นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 79 คําพูดบิดเบือน
สามวันต่อมา
หลินเสียวเฟยกําลังเดินอยู่บนถนนสายกลางและระหว่างเดินทางไปที่หงเปียโหลว
เมื่อไปถึงโรงเตี้ยม เธอเห็นว่ามีผู้คนมากมายเข้ามานั่งกินอาหาร
เธอสวมชุดคลุมสีอ่อนกว่าปกติและสวมผ้าคลุมหน้า ใบหน้าครึ่งล่างของเธอถูกปก คลุมไปด้วยผ้าคลุมบางๆและมองเห็นเพียงดวงตาและหน้าผากของเธอเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเช่นนั้น ผู้คนในโรงเตี้ยมก็ต่างหันมองมาทางเธอ เมื่อพวกเขาได้มองมาที่เธอพวกเขาสัมผัสได้ถึงความมีเสน่ห์จากดวงตาของเธอและสามารถเห็นได้ว่าเธอไม่ใช่สาวงามธรรมดา
ทันทีที่หลินเสี่ยวเฟยเดินไปกลางโรงเตี้ยม เสียวเอ๋อที่คอยมาบริการเธอตลอด สองวันที่ผ่านมาจึงรีบเดินไปต้อนรับเธอในทันที
“คุณหนู ท่านมาอีกแล้ว” เสี่ยวเอ้อยิ้มให้เธออย่างสุภาพและก้มศีรษะลงเล็กน้อย
หลินเสี่ยวเฟยเหลือบมองเขาและกล่าวถามว่า “นายท่านของเจ้าอยู่หรือไม่?”
เมื่อสองวันก่อน ทันทีที่หลินเซียวเหมิงจากไป หลินเสี่ยวเฟยก็พยายามที่จะไปพบกับฉู่เซียวซู
แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อถึงเวลาที่เธอมองหาเขา เธอกลับไม่พบชายผู้นี้และเสี่ยวเอ๋อใน หงเปยโหลวทําได้เพียงแค่บอกเธอว่า เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในขณะนี้
เธอพยายามจะมาในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ยังคงไม่ได้พบกับฉู่เซียวซู และเธอคงต้องกลับไปรอเขาอีกครั้งที่คฤหาสน์หลิน
เสี่ยวเอ๋อตอบคําถามของเธอด้วยการส่ายหัว ก่อนกล่าวขึ้นว่า
“น่าเสียดายที่นายท่านไม่ได้มาที่หงเปียโหลวในวันนี้ และดูเหมือนว่าเขาจะติดภารกิจอื่นที่จะต้องทํา”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ และกล่าวต่อ “ไม่ต้องกังวลคุณหนู ข้าจะบอกให้เขารู้ว่า คุณหนูมาหาเขาเป็นการส่วนตัว”
หลินเสียวเฟยขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบรอและความอดทนของเธอก็ลดลง ด้วยความเร่งด่วนในเรื่องของเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดินี้พยายามจับเธอคลุมถุงชนเพื่อแต่งงานกับบุตรชายของเขา หลินเสี่ยวเฟยคงจะไม่มาหาฉู่เซียวซูเร็วขนาดนี้ หลังจากที่พวกเขาสนทนากyนในห้องของหลินเสี่ยวเฟย
เพียงแต่เธอต้องรีบเลือกชายที่มีสิทธิ์ที่จะแต่งงานกับเธอโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จักรพรรดินีจะผ่านพระราชกฤษฎีกาเพื่อผนึกชะตากรรมของเธอได้
อย่างไรก็ตาม ฉู่เซียวซูกลับไม่อยู่ในช่วงเวลาที่เธอต้องการเจอเขา
หลินเสียวเฟยถอนหายใจ และตัดสินใจที่จะรอเขาในวันต่อไป ถ้าหากวันพรุ่งนี้เธอไม่ได้พบกับฉู่เซียวซูและเห็นรายชื่อชายผู้ที่มีระดับสูงที่เขาระบุไว้ให้เธอเลือก เธอก็จะต้องตกลงแต่งงานกับคนที่หลินเซียวเหมิงเลือกให้
เมื่อสังเกตเห็นว่าหลินเสี่ยวเฟยเต็มใจที่จะกลับไปรอที่คฤหาสน์ของเธอ และไม่ได้ถามค่าถามเพิ่มเติม เสี่ยวเอ๋อจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาไม่รู้วเพราะสาเหตุใด ทําไมเจ้านายของเขาถึงหลีกเลี่ยงหญิงสาวที่เขาชอบ และปล่อยให้เธอรอเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน
หากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ารู้ว่าเจ้านายของเขาอยู่ในที่พักชั้นบนของหงเป่ยโหลว และเพียงแค่ต้องการเฝ้าดูเธอ เธออาจจะโมโหและฆ่าเขาได้
เพียงชําเลืองมองก็เห็นว่าหญิงสาวที่มาพบกับเจ้านายของเขา เธอต้องการมาเพื่อ หารือเรื่องสําคัญและปรารถนาที่จะพบกับเจ้านายของเขา
น่าเสียดาย แม้ว่าเสี่ยวเอ้อจะเอ่ยปากถามเธอไปแล้วสองสามครั้งว่าเธอมีเรื่องสําคัญอะไรที่จะพูดกับเจ้านายของเขา หลินเสี่ยวเฟยก็นิ่งเงียบและไม่เปิดเผยให้เขาทราบ
เมื่อลองเสี่ยงโชค เสี่ยวเอ๋อจึงตัดสินใจถามเธออีกครั้งว่า “คุณหนู ข้าไม่ได้อยาก ละลาบละล้วงที่จะถามท่านว่าทําไมท่านจึงรีบมาพบนายท่านของข้า แต่ข้าต้องการ ช่วยท่านและพาไปยังที่พักของนายท่านเป็นการส่วนตัว เพื่อบอกกับเขาว่าท่านต้องการคุยเรื่องอะไร”
ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่เขาถามเธอด้วยความสงสัย น้ําเสียงของเสี่ยวเอ้อดูสิ้นหวัง ในขณะที่เขาต้องการจบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้กลับไปทํางานของเขาและ ไม่ให้เจ้านายของเขาทําให้หญิงสาวสวยผู้นี้รอเขาอีกต่อไป
หลินเสี่ยวเฟยเหลือบมองเสี่ยวเอ้อ และในที่สุดเธอก็เปิดปากบอกเขาหลังจากครุ่นคิด ดูเหมือนว่าเธอจะรอไม่ไหวแล้วที่จะพูดเรื่องนี้กับเขาเป็นการส่วนตัว
“บอกเขาว่าในวันพรุ่งนี้ข้าต้องการรายชื่อ จักรพรรดินี่ต้องการให้ข้าแต่งงานกับบุตรชายของเขา”
ชั้นบนของหงเป่ยโหลว ฉู่เซียวซูมีปิ่นปักผมอยู่ในมือ จะเห็นได้ว่าปิ่นปักผมนั้นทํามาจากวัสดุที่มีคุณภาพสูง
ไม่จําเป็นต้องเดาว่ามากน้อยแค่ไหน แค่ได้เห็นเพชรสีน้ําเงินซีดขนาดใหญ่ที่ส่องแสงประกายดูสวยงามและมีราคาแพง
ฉู่เซียวซูได้ยินเสียงเคาะประตู และเสี่ยวเอ๋อก็เดินเข้ามา
“นายท่าน..” เสี่ยวเอ้อก้มศีรษะลงและใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ขณะที่จ้องมอง ไปที่เจ้านายของเขา
“เธอไปแล้วหรือ?” ฉู่เซียวซูกล่าวถามเขาในขณะที่เขายังคงเล่นปิ่นปักผมในมือ
“ใช่ครับ เธอออกไปแล้ว” เสียวเอ้อกล่าวตอบ และลังเลที่จะบอกกับเจ้านายของเขาว่าหญิงสาวพูดอะไรกับเขาก่อนที่จะจากไป
เมื่อสังเกตเห็นความไม่สบายใจของเขา ฉู่เซียวซูก็เหลือบไปมองยังทิศทางของ เขา และกล่าวว่า “บอกข้ามา”
“หญิงสาวได้พูดอะไรบางอย่างก่อนที่เธอจะจากไป” เขาตอบโดยไม่เปิดเผยทุกอย่างต่อเจ้านายของเขาและรอให้ฉู่เซียวซูไปดําเนินการต่อ
ฉู่เซียวซ่ขมวดคิ้ว “นางโกรธและสาปแช่งข้าหรือ?” รอยยิ้มขี้เล่นอยู่บนริมฝีปากของเขา
เสี่ยวเอ๋อตกใจที่นายท่านของเขากาลังคิดแบบเดียวกับที่เขาคิด
ด้วยอารมณ์ของหลินเสี่ยวเฟย มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะสาปแช่งในใจกับการไม่ปรากฏตัวของเขา เมื่อเธอต้องการพบเจอเขา
ฉู่เซียวซู จ้องมองไปที่เขาในขณะที่รอให้เขาพูด เขาเห็นได้ว่าสีหน้าของเสี่ยวเอ้อกําลังลังเลเป็นอย่างมาก หลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่ฉู่เซียวซูพูด
“จักรพรรดินีทรงพระราชทานพระราชกฤษฎีกาให้คุณหนูอภิเษกสมรสกับองค์ชาย จึง”
หลินเสี่ยวเฟยกําลังเดินอยู่บนถนนสายกลางและระหว่างเดินทางไปที่หงเป่ยโหลว
เมื่อไปถึงโรงเตี้ยม เธอเห็นว่ามีผู้คนมากมายเข้ามานั่งกินอาหาร
เธอสวมชุดคลุมสีอ่อนกว่าปกติและสวมผ้าคลุมหน้า ใบหน้าครึ่งล่างของเธอถูกปก
นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 78 มุมมองที่แตกต่างกัน
คําพูดถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและเรื่องราวภายในคฤหาสน์ตระกูลหลินที่ว่าหลินเซียวเหมิงถูกเรียกตัวไปที่วังและได้สนทนากับจักรพรรดินีเกี่ยวกับการแต่งงานของคุณหนูสี่แห่งตระกูลหลิน ทุกคนก็ต่างพากันไม่เชื่อในข่าวลือนี้
“เจ้าแน่ใจหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”คุณหญิงสองซ่งหยานยี่กล่าวถามคนรับใช้ของเธอที่พยักหน้า
“เห็นได้ชัดว่าท่านผู้อาวุธโสรีบไปหาคุณหนูสี่หลังจากกลับมาจากวัง” สาวใช้พูดพร้อมกับก้มหน้าลงริมฝีปากของเธอมีรอยยิ้มเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เมื่อเหล่าสาวใช้รวมตัวกันอยู่ในครัวเธอได้ยินเรื่องราวจากสาวใช้ที่คอยรับใช้อย่างใกล้ชิดกับหลินเซียวเหมิงว่านายท่านของพวกเขากําลังประสบปัญหาเกี่ยวกับหลานคนโปรดของ
เขา
จักรพรรดินี ได้วางแผนให้องค์ชายจิงแต่งงานกับหลินเสี่ยวเฟยซึ่งเป็นคุณหนูสี่แห่งตระกูลหลิน
เมื่อสาวใช้ได้ยินข่าวจากปากของคนรับใช้ผู้หนึ่งที่คอยรับใช้อยู่ในลานบ้านของหลินเซียวเหมิงพวกเขาก็รีบไปหานายท่านและคุณหญิงเพื่อรายงานข่าวที่น่ายินดีเช่นนี้แก่พวกเขาในทันที
พวกเขารู้มาตลอดว่าเลือดที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นในตระกูลหลิน และคุณหนูสีที่มักจะชอบถูกผู้อื่นเหยียดหยามดังนั้น พวกเขาจึงคิดว่าเป็นการดีสําหรับพวกเขาที่จะรายงานเรื่องนี้ต่อนายท่านและคุณหญิงของพวกเขา
ซึ่งหยานยี่ ฟังคําพูดของสาวใช้และยิ้มด้วยความดีใจข่าวที่หลินเสี่ยวเฟยจะแต่งงานกับองค์ชายจึงเป็นสิ่งที่พวกเขามีความสุขและควรเฉลิมฉลองให้แก่สิ่งนี้
เธอเกลียดชังหญิงสาวผู้นี้และไม่เคยให้เกียรติเธอเลยและด้วยการพระราช
ทานของจักรพรรดินี เธอดีใจที่หลินเสี่ยวเฟยจะได้รับในสิ่งที่เธอสมควรเพื่อถูกส่งไปยังกรงของหมาป่ากรง
ซ่งหยานยเหลือบไปมองที่หัวหน้าแม่บ้านจางและพยักหน้า หัวหน้าแม่บ้านจางดึงสาวใช้ที่อายุน้อยกว่าออกมาข้างนอกแล้วหยิบแท่งเงินสองแท่งออกจากแขนเสื้อแล้วรีบส่งให้กับสาวใช้
หัวหน้าแม่บ้านจางพูดกับหญิงสาวที่คลั่งไคลด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณหญิงยินดีกับเรื่องราวของเจ้าและอยากมอบสิ่งนี้ตอบแทนการรับใช้ของเจ้า”
“ไม่นะ! ข้าจะรับรางวัลของคุณหญิงได้อย่างไรข้าแค่ทําในสิ่งที่ข้าควรทํา”
สาวใช้สาวโค้งคํานับ คําพูดของเธอฟังดูเหมือนเธอไม่ต้องการรับแท่งเงินที่อยู่ในมือของหัวหน้าแม่บ้านจาง
แต่หากอยู่อย่างใกล้ชิด ใครๆก็เห็นว่ามือของเธอได้สัมผัสกับหัวหน้าแม่บ้านจางแล้วและรู้สึกถึงแบ่งเงินที่อยู่ในมือของเธอ
สาวใช้สาวไม่สามารถพลาดโอกาสที่จะได้เงินจากสิ่งนี้
เมื่อหัวหน้าแม่บ้านจางกลับมาที่พักของซ่งหยานยี่เธอเห็นคุณหญิงของเธอยังคงยิ้มอยู่
“คุณหญิง ดูเหมือนว่าสวรรค์ยังช่วยเราอยู่” หัวหน้าแม่บ้านจางแสดงความคิดเห็น
“เจ้าพูดถูก แม้ว่าเราไม่สามารถกําจัดเธอด้วยอุบายที่เราวางแผนไว้เมื่อครั้งที่แล้วได้ถ้าองค์ชายจิงแต่งงานกับอีนางตัวดีนั่นแผนของเราก็จะยังเหมือนเดิม”ซ่งหยานยหัวเราะเบาๆ
เรื่องที่พวกเขาวางแผนที่จะทําให้หลินเสี่ยวเฟยเสียเกียรติและกําจัดเธอออกจากภาพลักษณ์ด้วยการจ้างให้เค่อซ่งไปข่มขืนเธอแต่แล้วแผนการกลับล้มเหลวอย่างน่าสังเวช
และด้วยความช่วยเหลือจากหลินเซียวเหมิงตามที่หลินเสี่ยวเฟยกล่าวขึ้นเมื่อครั้งที่แล้วคุณหญิงทั้งสองก็ไม่สามารถทําอะไรกับเธอได้อีกเนื่องจากพวกเขากลัวว่าจะทําให้หลินเซียวเหมิงโกรธ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่จําเป็นต้องใช้มือของตัวเองและวางแผนเพื่อกําจัดหลินเสี่ยวเฟยอีกต่อไป
จักรพรรดินีและองค์ชายจึงกําลังทําในสิ่งที่พวกเขาทําไม่ได้และนําหลานรักที่เปรียบเสมือนไข่มุกที่อยู่ในมือของหลินเสี่ยวเหมิงไป
ซ่งหยานยี่ปรารถนาให้เธอหายตัวไปตั้งแต่หลินเซียวเหมิงแสดงความรักที่มีต่อหลินเสี่ยวเฟยและไม่สนใจบุตรสาว ของเธอ
เธอพบว่ามันไม่ยุติธรรม ที่มีเพียงหลินเสี่ยวเฟยเท่านั้นที่กลายเป็นหลานคนโปรดของหลินเซียวเหมิงและนี่กลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่ซ่งหยานยมักจะรังแกและต่อต้านหลินเสี่ยวเฟย
ในขณะที่ซ่งหยานยี่ชื่นชมยินดีกับความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกับหลินเสี่ยวเฟยแต่มีบางคนที่มีอารมณ์ปะปนเมื่อได้ยินว่าหลินเสี่ยวเฟยได้รับความสนใจจากจักรพรรดินีและองค์ชายจิง
หลินเฟิงและหลินซาง มีมุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องนี้หลินซางมีความสุขและค่อนข้างกระตือรือร้นเกี่ยวกับการแข่งขัน ในครั้งนี้
เนื่องจากเขาสามารถเห็นตัวเองมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในราชสํานักหากหลินเสี่ยวเฟยแต่งงานกับองค์ชายจิงและหากไม่มีพรสวรรค์เพียงพอในสนามหลินซางก็จะพึ่งพาความสัมพันธ์
จากเขา
ในทางกลับกัน หลินเฟิง รู้สึกซับซ้อนและมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากพี่ชายของเขาแม้ว่าเขาจะไม่ชอบหลานสาวของเขา
แต่เขาไม่อยากให้เธอแต่งงานกับองค์ชายจิงเพราะมันจะไม่มีประโยชน์สําหรับเธอที่จะแต่งงานกับชายหนุ่มที่ไม่มี พรสวรรค์และจะลากให้ตระกูลหลินเข้าไปแปดเปื้อนเป็นโคลนมากขึ้น
แค่ชื่อเสียงในด้านมืดของหลินเสี่ยวเฟยก็เพียงพอที่จะทําให้ชื่อของพวกเขาแปดเปื้อนมากพออยู่แล้วเขานึกไม่ถึงว่าจะมีคราบอื่นเพิ่มขึ้นอีกในตระกูลหลินหากมีองค์ชายจึงเข้ามาเพิ่มอีกคน
อย่างไรก็ตาม เขาควรจะทําอย่างไรกับเรื่องนี้? เขาสามารถขอให้สหายของเขาซักถามและช่วยเขาเปลี่ยนความคิดของจักรพรรดินี
แต่ถ้าองค์ชายจิงหลงใหลในตัวหลานสาวของเขาและลงเอยด้วยการเกลี่ยกล่อมให้จักรพรรดินีเขียนพระราชกฤษฎีกาให้ตระกูลหลินไม่มีทางรอดจากการแต่ง
เมื่อมองไปที่ภรรยาของเขาที่กําลังอ่านหนังสืออยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ หลินเฟงก็บังคับปากของเขาให้พูดกับเธอแต่พวกเขาแสดงท่าทางเย็นชาต่อกันและไม่ค่อยได้พูดคุยกันในช่วงนี้เขารู้สึกว่า มันยากสําหรับเขาที่จะพูดกับเธอโดยไม่ประหม่าในจิตใต้สํานึก
หลินเฟิงกระแอมในลําคอและกล่าวถามภรรยาอย่างเชื่องช้า “ท่านคิดอย่างไรกับแผนของจักรพรรดินี?”
