รัณเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งมันเป็นของเขา และในเวลานี้ มันก็ยังเป็นของเขาอยู่เสมอ วันนี้เขาปิดบังหน้าตาอันอัปลักษณ์ของเขาด้วยหน้ากากครึ่งเสี้ยว มันทำให้เขาดูแปลกตาแต่ก็ไม่ได้ทำคนในบริษัทเคารพเขาน้อยลง เขาเดินเข้ามาพร้อมทนายของบริษัท และปรางค์ทิพย์ ทนายของเขายืนเยื้องหลังออกไป และถัดจากทนาย คือปรางค์ทิพย์
“ผม…ผมไม่รู้เลยว่าพี่ใหญ่เดินได้แล้วแล้ว”
“แกรู้อะไรเกี่ยวกับตัวฉันบ้างล่ะ นายเล็ก”
ด้วยวัยที่ห่างกันมา รัณจึงดูเหมือนผู้ปกครองเขามากกว่าพี่ชาย และมันทำให้เขากลัวหงอ พอๆ กับถูกกดดัน
“หมอที่รักษาพี่ใหญ่ บอกว่าพี่ใหญ่เดินไม่ได้อีกแล้ว”
“ใช่ ฉันบอกให้หมอเขาบอกแกอย่างนั้น”
“ทำไมละครับ”
“แกน่าจะรู้ว่าเพราะอะไร”
ชายหนุ่มจ้องตาน้องชายที่ใครต่อใครก็บอกว่าเป็นลูกหลงของพ่อกับแม่ แต่แท้จริงแล้ว เด็กคนนี้คือลูกของผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นรักแรกของเขา ทว่าเธอบุญน้อยและตายไปพร้อมกับการฝากฝังลูกของเธอกับชายใจโฉดที่เขาก็ไม่รู้ว่าใคร พ่อกับแม่เขาใจดียอมรับเป็นลูกก็ดีเหลือเกินแล้ว
“วันที่ฉันฟื้น… ตำรวจบอกฉันหมดแล้วว่า รถที่ฉันขับไม่ได้คว่ำเพราะอุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม”
“อะไรนะคะ”
รินนรีโพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น ไม่เพียงแต่รัณที่บาดเจ็บ แต่ผู้ที่เสียชีวิตคือ นรีรัตน์พี่สาวของเธอ
“ไม่จริง”
ราณเผลอหลุดปากออกมา แววตาวิตกกังวลชัดเจน
“งั้นรึ ทำไมแกคิดว่าไม่จริงล่ะ”
ชายหนุ่มถามเสียงเย็น พร้อมๆ กับรินนรีก็หันจ้องชายหนุ่มด้วยความอยากรู้เช่นกัน
“พี่ใหญ่ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ใครจะทำอย่างนั้นกับพี่ใหญ่ละครับ”
“ฉันก็คิดไม่ตกเหมือนกัน จนกระทั่ง….ทรัพย์สินของฉันถูกถ่ายโอนออกไปยังบัญชีหนึ่ง…ฉันใช้เวลานานกว่าที่คนของฉันจะจับได้ ว่าใครคือคนที่ฉันต้องระวัง”
ราณเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ เขาเคยวางกล้ามใหญ่โตและมีอำนาจเหนือคนทั้งบริษัท แต่ในเวลานี้ เขาไม่ต่างไปจากลูกกระจ๊อกที่เดินตามนายจ้าง และถูกนายจ้างจับได้ว่ามีความผิด
“ฉันอยากรู้เหตุผลของแก นายเล็ก”
“เหตุผล….เหตุผลอะไรครับ”
ทันทีที่ราณย้อนถาม เสียงตบโต๊ะดังปัง! ทั้งห้องสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน
“ครับพี่ใหญ่ ผม..ผิดไปแล้ว”
“ฉันรู้ว่าแกทำผิด แต่ฉันอยากรู้เหตุผลว่าทำไมแกถึงทำ”
น้ำเสียงที่เกี้ยวกราดยิ่งทำให้ราณสั่นเทาด้วยความกลัวมากขึ้น ใบหน้าหล่อเข้มของผู้เป็นพี่ชายที่เคยมีรอยแผลอัปลักษณ์ วันนี้มันถูกปิดด้วยหน้ากากครึ่งเสี้ยว ยิ่งทำให้เขา
หวาดกลัวมากขึ้น เพราะอีกครั้งของสีหน้า เขาไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของเขาคิดอะไรอยู่
“ผมอยากครอบครองทุกอย่างของพี่ใหญ่”
ในที่สุดชายหนุ่มก็บอกถึงความปรารถนาของตัวเอง ความกดดันที่เขาได้รับมาตั้งแต่เด็ก ถูกเปรียบเทียบมาตั้งแต่เด็ก เขารับรู้ถึงความไม่รักของพ่อกับแม่ และพาลเกลียดชังไปถึงพี่ชายของเขาเอง ที่ได้ทุกอย่างโดยไม่มีทรัพย์สินส่วนใดกระเด็นมาถึงเขาเลย
“เล็ก ทรัพย์สินพวกนี้ อย่างไรมันเป็นของแกอยู่แล้ว”
“หึ พี่คิดว่าผมโง่งั้นหรือ พี่มีเมีย และกำลังจะมีลูก ทรัพย์สินพวกนี้ มันไม่มีทางมาถึงผมหรอก คุณพ่อกับคุณแม่รังเกียจผม ทำราวกับผมไม่ใช่ลูก”
รัณมองหน้าของราณด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าแววตาของเขาฉายชัดถึงความเจ็บปวด
“ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คุณพ่อกับคุณแม่พอใจ แต่ท่านไม่เคยมอง สายตาของท่านมีแต่พี่เท่านั้น”
“แกอยากได้ทรัพย์สินพวกนี้ จนถึงกับต้องฆ่าฉันเชียวหรือ?”
“แต่พี่ก็ไม่ตาย!”
สายตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นเมื่อมองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งนิ่งราวรูปปั้น
“ยิ่งกว่านั้น…ผมก็รู้แล้วว่า ผมกับพี่ ไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวพันกันเลย ผมก็แค่เด็กที่พี่เก็บมาเลี้ยงเท่านั้น”
น้ำเสียงนั้นน้อยใจ เสียใจ และสิ้นหวัง ปรางค์ทิพย์ที่ยืนถัดจากทนายของรัณ รู้มาก่อนหน้านี้แล้ว มีเพียงรินนรีเท่านั้นที่เมื่อรู้ความจริงก็ชาวูบไปทั้งร่าง เธอนั่งฟังตั้งแต่เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร แล้วตอนนี้มันมีเหตุผลว่าเขาอาจจะทำอย่างนั้นจริงก็ได้
“คุณเล็ก….”
ราณหันมองหญิงสาว แล้วยิ้มเยาะ