"เขาเป็นคนโง่"
ทุกๆคนต่างก็คิดแบบนี้
ผลการเรียนของหลี่มู่หยางเป็นอย่างไร การสอบนับครั้งไม่ถ้วนได้ให้คำตอบที่โหดร้ายที่สุดไว้แล้ว
เขาเป็นอันดับที่หนึ่งของห้องเรียน เป็นอันอับที่หนึ่งของระดับชั้น แน่นอนว่า เป็นอันดับที่หนึ่งจากท้ายสุด
เขาสอบไม่ผ่านซักวิชาเดียว แม้แต่วิชาภาษาอังกฤษที่เป็นข้อสอบแบบให้เลือกช้อยส์เขาก็ยังไม่ผ่าน เห็นได้ชัดว่า แม้แต่เทพโชคชะตาก็ยังไม่ยืนฝั่งเดียวกับเขา คงกลัวว่าความซวยของเขาจะมาแปดเปื้อน
แต่ เขาที่เป็นคนแบบนี้กล้าที่จะเอาหนังสือมาขว้างและพูดต่อหน้าคนอื่นว่าลองทดสอบฉันดู รีบทดสอบฉันสิ นี่ไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไร?
ไม่งั้นคนปกติธรรมดาทั่วไปใครเขาจะทำแบบนี้กัน?
จางเฉินเองก็คิดแบบนี้ เขาทำตาโตจ้องไปที่หลี่มู่หยาง แปลกใจที่เขาทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้ หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดัง หังเราะจนตัวสั่น
เพื่อนๆที่อยู่ข้างๆจางเฉินก็หัวเราะ เพื่อนทั้งห้องต่างก็หัวเราะ
ชุยเสี่ยวซินเองก็หัวเราะ แต่รอยยิ้มของเธอเบาบางมาก แต่เต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
จางเฉินชี้หลี่มู่หยางและพูดว่า " หลี่มู่หยาง ได้ข่าวมาว่าสองสามวันนี้นายไม่สบาย สมองนายไม่สบายจนพังแล้วใช่มั้ย? ถ้าสมองของนายยังไม่พังล่ะก็ แล้วทำไมนายถึงได้ทำเรื่องที่มันบ้าอย่างนี้? ให้ฉันทดสอบนาย? ฉันจะทดสอบอะไรนาย? นายทำอะไรเป็น? อยู่ดีๆก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องทำเรื่องที่มันดูถูกตัวเองด้วย?"
"จางเฉิน ในเมื่อหลี่มู่หยางต้องการให้นายทดสอบเขา งั้นก็นายก็ทดสอบเขาเถอะ เพื่อนๆอยู่กันเต็มห้อง อย่าไปหักหน้าเขาเลย……….."
"ใช่ๆ เป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกัน ช่วยกันพัฒนา จางเฉิน นายก็ตั้งโจทย์ง่ายๆซักสองสามข้อเพื่อทดสอบหลี่มู่หยาง ไม่แน่เขาอาจจะมั่วจนถูกก็ได้นะ?"
………………..
เพื่อนๆของจางเฉินก็ช่วยกันพูด
หลี่มู่ยางยิ้มเย็นชาในใจ คิดว่าเดี๋ยวเขาจะใช้คำตอบจากความรู้ที่กว้างขวางและลึกซึ้งของตัวเองมาเป็นแสงสว่างทำให้คนพวกนี้ตาบอด
จางเฉินหยิบหนังสือขึ้นมา มองหลี่มู่หยางด้วยความระแวง และถามว่า "นายต้องการจะให้ฉันทดสอบนายจริงๆหรอ?"