หวี่จิงหยานเอียงศีรษะและตกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเขาพูดกับเธอ เธอส่ายหัวและกล่าวขึ้นหลังจากครุ่นคิด
“จักรพรรดินี่ต้องทําเช่นนี้เพื่อบุตรชายของนาง” หรู่จิงหยานจ้องมองเขา “แต่ข้าไม่คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี”
เป็นเวลาหลายปี ที่ตระกูลหลินได้ช่วยเหลือราชวงศ์ และความคิดที่จะรวมเป็นหนึ่งกับพวกเขาไม่เคยอยู่ในความคิดของตระกูลหลิน มีเพียงราชวงศ์เท่านั้น ที่พยายามผลักความคิดเรื่องการแต่งงานให้กับพวกเขา
แต่เนื่องจากหลินเซียวเหมิงได้ออกไปทําสงครามอยู่เสมอ จักรพรรดิองค์ก่อนจึงไม่ต้องการแบกรับภาระของหลินเซียวเหมิง จึงทําให้เขาลืมพูดถึงความตั้งใจของเขาที่จะรวมสองตระกูลเป็น หนึ่งเดียวกัน
“นั่นคือสิ่งที่ข้าก็คิดเช่นกัน” หลินเฟิงพยักหน้า “จักรพรรดินีต้องทําเช่นนี้ไม่เพียงเพื่อครอบงําการกระทําของบุตรชายของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาของราชวงศ์ด้วย”
หวี่จิงหยานเห็นด้วยกับเขาอย่างเงียบๆ คําพูดของหลินเฟิงน่าเชื่อจริงๆเพราะจะไม่มีสิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นหากพวกเขาเข้าไปพัวพันกับราชวงศ์ที่มีศัตรูนับพันในทุกพื้นที่เพรช
หลินเฟิงดีใจที่ผู้หญิงตรงหน้าเขาคิดแบบเดียวกับที่เขาคิดมีผู้หญิงจํานวนไม่มากของเขาในลานชั้นในที่สามารถเดาได้ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่และมีความคิดแบบเดียวกันกับเขา
เขารู้สึกเจ็บใจทันทีที่ภรรยาปฏิบัติต่อเขาอย่างเงียบเชียบและดูเหมือนว่าเขาต้องใช้เวลากับเธอมากขึ้น
ในขณะที่สามีของเธอกําลังคิดอย่างนั้นหรู่จิงหยานก็เงียบและสงสัยว่าหลินเสี่ยวเฟยจะเงียบและจะไม่ทําสิ่งใดเลย
หลังจากความล้มเหลวที่เค่อซ่งเสียชีวิตหรู่จึงหยานสามารถเข้าใจได้ว่าการจะต่อต้านคุณหนูสี่แห่งตระกูลหลินนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด
เธอจะไม่ปฏิเสธว่าเธอต่อสู้กับคําพูดของหลินเสี่ยวเฟย แต่ก็มีไม่มากและบ่อยครั้งเท่ากับซ่งหยานยี่ดังนั้น ความเกลียดชังของเธอที่มีต่อหลินเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเธอกําลังสับสนเมื่อเธอสั่งให้เค่อซ่งลักลอบเข้าไปที่ลานบ้านของหลินเสี่ยวเฟยและเมื่อเห็นศพของเขาเธอถูกดึงให้ตื่นอย่างแรงราวกับว่าร่างกายของเธอถูกราดด้วยน้ำเย็น
ใบหน้าที่สวยงามของหลินเสี่ยวเฟยที่ไม่แม้แต่ซีดเมื่อเห็นศพของเค่อซ่งราวกับว่าการเห็นศพของเธอเป็นเรื่องที่ปกติ สําหรับหวี่จิงหยานใบหน้านั้นเป็นเหมือนฝันร้ายสําหรับเธอ
และตั้งแต่นั้นมาหวี่จิงหยานพยายามอยู่ห่างจากหลินเสี่ยวเฟย และหยุดพยายามสร้างปัญหาให้กับตัวเองเธอหมกมุ่นอยู่กับการจัดการที่พักและลืมไปว่ายังมีสามี
หวี่จิงหยานยังไม่มีความคิดที่ว่าสามีของเธอกําลังวางแผนที่จะใช้เวลากับเธอมากกว่านี้และหากเธอรู้เรื่องนี้เธออาจจะต้องเตรียมอีกห้องสําหรับการนอนพัก
นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
เผนการขององค์ชายจึง
ไม่นานหลังจากที่ฉู่เซียวซูออกไป หลินเสี่ยวเฟยถอนหายใจลึกๆ
เธอพยายามที่จะสงบสติอารมณ์และ ไม่แสดงสิ่งที่เธอคิดบนใบหน้าของเธอ เนื่องจากฉ่เซียวซูไม่ใช่ชายหนุ่มที่ธรรมดาและแม้กระทั่งอารมณ์เล็กน้อยของเธอ เขาก็สามารถรับรู้ได้หากพบว่าเธอกําลังทําตัวน่าสงสัย
เมื่อดื่มจากถ้วย หลินเสี่ยวเฟยคิดว่า มันโชคดีจริง ๆ ที่เธอสามารถให้ความสนใจกับการประชุมของพวกเขา เกี่ยวกับวิธีการใช้โอกาสนี้ เพื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยว กับราชวงศ์
เธอไม่จําเป็นต้องบอกกับเขา ว่านอกจากราชวงศ์แล้ว คนที่เธอต้องการทําลายอย่างโหดเหี้ยมคือหยูเฟิงซู
ดูเหมือนว่าแผนของเธอคือสร้างความวุ่นวายและสร้างความเดือดร้อนให้ราชวงศ์ แต่แท้จริงแล้ว เหยื่อตัวจริงที่เธอต้องการนั้นคือองค์ชายสี่
หยูเฟิงซูหมกมุ่นอยู่กับการได้รับ อํานาจ ในขณะที่แสร้งแสดงภาพ ลักษณ์ลักษณ์ที่จริงใจเพื่อหลอกคนอื่น พี่น้องของเขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าลับหลังหยู เฟิงซูมีนิสัยอย่างไร เพราะต่อหน้าของพวกเขาหยูเฟิงซูดูเป็นผู้ที่อ่อนโยนและสงบ
มีคนไม่มากที่รู้ว่าหยูเฟิงซูนั้นชั่วร้ายเพียงใด และบรรดาผู้ที่รู้เรื่องนี้ก็ไม่กล้าที่จะออกมาเปิดเผยเขา พวกเขารู้ว่าในชีวิตนี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะต่อสู้กับองค์ชายสี่ เพราะทุกคนคิดว่าเขาจะเป็นผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ทองคําในอนาคต
พวกเขาจะปีนบันไดที่หยูเฟิงซูเสนอให้ เพื่อใช้บรรลุความฝันและไม่ปิดบังหนทางสู่ความสําเร็จ
แต่น่าเสียดาย ที่เจ้าหน้าที่ในราชสํานักล้วนแล้ว แต่ไม่สมควรได้รับความรักและความชื่นชมจากสามัญชน
หลินเสี่ยวเฟย หันกลับมานั่งบนเตียงของเธอ ทันใดนั้น ไปได้มารายงานเธอว่า หลินเซียวเหมิงกําลังจะมาที่ลานบ้านของเธอ
“เข้ามา” เธอเรียกอย่างเฉยเมย และเมื่อเขามาถึงไปสู่จึงไปเปิดประตูให้หลินเซียวเหมิงเข้ามา
เมื่อเห็นหลานสาวของเขานั่งอยู่ตรงหน้า หลินเซียวเหมิงรู้สึกดีใจที่เห็นใบหน้าที่ซีดของเธอกลายเป็นสีดอกกุหลาบเมื่อเวลาผ่านไป
เขากังวลว่าหลังจากที่เธอป่วย เธอจะเอาเก็บตัวไปตลอดกาลและพยายามหลีกเลี่ยงจากคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่เป็นไปตามที่เขาคิด เพราะไม่เพียงแต่หลินเสี่ยวเฟยจะฟื้นคืนชีพ เธอยังเต็มใจที่จะออกไปข้างนอก และอารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นด้วย
หลินเซียวเหมิงนั่งลงตรงข้ามของหลินเสี่ยวเฟย เธอรินชาให้เขา ก่อนที่จะมองมาที่เขา
“ท่านตามีเรื่องอะไรหรือไม่ ท่านถึงรีบมาหาข้าถึงที่พัก” คําพูดของเธอดูเหมือนจะหยาบคายกับเขา
อย่างไรก็ตาม หลินเซียวเหมิงรับรู้ถึง ความอบอุ่นในน้ําเสียงของเธอขณะที่เธอกล่าวขึ้น
เขามีความสุขที่เธอสังเกตเห็นว่าเขา รีบไปที่ลานบ้านของเธอ แต่หลินเสี่ยว เฟยจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร เมื่อเธอเห็นเหงื่อบางๆ บนหน้าผากของเขา ซึ่งเขาพยายามเช็ดมันออกอย่างหนัก
การหายใจของเขาเร็วกว่าปกติ ดังนั้น หลินเสี่ยวเฟยคาดเดาว่าเขาอาจจะรีบมาหาเธอที่ลานบ้านโดยทันทีที่เท้าของเขาก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลิน
ใบหน้าที่มีความสุขของหลินเซียวเหมิงก็กลายเป็นความเศร้าเล็กน้อย ในขณะที่เขากล่าวขึ้น “เช้านี้ข้าถูกเรียกให้ไป เข้าร่วมการประชุมของเหล่าขุนนาง เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องสําคัญบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรจี่”
หลินเสี่ยวเฟยเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่า จักรพรรดิหยุนกําลังเร่งรีบเพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเขาเรียกแม่ทัพหลินผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเกษียณจากราชการและสงคราม เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอพบว่าแปลก มันเป็นความจริงที่ว่าหลินเซียวเหมิงไปที่ลานบ้านของเธอก่อน และเปิดใจเกี่ยวกับความกังวลของจักรวรรดิกับอาณาจักรฉู
และด้วยใบหน้าที่มืดมิดของเขา ซึ่งสลับไปมาระหว่างความโกรธและความรู้สึกผิด หลินเสี่ยวเฟยรู้ว่าเขาไม่ได้มาหาเธอเพื่อปรึกษากับเธอเกี่ยวกับเรื่องของราชการ
หลินเซียวเหมิงรู้สึกซับซ้อนและไม่รู้ว่าเขาจะถ่ายทอดคําพูดของเขาอย่างไร โดยไม่ทําให้หลานสาวของเขารู้สึกเกลียดชังเขา
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่ามันอาจจะไม่ยุติธรรมสําหรับเธอ ถ้าเขาไม่พูดอะไร
“เช้านี้…หลังจากการประชุม จักรพรรดินีได้เอ่ยชื่อของเจ้าให้ข้าฟัง” เขามองดูใบหน้าของหลินเสี่ยวเฟย
ขณะที่กล่าวต่อ “ข้าต้องการจัดงานแต่งงาน ระหว่างเจ้ากับองค์ชายจิง”
ทันใดนั้น หลินเซียวเหมิงรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องดูอึมครึมขึ้น เมื่อเขาเห็นหลินเสี่ยวเฟยขมวดคิ้ว และดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย
ดวงตาของหลินเสี่ยวเฟยสงบลง แต่ใครจะรู้ว่าพายุกําลังจะมาในครั้งต่อไป.
หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้คาดหวังว่าจักรพรรดินี่ต้องการให้เธอแต่งงานกับองค์ชาย
จิง
จักรพรรดินี…. เธออาจจะรู้เกี่ยวกับการกระทําที่บุตรชายแท้ๆของเธอทํากับซ่งหลิน และกําลังจะรีบให้เขาแต่งงานกับมเหสี
เธออาจจะรู้สึกว่าบุตรชายของเธอเริ่มจะมีปัญหาเข้ามามากขึ้น และในฐานะแม่ เธอคิดว่าจักพรรดินีอาจจะต้องการช่วยเหลือบุตรชาย โดยต้องการให้เขาแต่งงานกับใครซักคน
แต่สิ่งที่หลินเสี่ยวเฟยไม่เข้าใจคือ เหตุใดถึงต้องเป็นเธอ?
มีบรรดาหญิงสาวในเมืองหลวง มากมายที่ต้องการแต่งงานกับองค์ชาย
แต่ทําไมจักรพรรดินีจึงตัดสินใจเลือกเธอโดยเฉพาะ?
องค์ชายจึงคิดจะทําอะไร? หลินเสี่ยวเฟยคิด ในขณะที่เธอจําได้ว่าดวงตาของเขามักจะจ้องไปที่ร่างของเธอในระหว่างงานเลี้ยง และคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่องค์ชายจึงจะขอให้แม่ของเขา มาสู่ขอเธอเพื่อแต่งงาน
“แล้วท่านตาตอบไปว่าอย่างไร?” หลินเสียวเฟยจ้องมองเขา เธอหรี่ตามองเขา และคิดว่าหากเขาเห็นด้วยกับการพระราชทานของจักรพรรดินี เธอจะเอาหม้อชาทุบไปที่หัวของเขา
“ข้าตอบปฏิเสธ.” หลินเซียวเหมิงกล่าวขึ้น ในขณะที่ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวด
“แต่จักรพรรดินีก็ยืนกรานที่จะให้เจ้าแต่งงาน”
แต่ในขณะเดียวกัน หลินเซียวเหมิงไม่ต้องการให้หลานสาวของเขา แต่งงานกับองค์ชายที่ขี้เมา เมื่อจักรพรรดินีมอบหมายใครซักคนให้มาแต่งงานกับหลานสาวของเขา เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
นั่นเป็นเหตุผล ที่เขาขอกลับมาคิด เรื่องนี้อีกสักสองสามวัน
เมื่อเกษียณอายุแล้ว สง่าราศีของแม่ทัพหลินผู้ยิ่งใหญ่ก็ค่อยๆหายไปราวกับอากาศบางๆ เมื่อเหล่านายพลรุ่นเยาว์ และบุคคลสําคัญๆ ก็ทยอยกันขึ้นสู่จุดสูงสุด
อีกทั้งการหมั้นของหลานสาวเขาก็พังลงเช่นกัน และทําให้ยากขึ้นสําหรับพวกเขาที่จะหลีกเลี่ยงการแต่งงาน
หลินเสี่ยวเฟย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทําไมคนรอบตัวเธอถึงสนใจแต่เรื่องการแต่งงาน
เธออยู่ในวัยที่สามารถแต่งงานได้ แต่เธอไม่เห็นเหตุผลที่เธอจะต้องแต่งงานเร็วขนาดนี้
แต่ดูเหมือนว่าเธอต้องทําอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะมีใครมาบังคับเธอได้ เกี่ยวกับความปรารถนาขององค์ชายจิงที่คิดจะแต่งงานกับเธอ
หลินเสี่ยวเฟยยิ้มเยาะเย้ยด้วยความรังเกียจ เธอไม่คิดจริงๆว่าความกระหายของเขาที่จะได้ลิ้มรสสิ่งใหม่ๆ มันคงเกินความสามารถของเขา ที่อยากจะได้เธอมาด้วยซ้ํา
น่าเสียดาย ที่หลินเสี่ยวเฟยจะไม่ปล่อยให้เขาทําตามที่เขาพอใจและได้สิ่งที่เขาต้องการ เธอจะไม่แต่งงานกับองค์ชายจิงในชีวิตนี้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอจะต้องสอนจะองค์ชายที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ในไม่ช้า
“ท่านตาต้องการให้ข้าแต่งงานกับองค์ชายจิงหรือไม่” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวถามเขา
โดยที่หลินเซียวเหมิงตะโกนขึ้นอย่างดุเดือด “ไม่!”
