ข้อห้าม 17 ผมไม่ยอมรับ!

ตอนที่ 17 ผมไม่ยอมรับ!

ชีวิตของหลี่มู่หยางก็เหมือนกับสีผิวของเขา มืดมนมองไม่เห็นแสงสว่างใดใด

ก็เพราะเป็นแบบนี้ ตอนที่ชุยเสี่ยวซินบอกว่าจะช่วยเขาติวหนังสือที่ร้านกาแฟ เขาถึงได้รู้สึกซาบซึ้งใจ ทำให้ตอนที่ชุยเสี่ยวซินถูกลอบฆ่าเขาถึงได้พุ่งตัวเข้าไปช้วยโดยไม่ต้องคิดอะไร และยอมที่จะเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อเธอ

และก็เพราะเป็นแบบนี้ ตอนที่คะแนนของเขามีการพัฒนาขึ้น ชีวิตของเขาก็มีแสงสว่างเล็กน้อย เขาถึงสนใจมากกว่าใครๆ และให้ความสำคัญมากกว่าใครๆ

ราวกับมีดอกไม้ที่เบ่งบานท่ามกลางทะเลทราย คุณค่อยๆดูแลมันอย่างระมัดระวัง รอให้มันได้ผลิดอกออกผลที่อุดมสมบูรณ์ สรุปว่ามีคนคนหนึ่งเดินมาและเหยียบดอกไม้ตาย มาดับแสงสว่างและความหวังของคุณ และทำให้คุณกลับไปสู่โลกที่มืดมิดอีกครั้ง

เขารู้สึกหมดหวังและรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของหลี่มู่หยาง ทุกคนก็นิ่ง

พวกเขารับรู้ได้ถึงความเสียใจและความขื่นขมของหลี่มู่หยาง พวกเขาเห็นเส้นเลือดที่คอที่ปูดนูนออกมาและมือที่กำปากกาจนแน่นได้อย่างชัดเจน

แป็ก………….

ปากกาแท่งนั้นถูกเขากำแน่นจนหัก น้ำหมึกสีดำข้างในปากกาไหลออกมาเต็มฝ่ามือ

ก็เหมือนกับที่เขาพูด ถ้าคุณสงสัยว่าเขาทุจริตการสอบ งั้นก็ควรต้องหาวิธีมาพิสูจน์ความคิดของคุณ ไม่ใช่สวมหมวกทุจริตให้นักเรียนโดยไม่รู้ตัว

การใส่ร้ายแบบนี้มันก็เหมือนเอามีดมาแกะสลักตัวหนังสือบนโต๊ะ ต่อให้ขูดโต๊ะให้เรียบเสมอกัน แต่มันก็ย่องคงทิ้งร่องรอยไว้ในใจเสมอ

เมื่อได้ยินคำถามของหลี่มู่หยางแล้ว จ้าวหมิงจูก็มีสีหน้าอึมครึม

“หี่มู่หยาง ยังต้องพิสูจน์อีกหรอ? แต่ก่อนนายได้คะแนนเท่าไหร่นายยังไม่รู้อีกหรอ? ฉันไม่รู้หรอ? เพื่อนร่วมห้องไม่รู้หรอ? ไม่ได้มาเรียนไม่กี่วันสามารถทำข้อสอบได้ขนาดนี้ นายคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะหรือไง?” คำพูดของจ้าวหมิงจูยังคงทิ่มแทง แต่น้ำเสียงในการพูดอ่อนลงเยอะมาก ” ได้ นายต้องการพิสูจน์ใช่มั้ย? ได้ ฉันจะให้นายได้พิสูจน์”

เธอกวาดสายตาไปมองนักเรียนที่อยู่รอบๆหลี่มู่หยาง เพื่อนที่นั่งติดกันกับหลี่มู่หยางมีชื่อว่าหยางจวิน เขาเป็นเพื่อนซี้กับจางเฉิน และเขาก็เป็นนักบาสเก็ตบอลของโรงเรียนเช่นเดียวกัน ผลการเรียนของเขาถืออยู่ในระดับปานกลาง เขาเองก็ไม่มีทางส่งข้สอบที่สมบูรณ์ได้