"ทดสอบเถอะ " หลี่มู่หยางพูดด้วยใบหน้าจริงจัง ลักษณะท่าทางมั่นใจ
ถึงแม้หนังสือเล่มนั้นจะเป็นหนังสือที่หลี่มู่หยางขว้างมา แต่มันก็เป็นหนังสือที่จางเฉินเข้าใจลึกซึ้งที่สุดแล้ว นั่นคือหนังสือประวัติศาสต ช่วงที่เขาอยู่โรงพยาบาลชุยสี่ยวซินอธิบายให้เขาฟังแล้ว เนื้อหาที่สำคัญเธอก็พูดย้ำหลายรอบและอธิบายอย่างชัดเจนหมดแล้ว
หลี่มู่หยางรู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่โง่!
จางเฉินเปิดหนังสือ และเปิดหาเนื้อหาในหนังสือ หลังจากนั้นก็ถามว่า "ชื่อของจักรพรรดิคนแรกอยู่ในหนังสือบทที่เท่าไหน่หน้าที่เท่าไหร่?"
หลี่มู่หยางทำหน้านิ่ง และพูดคัดค้านว่า " นี่ก็ถือเป็นคำถามด้วยหรอ?"
"แน่นอนสิ ไม่ใช่นายพูดหรอว่าให้ฉันถามอะไรก็ได้" จางเฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ และถามต่อว่า ซ่งอันหนานที่ได้ชื่อว่า นักบุญแห่งแสงสว่าง เกิดในวันที่เท่าไหร่ เดือนไหน ปีไหน? และตายในวันที่เท่าไหร่ เดือนไหน ปีไหน?"
"………คำถามแบบนี้เค้าไม่ออกข้อสอบกันโอเคมั้ย?"
"ใครจะไปรู้หล่ะ? เกิดข้อสอบปีนี้มีคำถามพวกนี้หล่ะ? นายไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ออกข้อสอบ นายจะไปรู้ได้ไงว่าข้อสอบไม่มีคำถามพวกนี้?" จางเฉินพูดด้วยใบหน้าดูถูกว่า "มีทหารกี่คนที่ถูกฆ่าตายในสงครามแม่น้ำชิง? และคนที่ถูกฆ่าตายชื่ออะไรบ้าง?"
หลี่มู่หยางหน้าตาเกร็งไปหมด ตัวสั่น ชี้ไปที่จางเฉินและด่าว่า "นายตั้งใจกลั่นแกล้ง ไม่มีทัศนคติต่อการเรียนรู้……….เพื่อนกัน ทำไมถึงมีคนไร้น้ำใจอย่างนายด้วย? ฉันรู้สึกอับอายแทนนายจริงๆ"
จางเฉินภาคภูมิใจ มองซ้ายมองขวา หัวเราะและพูดว่า "ทุกคนดูสิ ดูสิ เขาเป็นคนบังคับให้ฉันทดสอบเขา พอถึงตอนที่ฉันตั้งโจทย์ให้เขาตอบ เขากลับตอบไม่ได้ซักข้อ……….."
ทุกคนต่างหัวเราะด้วยควาสนุกสนาน
จางเฉินขว้างหนังสือลงบนโต๊ะ มองหลี่มู่หยางและพูดว่า " หลี่มู่หยาง เกิดเป็นคน มีความสุขก็พอแล้ว ทุกคนต้องทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด ในเมื่อนายชอบนอนหลับ และถนัดในการนอนหลับ ง้นยายก็นอนหลับดีดี อีกไม่กี่วันก็จะสอบเอ็นทรานซ์แล้ว จู่ๆนายก็ลุกมาทำตัวรักการเรียนขึ้นมา ทุกคนต่างก็ไม่คุ้นชิน มช่มั้ย?"
"นาย…….." หน้าสีดำของหลี่มู่หยางกลายเป็นสีม่วง สีม่วงเปลี่ยนเป็นสีแดง"นายทำเกินไป"
รอยยิ้มบนใบหน้าของจางเฉินค้างไว้ เขาโน้มหัวมา สายตาก็จ้องไปที่หลี่มู่หยางและพูดว่า "หลี่มู่หยาง ฉันจะแกล้งนาย นายจะทำไม? นายคิดว่านายยังมีความหวังที่จะช่วยฉุดตัวเองขึ้นมาได้อีกหรอ? มีเวลาอีกแค่หนึ่งเดือน หลังจากหนึ่งเดือน ทุกคนต่างก็จะไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ตัวเองอยากจะไป แต่นายหล่ะ? นายก็คงต้องกลับไปช่วยแม่นายอบเค้กสินะ? แต่แบบนี้ก็ดีอยู่นะ……….เป็นเจ้าของร้านขายเค้กเล็กๆ การใช้ชีวิตแบบนี้ก็น่าจะสบายและมีความสุข ใช่มั้ย?"