เขาเอามือทุบพื้นผิวของโต๊ะและสั่น
ภายใต้แรงกดและแรงกระแทก
หลินเสี่ยวเฟยยิ้มให้กับเขา เธอดีใจที่เขาไม่เห็นด้วยและไม่รอคอยที่จะยอมรับเช่นกัน
หากหลินเซียวเหมิงต้องการกระตุ้นให้เธอแต่งงานกับองค์ชายจิง
เธออาจต้องเปลี่ยนมุมมองของเธอเกี่ยวกับหลินเซียวเหมิง และอาจใส่ชื่อของเขาในรายชื่อศัตรูที่เธอต้องกําจัด
เมื่อเห็นใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ หลินเสี่ยวเฟยกล่าวบอกเขาว่า
“ท่านตาไม่จําเป็นต้องกังวล เนื่องจากเราทั้งคู่ไม่ต้องการการแต่งงานในครั้งนี้ เราจึงไม่จําเป็นต้องบังคับตัวเองให้ยอมรับมัน”
“แต่ในไม่ช้าจักรพรรดินีจะหาวิธีส่งพระราชกฤษฎีกา
หลินเสี่ยวเฟยสั่นศีรษะของเธอ และให้ความมั่นใจกับเขาว่า
“แม้ว่าจักรพรรดินีจะส่งพระราช กฤษฎีกามาให้เรา เธอจะไม่สามารถทําอะไรได้ ถ้าข้าแต่งงานแล้ว”
“เจ้าหมายถึงอะไร?” หลินเซียวเหมิงขมวดคิ้ว หูของเขาเงยขึ้นเพื่อฟังสิ่งที่หลานสาวของเขาต้องการจะพูด
เมื่อมองดูหวีที่อยู่บนโต๊ะ หลินเสี่ยวเฟยก็คิดได้ว่าเธอต้องรีบเร่งบอกกับฉู่เซียวซู เพื่อให้เขาช่วยค้นหาชายหนุ่มที่มีระดับสูง และมีสิทธิ์ที่จะแต่งงานกับเธอ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะต้องทําเช่นนี้ในไม่ช้า
“ระหว่างแต่งงานกับองค์ชายจิงกับแต่งงานกับชายผู้อื่น…ข้าขอเลือกอย่างหลังดีกว่า”
นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 76 คู่รักสามัคคี
ฉ่เซียวซูเห็นเธอเดินไปที่หลังฉากพับ “ท่านทําอะไรอยู่?” เขาถามด้วยความอยากรู้ แต่คําถามของเขากับทําให้หลินเสี่ยวเฟยขมวดคิ้ว
ด้วยมือของเธอที่กําลังถือเสื้อผ้า เธอ จึงกล่าวขึ้นว่า “ข้ากําลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”เธอพบว่าคําถามของเขางี่เง่า เพราะเขาเห็นเธอสวมแต่เสื้อผ้าชั้นในและเป็นเรื่องปกติที่เธอจะสวมเสื้อคลุมชั้นกลางและชั้นนอก
ฉ่เซียวซูตกใจกับความซื่อตรงของเธอ เขาไม่รู้ว่าเธอพยายามจะล่อลวงเขาอย่างโจ่งแจ้งหรือเธอลืมการกระทําของเธอที่อาจทําลายชื่อเสียงของเธอได้
ไม่ควรให้ชายหญิงโสดอยู่ในอยู่ห้อง เดียวกันตามลําพัง เว้นแต่จะมีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดถ้าผู้คนข้างนอกรู้ว่ามีชายหนุ่มที่อยู่ในห้องของเธอไม่เพียงแต่เธอจะถูกพูดถึงในตลาดเท่านั้นเธอยังจะต้องแต่งงานกับชายที่อยู่กับเธอด้วย
เมื่อหรี่ตาลงก็มีความคิดแวบมาในหัว ของเขา เขาคิดว่าหากเธอทําเช่นนี้เมื่อ อยู่ร่วมกับชายคนอื่นๆ
จะทําให้เขาอารมณ์เสียมากขึ้น
อย่างไรก็ตามวิธีที่พวกเขาแสดงอยู่นี้ มันมีท่าทางกลมกลืนกันราวกับเป็นคู่สามีภรรยากัน
ดูเหมือนว่าเขาต้องทําอะไรบางอย่าง ในอนาคต เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นด้านนี้ของเธอ
ในทางกลับกันหลินเสี่ยวเฟยยังคงเปลี่ ยนเสื้อผ้าตรงฉากพับด้านหลังเธอ เธอไม่รู้ว่าเขากําลังคิดอะไรและไม่ได้พบว่าการกระทําของเธอนั่นแปลก
เมื่อตอนที่เธอแต่งงานกับหยูเฟิงซูในช่วงเวลาที่สามีและภรรยาควรมีเวลาร่วมกันเธอได้เรียนรู้ทุกอย่างแต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอต้องการรู้
ท้ายที่สุด ลานภายในของหยูเฟิงซูมี ความสวยงามหลากหลายที่เขาต้องดูแลเพื่อปลูกและใช้เป็นของตกแต่ง
และด้วยเหตุนี้ เมื่อหลินเสี่ยวเฟยแต่ งงานกับเขา เธอจึงนับได้เพียงไม่กี่ครั้งที่เธอได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับเขา
นอกจากนี้ หยูเฟิงซูไม่ได้แต่งงานเพื่อ อยู่กับเธอในฐานะสามีภรรยาแต่ที่เขาแต่งงานกับเธอเพราะเขาต้องการอวดความจริงที่ว่าเขามีความงามของอาณาจักรในฐานะหญิงสาวคนหนึ่งของเขา และความเฉลียวฉลาดของเธอเขารู้สึกราวกับว่าเขาได้ของรางวัลชิ้นใหญ่
ขณะที่เธอกําลังจะติดกระดุมชุดสุด ท้าย เธอได้ยินเสียงของไปสู่ดังมาจากข้างนอก“คุณหนูท่านผู้อาวุโสมาถึงที่พักแล้ว”
หลินเสี่ยวเฟยเหลือบมองไปที่ประตู ก่อนที่เธอจะจ้องมองไปที่ร่างของนูเซียวซูซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้และถือถ้วยชา อยู่ในมือ เขาทําตัวตามสบายราวกับอยู่ในห้องของตัวเอง
“ท่านกลับไปได้แล้วและรายงานข้าด้วยหากท่านจะมาข้าหาในภายหน้าหลินเสี่ยวเฟยกล่าวสั่งเขานับตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นหลินเสี่ยวเฟยเธอได้ระมัดระวังตัวอย่างมากในการดําเนินชีวิตภายใน ที่พักของตระกูลหลินเธอต้องแน่ใจว่าจะไม่มีใครมาที่ลานบ้านของเธออีกโดยที่เธอไม่รู้
เมื่อไปสู่จากไปเธอเอียงศีรษะด้วยความสับสนเธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่เธอไม่สามารถเอานิ้วไปชี้สิ่งที่ผิดปกติได้
เธอมองย้อนกลับไปที่ลานบ้านของ คุณหนูของเธอและโยนความไม่สบายใจออกไป เมื่อคุณหนูของเธอกลายเป็นใบไม่ใหม่เธอมั่นใจว่าสิ่งชั่วร้ายใดๆ ที่เข้ามาหาเธอ เธอจะสามารถปัดเป่าพวกเขาออกไปได้
น่าเสียดายที่ความชั่วร้าย ที่เธอมั่นใจว่าคุณหนูของเธอจะป้องกันได้ กําลังนั่งดื่มชาอย่างสบายใจอยู่ในห้องคุณหนูของเธอ
ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอตลอดเวลาเฝ้าดูเธอออกจากฉากพับกั้นห้องและดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความสุขเมื่อเห็นเธอสวมชุดคลุมด้านนอกสีเข้ม
ฉ่เซียวซูเลิกคิ้ว และกล่าวถามเธอ”ท่านคิดว่าตระกูลหลินของท่านเป็นศัตรูของท่านด้วยหรือไม่”
เขาสังเกตเห็นว่าสาวใช้ที่มาแจ้งเธอเกี่ยวกับการมาของหลินเซียวเหมิงทําให้เธอมีท่าทางที่กังวลใจดังนั้นเขาจึงคิดว่าเธอกําลังปกป้องตัวเองไม่เฉพาะกับราชวงศ์เท่านั้น แต่ยังปกป้องตัวเองจากตระกูลหลินอีกด้วย
หลินเสี่ยวเฟยจ้องมองเขา “ท่านมาที่นี่เพื่อนินทาเรื่องตระกูลของข้าเหมือนกับหญิงสาวที่มีนิสัยขี้นินทาหรือใช่หรือไม่”เธอกล่าวถามเขาด้วยสีหน้าที่ เคร่งขรึม
“ถ้าใช่ ประตูอยู่ทางนั้น” เธอชี้ไปที่ป ระตูด้วยคางของเธอ
ฉ่เซียวซู โน้มตัวไปข้างหน้าโดยไม่เกรงกลัวเธอแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากับพบว่าดวงตาของเธอสวยมากเมื่อเธอจ้องมาที่เขา
ฉ่เซียวซูหัวเราะ และตัดสินใจบอ กกับเธอว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเธอ
เพราะมิฉะนั้น เธออาจตีตัวออกห่าง จากเขาและระวังตัวจากเขามากขึ้น
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พยายามสอบสวน เพิ่มเติม หลินเสี่ยวเฟยจึงเปลี่ยนหัวข้อและถามเขาเกี่ยวกับการมาที่นี่..เพื่อ“ท่านถามว่าข้าจะทําอะไรหลังจากเมื่อวานคําตอบของข้าคือไม่มีอะไรข้าจะไม่ทําสิ่งใดเลย”
ฉ่เซียวซูแปลกใจกับคําตอบของเธอ เขาคิดว่าคําตอบของเธอดูน่าสนใจเขาคาดหวังให้เธอพูดว่าเธอจะวางแผนที่จะฆ่าสมาชิกของราชวงศ์หรืออะไรที่เลวร้ายกว่านี้แต่เธอกลับบอกว่าเธอจะไม่ทํา สิ่งใดเลย
“แล้วเหตุใด ท่านถึงจะไม่ทําสิ่งใดเลย”เขากล่าวถามเธอเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหยิบของจากโต๊ะเครื่องแป้งของเธอเขาคาดว่าเธอคงอยากหยิบเหล็กร้อนมาทําร้ายเขา
หลินเสี่ยวเฟยเฝ้าดูเขาอย่างเงียบๆ
ถูกต้อง ถ้าเธอยังเป็นหญิงสาวที่หลง รักและแต่งงานกับหยูเฟิงซูอยู่เธอคงคิดว่าเธอจําเป็นที่จะต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อทําร้ายหยูเฟิงซู
อย่างไรก็ตาม หากเธอทําตามแผนกา รของเธอโดยไม่คิดและตีจริงเขาจริงๆ ในขณะที่เหล็กยังร้อนอยู่มันก็มีโอกาสที่เธอจะทําผิดพลาดมากขึ้น
“อาณาจักรนู” เธอพูดถึงอาณาจัก รข้างๆอาณาจักรเซิง แต่ดวงตาของนูเซียวซูลึกซึ้งและเธอสามารถมองจากแววตาของเขาที่ดูเป็นประกายด้วยความคาดหมายว่าเขาจะเข้าใจเจตนาของเธอ
“นั่นเป็นสาเหตุว่าทําไมท่านถึงต้อ งการระเบิดและทําลายถ่ำ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักร”จู่เซียวซูยิ้ม
เมื่ออาณาจักรนูรู้เรื่องถ่ำแล้ว และพวก เขาจะถามหาคําตอบจากอาณาจักรเซิง การซ่อนการมีอยู่ของถ่ำจากผู้ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ในขณะที่ได้ทรัพยากรธรรมชาติจํานวนมากมาจากถ่ำนั้นก็เหมือน กับการขโมยเงินจากพันธมิตรที่เขาและเพื่อนของเขาพยายามสร้างขึ้น
อาณาจักรคู่มักจะส่งทูตไปตรวจสอบเรื่องนี้และเรียกร้องค่าตอบแทนจากอาณาจักรเซิงหากพวกเขาพิสูจน์ได้ว่าอาณาจักรเซิงซ่อนความจริงจากพวกเขา
แน่นอนว่าจักรพรรดิหยุนเป็นคนเจ้า เล่ห์และพยายามปกปิด เขาพยายามจ้างคนบางคนให้ฆ่ากลุ่มโจรเพื่อที่เขาจะได้โยนความผิดมาที่หัวพวกเขาและเอาใจความโกรธของอาณาจักรขู่
อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเฟยปล่อยให้ เขาทําอย่างนั้นได้อย่างไร? ความสัมพันธ์ที่แตกสลายระหว่างสองจักรวรรดิไม่ใช่สิ่งเดียวที่เธอวางแผนจะบรรล
ด้วยหวีในมือของเขา ฉ่เซียวซูยืนอยู่ ข้างหลังหลินเสี่ยวเฟย หวีเป็นสิ่งที่เขาหยิบขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง
ด้วยมือของเขาที่ยกขึ้นราวกับว่าเขา กําลังจะหวีผมของเธอ หลินเสี่ยวเฟยหันไปหาเขาและจ้องมาที่เขาราวกับว่าเขาเป็นแมลงบางชนิด
เขาพูดพลางถอนหายใจ “หันหลังสิ ข้าจะมัดผมให้
“ท่านรู้วิธีหรือไม่” หลินเสี่ยวเฟยพบว่า มันแปลกสําหรับเขา ที่จะรู้วิธีการมัดผมของผู้หญิง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เขากําลังถูก เปียที่ผมของเธอก่อนหน้านี้ และจากความรู้สึกของเธอ เธอก็รู้ว่าเขาทําได้ดีเลยทีเดียว
“ท่านไปเรียนการมัดผมของผู้หญิงมา จากที่ไหนกัน” เธอกล่าวถามเขาและรู้สึกว่ามือของเขากําลังหวีผมของเธอมือของเขาหยุดชั่วคราวเมื่อเธอถามสิ่งนี้และเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
เธอเห็นรอยยิ้มของเขาอย่างเด่นชัด ขึ้น แต่ความเยือกเย็นของมันทําให้เธอคิดว่ามันไม่ดีที่จะพูดถึง
เธอกําลังจะพูดว่าไม่เป็นไรและเปลี่ยน เรื่อง แต่เธอก็ได้ยินเขากล่าวขึ้นในทันที
“แม่ข้าเคยสอน ว่าควรทําอย่างไร” เป็นคําตอบที่สั้นและเรียบง่ายของเขาแต่น้ําเสียงของเขาบอกกับเธอว่าเขาไม่ อยากพูดอะไรเพิ่มเติมอีก
เธอคิดว่าเขาจะหยุดการกระทําของ เขาหลังจากที่พูดเช่นนั้นและดูเหมือนว่ามันจะนําความทรงจําอันไม่พึงประสงค์ในตัวเขาออกมา แต่ใครจะรู้ว่าฉ่าเซียวซูเลือกที่จะหวีผมของเธอต่อไปอย่างนุ่มนวลราวกับทําจากผ้าไหมคุณภาพสูง และเขาไม่อยากทําลายมัน
เมื่อไม่มีอะไรจะพูดหลินเสี่ยวเฟยก็ปิดปากของเธอไว้และปล่อยให้เขาทําในสิ่งที่เขาต้องการจะทํากับผมของ
เธอ
นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 75 ไม่เสียหายถ้ามีเงินมากขึ้น
“ฉ่เซียวซู ปล่อยข้า” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวขึ้นอย่างใจเย็นเธอต้องยอมจํานนและเรียกชื่อเขาเนื่องจากสถานการณ์เริ่มไม่ดีเธอจึงไม่สามารถปฏิเสธเขาได้
ไม่เหมือนกับเค่อซ่งหรือเฉินโม่ชายที่เธอตรึงไว้ฉ่เซียวซูมีความสามารถที่เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และศิลปะการฆ่าเธอได้ยินเรื่องราวต่างๆรอบตัวเขาและรู้ดีกว่าใครๆว่ามัน ไม่ใช่เพียงข่าวลือ
เมื่ออายุยังน้อยฉ่เซียวซูได้ออกไปที่ชายแดนซินหยานเพื่อต่อสู้กับคนป่าเถื่อนและกลุ่มคนอื่นๆที่ต้องการโจมตีเมืองที่อยู่ติดกับชายแดน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เขาเป็นผู้นําที่พิถีพิถันและมีความสามารถในการกําจัดศัตรูที่ติดอาวุธคนป่าเถื่อนและกลุ่มคนอื่นๆที่ต้องการต่อสู้กับเขากลับต้องพบกับจุดจบที่ไม่น่าพึงพอใจ
เธอแค่ต้องการสัมผัสถึงรัศมีอันตรายที่เขาเปล่งออกมาและนั่นไม่ต้อง สงสัยเลยว่าถ้าหากเธอแทงเขา เขาก็จะไม่ผ่อนปรนต่อเธอเช่นกัน
แม้ว่าหลินเสี่ยวเฟยจะไม่กลัวความตาย แต่สิ่งที่เธอกลัวคือความคิดที่ว่าจะไม่สามารถแก้แค้นและฆ่าศัตรูของเธอได้
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอตัดสินใจที่จะไม่โกรธเขาอีก
ทันใดนั้น หลินเสี่ยวเฟยหวังว่าครั้งต่อไปเธอจะไม่ปล่อยให้คนรับใช้ส่วนตัวของเธอออกไปไหนอีกหากพวกเขาคอยอยู่ใกล้ๆ ชายผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามาในห้องของเธอและกล้าที่จะตรึงเธอไว้
“ท่านกําลังคิดสิ่งใดเกี่ยวกับข้า?” เธอได้ยินฉ่เซียวซูกล่าวถาม ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้และริมฝีปากของพวกเขาห่างกันไม่กี่นิ้ว ซึ่งหากเขาพยายามขยับใบหน้าไปข้างหน้าเล็กน้อยริมฝีปากของทั้งคู่ก็เกือบจะประกบกัน
หลินเสี่ยวเฟยจ้องมองเขา “ท่านหนักมาก” หลังจากพูดเช่นนั้น เธอเห็นดวงตาของเขาเบิกกว้างและดูเหมือนประหลาดใจที่ได้ยินเธอพูดเช่นนั้นเขาคงคาดหวังให้เธอพูดอย่างอื่น
“ข้าเป็นอะไร”
“อะไรคือหนัก…”
ความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วท้องไม่นานหลังจากความเงียบก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันน่ารื่นรมย์ของเขา
ฉ่เซียวซูปล่อยเธอและลุกขึ้นนั่งเมื่อเขาหยุดหัวเราะก็มีรอยยิ้มที่เล่นอยู่บนริมฝีปากของเขา เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนบอกเขาว่าร่างของเขาหนักแน่นอนว่าในฐานะชายที่โตกว่าไม่มีทางที่เขาจะมี ร่างที่เบากว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง
อย่างไรก็ตาม หากเป็นหญิงสาวคนอื่นๆที่เขาอยู่ภายใต้การดูแลของเขาพวกเขาอาจจะทําทุกอย่างเพื่อให้เขาอยู่เหนือสิ่งนั้นแต่หญิงสาวผู้นี้ที่บอกเขาว่าร่างของเขานั้นหนักมันจึงดูแตกต่างออกไป
หลินเสี่ยวเฟยรองรับตัวเองด้วยข้อศอกของเธอขณะที่เธอจ้องมาที่เขาเธอสับสนว่าทําไมเขาถึงหัวเราะเธอก็แค่พูดความจริงแล้วทําไมเขาต้องหัวเราะกับคําพูดของเธอ?