ก็เลยทำให้จ้าวหมิงจูละสายตาไปมองผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังของหลี่มู่หยางและพูดว่า “เฉินหยวนหยวน เอาข้อสอบของเธอมาให้ครูดูหน่อย”

เฉินหยวนหยวนเอามือดันแว่นที่จมูกของเธอ เงยหน้ามองจ้าวหมิงจูและพูดว่า ” คุณครูจ้าวคะ หนูยังทำไม่เสร็จเลย……ยังมีอีกหนึ่งส่วยสามของข้อสอบที่หนูยังไม่ได้ทำ”

จ้าวหมิงจูขมวดคิ้ว เฉินหยวนหยวนเป็นนักเรีนรดีในสายตาของเธอ และก็เป็นนักเรียนที่นั่งใกล้หลี่มู่หยางและมีคะแนนที่ดีที่สุด ขนาดเธอยังเหลือข้อสอบอีกหนึ่งในสามที่ยังไม่ได้ทำ งั้นแสดงว่าหลี่มู่หยางก็ไม่ได้ลอกข้อสอบเธอหน่ะสิ

“เจิ้งฟาง เธอทำข้อสอบเสร็จแล้วยัง?”

“คุณครูคะ หนูยังทำไม่เสร็จเลยค่ะ” เสียงของผู้หญิงรูปร่างเล็กตอบเบาๆ เพราะกลัวว่าจ้าวหมิงจูจะว่าตัวเอง

“เฉินเหล่ย………….”

“คุณครูครับ ผมทำเสร็จแล้ว”

“เอามาให้ฉันดู”

เฉินเหล่ยเอาข้อสอบมาส่ง จ้าวหมิงจูเปิดดูด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น ราวกับว่าหาหลักฐานในการทุจริตของหลี่มู่หยางได้แล้ว

เธอเปิดดู ดูๆไปใบหน้าของเธอก็สลดลง และขว้างข้อสอบของเฉินเหล่ยทิ้งพร้อมด่าว่า “เฉินเหล่ย นายสมองหมูหรือไง? ข้อที่หนึ่งกับข้อที่สามฉันพูดไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว ทั้งๆที่เป็นข้อที่จะทำให้เธอได้คะแนน จนถึงตอนนี้แล้วนายก็ยังตอบผิดอีก นายมีความจำบ้างมั้ยเนี่ยะ? นายยังอยากจะเรียนมหาวิทยาลัยอีกมั้ย? เอาข้อสอบกลับไปทำใหม่”

เฉินเหล่ยหยิบข้อสอบจากพื้น และวิ่งกลับไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าแดง

จ้าวหมิงจูกวาดสายตาในห้องและถามว่า ” นักเรียนคนไหนทำข้อสอบเสร็จแล้ว? เหลือสองสามข้อก็ไม่เป็นไร…….”

ไม่มีใครตอบรับ

” ไม่มีเลยซักคนหรอ?” สีหน้าของจ้าวหมิงจูไม่ค่อยดีนัก

หลี่มู่หยางยืนขึ้น

เขาดันเก้าอี้ออก และเดินมาที่โพเดี้ยมทีละก้าวๆ

“หลี่มู่หยาง นายต้องการจะทำอะไร?” จ้าวหมิงจูพูดอย่างเสียงดัง

“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกครับ” หลี่มู่หยางพูดเบาๆ

เขาหยิบข้อสอบที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะโพเดี้ยมออกมาฉบับหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ใช้ดินสอที่จ้าวหมิงจูไว้ตรวจการบ้านมาเริ่มทำข้อสอบ

ดวงตาของจ้าวหมิงจูกลมโต ใบหน้ากระตุกตลอดเวลา

เด็กที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เขาจะทำข้อสอบต่อหน้าต่อตา?

ก็เหมือนกับที่จ้าวหมิงจูคิด หลี่มู่หยางยืนอยู่ข้างๆเธอแบบนั้น โน้มตัวไปข้างหน้า และค่อยๆเขียนคำตอบลงไปในกระดาษข้อสอบที่ว่างเปล่า

ขืด ขืด ขืด…….

