืองเจียงหนานก็ออกค้นหาทั่วทุกที่ ผู้มีฝีมือของเมืองก็ถูกคุณพ่อส่งตัวออกไปตามหา………เสี่ยวซินสบายใจได้ หวูยาไม่กล้ามาอีกแน่นอน ถึงแม้เขาจะมา เขาก็จะถูกพวกลุงหนิงจับมัด และจู่โจมจนร่างแหลก”
“ลำบากพี่ชายและคุณอาผู้ชายด้วย” ชุยเสี่ยวซินพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ขอบคุณอะไรกัน? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอก็เหมือนน้องสาวแท้ๆของพี่ ” เหยียนเซียงหม่าหัวเราะและพูด ” แต่ เธอก็ควรจะรักษาระยะห่างกับเพื่อนคนนั้นของเธอไว้จะดีกว่า…………..”
ชุยเสี่ยวซินมองเหยียนเซียงหม่าด้วยใบหน้าปกติและพูดว่า “พี่พูดหมายคงามว่าอย่างไร?”
“เธอลองคิดดูนะ เพื่อนของเธอคนนั้นเป็นคนธรรมดาทั่วไป ระหว่างคนธรรมดากับโลกของพวกเรามันมีความแตกต่างกันเกินไป……….ครั้งนี้ลุงหนิงมาทันเวลา ดังนั้นเขาถึงสามารถสกัดกั้นหวูยาเอาไว้ได้ ถ้ามีครั้งหน้าอีกล่ะก็ เพื่อนของเธอคนนั้นจะยังโชคดีแบบนี้อีกมั้ย? พี่รู้ว่าน้องก็แค่อยากจะช่วยเพื่อนคนนั้น แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา แล้วเพื่อนคนนั้นของน้องได้รับบาดเจ็บหรือได้รับบาดเจ็บที่มันมากกว่านั้น ………ด้วยนิสัยของน้อง เกรงว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตน้องคงยากที่จะปลดปล่อยมันได้?”
แววตาของชุยเสี่ยวซินเปลี่ยนเป็นแหลมคมขึ้น เธอพูดว่า “พี่กำลังเตือนฉันอยู่หรอ?”
“น้องสาว พี่ก็แค่โน้มน้าว ตักเตือนที่ไหนกัน? พี่ก็แค่คิดแทนเธอและเพื่อนของเธอคนนั้น เธอว่าใช่มั้ย? ถ้าเธอรู้สึกว่าพี่ไม่ควรพูดคำพูดพวกนี้ งั้นพี่ก็จะไม่พูดแล้ว เธอเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง เรื่อพวกนี้เธอเองก็คิดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
“ฉันเคยคิดแล้ว” ชุยเสี่ยวซินพูด
ชุยซินชือมองลูกชายตัวเอง แล้วหันมามองชุยเสี่ยวซิน และก็พูดว่า ” เสี่ยวซิน เพื่อนของหนูคนนั้นเคยช่วยหนูไว้ น้ำใจในครั้งนี้ครอบครัวของเราก็จดจำเอาไว้อยู่……..หนูบอกว่าเขาเรียนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้างั้นให้คุณอาผู้ชายช่วยติดต่อหาคนรู้จัก ให้มหาวิทยาลัยเจียงหนานรับเขาเข้าเรียนเป็นกรณีพิเศษ ถึงแม้มหาวิทยาลัยเจียงหนานไม่ดีเท่ามหาวิทยาลัยซีเฟิง แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ จะเรียนคณะอะไรให้เขาเลือกได้ตามสบาย หนูคิดว่าแบบนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ชุยเสี่ยวซินใจ่สั่น มือที่จับช้อนอยู่อ่อนแรง
เธอเข้าใจความหมายที่คุณอาเล็กพูด นี่ก็เพื่อต้องการซื้อขาดบุญคุณของหลี่มู่หยางในครั้งเดียว
แต่บุญคุณสามารถซื้อขาดได้ด้วยหรอ?