ตั้งแต่เวลาที่ฉ่เซียวซูตรึงเธอไว้หน้าอกที่แข็งแรงของเขาอยู่เหนือเธอและเมื่อเขาเข้าไปใกล้น้ำหนักของเขาแทบจะทําให้เธอหายใจไม่ออก
และผ่านไปหลายนาทีแล้วตั้งแต่ที่เขาอยู่เหนือเธอเขาอยากถามเธอว่าเธอกํา ลังคิดอะไรอยู่ สิ่งเดียวที่เข้ามาในหัวเธอก็คือเขาจะปล่อยเธอเมื่อไหร่เพราะเธอแทบจะรับน้ําหนักร่างของเขาไม่ไหว
“ท่านประเมินข้าต่ําไป”ฉ่เซียวซูกล่าวขึ้นหลังจากหัวเราะสายตาของเขามองกลับมาที่เธอ
“หลินเสี่ยวเฟย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้ายอมจ่ายเงินหญิงสาวเพื่อแลกกับการได้อยู่เหนือพวกเขา”
คําพูดของเขาช่างไร้ยางอายและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
พวก
“ข้าหวังว่าข้าจะได้พบพวกเขาและแลกเปลี่ยนกับพวกเขา”เธอพูดด้วยน้ําเสียงที่ดูงุ่มง่ามว่า”มีเงินมากก็ดูไม่เสีย
หาย”
ขณะที่พูดเช่นนั้น เธอก็นั่งลงและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเธอสวมเพียงเสื้อผ้าชั้นในของเธอ
ดังนั้น ฉ่เซียวซูจึงสําลักเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้เปลี่ยนการแสดงออกหรือเขิลอายในขณะที่เธอทําเช่นนั้น
ไม่เพียงแค่นั้น เขาเกือบอยากจะบีบคอหญิงสาวที่อยู่ข้างๆเพราะเขาคิดว่าเธอจะใช้ให้เขาหาเงินเพิ่ม
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวของเขา เขาจึงกล่าวถามเธอว่า “ท่านเงินหมดแล้วหรือ?”
คําถามของเขาทําให้หลินเสี่ยวเฟยขมวดคิ้วและก่อนที่เธอจะพูดอะไรเธอก็ได้ยินเขาพูดขึ้นอีกครั้ง
“ในอนาคต หากท่านต้องการเงินให้ท่านไปที่หงเป่ยโหลวและขอเงินเพิ่ม จากเสี่ยวเอ้อที่ท่านพบครั้งล่าสุด” เขาหยุดเล็กน้อยและกล่าวต่อ “และหากยังไม่พอท่านยังสามารถส่งคนหรือไปที่พักของข้าเพื่อรับเงินเพิ่มได้”
หลิบเสียาเฟย หยดจากการติลครบลม
เสื้อของเธอ ในขณะที่เธอจ้องมาที่เขาด้วยความตกใจ ชายผู้นี้…เขากําลังพูดถึงอะไร?
เธอไม่เข้าใจว่าทําไมคําพูดของเธอถึงทําให้เขาแนะนําให้เธอไปที่หงเปียโหลวและที่พักของเขาเพื่อรับเงิน
เธออยากจะปฏิเสธแต่เมื่อคิดใหม่การมีเงินมากขึ้นก็ไม่เลวขนาดนั้น ที่ปฏิบัติต่อกันเหมือนกัลยาณมิตรก็หวังว่าจะวาง แผนและอุบายต่อต้านราชวงศ์นี่คงเป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่?
“ไม่เป็นไร.” ในที่สุดเธอก็กล่าวขึ้นห ลังจากนั้นครู่หนึ่งและมองลงไปที่กระดุมเสื้อผ้าของเธอ
เนื่องจากเธอหันหลัง หลินเสี่ยวเฟยจึงไม่เห็นว่ารอยยิ้มบนริมฝีปากของฉ่เซียวซูกว้างขึ้นและอารมณ์ของเขาก็เบาลงเขารู้สึกภาคภูมิใจและยินดีเมื่อได้ยินคําตอบของเธอ
หลินเสี่ยวเฟยลุกจากเตียงโดยตั้งใจจะสวมชุดชั้นกลางและชุดนอกโดยไม่ได้มองมาทางเขาทันใดนั้นชายหนุ่มที่นั่งตรงขอบเตียงก็ดึงเธอมาหาเขาและเธอก็นั่งลงบนตักเขา
“ฉ่เซียวซู!” เธอพยายามจะดิ้นให้หลุดออกจากเขาแต่เขาก็รัดเอวเธอไว้แน่น
“ท่านกําลังจะทําอะไร!”
“การได้รับความช่วยเหลือจากใครก็ควรตอบแทนด้วยความกตัญญไม่ใช่หรือ?”ฉ่เซียวซูกล่าว
เธอจ้องมองที่เขาราวกับว่าเขาเป็นคนที่มีหัวสองหัวอยู่บนบ่า
ฉ่เซียวซูหัวเราะคิกคักกับปฏิกิริยาของเธอ”ข้าแค่สัญญาว่าจะให้ท่านใช้เงินของข้าแต่ท่านจะให้อะไรข้าเพื่อเป็นการแทนได้บ้าง”
ตอนนี้เขาจริงจังกับเธอแล้วใช่หรือไม่?หลินเสี่ยวเฟยคิดกับตัวเอง เธอจะใช้สิ่งใดอะมาทดแทนเงินของเขา?เธอควรตอบแทนเขาด้วยการจ่ายคืนเขาหรือไม่?นั่นเป็นไปไม่ได้เมื่อเห็นได้ชัดว่าน้ําเสียงของเขาไม่ได้ขอให้เธอชดใช้ด้วยเงินของเธอ
เป็นไปได้ไหมว่า…
“ข้าไม่จําเป็นต้องตอบแทนท่านและข้าก็ไม่ได้ต้องการเงินของท่าน”
หลินเสี่ยวเฟยกล่าวขึ้นหงจากครุ่นคิดเธอพยายามที่จะออกจากเขาขณะที่เธอฝังเล็บของเธอไว้ที่ปลายแขนของเขา
ฉ่เซียวซู กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ที่รักของข้าเท่าที่ข้ารู้ ด้วยจิตใจที่เฉียบแหลมของท่านไม่มีทางที่คลังของตระกูลหลินจะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดสําหรับแผนการของท่านได้”
หลินเสี่ยวเฟยไม่คิดว่าเขาเดาจริงๆว่าเธอวางแผนที่จะใช้คลังสมบัติของตระกูลหลินในแผนการของเธอและยิ่งไปกว่านั้นฉ่เซียวซูก็ดูเหมือนจะรู้ขอบเขตของเงินในคลังของตระกูลหลิน
“อย่ามองข้าเช่นนั้น” ฉ่เซียวซูกล่าวหลังจากที่เขาเห็นเธอหรี่ตาด้วยข้อกล่าวหาอย่างเงียบๆ
“นี่ไม่ใช่ความผิดของข้า การรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์หลินขาดการดูแลจากสถานที่ที่ปลอดภัยจากข้า” ฉ่เซียวซูกล่าวขึ้นอย่างมั่นใจและภาคภูมิใจ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ฉ่เซียวซูเข้าไปในที่พักโดยที่ทหารยามไม่ได้ลาดตระเวนอยู่ข้างนอกโดยรู้ว่ามีคนบุกรุกสถานที่
“แล้วอย่างไรต่อหรือ”เขากล่าวถามเขาจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ตกลงท่านจะเอาเงินของข้าไปใช้หรือไม่”
เท่าที่หลินเสี่ยวเฟยต้องการคือเงินและทรัพยากรที่เขาสามารถมอบให้เธอได้
เธอไม่สามารถใช้เงินของหลินเซียวเหมิงได้ เพราะเธอรู้สึกไม่สบายใจกับการโกหกและพยายามใช้ชายชราที่ห่วงใยเธออย่างแท้จริง
ความผิดทําให้ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อหลานสาวของเขาหายไปและแทนที่ด้วยความ เศร้าโศกและความเกลียดชังที่ดูเหมือนจะหลอกหลอนเธอเพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้ว
“ท่านต้องการอะไร?” เธอกล่าวถาม
เขา
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องการใช้ทรัพยากรของฉ่เซียวซูแทนของชายชราผู้นั้น
“ท่านมีอะไรตอบแทนข้าบ้าง”เขาไม่ตอบแต่กลับถามเธอกลับ
“ข้าไม่รู้ แต่ข้าเต็มใจทาทุกอย่าง” เธอเห็นเขาอ้าปากและกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็วว่า“แน่นอนข้าจะไม่ทําอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลและเกินขีดจํากัดของข้า”
ฉ่เซียวซู เลิกคิ้วก่อนจะยิ้ม “คราวหน้าเราค่อยมาตกลงกันแต่สําหรับตอนนี้…”
เขาปล่อยเธอไป และหลินเสี่ยวเฟยก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินจากเขาไป “ทําไมเราไม่พูดถึงสิ่งที่ท่านวางแผนไว้ล่ะ” ท่านกําลังจะทําสิ่งใดกับวัง”
นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 73 กัดลิ้นของเธอ
จักรพรรดิหยุนขมวดคิ้ว และพยายามเก็บอารมณ์ที่เขารู้สึกอยู่ภายในใจ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด ในขณะที่เขาโยนกระดาษที่ยู่ยี่แผ่นนั้นจากในมือเขาให้กับหยูเฟิงซู ซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา
“เจ้าคนโงไร้ความสามารถ!” เขาตะโกนต่อว่า “ในวันนี้มีเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นที่ถ้ํา และตอนนี้เจ้ายังกล้าที่จะข่มขืนหญิงสาวระหว่างงานเลี้ยงอีกหรือ! หยูเฟิงซู !..เจ้าอยากให้ข้าโกรธกับสิ่งที่เจ้ากระทําลงไปจริงๆใช่หรือไม่?”
จักรพรรดิจ้องเขม็งไปที่หยูเฟิงซู เขาไม่ชอบความจริงที่ว่า ไม่เพียงแค่ถ้ําสมบัติของเขาที่ได้ถูกทําลายไปแล้ว แต่อาณาจักรชูกําลังจะค้นพบหัวใจที่โลภมากของพวกเขา และเรื่องนี้กําลังจะอื้อฉาวและถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงราวกับไฟ
“ท่านพ่อ สิ่งที่เกิดขึ้นกับถ้ําเป็นเพียงอุบัติเหตุ ส่วนหญิงสาวผู้ถูกสังหาร… ข้าขอสาบานต่อเลือดของข้า ในฐานะบุตรชายของท่านและองค์ชายแห่งอาณาจักรนี้ ว่าข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวผู้นั้น” หยูเฟิงซูคุกเข่าลง
จักรพรรดิหยุนนั่งลงอย่างโกรธเคือง และไม่ต้องการที่จะฟังบุตรชายของเขาที่ก่อปัญหาขึ้นมากมายภายในวันนี้
โดยปกติ หยูเฟิงซูเป็นบุตรชายที่โดดเด่นและเป็นองค์ชายที่มีความสามารถ ซึ่งเป็นที่รักของสามัญชน เนื่องจากเขามีลักษณะที่ถ่อมตน แม้แต่เจ้าหน้าที่ในราชสํานักขององค์จักพรรดิก็ยังชื่นชมความคิดของเขา ในการทําให้อาณาจักรเติบโตขึ้น
ในฐานะจักรพรรดิ จักรพรรดิหยุนมองข้ามภารกิจต่างๆของบุตรชายเขา แม้จ รู้ดีถึงจิตใจที่มืดมิดและความตั้งใจที่จะโค่นล้มใครบางคน
สําหรับเขา เกมที่บุตรชายของเขาเล่นเป็นรายการที่น่าจับตามอง ตราบใดที่มันจะสามารถช่วยอาณาจักรของเขาได้ พวกเขาก็จะไม่หยุดยั้ง
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาพยายามที่จะกบฏต่อพระองค์ เขาก็ไม่จําเป็นที่จะต้องให้อภัยพวกเขา เขาจะกําจัดพวกมันอย่างง่ายดายก่อนที่พวกเขาจะถูกกบฎเองในทางกลับกัน ปัญหาที่องค์ชายสร้างขึ้น เขาจะมองข้ามมันไปตราบเท่าที่พวกเขาสามารถแก้ไขมันได้อย่างลับๆ และปราศจากเรื่องอื้อฉาวที่จะทําให้ชื่อเสียงของพวกเขาแปดเปื้อน
“ฝ่าบาท องค์ชายสี่พูดถูก” จักรพรรดินีข้างๆจักรพรรดิกล่าว “แม้ว่าลายมือ ในจดหมายจะคล้ายกับลายมือขององค์ชายสี่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีใครบางคนลอกเลียนวิธีการเขียนของเขา และจงใจทําให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น”
คําพูดที่จักรพรรดินีนั้น ฟังดูสมเหตุสมผลสําหรับทั้งหยูเฟิงซูและจักรพรรดิ พวกเขาทั้งหมดต่างมีศัตรูของตนเองที่ต้องการวางอุบายต่อต้านพวกเขา และ ทาให้พวกเขาเสียหน้าในที่สาธารณะ
ดังนั้น จึงมีโอกาสเล็กน้อยที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับศัตรูคนใด คนหนึ่งหนึ่งของพวกเขา อีกประการหนึ่งคือถ้ํา อาจเป็นเครื่องเตือนใจของพวกเขาด้วย
ราชวงศ์ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ใดคือ ศัตรูที่กล้าต่อสู้กับพวกเขา เหตุผลเหล่านั้นจึงไม่สําคัญสําหรับพวกเขา เพราะ หากจักรพรรดิพบว่าผู้ใดคือศัตรู พวกเขาก็จะพร้อมที่จะหยุดพวกมันในทันที
เหตุใด จึงใช้หญิงสาวจากตระกูลซ่ง เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อต้านหยูเฟิงซู
นั่นคือสิ่งที่ทําให้หยูเฟิงซูรู้สึกสับสน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาพยายามทําให้ภาพลักษณ์ของตนสะอาดหมดจด และไม่มีใครตําหนิเขาได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีบางคนที่เกลียดชังต่อเขา
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขามีเชี่ยวชาญด้านการคัดลายมือและลอกลายมือของเขา เพราะเหตุนี้จึงเกือบที่จะทําให้พ่อของเขาสูญเสียความไว้วางใจ
“หลินเสี่ยวเฟย ดูเหมือนว่าเราจะต้องออกไปที่นี่ได้แล้ว” หลิวฉี่ฉี่กล่าว
ขณะที่เธอและหลินเสี่ยวเฟย เดินไปที่รถม้าของพวกเขาที่จอดอยู่
เมื่อจักรพรรดิหยุนเห็นสิ่งที่เขียนไว้ในกระดาษ ทหารยามหลายคนก็เริ่มแยก ฝูงชนให้ออกจากที่เกิดเหตุและบังคับทุกคนออกจากบริเวณของวัง แต่นอกจากตระกูลซ่งที่จะต้องอยู่คอยฟังการสอบสวนว่าจะเป็นอย่างไร
หลินเสี้ยวเฟยมองดูเธอและกล่าวว่า “มันช่างโชคร้ายจริงๆ”
เธอไม่ได้พูดถึงความโชคร้ายที่เธอจะจากกันกับหลิวขี่นี่ แต่ความจริงที่เธอกล่าวถึงคือเธอไม่ได้เห็นปฏิกิริยาของราชวงศ์มากนัก
หยูเฟิงซูจะมีสีหน้าเป็นอย่างไร เมื่อเขาพบว่าลายมือของเขาถูกคัดลอก และความผิดทั้งหมดก็ถูกวางไว้บนศีรษะของเขา
เธอไม่คิดว่าจักรพรรดิจะลงโทษหยูเฟิงซู เพราะเธอรู้ว่าพ่อของเขาจะไม่ทํา เช่นนั้นกับบุตรชายคนโปรดของเขา สิ่งที่เธอต้องการเห็นคือความกลัวที่พวกเขาจะต้องรู้สึก เมื่อรู้ว่าแผนการของพวกเขาเริ่มถูกปิดกั้น
และหลังจากนี้ เธอจะไม่หยุดวางแผนที่จะขวางทางพวกเขา
หลินเสี่ยวเฟยเข้าไปในรถม้าของเธอ ภายในนี้ไม่มีผู้ใดนอกจากตระกูลหลิน
เธอพยายามก้าวเข้าไปในรถม้าของเธอ เนื่องจากเขารู้สึกคลื่นไส้หลังจากที่ได้เห็นร่างของซ่งหลิน
“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง ท่านสบายดี หรือไม่”
ซูถังกล่าวถามเธอ แต่หลินเสี่ยวเฟยกลับมองเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“มือของคุณหนูสั่นตั้งแต่เข้าไปที่วัง ไม่เพียงแค่นั้น ใบหน้าของคุณหนูดูซีด เมื่อเข้าไปในรถม้าคุณหนูต้องการให้ เราเรียกหมอเฟิงมาดูอาการหรือไม่” ซูถังมองเธออย่างกังวล
หลินเสี่ยวเฟยไม่รู้ว่ามือของเธอสั่น จนกระทั้งซูถังพูดถึงมัน แม้ว่าจิตใจของเธอจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่จะทําให้แผนการในอนาคตของหยูเฟิงซูล้มเหลวได้อย่างไร จนเธอไม่ทันได้สังเกตว่าอารมณ์ของเธอกําลังต่อสู้กันเอง
