“คราวนี้..เจ้าเล็กมันหลอกล่อเธอมาแบบนั้นรึ”
น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ ทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่
“คุณราณเป็นห่วงท่านค่ะ อยากให้มีคนช่วยดูแล ปรนนิบัติ”
“ปรนนิบัติแบบไหน มันได้บอกหรือเปล่า”
ปรางค์ทิพย์เหลือบตามองเขาอย่างหวาดๆ
“คุณราณบอกว่าให้มาปรนนิบัติคุณท่านตามแต่คุณท่านจะรับสั่ง”
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ในมุมมืดสลัว นั่นทำให้เธอยิ่งกลัวมากขึ้น หลายคนบอกว่ามันคือการขายตัวชั่วคราวให้กับซาตานในร่างมนุษย์ของนายรัณ ที่อดีตคือชายหนุ่มรูปงาม แต่ปัจจุบันไม่ต่างกับปีศาจ
“ถ้าฉันสั่งเธอไปตาย เธอก็จะไปอย่างนั้นรึ”
“ฉันคิดว่าคุณท่านคงไม่สั่งแบบนั้นหรอกค่ะ”
เธอตอบเบาๆ เมินมองไปทางอื่นแบบอึดอัด ถ้าเธอมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เธอจะไม่ทำเด็ดขาด
“ปรางค์ทิพย์ ฉันถามเธอตรงๆ ทำไมเธอถึงรับงานนี้ เจ้าเล็กมันหลอกล่อเธอมายังไง ปกติมันไม่พาผู้หญิงอย่างเธอมาประเคนให้ฉันหรอก”
“แล้วผู้หญิงอย่างไหนละคะ ที่คุณราณประเคนให้คุณ”
เธอถามสวนขึ้นทันที ไม่ได้ตั้งใจที่จะต่อปากต่อคำกับเขา แต่รู้สึกอึดอัดที่เขากดกัดและเล่นสงครามประสาทกับเธอ
“ผู้หญิงที่เห็นแก่เงินไงล่ะ ทำทุกอย่างแม้กระทั่งขายวิญญาณ”
ปรางค์ทิพย์สะอึกอึ้งไป เพราะแท้ที่จริงแล้ว ที่เธอถูกส่งตัวมาที่นี่ก็ไม่พ้นเรื่องเงิน การเอาตัวมาปรนเปรอผู้ชายโดยไม่ได้รักนั้น จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่มาเพราะความสนุก มันก็ต้องมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งนั้น ความจำเป็นขัดสนของมนุษย์มีอยู่แตกต่างกัน และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการใช้ชีวิตก็ทำให้เราจมดิ่งกับสิ่งที่เราไม่ได้อยากจะทำ
“ฉันก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ของคุณท่านหรอกค่ะ ฉันเองก็ต้องการเงินเหมือนกัน”
“ท่าทีของเธอ เหมือนไม่ใช่ผู้หญิงหิวเงินพวกนั้น”
หญิงสาวเม้มปากแน่น เธอไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงพวกนั้นได้เงินไปเท่าไหร่กับการต้องมาปรนนิบัติเขา แต่เธอมันข้อยกเว้น เพราะที่เธอถูกส่งตัวให้เขา นอกจากจะไม่ได้ค่าจ้างแล้ว ถ้าเธอไม่มา เธออาจจะต้องไปนอนในคุกเสียด้วยซ้ำ
“ค่ะ ถูกของคุณท่าน ฉันไม่ได้หิวเงิน แต่มีความจำเป็นต้องใช้เงินค่ะ”
“เท่าไหร่?”
“สามล้านค่ะ”
ทันทีที่เธอตอบ ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วห้องจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน
“แปลกจริง เจ้าเล็กไม่เคยโยนเงินให้ใครมากขนาดนั้นมาก่อน ผู้หญิงพวกนั้น เขาจ่ายเป็นรายเดือน นับว่าเธอเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เจ้าเล็กส่งมาให้ฉันในราคาที่สูงขนาดนี้”
เขาตอบเสียงราบเรียบ ดูเหมือนจะมีเสียงถอนหายใจเล็กๆ เหมือนหนักใจบางอย่าง
“คุณท่าน….ไม่ต้องการหรือคะ?”
ปรางค์ทิพย์ถามเสียงเรียบ ท่าทางหวั่นใจ เพราะถ้า “คุณท่าน” ปฏิเสธ นั่นหมายถึงคดีอาญาที่เธอจะต้องยอมจำนน
“ฉันเบื่อ…”
รัณกล่าวขึ้น และน้ำเสียงก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ก่อนที่ปรางค์ทิพย์จะกล่าวคำใดออกมา เก้าอี้ตัวใหญ่ก็เลื่อนออกมาจากมุมมืดช้าๆ จนโผล่พ้นมาที่แสงสว่างสาดส่องถึง
“คุณท่าน….”
ปรางค์ทิพย์ยกมืออุดปากอุทาน เมื่อเห็นเขาชัดๆ เพราะใบหน้าเสี้ยวหนึ่งของเขาปรากฏรอยแผลเป็นชัดราวกับใบหน้าของปีศาจ นี่กระมังที่ทำให้เขาอยู่ในมุมมืด ทว่า..ใบหน้าอีกเสี้ยวยังคงหล่อเหล่า และไม่มีทีท่าว่าจะแก่สักนิด แม้ว่าอายุจะห่างจากคุณเล็กมากถึง ๑๖ ปีก็ตาม
“เรียกฉันว่ารัณ”
ปรางค์ทิพย์ใช้สายตาของตัวเองสำรวจ “คุณท่าน” อย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที เพราะไม่เพียงแต่ใบหน้าเสี้ยวหนึ่งที่เสียโฉม เก้าอี้ตัวที่ชายหนุ่มนั่งก็ไม่ใช่เก้าอี้ธรรมดา มันคือเก้าอี้สำหรับคนพิการที่เดินไม่ได้ ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เขาพิการ!
“ฉันไม่อยากให้เธอเรียกฉันว่าคุณท่าน”
หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบ สภาพแบบนี้กระมังที่ทำให้เจ้านายของเธอต้องการให้เธอมาดูแลเขา เพราะทุกคนทนอารมณ์ร้ายและป่าเถื่อนของเขาไม่ได้ ช่างน่าสงสาร บุรุษที่เคยมีรูปงามปานเทพบุตรกลับต้องมาเสียโฉมและพิการแบบนี้ มันทำให้เธอเวทนาเขาอย่างสุดหัวใจ มิน่าเล่าในวันที่เจ้านายรู้ว่าเธอโกงเงินบริษัทเพื่อให้เพื่อนชายของเธอ มันทำให้เขายื่นข้อเสนอนี้ให้เธอและเธอก็ไม่อาจปฏิเสธ เพราะถ้าเธอปฏิเสธ เธอต้องเข้าคุกทันทีกับคดีอาญาว่าด้วยเรื่องเช็ค
“ทำไมเงียบไป รังเกียจฉันเสียแล้วเหรอ”