ปลายปากกาขยับ ข้อมือของเขายกขึ้นมาน้อยมากๆ

ในห้องเรียนเงียบมากไม่มีเสียงใดใด

ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีใครทำข้อสอบ ไม่มีแม้กระทั่งสีหน้าดูถูกของทุกๆคน

ทุกคนต่างเงยหน้ามองหลี่มู่หยางที่ยืนทำข้อสอบอยู่บนโพเดี้ยม พวกเขาต้องการจะเป็นพยานในการพิสูจน์นี้ และต้องการเป็นพยานว่าหลี่มู่หยางบริสุทธิ์

เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น ไม่มีใครออกจากห้อง ยังคงเข้าเรียนกันต่อไป

ตอนที่หลี่มู่หยางทำข้อสอบข้อสุดท้าย เขาใช้เวลาไปเพียงแค่สามสิบนาที เพราะเป็นข้อสอบที่เขาทำไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดอีกแล้ว

เขายื่นกระดาษข้อสอบให้จ้าวหมิงจูอีกครั้งและพูดว่า ” คุณครูลองดูครับ”

จ้าวหมิงจูรับข้อสอบมา แต่สายตากลับมองหลี่มู่หยาง

นักเรียนที่เป็นคนไร้ประโยชน์ในสายตาของทุกๆคน มีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงขึ้น

ไม่ว่าข้อสอบที่เขาส่งมาฉบับนี้จะถูกหรือจะผิด เขาก็กล้าที่จะลุกขึ้นยืนและสู้กลับ เขาเดินมาที่โพเดี้ยมและทำข้อสอบต่อหน้านักเรียนทั้งห้อง …………..เขาไม่ใช่คนที่ขี้ขลาด อ่อนแอ เลอะเลือน เป็นนักเรียนที่ไม่เคยสนใจอะไรราวกับว่าไม่มีตัวตนอยู่อีกแล้ว

“แน่นอนว่า คุณครูอาจจะพูดว่าเพราะก่อนหน้านี้ผมลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก้เลยทำให้ผมจำคำตอบได้ขึ้นใจ…….” หลี่มู่หยางจ้องจ้าวหมิงจูด้วยสายตาแหลมคม น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความเลียดชัง เขาพูดว่า “เพื่อไม่ให้เกิดข้อประนณามที่ว่า มีหลายๆข้อที่ผมตอบคำถามในอีกรูปแบบหนึ่ง คุณครูจ้าวลองดูครับ ลองดูว่าข้อสอบทั้งสองฉบับของผมมีตรงไหนบ้างที่ไม่เหมือนกัน”

หา………………

ห้องเรียนกลับมายุ่งเหยิงอีกครั้ง

“อะไร? เขาพูดว่า มีหลายๆข้อที่เขาตอบคำถามในอีกรูปแบบหนึ่ง?”

“ไม่ใช่มั้ง? หลี่มู่หยางกินยาเทพเข้าไปหรอ…….ไม่งั้นเขาไม่เปลี่ยนเป็นเก่งได้ขนาดนี้หรอก?”

“เขาคงไม่ได้เป็นคนฉลาดที่แกล้งโง่มาโดยตลอดหรอกนะ? แต่ก่อนตั้งใจสอบไม่ดี ก็เพื่อต้องการหลอกพวกเรา แต่พอก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเขาเลยตัดสินใจทำให้พวกเราตกใจ………….”

………………..

จ้าวหมิงจูไม่ได้สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน เธอละสายตามามองข้อสอบที่อยู่ในมือ

ดูไปเรื่อยๆทีละข้อ คำตอบของแต่ละข้อๆปรากฏในสายตา หลังจากนั้นก็เอาคำตอบนั้นมาเปรียบเทียบกับคำตอบในใจ

หลี่มู่หยางไม่ได้โกหก มีหลายๆข้อที่เขาเปลี่ยนวิธีในการตอบ แยกไม่ออกว่าวิธีไหนดีกว่ากัน แต่คำตอบเป็นคำตอบที่ถูกต้องทั้งสองวิธี

และยังคงเหมือนกระดาษข้อสอบฉบับแรก มีสองข้อที่เว้นว่างไว้ นั่นก็คือข้อที่เขาหาคำตอบไม่ได้

คะแนนแบบนี้ ความสามารถแบบนี้ แม้แต่ชุยเสี่ยวซินที่เป็นอันดับหนึ่งของห้องก็อาจจะยังทำไม่ได้