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเสี่ยวเฟยก็กล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องเรียกหมอ แต่ข้าจะหลับพักผ่อนสักพัก เจ้าช่วยปลุกข้าด้วย เมื่อเราไปถึงที่คฤหาสน์หลิน”
“ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อหลินเสี่ยวเฟยหลับตาลงในที่สุด เธอไม่ได้หลับในขณะที่คําพูดของหลิวนี่ นี่เริ่มทําให้เธอรู้สึกหงุดหงิด
ความคิดของเจ้าของคนก่อน ที่กําลังตกหลุมรักใครซักคนที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน
ทันทีที่เธอตื่นขึ้นภายในร่างกายนี้ เป้าหมายเดียวของเธอคือการแก้แค้นและ ฆ่าศัตรูของเธอ และไม่รวมถึงความคิดเรื่องความรักด้วย
การมีส่วนร่วมของเธอกับฉู่เซียวซูก็เป็นความบังเอิญเช่นกัน เพราะเธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเป็นผู้จัดการของหงเป่ยโหลว หากเธอรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าของร่างคนก่อนชอบฉู่เซียวซูเป็นอย่างมาก เธอคงจะไม่พยายามไปรับระเบิดและอยู่ ฃให้ห่างจากเขา
ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ เธอไม่เพียงแต่ทําข้อตกลงกับเขาเท่านั้น แต่ชายที่น่ารังเกียจผู้นั้นก็ได้ยินสิ่งที่หลิวฉี่ฉี่บอกกับเธอด้วย
อย่างไรก็ตาม ความคิดที่จะพบเขาอีกครั้งหลังจากวันนี้จะทําให้เธอปรารถนาที่จะตัดหูหรือควักตาของเขาออก
แม้ว่าเธอจะพยายามควบคุมร่างกายที่เธออยู่ได้อย่างเต็มที่ แต่เธอก็กลัวว่า ความรู้สึกที่ค้างอยู่ของเจ้าของร่างคน ก่อนจะทําให้เธอเสียสมาธิ
“ซูถัง…”
“ใช่ คุณหนู?” ซูถังกล่าวขึ้น ในขณะที่เธอกําลังถือเค้กดอกไม้
“คุณหนูคนเล็กจากตระกูลหลิว เคยบอกว่าข้าท่านเคยชื่นชมดยุคเซียวมาก่อน…แต่ทําไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย” ในที่สุดหลินเสี่ยวเฟยก็ถามขึ้นหลังจากมีปัญหาบางอย่าง
เมื่อซูถังได้ยินสิ่งที่หลิวฉี่ฉี่เคยบอก เธอจึงหัวเราะคิกคักและรีบเช็ดปากที่เต็มไปด้วยแป้งและน้ําตาลจากการกินเค้กดอกไม้
เธอนั่งใกล้กับหลินเสี่ยวเฟยและยิ้มอย่างสดใส “คุณหนู ท่านได้คุยกับดยุคหรือไม่?” แทนที่จะตอบคําถามของหญิงสาว เธอจึงตัดสินใจตอบ
” ไม่…” หลินเสี่ยวเฟยโกหก
“น่าเสียดายเจ้าคะ คุณหนู” ซูถังส่ายหัวอย่างผิดหวัง “เมื่อก่อนคุณหนูมักจะรู้สึกเป็นลมเมื่อเห็นเขาและแอบชื่นชมเขาจากระยะไกล ข้ายังจําได้เมื่อคุณหนูเคยพยายามจะคุยกับเขา แต่ดันกัดลิ้นตัวเองและหนีไปเสียก่อน.”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเสี่ยวเฟยก็ลืมตากว้างและความเหนื่อยล้าที่เธอรู้สึกก็หายไป
“มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
ซูถังเอียงศีรษะของเธอ “ฉันคิดว่ามันเป็นช่วงงานเลี้ยงวันเกิดของท่านผู้เฒ่าหลิน เมื่อสามปีที่แล้ว ในเวลานั้นทุกคนประหลาดใจกับการปรากฏตัวของดยุคและท่านผู้เฒ่าหลินยินดีที่จะต้อนรับเขา คุณหนูขี้อายจนไม่ได้ออกไปที่ห้องโถง และแอบมองเขาจากระยะไกลเท่านั้น”
หลินเสี่ยวเฟยฟังอย่างตั้งใจและนวดศีรษะของเธอ ใบหน้าของเธอขมวดคิ้ว ขณะที่เธอปล่อยให้ซูถังพูดต่อไป
“แต่เมื่อดยุคกําลังจะจากไป คุณหนูขวางทางและดูเหมือนว่ากําลังจะพูดอะไรกับเขา น่าเสียดายเมื่อคุณหนูเห็น เขายิ้มให้คุณหนูก็กัดลิ้นตัวเองและ แทบจะเป็นลมในทันที ”
เธอไม่มีข้อแก้ตัวสําหรับการกระทําของเจ้าของร่างคนก่อน แต่เธอรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะต้องเป็นลมจากรอยยิ้มของเขา
หลังจากฟังเรื่องบอกเล่าสั้นๆจากซูถัง หลินเสี่ยวเฟยก็เอามือปิดหน้าของเธอ
เธอกัดริมฝีปากและขมวดคิ้วพร้อมกัน เธอรู้สึกอับอายจากสิ่งที่เจ้าของร่างคน ก่อนทําไว้ในอดีตและสิ่งที่แย่ที่สุดคือ ตอนนี้ คือเธออยู่ในร่างนั้นและนั่นทําให้เธอรู้สึกแย่มาก
เธอไม่รู้ว่าต่อไปเธอจะแสดงใบหน้าแบบไหนต่อหน้าฉ่เซียวซู หากพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง
นิยายกําเนิดนางร้าย TheBirthofa Villainess
ตอนที่ 74 มันเร็วเกินไปที่จะเมา
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นภายในวังและการเสียชีวิตของซ่งหลิน เทศกาลไหว้พระจันทร์จึงไม่มีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อน สามัญชนมีความสุขที่จะเฉลิมฉลองเทศกาลด้วยการพรเล็กๆน้อยๆที่พวกเขาจะได้รับจากการไถนาและงานอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่สามารถสลัดความตึงเครียดได้ในขณะที่ทหารยามกําลังลาดตระเวนไปทั่วท้องถนน
ไม่มีผู้ใดมีสงสัย ว่าทําไมทหารยามที่ถูกส่งไปลาดตะเวนกําลังทําหน้าที่ราวกับว่ากําลังไล่ล่าอาชญากร และพวกเขา คงไม่กล้าตั้งคําถาม เพราะยิ่งรู้อะไรบางอย่างมากเท่าไหร่ปัญหาก็จะยิ่งตามมา มากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น แม้ว่าความกลัวจะอยู่ภายในใจของพวกเขา แต่คนทั่วไปก็ทําหน้าที่ได้ดีเยี่ยมในการซ่อนความกังวลของพวก เขาไว้กับตัวเอง ในขณะที่พวกเขารู้สึกอุ่นใจที่จักรพรรดิได้ส่งทหารยามออกไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา
ด้วยความคิดเหล่านี้ ทําให้ร่างกายของพวกเขาดูผ่อนคลายลง
ภายในห้องของเธอ หลินเสี่ยวเฟยเพิ่งตื่นขึ้นจากการพักผ่อนบนเตียงนอนของเธอ
หลังจากที่พวกเขากลับถึงที่พักโดยปลอดภัยในคฤหาสถ์หลินเมื่อวานนี้สิ่งแรกที่เธอทําคือนอนหลับพักผ่อนไปตลอดทั้งวัน จนถึงเช้ามืด
หลินเสี่ยวเฟยกลั้นหาวที่ต้องการจะหนีจากปากของเธอเธอเหยียดแขนและนิ้วเท้าของเธอเหมือนแมวและรู้สึกไม่อยากลุกจากเตียง
เมื่อเห็นฉากนี้ต่อหน้าเธอไปสู่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“คุณหนูไม่ต้องกังวลท่านผู้อาวุโสไม่อยู่ในคฤหาสน์และออกไปทําภารกิจบางอย่างข้างนอกคุณหนูนอนต่อเถิดข้าจะแจ้งให้ทุกคนในลานบ้านว่าห้ามใครมารบกวนการพักผ่อนของคุณหนู”
หลินเสียวเฟยไม่ได้ปฏิเสธและปล่อยให้สาวใช้ออกไปบอกคนอื่นๆว่าเธอจะพักผ่อนและห้ามใครรบกวนเธอ
เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดวันนี้เธอถึงรู้สึกเซื่องซึมแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เลวร้ายสําหรับเธอหลังจากเป็นวันพักผ่อนที่ยาวนานเช่นนี้
ในอดีตเนื่องจากเสี่ยวเฟยหมกมุ่นอยู่กับความคิดและแผนการที่จะช่วยให้หยูเฟิงซูให้มีความสัมพันธ์กับข้าราชการในราชสํานักระดับสูง
ตลอดเวลาเธอต้องต่อสู้และเผชิญหน้ากับหญิงสาวคนอื่นๆของหยูเฟิงซูที่อยู่ภายในลานชั้นในเสี่ยวเฟยจึงไม่มีเวลาใช้ความสุขสบายเพื่อตัวเธอเอง
ในแต่ละวันเธอต้องปกป้องตัวเองจากนางสนมคนอื่นๆของหยูเฟิงซูและเธอไม่สามารถทําตามความพอใจได้โดยไม่ทําลายภาพลักษณ์และทําให้ชื่อเสียงของสามีเธอแปดเปื้อน
เมื่อคิดถึงเวลาที่โง่เขลาของเธอตอนที่อยู่กับหยูเฟิงซูเธอมักจะทําทุกอย่างตามที่เขาสั่งหลินเสี่ยวเฟยสงสัยว่าเธอตกหลุมรักชายหนุ่มที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ได้อย่างไร
เธอมีตาและหัวใจของเขาอยู่กับเธอแต่ชายหนุ่มผู้นั้นใฝ่หาแต่เพียงเห็นบัลลังก์เขาใช้ความรักที่มีต่อเธอเพื่อประโยชน์ของเขาเขาจึงเก็บเธอไว้
และหากเธอไร้ประโยชน์สําหรับเขาหยูเฟิงซูก็จะจับเธอในทันทีและทําให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาหลายเดือน
หลินเสี่ยวเฟยหลับตาและปล่อยให้การนอนหลับครอบงําเธอ
อาจเป็นเพราะว่าเธอรู้สึกเพลียจากคืนงานเลี้ยงหลินเสี่ยวเฟยจึงไม่รู้สึกถึงการมาของใครบางคนที่กําลังจะเข้ามาในห้องของเธออย่างเงียบๆโดยไม่ได้ยินเสียงของใครคนนั้น
เขาเปิดประตูห้องของเธอและเข้าไปอย่างง่ายดายโดยที่สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกลานบ้านไม่แม้แต่จะรู้หรือเข้ามาปลุกร่างของเธอที่กําลังนอนหลับใหล
คนๆนั้นเดินไปที่เตียงนอนอย่างช้าๆซึ่งดูเหมือนมีร่างๆหนึ่งกําลังนอนหลับอยู่บนเตียงหญิงสาวที่อยู่บนเตียงมีใบหน้าที่งดงามมากจนหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะในขณะที่เขายังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวที่กําลังหลับใหลต่อไป
เขาเอื้อมมือไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและสัมผัสไปยังขนตาที่ยาวของหญิงสาวของ
จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆและไม่พบกับเด็กชายที่เขาเห็นครั้งล่าสุด
ฉ่เซียวซูรู้สึกดีใจที่เด็กชายไม่ได้อยู่ใกล้กับหญิงสาวและไม่ได้อยู่ภายในห้องของเธอแม้ว่าหญิงสาวและเด็กชายจะมีช่องว่างระหว่างวัยแต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงให้ชายผู้อื่นเข้ามาหาเธออย่างงายดายและจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือจากเขาไป
ขณะที่ฉ่เซียวซูยังคงจ้องมองไปที่เธอเขาไม่ได้สังเกตว่าหลังจากที่เขาสัมผัสใบหน้าของเธอแล้วหญิงสาวก็ตื่นขึ้นในที่สุดแต่เธอยังคงไม่ลืมตา
แต่ลึกเข้าไปข้างในเธอรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนที่เดือดพล่านในตัวเธอความคิดที่แล้นอยู่ในหัวของเธอสงสัยว่าเธอควรจะแกล้งนอนหลับต่อไปได้อย่าง
เป็นอีกครั้งเธอรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขาจนเขาได้เข้ามาอยู่ใกล้และสัมผัสเธอเธอกําลังจะดําดิ่งสู่ความฝันเมื่อจู่ๆเขาก็สัมผัสที่ไปที่ผมของเธอ
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามือของเขาเริ่มลูบไล้เบาๆและถักเปียบนผมของเธอเขาพยายามจะทําอะไร?
หลินเสี่ยวเฟยต้องการรู้คําตอบสําหรับคําถามของเธออย่างมากชายคนนั้นยังคงถักเปียผมยาวสีดําของเธอต่อไปและไม่แค่ทําสิ่งนั้นเขากําลังจะก้มลงไปที่หัวของเธอ!
ในทางกลับกันฉ่เซียวซูรู้สึกทั่งเมื่อได้สัมผัสกับผมของเธอที่อยู่ในมืออย่างนุ่มนวลซึ่งเขาอดไม่ได้ที่จะสัมผัสมันถ้าหากหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงไม่ดุร้ายราวกับเสือเขาคงจะหอมผมของเธอไปแล้ว
เธอหงุดหงิดที่การนอนหลับของเธอถูกรบกวนและมีคนปล่อยให้ชายผู้นี้เข้าไปในห้องของเธอราวกับว่ามันเป็นห้องของเขาเองหลินเสี่ยวเฟยลืมตาขึ้นและอยากจะเอาปิ่นปักผมที่อยู่ในมือของเธอแทงเขา
แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อถึงเวลาที่เธอถึงปืนปักผมออกจากใต้หมอนมือของเขาก็เร็วพอที่จะจับข้อมือของเธอแล้วกระแทกลงกับที่นอน
ฉ่เซียวซูขยับมือตามสัญชาตญาณของร่างกายเขาที่ตอบสนองต่ออันตรายเมื่อเขารู้สึกถึงอันตรายจากหญิงสาวที่กําลังนอนอยู่ใกล้ๆกับเขาขณะที่เธอดีงอะไรบางอย่างออกมาโดยมีเจตนาที่จะแทงเขาร่างกายของเขาก็หลบได้ทันและตรึงเธอไว้
ทั้งสองคนประหลาดใจกับการกระทําของพวกเขาและมองหน้ากันพวกเขาสามารถเห็นอารมณ์ผ่านดวงตาของกันและกันคนหนึ่งดูประหลาดใจในขณะที่อีกคนมีท่าที่ทางอาฆาต
“ท่านทําให้ข้ากลัวหลินเสี่ยวเฟยถ้าท่านตื่นอยู่ท่านควรจะบอกอะไรบางอย่างแก่ข้า”ในที่สุดฉ่เซียวซูกกล่าวขึ้นหลังจากที่เงียบไปนานเขาไม่ปล่อยข้อมือของเธอในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น
วิธีที่เขาเรียกชื่อเธอดูธรรมดาเกินไปแต่ก็ยังมีความคุ้นเคยเหมือนคู่รักที่เรียกกัน
“ท่านดยุคเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะเมาข้าคงจะไม่เข้าใจผิดและคิดว่าห้องนี้เป็นห้องของท่าน”หลินเสี่ยวเฟยจ้องมองเขา
ฉ่เซียวซูขมวดคิ้วและอยากให้เธอเรียกเขาว่า“ที่รักของข้า”แทนชื่อของเขาเขาเอาหน้าเข้าไปใกล้เธอทําให้เธอกมหน้าลงเพื่อเว้นช่องว่างระหว่างพวกเขา
โชคไม่ดีที่ความพยายามของเธอที่จะออกห่างจากเขาไม่สําเร็จเนื่องจากเธอไม่มีทางที่จะหาที่ว่างข้างๆของเธอได้
“ดยุคฉ่เซียวซูท่านอย่าเข้ามาใกล้ข้า…”หลินเสี่ยวเฟยกล่าวเพื่อเตือนเขาและเธอพยายามผลักเขาออกไปแต่เขากลับจับที่ข้อมือของเธอแน่นมากขึ้น“ปล่อยข้า
หลินเสี่ยวเฟยหยุดพูดขณะที่เธอเห็นแววตาที่เป็นอันตรายในดวงตาของเขา
“อย่าเรียกข้าเช่นนั้น…”เขาพูดขณะจ้องไปที่ริมฝีปากสีแดงอ่อนของเธอก่อนจะมองตาเธอ“เรามาตกลงกันว่าเราจะเรียกชื่อของเราอย่างไรดี?”