"จางเฉิน ฉันต้องสอบให้ดีกว่านายให้ได้……….."
"คนโง่พูดเหมือนฝัน" จางเฉินพูดขัดหลี่มู่หยางอย่างไม่เกรงใจ เขาพูดว่า " ตั้งใจเพลิดเพลินกับมันซะนะ เพราะนี่จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่นายจะได้เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกับพวกเราแล้ว อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ นายก็จะไม่ได้เป็นอะไรแล้วทั้งนั้น…….."
จ้าวหมิงจูหอบกองข้อสอบเดินเข้ามา เห็นหลี่มู่หยางและจางเฉินที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ เธอก็ตะโกนว่า "ทำไม? เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว? จางเฉิน หลี่มู่หยาง พวกนายสองคำกำลังทำอะไร?"
จางเฉินหันหลังกลับไปมองจ้าวหมิงจู และพูดอธิบายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า " คุณครูครับ หลี่มู่หยางบอกให้ผมตั้งโจย์เพื่อทดสอบเขา พอผมตั้งโจทย์แล้ว เขากลับตอบไม่ได้ซักข้อ เขาก็เลยโกรธต้องการหาเรื่องผม"
จ้าวหมิงจูเผยอมุมปาก และพูดด้วยใบหน้าที่เข้มงวดว่า " จางเฉิน นายไม่ดูหน่อยรอว่าเหลืออีกกี่วันที่จะสอบเอ็นทรานซ์แล้ว? นายยังไม่รีบทบทวนบทเรียนอีก แต่กลับเอาเวลาไปทิ้งไว้กับเรื่องน่าเบื่อแบบนี้ นายยังอยากจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซีเฟิงอยู่อีกมั้ย?"
"คุณครูจ้าวครับ ผมผิดไปแล้ว " จางเฉินรีบพูดขอโทษ เขามองหลี่มู่หยางและพูดว่า " ผมเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ถึงแม้ผลการเรียนของหลี่มู่หยางจะไม่ดี แต่ผมก็ไม่สามารถจะทำให้เขายิ่งแย่ลง เขามีจิตใจที่จะขยันตั้งใจเรียน ผมในฐานะหัวหน้าห้องก็ต้องดูแลเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง…….."
"หึ่ย คนบางคนก็ฉุดไม่ขึ้น พูดกับเขามากเท่าไหร่ก็เสียเวลามากเท่านั้น มองเขามากเท่าไหร่ก็เปลืองสายตามากเท่านั้น " จ้าวหมิงจูพูดอย่างไม่เกรงใจ เพราะการที่ชุยเสี่ยวซินวิ่งตามหลี่มู่หยางออกไปวันนั้น ชุยเสี่ยวซินก็ไม่ได้มาเรียนอีกหลายวัน เธอไม่อยากจะมีปัญหากับนักเรียนที่เก่งและนักเรียนที่แย่ในตอนนี้ เพราะถ้าไปกระทบต่อสภาพจิตใจของชุยเสี่ยวซินและส่งผลต่อการสอบเอ็นทรานซ์ของเธอ นั่นก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่ออัตราผลการเรียนในการสอนของจ้าวหมิงจูและจะส่งผลต่อเงินโบนัสของเธอด้วย
แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้พูดชื่อหลี่มู่หยางออกมา แต่ทุกคนในห้องเรียนต่างก็รู้ดีว่าคนที่เธอพูดถึงอยู่คือใคร
"ไม่ใช่ว่าบางคนอยากจะทดสอบหรอ? พอดีเลยในมือครูมีข้อสอบอยู่ เป็นข้อสอบที่เมื่อคืนครูทำออกมา…..ในข้อสอบนี้เป็นชุดคำถามที่ง่ายมาก มีหลายๆคำถามเป็นคำถามที่เคยออกในข้อสอบแล้ว " จ้าวหมิงจูเอาข้อสอบที่อยู่ในมือวางลงบนโต๊ะ เธอมองหลี่มู่หยางด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า " นี่เป็นแนวข้อสอบสุดท้ายที่จะให้ทำให้เทอมนี้ หวัง
ว่าคนบ้างคนจะจะต่อสู้กับมันซักเล็กน้อย อย่ามัวแต่กอดตำแหน่งอันดับสุดท้ายของระดับฉันไม่ปล่อย………..นายช่วยให้โอกาสเพื่อนๆคนอื่นบ้างได้มั้ย?"
