น้ำเสียงของเขาทอดเศร้า ไม่เหลืออารมณ์เกี้ยวกราดเหมือนเมื่อแรกที่เธอมาถึง
“เปล่าค่ะ”
“เธอไม่ต้องกังวล อะไรที่เธอไม่อยากทำ เธอก็ไม่ต้องทำ”
“ได้หรือคะ?”
แม้น้ำเสียงจะแผ่วเบาเหมือนรำพึงกับตัวเอง ทว่าชายหนุ่มก็ได้ยินชัดเจน เขาเหลือบตามองหญิงสาวแล้วยิ้มมุมปาก
“เธอคงคิดว่าฉันเป็นคนเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้”
ปรางค์ทิพย์เงียบ เพราะเธอแทบไม่รู้จักเขา
“ผู้หญิงพวกนั้น อยู่กับฉันไม่ทน ไม่ใช่เรื่องความต้องการของฉัน แต่เป็นเพราะเขาต้องการมากกว่านั้น”
รัณมองมาที่หญิงสาว จ้องตาเธอนิ่งนานจนปรางค์ทิพย์ต้องหลบตา หัวใจของเธอเต้นระรัว อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าประกายตาของชายหนุ่มจะทำให้เธอสะเทิ้นอายมากขนาดนี้
“เป็นอะไร…ไม่สบายหรือ?”
“ไม่..ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วทำไมหน้าแดง”
หญิงสาวยกมือลูบหน้า มันร้อนผ่าวไปหมด
“ฉัน…คงตื่นเต้นเกินไป”
รัณมองหญิงสาว แล้วปรายตามองเรือนร่างของเธออย่างพินิจพิจารณา เธอสวมเดรสสีเรียบแสนธรรมดา แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกประหลาดราวอยากค้นหาผู้หญิงคนนี้
“ไปพักที่ห้องเธอก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป”
เขาสั่งเสียงเรียบๆ นัยน์ตาเป็นประกาย นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวหวั่นไหวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ได้ค่ะ….คุณท่าน”
“ฉันชื่อรัณ” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง สายตาแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นอีกครั้ง
“ค่ะ คุณรัณ”
ปรางค์ทิพย์รีบกล่าวทันที พร้อมถอยออกจากห้องอย่างเร่งร้อน ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามด้วยสายตาครุ่นคิด
******
“ปรางค์ทิพย์ ๆ”
เสียงเรียกที่ประตู ทำให้ร่างที่เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียสะดุ้งตื่นขึ้นมา ท่ามกลางความมืด เธอควานไปที่โต๊ะหัวเตียงเพื่อเปิดโคมไฟ และทันทีที่แสงไฟสว่างจ้าขึ้น เงาร่างสูงใหญ่ก็ยืนอยู่ที่ข้างเตียงเธอแล้ว
“คุณรัณ”
“ฉันเอง เห็นว่าเธอไม่ลงไปกินข้าว ฉันคิดว่าเธออาจจะไม่สบาย เลยเอายามาให้เธอกิน”
รัณพูดด้วยน้ำเสียงราบเรื่อย โดยไม่สนใจหญิงสาวที่นั่งมองเขาด้วยความแปลกใจ
“คุณยืนได้”
“ฉันไม่ได้พิการ”
“แต่ว่า…”
“ฉันแค่นั่งเก้าอี้คนพิการ ไม่ได้หมายความว่าฉันพิการ”
ปรางค์ทิพย์ยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก เขาจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร
“เอานี่ กินยาซะ”
เขายื่นยาให้หญิงสาวพร้อมน้ำดื่ม เธอรับมาแล้วกินยาอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้เป็นอะไรมากนัก ก็แค่อ่อนเพลียธรรมดา แต่ถ้าไม่กินก็อาจจะต้องขัดใจเขาอีก
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไร กินยานี่แล้วเธอจะได้รู้สึกดีขึ้น”
เขามองดูเธอแล้วยิ้มมุมปาก ปรางค์ทิพย์เงยหน้ามองเขาหวั่นๆ รู้สึกประหลาดใจ แต่วูบหนึ่งเธอรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่พิการ เพราะถ้าเขาพิการ เธออาจจะต้องทนกับอารมณ์ที่ร้ายกาจของเขาเหมือนกันคนที่ยังยอมรับความจริงไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอ
สงสัยคือ เขา…แกล้งทำตัวพิการไปเพื่ออะไร
“ตอนนี้เธออยากอยู่คนเดียว หรือว่าอยากให้ฉันอยู่ด้วย”
“ทำไมคุณรัณถามฉันแบบนี้ละคะ”
ปรางค์ทิพย์ถามกลับ แปลกใจที่เขาดูเหมือนกับว่าต้องเกรงใจเธอ ถ้าเขาเข้ามาในห้องแสดงว่าเขาต้องการเรียกใช้เธอ แต่เมื่อเขาเดินได้อย่างนี้แล้ว เขาต้องการให้เธอช่วยเหลืออะไร? หวังว่าคงไม่ใช่……
“ฉันถามเพื่อให้มั่นใจ”
ปรางค์ทิพย์เมินมองไปทางอื่น แล้วอาการวูบๆ วาบๆ ก็แล่นพล่านไปตามร่างกายของเธอ เธอหันมามองรัณอีกครั้งด้วยสายตาคำถาม
“คุณรัณให้ฉันกินยาอะไรคะ?”
“ยาที่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นไง ตอนนี้เธออยากให้ฉันอยู่กับเธอหรือยัง” เสียงเขากลั้วหัวเราะเหมือนเย้ยหยัน
“ฉัน…..”
รัณมองหญิงสาวเหมือนชายหนุ่มที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ท่าทีของเธอตอนนี้ตกอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะปรนเปรอสวาทให้กับเขาแล้ว อันที่จริงเขาก็ไม่อยากจะทำอย่างนี้ แต่เมื่อเธอถูกส่งมาแล้ว ไม่ว่าเธอจะพร้อมหรือไม่ เขาก็ต้องจัดการกับเธอ
“ต้องการฉันใช่ไหม?”
ชายหนุ่มคว้าร่างของหญิงสาวมาจูบอย่างดูดดื่ม ด้วยฤทธิ์ของกำหนัดที่เกิดจากยาปลุกอารมณ์ผสมกับลีลาลิ้นอันร้อนแรง ทำให้ร่างกายของปรางค์ทิพย์อ่อนระทวยไปกับรสสัมผัสของเขาโดยที่ไม่อาจขัดขืน เธอปล่อยให้ชายหนุ่มรุกเร้าเรือนกายของเธออย่างย่ามใจ จนแผ่นหลังของเธอเอนลงกับเตียงนอนหน้านุ่ม
“อุ๊ย…”
เสียงของปรางค์ทิพย์สะท้านเบาๆ อารมณ์ของเธอกำลังสับสนมึนงงกับความต้องการทางร่างกายและหัวใจของเธอ ขณะที่สองมืออันช่ำชองของชายหนุ่มก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาและเธอออกอย่างว่องไวโดยไม่ต้องมีคำพูดใดอีก
“คุณรัณ ฉันขอร้องเถอะค่ะ ฉันยังไม่พร้อม”
สำนึกของเธอรู้แล้วว่า นับจากนี้เธอจะต้องปรนนิบัติเขาด้วยอะไร และสิ่งที่เจ้านายของเธอสั่งมา มันไม่จริงใช่ไหม?