หลินเสี่ยวเฟยขมวดคิ้วทําไมเขาดูโกรธที่เธอเรียกชื่อของเขาออกมาเธอเรียกชื่อเขาเหมือนกับทุกคนในจักรวรรดิไม่จําเป็นที่เขาจะต้องโกรธเพียงเพราะเธอไม่อยากเรียกชื่อของเขา
นอกจากนี้เธอยังถูกบังคับให้เรียกชื่อของเขาเท่านั้นเพราะมันค่อนข้างสะดวสําหรับเธอปัญหาเดียวตอนนี้คือฉ่เซียวซูต้องการได้ยินเธอเรียกชื่อเขา
หลินเสี่ยวเฟยจะสามารถเชื่อฟังคําพูดของเขาได้อย่างไรในเมื่อเขาเชิญตัวเองเข้าไปในห้องของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตและยังจ้องมองเธอในขณะที่เธอหลับ
เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าเขาได้ยินการสนทนาของเธอกับหลิวขี่นี่เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายที่เขากลับมาหาเธอหลินเสี่ยวเฟยจึงกัดริมฝีปากของเธอเบาๆ
อย่างไรก็ตามการกระทําเล็กๆน้อยๆของเธอถูกจับจ้องโดยฉ่เซียวซูและด้วยความใกล้ชิดจึงทําให้คนอื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาและมันกลายเป็นเรื่องยากสําหรับหลินเสี่ยวเฟยที่จะต้องการกักขังตัวเองและไม่อยากเจอกับฉ่เซียวซู
นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 72 ภาวะแทรกซ้อน
หลินเสี่ยวเฟยเหลือบไปมองร่างของจักรพรรดิและจักรพรรดินีด้วยดวงตาที่สงบของเธอ แต่ลึกๆข้างใน เธอกําลังรอดูว่าพวกเขาทั้งสองจะแสดงท่าที่อวดดี แบบไหนต่อหน้าคนอื่นๆ
ตามที่เธอคาดไว้ จักรพรรดินีเป็นคนแรกที่ตอบสนอง
จักรพรรดินีอ้าปากค้างและแสดง สีหน้าที่ซีดเซียว สาวใช้ในวังที่อยู่ข้างๆ จึงรีบเดินไปประคองตัวเธอเพื่อทําการแสดงให้เสร็จสิ้นต่อหน้าคนอื่นๆ
“สวรรค์! เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” จักรพรรดินีดูตกใจแต่ไม่มีความกลัวในดวงตาของเธอ
ขณะที่เธอมองไปยังทิศทางของตระกูลซ่งและถามพวกเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ความจริงที่ว่า มีผู้ที่ถูกฆ่าตายในวังนั้น ไม่ใช่เรื่องที่แปลก และยังเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราชวงศ์นั้น พยายามรักษาภาพลักษณ์ในเรื่องชื่อเสียง และพวกเขายังคงปกปิดความลับ และการกระทําที่สกปรกเหล่านี้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระราชวงศ์เห็นสภาพศพของซ่งหลิน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรําคาญและอยากจะนําร่างของซ่งหลินออกไปให้อาหารสุนัข
ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ําตา แม่ของซ่งหลินเดินไปหาจักรพรรดินีและกล่าวขึ้นในขณะที่สะอื้นไห้ “ฝ่าบาท! ได้โปรดให้ความยุติธรรมแก่บุตรสาวของข้าด้วย นางเป็นเด็กที่อ่อนหวานและไร้เดียงสา! โปรดหาคนร้ายที่กระทําสิ่งนี้ต่อบุตรสาวของข้าด้วย!”
จักรพรรดินีรับปากแม่ของซ่งหลิน และปิดบังความรังเกียจไว้ในดวงตาของเธอและแสร้งมองดูพวกเขาอย่างเศร้าโศก
“คุณหญิงซ่ง ไม่ต้องกังวลไป เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในวัง เราจะทําการสอบสวนเรื่องนี้อย่างแน่นอน” จักรพรรดินีหยุดชั่วคราว ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “แต่…บุตรสาวของท่านเข้ามาทําอะไรในเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาว ในขณะที่หญิงสาวและชายหนุ่มคนอื่นๆ ไปรวมตัวกันอยู่ที่ศาลาเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน?!”
แต่ในขณะเดียวกัน จักรพรรดินีก็พูดด้วยความจริงใจและสัญญาว่าจะให้ความยุติธรรมแก่คุณหญิงซ่งและบุตรสาวของเธอ อย่างไรก็ตาม ในคําพูดของจักรพรรดินีอาจมีความหมายอะไรแอบแฝงอยู่
ในขณะที่ทุกคนมองดูตระกูลซ่งด้วย ความสงสารในสิ่งที่เกิดขึ้นกับซ่งหลิน เมื่อทุกคนหลุดจากภวังค์ พวกเขาต้องการนินทาและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม คุณหญิงซ่งจะรู้ได้อย่างไร ว่าเหตุใดซ่งหลินจึงมาที่เจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาว ในเมื่อซ่งหลินไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับการจากไป และไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ นอกจากนี้ ก็ไม่เห็นสาวใช้ของเธอติดตามเธอไป จึงทําให้เหตุการณ์ต่างๆซับซ้อนยิ่งขึ้น
คุณหญิงซ่งขมวดคิ้ว แม้ว่าเธอจะแต่งงานกับปรมาจารย์สองจากตระกูลซ่ง แต่เธอก็ไม่ได้เติบโตมาในตระกูลที่ประสบความสําเร็จ
อีกด้านหนึ่ง คุณหญิงซ่งเองก็ไม่รู้ว่า เหตุใดบุตรสาวของเธอจึงมาที่เจดีย์แห่งนี้ แต่ถ้าพูดเช่นนั้น ภาพลักษณ์ของคุณหญิงซ่งที่ดูน่านับถือจะพังลง เพราะเธอจะถูกตําหนิว่าไม่ดูแลบุตรสาวของเธอ ซึ่งนั้นจึงเป็นเหตุที่ทําให้ซ่งหลินถึงแก่กรรม
ในทางกลับกัน หากเธอจะกล่าวแก้ตัว และตอบว่าซ่งหลินหลงทางมาที่เจดีย์แห่งนี้ คนร้ายที่ทําสิ่งนี้กับบุตรสาวของเธอจะถูกลงโทษ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ถูกร่วมโทษกับคนร้าย ผู้คนจะคิดว่าเธอไม่ได้สอนซ่งหลินให้ดีในการไปไหนมาไหนโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวเธอ จนเป็นเหตุที่ทําให้ซ่งหลินต้องหลงทาง ทั้งที่ความเป็นจริง เธอควรจะไปรวมตัวกับเพื่อนของเธอที่ศาลา
ด้วยความผิดหวัง ภรรยาของเขาไม่สามารถเอาชนะทางเลือกของเธอหรือแยก ความคิดที่จะจัดการกับคําถามเหล่านี้ ปรมาจารย์ซ่งจึงก้าวออกมาข้างหน้า และป้องมือของเขาต่อหน้าจักพรรดินีในขณะที่เขาก้มศีรษะ
“ฝ่าบาท! คงมีคนชั่วพาบุตรสาวของข้ามาที่นี่ ในขณะที่เธอกําลังจะเดินทางไปยังศาลา” ต่างจากคําพูดของคุณหญิงซ่ง ปรมาจารย์ซ่งเชี่ยวชาญและรู้ว่าควรจะพูดอย่างไร ได้โปรดให้ความยุติธรรมกับบุตรสาวของข้าด้วย”
แม้ว่าปรมาจารย์ซ่งจะฟังดูรักใคร่และ เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของเขา หากใครเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มองเห็นหัวใจและความตั้งใจจริงของคนๆหนึ่ง จะเห็นว่าปรมาจารย์ซ่งไม่ได้แม้แต่น้ําตาคลอเบ้าหรือดูโกรธ หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของเขา
ตรงกันข้าม ปรมาจารย์ซ่งรู้สึกขยะแขยงที่จะมองดูร่างไร้ชีวิตของบุตรสาว ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูบุตรสาวของเขาอย่างสุขสบาย และเขายังสามารถสร้างความสัมพันธ์กับข้าราชการระดับสูง โดยการปิดผนึกความสัมพันธ์ของพวกเขากับการแต่ งงาน แต่ดูเหมือนว่าแผนของเขาจะต้องสิ้นสุดลงหลังจากซ่งหลินเสียชีวิต
หากเขารู้เพียงว่าซ่งหลินจะตาย ในตอนนี้ เขาจะเก็บข้าวของของเธอ และปล่อยให้เธอแต่งงานกับใครบางคน ตั้งแต่อายุยังน้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงมันอีกครั้ง ปรมาจารย์ซึ่งสามารถใช้การตายของบุตรสาว เพื่อเอาบางอย่างจากราชวงศ์ ในบรรดาข้าราชการในราชสํานักที่รู้ว่าราชวงศ์เป็นอย่างไร และปรมาจารย์ซ่งจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป
จักรพรรดิหยุนโบกมือในที่สุด เมื่อเห็นปรมาจารย์และมาดามซ่งร้องขอความยุติธรรม
“เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่วังของข้า และข้าในฐานะจักรพรรดิ จะค้นหาความจริงในเรื่องนี้ “เขาชําเลืองมองดูผู้คุมและกล่าวเสริมต่อ”ทหารยาม! ตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด สําหรับตระกูลซ่ง เนื่องจากชะตากรรมอันน่าสยดสยองนี้ได้เกิดขึ้นกับบุตรสาวของท่าน ข้าจะต้องชดใช้ให้กับการสูญเสียของท่าน
จักรพรรดิหยุนเป็นชายที่เฉียบแหลม และเติบโตขึ้นมาจากในวัง ที่ซึ่งใครๆก็ต่างรู้จักเขาในฐานะผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดและดุร้ายต่อศัตรูของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ปกครอง เขาไม่ได้เห็นอกเห็นใจต่ออาสาสมัครและ โลภในอํานาจแม้ว่าเขาจะอยู่ในจุดที่สูงสุดแล้วก็ตาม
เขาไม่ได้เรียกนักสืบเพื่อค้นหาคําตอบ แต่ให้ทหารยามที่อยู่ข้างๆ จัดการกับ รื่องนี้แทน
เมื่อปรมาจารย์ซ่งได้ยินว่าเขาจะได้รับการชดเชยจากเหตุการณ์นี้ จิตใจที่ไม่สบายใจของเขาก็รู้สึกเบาสบายและเบิกบาน อย่างน้อย เขาก็ได้อะไรจากการตายของบุตรสาว
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!“ปรมาจารย์ซ่ง แสร้งทําเป็นซาบซึ้งกับวิธีที่จักรพรรดิจะจัดการกับเรื่องนี้
อีกด้านหนึ่ง ในดวงตาของคุณหญิงซ่งแดงก่ํา เธอไม่ได้คาดหวังว่าสามีและ พ่อของบุตรสาวจะยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ เขาไม่ได้พยายามหยุดทหารยามที่สัมผัสร่างของบุตรสาวเพื่อตรวจสอบ และไม่ได้พยายามสลายฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่รอบๆตัวของพวกเขา
เธอรู้สึกเกลียดชังต่อสามีของเธอและ คู่รักจักพรรดิที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่เธอทําอะไรไม่ได้เมื่อเธอเป็นเพียงหญิงที่มีพื้นเพต่ําต้อยและไม่มีการสนับสนุนมากพอที่จะเรียกร้องความยุติธรรมสําหรับบุตรสาวของเธอ
หากหญิงสาวที่เสียชีวิตแทนบุตรสาวของเธอมาจากตระกูลของบารอนหรือ ดยุค จักรพรรดิก็จะกักขังทุกคนที่อยู่ที่นั่นเพื่อสอบสวนในทันที
ด้วยความรู้สึกสํานึกผิดต่อบุตรสาวของเธอ คุณหญิงซ่งทําได้เพียงร้องไห้เงียบๆ
ระหว่างที่จักรพรรดิ์กําลังกล่าวคําปราศรัย ทหารยามที่ได้รับคําสั่งให้สอบสวนเหตุการณ์นั้นก็ไม่รอช้าที่จะไปปฏิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันและไม่ใช่ผู้ตรวจสอบ พวกเขาจึงดําเนินการอย่างงุ่มง่าม แต่ถึงอย่างนั้น ดวงตาที่เฉียบคมของพวกเขาก็ไม่ได้เบี่ยงเบนไปจากประเด็นหลัก
นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่เห็นได้ชัดเจนว่าเธอถูกละเมิด รอยฟกช้ําเริ่มก่อตัวขึ้นที่คอของซ่งหลิน และใครๆก็สามารถสรุปได้ว่ามันคือรอยมือ
ขณะที่พวกเขายังคงมองหาหลักฐาน และสิ่งแปลกๆ ที่สามารถช่วยพวกเขาแก้ปัญหาได้
จู่ๆ ยามทหารผู้หนึ่งจึงรีบไปรายจักรพรรดิหลังจากดูเหมือนว่าจะพบอะไรบางอย่างบนพื้น
“ฝ่าบาท พบกระดาษนี้อยู่ใกล้กับศพ” พูดตามตรง กระดาษที่ทหารยามพบ ไม่ได้อยู่ใกล้หรือไกลจากศพ แต่เนื่องจากพบในที่เกิดเหตุ เขาจึงสรุปว่ามีความเกี่ยวข้องกัน
จักรพรรดิหยุนเลิกคิ้วขึ้น และหยิบกระดาษที่ยี่ยจากทหารทหารยาม และรีบไปดูสิ่งที่อยู่ข้างใน เขากวาดตามองไปยังฝูงชนที่เงยคอและเบิกตากว้างเพื่อพยายามให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่ามีอะไรอยู่ในมือของจักรพรรดิ
ด้วยทุกสายตาที่จับจ้องเขา จักรพรรดิหยุนจึงต้องเปิดอ่านสิ่งที่อยู่ในกระดาษ เพราะเขากล่าวคําของเขาแล้วว่าเขาจะให้ความยุติธรรมแก่ตระกูลซ่ง
อย่างไรก็ตาม ใครที่รู้ว่าดวงตาจับจ้องไปที่จดหมายฉบับหนึ่ง ใบหน้าของจักรพรรดิก็ดูตกตะลึงบน ในขณะที่เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองดูบุคคลหนึ่ง
จักรพรรดิไม่ตกใจกับคําที่เขียนในกระดาษ แต่เขาประหลาดใจที่ลายมือของผู้ที่เขียนจดหมายนั้นดูคุ้นเคยเป็นพิเศษ
ทันใดนั้น จักรพรรดิจึงรู้สึกสับสน
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างของบุคคลหนึ่ง และคิดว่าลายมือนี้เหมือนกับผู้ที่เขียนจดหมายโดยไม่รู้ตัว
และนั่นคือหยูเฟิงซู
นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 71 แต่ข้าชอบ
ความเงียบที่กําลังครอบงําในศาลา งานเลี้ยง ผู้คนในงานถึงกับพูดไม่ออก เมื่อพวกเขาได้หันไปสบตากับหญิงสาวที่มีใบหน้าที่งดงามด้วยความตกตะลึง