หลี่มู่หยางรู้สึกอัยอายมาก
เมื่อได้ยินจ้าวหมิงจูพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกว่าเขายืนอยู่ที่ตำแหน่งนั้นมานานมากๆแล้ว นานมากจนไม่มีใครที่จะมาแย่งตำแหน่งของเขาไปได้
เสียงกระดิ่งเข้าเรียนดังขึ้น กระดาษข้อสอบก็ถูกแจกจ่ายออกมาแล้ว
หลี่มู่หยางทำใจให้าบาย หลังจากนั้นเขาก็เนิ่มทำข้อสอบ
เขารู้สึกสนิทสนมมากกับตัวอักษรที่ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาเห็นแล้วจะรู้สึกง่วงทำให้เ
"แปลกจัง ข้อนี้เขาทำได้"
"แปลกจัง ข้อนี้เขาคุ้นสายตามากเลย"
"แปลกจัง เหมือนเคยเห็นข้อนี้ที่ไหน……………"
…………….
ระยะเวลาในการทำข้อสอบสองชั่วโมง หลี่มู่หบางใช้เวลาทำข้อสอบไปแค่หนึ่งชั่วโมงสิบนาทีก็เสร็จแล้ว
นอกจากมีคำถามข้อสองข้อที่เขาคิดอย่างไรก็คิดคำตอบไม่ออกแล้ว ในข้ออื่นๆเขาเขียนคำตอบไว้เต็ม
หลังจากที่หลี่มู่หยางทำข้อสอบเสร็จแล้ว เขาก็เริ่มตรวจทานคำตอบอย่างจริงจัง
ในหลายๆข้อทำให้เขารู้สึกว่าง่ายมาก ราวกับว่าคำตอบมันอยู่ใสมองของเขาอยู่แล้ว
แต่ก็มีบางข้อที่ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจมากพอ เขารู้สึกว่าเขาเคยอ่าน แต่เขาก็ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นในคำตอบของเขา
สองข้อที่เขาไม่คุ้นเลยนั้นทำให้เขารู้สึกวิกฤต อีกหนึ่งเดือนก็จะสอบเอ็นทรานซ์แล้ว ไม่ว่าในช่วงที่ผ่านมาเขาจะพยายามและขยันมากขนาดไหน ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถในการเรียนรู้แข็งแกร่งขนาดไหน แต่คำตอบก็มีจำนวนจำกัด
ถ้าสมมติว่าตอนสอบเอ็นทรานซ์ล้วนเป็นคำถามพวกนี้ งั้นเขาจะมีความหวังอีกหรอ?
หลี่มู่หยางตัดสินใจว่า วันเวลาที่เหลือต่อจากนี้เขาจะขยันให้มากขึ้นกว่าเดิม
ต้องมากกว่าเดิมหลายเท่า!