สามารถแน่ใจได้ว่า หลี่มู่หยางไม่ได้ทุจริตการสอบ ข้อสอบฉบับนี้และฉบับก่อนหน้านี้ล้วนเป็นข้อสอบที่หลี่มู่หยางทำเอง

จ้าวหมิงจูจับกระดาษข้อสอบฉบับนั้นราวกับว่ากำลังจับถ่านที่ติดไฟแล้ว

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป สุดท้ายเธอก็พยายามบีบรอยยิ้มที่ยากจะยิ้มออกมา ตบไหล่หลี่มู่หยางและพูดว่า ” ไม่เลว หลี่มู่หยางไม่ได้ทุจริต การสอบในครั้งนี้เขาเป็นคนทำเอง…………เห็นได้ชัดว่ามีการพัฒนามาก ต้องรักษาระดับต่อไป”

จ้าวหมิงจูยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาและพูดว่า ” หลี่มู่หยาง นายไปก่อนได้ นักเรียนคนอื่นๆทำข้อสอบต่อ”

“คุณครูจ้าวครับ……..” หลี่มู่หยางยังคงยืนตรงหน้าจ้าวหมิงจูไม่ไปไหน

“อะไร?” จ้าวหมิงจูเงยหน้าขึ้นมา สายตาแฝงด้วยความดุร้าย เธอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาแล้ว หรือว่เขายังไม่พอใจอีกหรอ?

“คุณครูสอนมาตั้งหลายปี น่าจะยังไม่เคยพูดขอโทษนักเรียนเลยใช่มั้ย?” หลี่มู่หยางถามขึ้น

บรรยากาศอึมครึม นักเรียนทุกคนต่างก็รู้สึกเย็นสะท้านที่หลังคอ

พวกเขารู้สึกว่าหลี่มู่หยางต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ กล้าให้แม่มดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนขอโทษ

“นายต้องการจะพูดอะไร?” จ้าวหมิงจูกำหมัด ข้อสอบที่หลี่มู่หยางเพิ่งทำเสร็จถูกเธอบีบจนยับ

“ถ้าไม่เคยล่ะก็…………” หลี่มู่หยางมองตาจ้าวหมิงจู และค่อยๆพูดออกมาว่า ” งั้นก็เริ่มจากผมก่อนเลย”

“หลี่มู่หยาง…………..”

“หรือว่าคุณครูรู้สึกว่า เรื่องที่คุณครูทำลงไป คำพูดที่คุณครูพูด ความเจ็บปวดของนักเรียนไม่สามารถแลกกับคำขอโทษได้? ถ้าเป็นแบบนั้นหล่ะก็ ผมก็จะไปคุยเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กับโรงเรียน และไปฟ้องร้องกับกระทรวงศึกษาธิการต่อการดูถูกและการใส่ร้ายที่คุณครูทำกับผม………..”

จ้าวหมิงจูจ้องหลี่มู่หยางด้วยสายตาอาฆาต และพูดว่า ” หลี่มู่หยาง นายแน่ใจว่าจะเอาอย่างนี้?”

“ครับ ผมแน่ใจครับครู”

“ได้ ฉันจะขอโทษนาย กับคำพูดที่ฉันพูดผิดไปเมื่อกี้ ฉันไม่ควรกล่าวหานายว่าทุตริตโดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน…….หลี่มู่หยาง ครูขอโทษ” จ้าวหมิงจูพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยทำมาก่อน

และก็เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะต้องทำ

“ฉันไม่ได้ทุจริต” หลี่มู่หยางพูดกับเพื่อนทั้งห้อง

“………………..”

หลี่มู่หยางหันไปมองจ้าวหมิงจูและพูดว่า ” ผมไม่ยอมรับ”

“อะไร?”

“ผมพูดว่า……..ผมไม่ยอมรับคำของโทษของคุณครูจ้าว” หลี่มู่หยางพูดอีกครั้ง

เขาเดินลงมาจากโพเดี้ยม และเดินตรงไปที่โต๊ะของตัวเอง

เขาหยิบหนังสือ ปากกาและกระบอกน้ำใส่เข้าไปเป้นักเรียน หลังจากนั้นก็ถือกระเป๋าเดินออกจากห้องไป

ในครั้งนี้ หลังของเขาตั้งตรง เหมือนต้นสนที่อยู่ในหุบเขา

Options

not work with dark mode
Reset