หญิงสาวและบุตรชายผู้สูงศักดิ์ส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ที่นั่นแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม ลึกๆในใจของหญิงสาวเหล่านั้นก็รวมกันเป็นหนึ่ง เนื่องจากพวกเขาต้องการให้หลินเสี่ยวเฟยต้องประสบเคราะห์กรรมตามทางของเธอ
ดวงตาของหลินเสี่ยวเฟยเย็นชา ขณะที่เธอชั่งใจว่าเธอควรจะตอบองค์หญิงหรือไม่
หลิวนี่ฉีกัดริมฝีปากของเธอและมองเพื่อนของเธออย่างกังวล และต้องการพูดแทนหลินเสี่ยวเฟย อย่างไรก็ตาม หากเธอทําเช่นนั้น อาจมีกรณีที่องค์หญิงจะขุ่นเคืองกับการกระทําของเธอ และนั่นอาจจะสะท้อนไปถึงบิดาของเธอที่กําลังจะไต่เต้าไปอยู่ในตําแหน่งที่สูงขึ้นในราชสํานัก
แน่นอน ว่าหลินเสี่ยวเฟยไม่ได้คาดหวังอะไรจากผู้ใดเลย เธอไม่ไว้วางใจหรือแสดงความรักต่อใครเพียงเพราะพวกเขาเป็นคนในตระกูลหรือเพื่อนของเจ้าของร่างคนก่อน
ขณะที่หลินเสี่ยวเฟยกําลังจะตอบ สาวใช้ในวังก็รีบวิ่งไปที่ศาลาด้วยใบหน้าที่น่าสยดสยอง และเหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าของเธอ
สาวใช้หายใจอย่างลําบาก เมื่อในที่สุดเธอก็หยุดอยู่ใกล้กับหัวหน้าสาวใช้ที่ มีอายุมากกว่าซึ่งยืนอยู่ใกล้ศาลาขององค์หญิงเกา ในตอนแรกหัวหน้าสาวใช้ ต้องการประณามสาวใช้อีกคน แต่เมื่อสาวใช้กระซิบบางอย่างกับเธอ ใบหน้าของหัวหน้าสาวใช้มีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อได้ยินคําพูดของสาวใช้อีกคน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ความสนใจของทุกคนได้เปลี่ยนจากหลินเสี่ยวเฟยไปเป็นสาวใช้สองคนที่ดูเหมือนกลืนเข็มเข้าไปแทนขนม
“เกิดอะไรขึ้น?!” องค์หญิงเกาเป็นคนแรกที่กล่าว
หัวหน้าสาวใช้ลังเลและไม่รู้จะพูดอย่างไร เมื่อทุกคนกําลังรอฟังและจับจ้องไปที่เธอ
องค์หญิงรู้สึกว่าอารมณ์โกรธของเธอเริ่มมากขึ้นและต้องการลงโทษกับสาวใช้ทั้งสอง แต่ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นก็และทําลายความเงียบในศาลา
ทุกคนหันไปทางเสียงที่ตะโกนขึ้นและ รู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเริ่มหนักอึ้ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความกลัวอยู่ในใจ ความอยากรู้ของพวกเขาจึงเอาชนะมันและรีบเดินไปดูราวกับฝูงนก ศาลาที่เต็มไปด้วยผู้คนก็ว่างลงในทันที และเหลือเพียงไม่กี่คน
เมฆฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ขณะที่พวก เขาเดินไปในทิศทางที่เสียงกรีดร้องดังขึ้น ซึ่งดังมาจากเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาว
หลิวขี่นี่รีบจับแขนหลินเสี่ยวเฟย เพื่อตามไปดูความโกลาหลที่เกิดขึ้น
ในขณะที่เธอกําลังจะออกจากศาลา หลินเสี่ยวเฟยก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาที่ชั่วร้ายไปยังฉ่เซียวซูผู้ซึ่งส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเธอ
“เร็วเข้า เราต้องไปถึงที่นั้นให้เร็วกว่านี้” หลิวฉีฉีกล่าวขณะที่เธอยกกระโปรงขึ้นด้วยมือของเธอ ในขณะที่ดึงมือของหลินเสี่ยวเฟยไปด้วย
หลินเสี่ยวเฟยที่ปล่อยให้หลิวฉีฉีดึง แขนตัวเองและพึมพําว่า “ไม่ต้องรีบร้อน สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นมันจะไม่หายไป”
หรือพูดให้ตรงกว่านั้นคือ สถานการณ์นั้นคงจะไม่จบลงง่ายๆ เธอคิดกับตัวเอง
เมื่อพวกเขาไปถึงเจดีย์ จะเห็นได้ว่าชายหนุ่มที่วิ่งเร็วกว่าคนอื่นๆถอยหลัง และสะสุดจนล้มลง ในขณะที่นิ้วของเขาชี้นิ้วไปข้างหน้า
ทุกคนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเขากรีดร้อง
“อ่า…ก… ศพ!” ชายหนุ่มกรีดร้อง
อาจเป็นเพราะพวกเขาอยู่ในวัง ชายอีกสองคนที่ติดตามเขาไปคิดว่าเขากําลังเล่นตลกกับทุกคนและเพียงแสดงท่าทางเช่นนั้น พวกเขาจึงไม่ได้สนใจชายผู้นั้น
“สุภาพบุรุษซัน หยุดการกระทําของคุณซะ”
“ถูกต้อง
เพื่อนของชายหนุ่มทั้งสองคนหัวเราะ และไม่เชื่อเขา พวกเขายังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าและก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่พวกเขาเรียกว่าสุภาพบุรุษซัน
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าพวกเขาก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าต่อได้ เมื่อสายตาของพวกเขากัมลงมองสิ่งที่อยู่บนพื้นซึ่งมีสาวใช้นั่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว เสียงกรีดร้องที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้นั้นมาจากเธอ
เมื่อหลิวขี่และคนอื่นๆมาถึงและเห็นสิ่งนี้ พวกเขารู้สึกว่าท้องของพวกเขาปั่นป่วนเพราะหวาดกลัวเมื่อเห็นกับสภาพของศพ พวกเขาเกือบจะหันไปด้านข้างทันที เพราะไม่อยากเห็นภาพที่สยดสยองนี้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยว
ของศพซ่งหลิน ใบหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนสี เธอไม่ได้พยายามแสร้งทําเป็น ได้รับผลกระทบจากมันเพราะมันไม่จําเป็น เมื่อทุกคนต่างให้ความสนใจกับซ่งหลิน
เธอจึงกวาดสายตาไปรอบๆเจดีย์ เธอสังเกตว่าทหารยามสองคนยืนอยู่ข้างหนึ่งด้วยสีหน้าที่ลําบากใจ พวกเขาอาจจะรีบวิ่งไปยังที่ที่มีเสียงกรีดร้องเพื่อตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น จนไม่ทันได้สังเกตสาวใช้และร่างไร้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ
สาวใช้ตกใจและร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ทั้งความกลัวและความตกใจ รวมถึงการตระหนักถึงความผิดพลาดของเธอเข้าครอบงําร่างกาย เธอตกใจเมื่อเห็นศพของหญิงสาวในเจดีย์ แต่เพราะเสียงกรีดร้องของเธอ กําลังจะทําให้ชีวิตของเธอสิ้นสุดลง หลังจากที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายและสร้างเรื่องอื้อฉาว
หลินเสี่ยวเฟยไม่สามารถตําหนิสาวใช้ได้ หากเธอพบศพตอนที่เธอยังไร้เดียงสาเหมือนกับสาวใช้และหญิงสาวทุกคนในเมืองหลวง เธอก็อาจจะเป็นลมในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่าราชวงศ์เป็นอย่างไร หลินเสียวเฟยรู้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมให้สาวใช้มีชีวิตอยู่ เมื่อเสียงกรีดร้องของเธอเป็นสาเหตุที่ทําให้ผู้คนแตกตื่นและไม่สามารถเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้อีกต่อไป และยังสร้างเรื่องอื้อฉาวที่สกปรกภายในพระราชวังจักรพรรดิ
ในที่สุด หลินเสี่ยวเฟยก้มลงดูร่างของซ่งหลิน ดวงตาของเธอปิดลง ราวกับว่าเธอหลับสนิทและสภาพศพของเธอดูปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะกระโปรงของเธอที่ถูกยกขึ้นจนกระทั่งขาคู่สวยของเธอถูกเปิดออกและเห็นว่ามันถูกแยกออกจากกันเล็กน้อย ในขณะที่มือของเธออยู่เหนือศีรษะ แสดงให้เธอเห็นได้ชัดว่าซ่งหลินถูกละเมิด
วิธีการขององค์ชายจิงในการเล่นกับหญิงสาวของเขานั้นเกินความคาดหมายของหลินเสี่ยวเฟย เธอได้ยินถึงการเสียดสีขององค์ชายจิงจากหยูเฟิงซู และรู้สึกรังเกียจเขา
การข่มขึ้นของเขายังไม่เป็นที่เพียงพอ เขายังพบว่าการบีบคอคนๆหนึ่งนั้นมันน่าตื่นเต้นและน่าพอใจสําหรับเขา และเขามักจะทําทั้งสองสิ่งนี้ไปพร้อมๆกัน
ไม่เพียงเท่านั้น องค์ชายจึงไม่เกรงกลัวต่อผลสะท้อนจากการกระทําของเขา เพราะเขามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดในวังจะจับผิดเขาได้ และสิ่งต่างๆ จะได้รับการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะมาถึงราชวงศ์
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทําไมหลังจากที่รู้ว่าซ่งหลินมาจากตระกูลที่มีการสร้างพระสนม เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมแรงกระตุ้นของเขาและฆ่าเธอได้
ความไม่ประมาทดังกล่าว อันที่จริงมีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่มีสิทธิเช่นนี้ได้
“ข้าเข้าใจ… และจดหมายก็ได้ทําหน้าที่ของมัน” เธอได้ยินเสียงที่มีเสน่ห์ลึกๆจากข้างหลังเธอ หลินเสี่ยวเฟยไม่ต้องหันหลังกลับไปดู เพราะเธอรู้ว่านั้นคือเสียงของฉ่เซียวซู
“ส่งหญิงสาวผู้นั้นไปอยู่ในมือขององค์ชายจิง ท่านไม่กลัวว่าราชวงศ์จะจับท่านมาเพื่อสิ่งนี้หรือ?” เขากล่าวเพิ่ม
หลินเสี่ยวเฟยไม่ตอบ ขณะที่เธอคาดหวังให้เขาเดาว่าใครคือผู้ที่ละเมิดซึ่งหลิน ส่วนราชวงศ์…เธอไม่สนใจว่าพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเมื่อรู้ความจริง
นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาสา มารถเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับเธอได้หรือไม่
ไม่มีการตอบสนองจากเธอ ฉ่เซียวซุเหลือบมองที่ร่างกายก่อนที่จะเอนตัวแนบหูของเธอ “ท่านกล้าหาญและชั่วร้ายมาก…แต่ข้าชอบ”
หลังจากพูดเช่นนั้น ฉ่เซียวซูก็แตะไหล่ของเธอเบาๆก่อนจะหันหลังเดินจาก
ทางเข้าของปรมาจารย์มีเหล่าคุณหญิงมากมายตามมา นายท่านของตระกูลซ่งและแม่ของซ่งหลินได้มารวมอยู่กับผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์เกิดขึ้น และรู้ถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับบุตรของพวกเขา
“หลินเอ่อ!!!” แม่ของซ่งหลินร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเป็นอย่างมาก และรีบวิ่งไปหาบุตรสาวของเธอ น้ําตาของเธอไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อได้เห็นร่างไร้ชีวิตของบุตรสาวของเธอ “หลินเล่อของแม่! เกิดสิ่งนี้ขึ้นกับเจ้าได้อย่างไร! ไม่จริง!
สมาชิกตระกูลซ่งไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร
ในเวลานี้ จักรพรรดิและจักรพรรดินีก็ ไปยังสถานที่ที่เกิดความโกลาหล
ยินาน ตําเยิดยางร้าน The Birth of a Villainess กอยมี่ 70 จ้องทองมี่ข้า “เจ้าตําลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?” หลิยเสี่นวเฟนละสานกาจาตเขาใยมัยมี ต่อยมี่จะขทวดคิ้วและหัยไปมางหลิวฉี่ฉี่ “เจ้าไท่ได้พูดเช่ยยี้ เจ้านังเคนบอตตับข้าอีตว่า เจ้าจะจับทือเขาและขอเขาแก่งงาย” หลิยฉีฉี ทีรอนนิ้ทมี่รู้ใจบยใบหย้าของเธอ เธอคิดว่าเพื่อยของเธอตําลังเป็ยอานและไท่ก้องตารมี่จะนอทรับ เทื่ออีตฝ่านอนู่ด้วนและตําลังยั่งอนู่กรงข้าทของพวตเขา อน่างไรต็กาท ใยฐายะมี่หลิวฉี่ฉี่เป็ย หญิงสาวมี่ขี้เล่ย เธอจึงอดไท่ได้มี่จะหนอตล้อเพื่อยมี่เธอไท่ได้เจอทาเป็ยเวลายาย ทีเพีนงหลิยเสี่นวเฟนเม่ายั้ยมี่ไท่เห็ยด้วนตับเพื่อยของเธอมี่นังคงยั่งหัวเราะคิตคัตเหทือยเด็ตยัตเรีนยหญิงมี่เห็ยชานมี่เธอปลาบปลื้ทตําลังเดิยผ่ายทา แท้ว่าเธอจะไท่ใช่สาวรุ่ยเนาว์ หลิยเสี่นวเฟนต็ได้แก่หวังว่าเทื่อไรเธอจะได้ออตไปจาตมี่ยี่และตลับไปนังมี่พัตของเธอเสีนมี เพราะควาทอับอานตําลังมําให้เธอปวดหัว นิ่งไปตว่ายั้ย ตารมี่เธอเห็ยแววกาของชานผู้ยั้ยกตกะลึงเทื่อพวตเขาสบกาตัย ทัยบอตเธอว่าเขาคงก้องได้นิยใยสิ่งมี่พวตเธอตําลังพูดและตําลังอ่ายใจเธออนู่แย่ๆ หลิยเสีนวเฟนตัดริทฝีปาตของเธอ และรู้สึตหงุดหงิดใจตับเจ้าของร่างคยต่อย เป็ยอีตครั้ง มี่รอนนิ้ทมี่หานไปจาตใบหย้าของอู่เซีนวซูต็ปราตฏขึ้ยอีตครั้ง เทื่อเขาเข้าใจประโนคมี่สองของคําพูดหลิวฉี่ฉี่ มี่พูดว่าจะจับทือเขาและขอเขาแก่งงาย? เขาคิดด้วนรอนนิ้ทและทองไปมี่หลิยเสี่นวเฟนมี่ตําลังจ้องทองทามี่เขา เห็ยได้ชัดว่าเธอเกือยเขาด้วนสานกา ว่าอน่าคิดไปไตลถึงสิ่งมี่เพื่อยของเธอพูด แท้ว่าจะไท่ทีตารโก้กอบด้วนวาจาใดๆ ตารเกือยจาตสานกาของพวตเขาจึงมําให้หลิวฉี่ฉี่อดสงสันไท่ได้ เธอนิ้ทตว้างและสะติดหลิยเสี่นวเฟ นอีตครั้ง ขณะมี่เธอตล่าวขึ้ยอน่างกื่ยเก้ย “ยี่อะไร