จ้าวหมิงจูนั่งอยู่ที่โพเดี้ยม สีหน้าท่าทางของเธอเหมือนกำลังตรวจการบ้านอยู่ แต่ในความเป็นจริงเธอกำลังคอยสอดส่องดูนักเรียนทุกคนในห้อง เธอมีประสบการณ์ในการสอนมาหลายปี รู้ทุกการเคลื่อนไหวของนักเรียน ถ้ามีนักเรียนกล้าทำอะไรในการสอบของเธอ นั่นก็ถือเป็นการหาที่ตาย
ตอนที่เธอกวาดสายตามาถึงนักเรียนที่เธอไม่อยากจะเห็น เธอก็ต้องชะงักไป
เด็กนักเรียนคนนั้นไม่ได้ทำข้อสอบเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เขากลับกำลังนั่งครุ่นคิดอะไรไม่รู้ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
"เสแสร้งแสดงเก่ง" จ้าวหมิงจูคิดดูถูกในใจ หลังจากที่เธอทำแปรงลบกระดานพังตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็มีความเกลียดชังที่แข็งแกร่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เธอเองก็ปล่อยวางกับนักเรียนคนนี้แล้ว เหมือนกับคุณครูที่สอนวิชาอื่นๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องที่หลี่มู่หยางบอกให้จางเฉินทดสอบเขา จ้าวหมิงจูก็เลยตัดสินใจว่าจะเซอร์ไพร้เขานิดหน่อย
"หลี่มู่หยาง……" จ้าวหมิงจูส่งเสียงเรียก "นายทำข้อสอบเสร็จแล้วยัง?"
"เสร็จแล้วครับ" หลี่มู่หยางเงยหน้าขึ้นมา และพูดตอบออกไป
"……………….."
จ้าวหมิงจูโกรธมาก
เธอคิดว่าหลี่มู่หยางจะต้องลุกลี้ลุกลนเหมือนแต่ก่อน และเขาก็ต้องส่งข้อสอบเปล่าที่เลอะน้ำลายหรือเลอะอะไรซักอย่างมา
หลังจากนั้นเธอก็จะว่ากล่าวตำหนิเขาไป และขีดกากบาทใหญ่ๆไว้บนกระดาษข้อสอบของเขาต่อหน้านักเรียนทั้งห้อง
เธอคิดไม่ถึงว่าหลี่มู่หยางไม่ได้ทำตามในสิ่งเธอคิดไว้ แต่กลับพูดในทางกลับกันว่าเขาทำข้อสอบเสร็จแล้ว
"ทำเสร็จแล้วจริงหรอ?"
"ที่จริงก็ยังครับ." หลี่มู่หยางพูดด้วยความอายว่า "มีสองข้อที่ผมทำไม่เป็น"
จ้าวหมิงจูพ่นลมทางจมูกให้กับสิ่งที่หลี่มู่หบางพูด เกรงว่ามันจะหมายความว่านายทำเป็นแค่สองข้อมากกว่ามั้ง?
"เอาข้อสอบมาให้ครูดูหน่อย" จ้าวหมิงจูพูด
หลี่มู่หยางวางปากกาลง เขาเอากระดาษข้อสอบไปส่งท่ามกลางสายตาแปลกๆของเพื่อนในห้อง
จ้าวหมิงจูรับข้อสอบมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ยิ้มค้าง
เขาทำเสร็จแล้วจริงๆ กระดาษข้อสอบเต็มไปด้วยตัวอักษร
"ดูคำตอบก่อนค่อยว่ากัน" เธอคิดในใจ
"ข้อนี้ตอบถูก อืม ต้องมั่วแน่ๆ……."
"ข้อนี้ก็ตอบถูก อืม ครั้งนี้หลี่มู่หยางโชคดีใช้ได้เลย…………"
……………..
หลังจากที่จ้าวหมิงจูดูคำตอบทั้งหมดเสร็จแล้ว ใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีเขียว
ป๊าบ……………..
เธอใช้ฝ่ามือตบลงไปบนโต๊ะ และตะคอกว่า " หลี่มู่หยาง นายกล้าทุจริตหรอ?"