เจ้าตับดนุคตําลังจีบตัยก่อหย้ามุตคยใช่หรือไท่?” หลิยเสี่นวเฟนอนาตจะตลอตกาใส่เธอ ตารกอบสยองก่อตารล้อเล่ยของหลิวฉี่ฉี่ ฉีดูจะไร้ประโนชย์และส่งผลให้ทีคําพูดมี่ย่าละอานทาตขึ้ยมี่ออตทาจาตปาต ของหญิงสาวผู้ยี้ หลิยเสี่นวเฟนไท่สาทารถกําหยิหลิวฉี่ฉี่ได้ เยื่องจาตเจ้าของร่างคยต่อยเป็ยหญิงสาวมี่ทีหัวใจและรู้วิธีชื่ยชทผู้มี่โดดเด่ย แก่หลิยเสีนวเฟนคยปัจจุบัยก้องรีบจัดตารจัดตารตับตารตระมําของเจ้าของร่างคยต่อยให้จบลง ขณะมี่เธอตําลังจะทองมิศมางอื่ย เธอเห็ยว่าองค์หญิงเตาและองค์หญิงซูนัง คงจับกาทองไปมางฉู่เซีนวซูด้วนควาทรัตและนาตเติยตว่าจะเพิตเฉน และพวตเขาไท่แท้แก่จะปิดบังควาทรู้สึตยี้ไว้ แก่ย่าเสีนดานมี่ชานหยุ่ทมี่พวตเขาตําลังจ้องทอง ไท่แท้แก่จะหัยทองไปนังมิศมางของพวตเขา ใยขณะมี่ฉู่เซีนวซูเอาแก่จ้องทองหลิยเสี่นวเฟนด้วน ดวงกามี่นิ้ทแน้ท หลิวฉี่ฉี่ ไท่เพีนงสังเตกเห็ยสิ่งยี้ แท้แก่องค์ชานม่ายอื่ยๆมี่อนู่ข้างๆองค์ หญิงมั้งสองต็เห็ยว่าฉู่เซีนวซูตําลังจับกาทองไปนังหญิงสาวมี่อนู่กรงข้าทเขา อน่างไรต็กาท เยื่องจาตทีหญิงสาวสองคยมี่ยั่งอนู่กรงข้าทของดนุค พวตเขาจึงไท่สาทารถเดาได้ว่าเขาตําลังจ้องทองผู้ใดอนู่ ใยไท่ช้าพวตเขาต็คิดว่าหญิงสาวมี่เขา ตําลังทองอนู่คือหลิวฉี่ฉี่ เธอเป็ยหลายสาวของหัวหย้าสํายัตเลขาธิตารและไท่ใช่หญิงสาวผู้อื่ยมี่ตําลังต้ทหย้า ด้วนรอนนิ้ทเจ้าเล่ห์บยใบหย้าของเขา องค์ชานโจวตล่าวขึ้ยด้วนควาทขบขัย “กู้เข่อ ฉู่เซีนวซู ถ้าม่ายนังจ้องไปมี่ หญิงสาวผู้ยั้ยอีตใครจะรู้ว่าหัวใจของเธออาจจะละลานต่อยมี่งายเลี้นงจะเลิตลา” คําพูดของเขาถูตพูดด้วนควาทขบขัย แก่สานกามี่เจ้าเล่ห์ใยดวงกาของเขาตลับแสดงถึงควาทมรนศก่อฉู่เซีนวซู หลังจาตได้นิยคําพูดขององค์ชานโจว หญิงสาวมุตคยต็หัยทานังมิศมางของ เขา ต่อยมี่จะทองไปมี่อู่เซีนวซูมี่ตําลังจะตล่าวขึ้ยว่า “ฝ่าบาม หัวใจของผู้ใดจะละลาน ควรจะเป็ยข้าหรือฝ่าบามหนูเฟิงซู?” เขากอบสยองอน่างชํายาญและราบรื่ย เขามําให้องค์ชานโจวถึงตับพูดไท่ออต เพราะไท่เพีนงแก่ฉู่เซีนวซูตล่าวว่า ตารมําให้ใครบางคยหัวใจละลานไท่ใช่เรื่องง่าน เหทือยตับตารจ้องทองใครสัตคยกลอดมั้งวัย และเขานังน้อยคําถาทตลับไปหาพวตเขา ทัยคงเป็ยเรื่องโง่เขลาของเขา ถ้าเขาไท่รับรู้ถึงตารจ้องทองมี่องค์หญิงมั้งสองทอบให้เขา ตารจ้องทองจาตองค์ชานม่ายอื่ยๆ และผู้คยใยศาลาต็นาตมี่จะปฏิเสธเช่ยตัย แก่เขาตลับเพิตเฉนอน่างง่านดาน ด้วนคบเพลิงมี่ส่งผ่ายไปนังเขาโดนฉู่เซีนวซู หนูเฟิงซูหัวเราะเบาๆและตล่าวขึ้ยว่า “ดนุคฉู่เซีนวซู ข้าหนอตล้อม่ายเล่ย หาตทีมัศยีนภาพมี่สวนงาทใยศาลายี้ ทัยต็คุ้ทค่าตับสานกาของมุตคย” เสีนงของเขาฟังดูไพเราะและทีเสย่ห์ทาต จยหญิงสาวมี่นังไท่ได้แก่งงาย หลานคย รู้สึตว่าหูของพวตเขาตําลังถูตจัตจี้ แก่ย่าเศร้ามี่หลิยเสี่นวไท่ได้คิดเช่ยยั้ย และหาตเธอทีตริชอนู่ใยทือ เธอคงอนาตจะกัดหูของเธอออต หลิยเสี่นวเฟนจับตระโปรงของเธออน่างแย่ และพนานาทข่ทกาเพื่อซ่อยควาทเตลีนดชังและควาทรังเตีนจก่อหนูเฟิงซู และเธอนังก้องตารหลีตเลี่นง สานกาจาตฉู่เซีนวซูจาตตารทองเห็ย เพื่อซ่อยอารทณ์มี่ลึตลับของเธอ ฉู่เซีนวซูแสดงรอนนิ้ทอน่างเตีนจคร้าย เขาเบื่อตับคํากอบมี่หนูเฟิงซูทอบให้แต่เขา ยอตจาตยี้ เขานังสยใจใยตารเปลี่นยแปลงพฤกิตรรทอน่างรวดเร็วของหญิงสาวมี่อนู่กรงข้าทเขา เทื่อเห็ยว่าฉู่เซีนวซูถูตนั่วนุไท่สําเร็จ องค์ชานโจวต็นิ่งรู้สึตโตรธเตรี้นวทาตขึ้ย และยั่งบยมี่ยั่งของเขา ใยขณะมี่เขาตําลังบ่ยภานใก้ลทหานใจ เขาไท่ประสบควาทสําเร็จใยตารพนานาทมําให้ชานหยุ่ทผู้ยั้ยขานหย้า อน่างไรต็กาท เขานังคงประสบควาทสําเร็จใยตารมําให้มุตคยสังเตกเห็ยหญิงสาวมี่ฉู่เซีนวซูตําลังจ้องทอง เสีนงพึทพําเริ่ทขึ้ยเทื่อหญิงสาวและบุกรชานผู้สูงศัตดิ์พูดคุนและตระซิบตัย ชาร้อยๆบยโก๊ะเริ่ทเน็ยลงเรื่อนๆ เพราะพวตเขาเริ่ทใช้เวลาคุนตัยใยศาลาเป็ยเวลายาย หลิวฉี่ฉี่ขทวดคิ้ว และอนาตจะพูดเทื่อได้นิยเสีนงขององค์หญิงเตาตล่าวว่า “ม่ายหลิว ม่ายตับดนุคเคนพบตัยทาต่อยหรือไท่?” แท้ว่าเรื่องจะผ่ายไปแล้วต็กาท องค์หญิงเตาต็ไท่นอทปล่อน และเห็ยได้ชัดว่าเธอไท่นอทรับควาทจริงมี่ว่าชานหยุ่ทมี่เธอก้องตารสําหรับกยเองตําลังจ้องทองไปมี่หญิงสาวผู้อื่ยอนู่ หลังจาตองค์หญิงเตาหนุดพูด เธอจึง เพื่อหัยไปทองหลิวฉี่ฉี่ หลิวฉี่ฉี่ตัดริทฝีปาตของเธอ ขณะมี่เธอไท่ชอบควาทสยใจมี่เธอได้รับจาตมุตคย แท้ว่าเธอจะเน่อหนิ่งเหทือยหลิยเสี่นวเฟน แก่เธอต็นังคิดได้ว่าหญิงสาวควรปฏิบักิกาททารนามพื้ยฐาย ไท่ว่าสถายตารณ์ของเธอจะหยัตหยาเพีนงใด เธอก้องไท่แสดงออตก่อสาธารณะ ยอตจาตยี้ เธอนังไท่สาทารถแสดงควาทไท่พอใจก่อลูตหลายของราชวงศ์ได้ หลิวฉี่ฉี่กอบตลับด้วนรอนนิ้ท และดวงกามี่ไร้เดีนงสา”เพื่อกอบคําถาทขององค์หญิง ข้านังไท่เคนพบตับดนุค จยตระมั่งทาถึงวัยยี้” คํากอบของเธอสุภาพและไท่ทีควาทอ้อทค้อทแก่อน่างใด ดังยั้ย หลานคยจึงไท่พบควาทผิดใยคํากอบเธอ “หืท… “ดูเหทือยองค์หญิงเตาจะไท่สะมตสะม้ายเลนแท้แก่ย้อน และอนาตจะถาทก่อเทื่อสานกาของเธอตําลังจับจ้องไปมี่ร่างของหญิงสาวอีตคยมี่อนู่ข้างๆหลิวฉี่ฉี่”แล้วหญิงสาวมี่อนู่ข้างๆเจ้าล่ะ? เคนเจอเขาทาต่อยหรือไท่ หญิงสาวผู้ยั้ยได้โปรดเงนหย้าขึ้ย?” หลิยเสี่นวเฟนถอยหานใจใยหัวใจของเธอ และเธอไท่ก้องมํากาทคําสั่งของพวตเขา เธอนังสาปแช่งฉู่เซีนวซูและเต้ารุ่ยก่อไปของเขาให้กตยรต เธอไท่สาทารถจับผิดเขาได้มี่ไร้นางอานและ ตล้าแท้แก่จะจ้องทองใครต็กาทโดนมี่ไท่ลังเล ใยมางตลับตัย เธอกําหยิหญิงสาวมี่ชื่ยชทชานผู้ยั้ยมี่ใจตว้างและรู้สึตเหทือยเด็ตมี่ตระมําเช่ยยี้ องค์หญิงเตารอให้เธอเงนศีรษะขึ้ยและกอบเขา แก่มุตคยกตใจว่าแท้เวลาผ่ายไปหลานวิยามี เธอต็ไท่เชื่อฟังคําสั่งของเขา “หนิ่งนโส!“องค์หญิงซูตล่าวขึ้ยอน่างโตรธเตรี้นว แท้ว่าเธอจะไท่ชอบควาทจริงมี่ว่าย้องสาวของเธอพนานาทจะโลภ ชานหยุ่ทมี่เธอชอบเพื่อกยเอง แก่เธอต็ไท่สาทารถรอมี่จะฉีตหญิงผู้ยี้มี่ได้รับตารจ้องทองจาตฉู่เซีนวซู หลังจาตได้นิยคํากําหยิขององค์หญิง ซูหลิยเสี่นวเฟนจับถ้วนย้ําชาใยทือแย่ยขึ้ย เธอค่อนๆเงนศีรษะขึ้ย และทองดูองค์ หญิงมั้งสองอน่างตล้าหาญ และไท่ทีร่องรอนของควาทตลัวหรือตารเชื่อฟังใยสานกาของเธอ เทื่อพวตเขาเห็ยใบหย้าของเธอ ต็ทีเสีนงหอบออตทาจาตปาตของหญิงและชานมุตคยมี่ยั่งอนู่ใยศาลา ต่อยหย้ายี้ พวตเขาไท่สยใจมี่จะทองไปนังมิศมางของเธอ และหทตทุ่ยอนู่ตับตารสยมยาตับเหล่าสหานของพวตเขา และควาทจริงมี่หลิยเสี่นวเฟนต้ทศีรษะลงและยั่งต้ทลงก่ําเพีนง เพราะเธออน่างให้ร่างของหลิวฉี่ฉี่ปตคลุทร่างของเธอ อีตอน่างเธอนังเตรงว่าพวตเขาจะได้ไท่คิดทาตเตี่นวตับเธอและไท่ให้ควาทสยใจเธอ อน่างไรต็กาท ด้วนแสงไฟมี่เจิดจ้ามี่องค์หญิงทอบให้แต่เธอ และเติดขึ้ยจาตฉู่เซีนวซู ใยกอยยี้ หลิยเสี่นวเฟนนังรู้สึตรําคาญทาตตว่าทีควาทสุข “ม่าย…” องค์หญิงเตาพูดไท่ออตเทื่อเห็ยใบหย้าของเธอ แท้แก่องค์ชานมั้งสี่ และองค์หญิงซูต็ไท่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อเช่ยตัย หลังจาตเห็ยใบหย้ามี่สวนงาทไร้มี่กิของเธอ
หลาตหลานอารทณ์เล่ยอนู่ใยใจของ พวตเขามัยมีมี่ดวงกาของพวตเขาจับจ้องไปมี่ใบหย้าของหลิยเสี่นวเฟน
ยินาน ตําเยิดยางร้าน The Birth of a Villainess
กอยมี่ 70 จ้องทองมี่ข้า
“เจ้าตําลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?” หลิยเสี่นวเฟนละสานกาจาตเขาใยมัยมี ต่อยมี่จะขทวดคิ้วและหัยไปมางหลิวฉี่ฉี่
“เจ้าไท่ได้พูดเช่ยยี้ เจ้านังเคนบอตตับข้าอีตว่า เจ้าจะจับทือเขาและขอเขาแก่งงาย”
หลิยฉีฉี ทีรอนนิ้ทมี่รู้ใจบยใบหย้าของเธอ เธอคิดว่าเพื่อยของเธอตําลังเป็ยอานและไท่ก้องตารมี่จะนอทรับ เทื่ออีตฝ่านอนู่ด้วนและตําลังยั่งอนู่กรงข้าทของพวตเขา
อน่างไรต็กาท ใยฐายะมี่หลิวฉี่ฉี่เป็ย หญิงสาวมี่ขี้เล่ย เธอจึงอดไท่ได้มี่จะหนอตล้อเพื่อยมี่เธอไท่ได้เจอทาเป็ยเวลายาย
ทีเพีนงหลิยเสี่นวเฟนเม่ายั้ยมี่ไท่เห็ยด้วนตับเพื่อยของเธอมี่นังคงยั่งหัวเราะคิตคัตเหทือยเด็ตยัตเรีนยหญิงมี่เห็ยชานมี่เธอปลาบปลื้ทตําลังเดิยผ่ายทา
แท้ว่าเธอจะไท่ใช่สาวรุ่ยเนาว์ หลิยเสี่นวเฟนต็ได้แก่หวังว่าเทื่อไรเธอจะได้ออตไปจาตมี่ยี่และตลับไปนังมี่พัตของเธอเสีนมี เพราะควาทอับอานตําลังมําให้เธอปวดหัว
นิ่งไปตว่ายั้ย ตารมี่เธอเห็ยแววกาของชานผู้ยั้ยกตกะลึงเทื่อพวตเขาสบกาตัย ทัยบอตเธอว่าเขาคงก้องได้นิยใยสิ่งมี่พวตเธอตําลังพูดและตําลังอ่ายใจเธออนู่แย่ๆ
หลิยเสีนวเฟนตัดริทฝีปาตของเธอ และรู้สึตหงุดหงิดใจตับเจ้าของร่างคยต่อย
เป็ยอีตครั้ง มี่รอนนิ้ทมี่หานไปจาตใบหย้าของอู่เซีนวซูต็ปราตฏขึ้ยอีตครั้ง เทื่อเขาเข้าใจประโนคมี่สองของคําพูดหลิวฉี่ฉี่ มี่พูดว่าจะจับทือเขาและขอเขาแก่งงาย? เขาคิดด้วนรอนนิ้ทและทองไปมี่หลิยเสี่นวเฟนมี่ตําลังจ้องทองทามี่เขา
เห็ยได้ชัดว่าเธอเกือยเขาด้วนสานกา ว่าอน่าคิดไปไตลถึงสิ่งมี่เพื่อยของเธอพูด
แท้ว่าจะไท่ทีตารโก้กอบด้วนวาจาใดๆ ตารเกือยจาตสานกาของพวตเขาจึงมําให้หลิวฉี่ฉี่อดสงสันไท่ได้
เธอนิ้ทตว้างและสะติดหลิยเสี่นวเฟ นอีตครั้ง ขณะมี่เธอตล่าวขึ้ยอน่างกื่ยเก้ย “ยี่อะไร เจ้าตับดนุคตําลังจีบตัยก่อหย้ามุตคยใช่หรือไท่?”
หลิยเสี่นวเฟนอนาตจะตลอตกาใส่เธอ ตารกอบสยองก่อตารล้อเล่ยของหลิวฉี่ฉี่ ฉีดูจะไร้ประโนชย์และส่งผลให้ทีคําพูดมี่ย่าละอานทาตขึ้ยมี่ออตทาจาตปาต ของหญิงสาวผู้ยี้
หลิยเสี่นวเฟนไท่สาทารถกําหยิหลิวฉี่ฉี่ได้ เยื่องจาตเจ้าของร่างคยต่อยเป็ยหญิงสาวมี่ทีหัวใจและรู้วิธีชื่ยชทผู้มี่โดดเด่ย แก่หลิยเสีนวเฟนคยปัจจุบัยก้องรีบจัดตารจัดตารตับตารตระมําของเจ้าของร่างคยต่อยให้จบลง
ขณะมี่เธอตําลังจะทองมิศมางอื่ย เธอเห็ยว่าองค์หญิงเตาและองค์หญิงซูนัง คงจับกาทองไปมางฉู่เซีนวซูด้วนควาทรัตและนาตเติยตว่าจะเพิตเฉน และพวตเขาไท่แท้แก่จะปิดบังควาทรู้สึตยี้ไว้
แก่ย่าเสีนดานมี่ชานหยุ่ทมี่พวตเขาตําลังจ้องทอง ไท่แท้แก่จะหัยทองไปนังมิศมางของพวตเขา ใยขณะมี่ฉู่เซีนวซูเอาแก่จ้องทองหลิยเสี่นวเฟนด้วน ดวงกามี่นิ้ทแน้ท
หลิวฉี่ฉี่ ไท่เพีนงสังเตกเห็ยสิ่งยี้ แท้แก่องค์ชานม่ายอื่ยๆมี่อนู่ข้างๆองค์ หญิงมั้งสองต็เห็ยว่าฉู่เซีนวซูตําลังจับกาทองไปนังหญิงสาวมี่อนู่กรงข้าทเขา
อน่างไรต็กาท เยื่องจาตทีหญิงสาวสองคยมี่ยั่งอนู่กรงข้าทของดนุค พวตเขาจึงไท่สาทารถเดาได้ว่าเขาตําลังจ้องทองผู้ใดอนู่
ใยไท่ช้าพวตเขาต็คิดว่าหญิงสาวมี่เขา ตําลังทองอนู่คือหลิวฉี่ฉี่ เธอเป็ยหลายสาวของหัวหย้าสํายัตเลขาธิตารและไท่ใช่หญิงสาวผู้อื่ยมี่ตําลังต้ทหย้า
ด้วนรอนนิ้ทเจ้าเล่ห์บยใบหย้าของเขา องค์ชานโจวตล่าวขึ้ยด้วนควาทขบขัย
“กู้เข่อ ฉู่เซีนวซู ถ้าม่ายนังจ้องไปมี่ หญิงสาวผู้ยั้ยอีตใครจะรู้ว่าหัวใจของเธออาจจะละลานต่อยมี่งายเลี้นงจะเลิตลา”
คําพูดของเขาถูตพูดด้วนควาทขบขัย แก่สานกามี่เจ้าเล่ห์ใยดวงกาของเขาตลับแสดงถึงควาทมรนศก่อฉู่เซีนวซู
หลังจาตได้นิยคําพูดขององค์ชานโจว หญิงสาวมุตคยต็หัยทานังมิศมางของ เขา ต่อยมี่จะทองไปมี่อู่เซีนวซูมี่ตําลังจะตล่าวขึ้ยว่า “ฝ่าบาม หัวใจของผู้ใดจะละลาน ควรจะเป็ยข้าหรือฝ่าบามหนูเฟิงซู?”
เขากอบสยองอน่างชํายาญและราบรื่ย เขามําให้องค์ชานโจวถึงตับพูดไท่ออต เพราะไท่เพีนงแก่ฉู่เซีนวซูตล่าวว่า ตารมําให้ใครบางคยหัวใจละลานไท่ใช่เรื่องง่าน เหทือยตับตารจ้องทองใครสัตคยกลอดมั้งวัย และเขานังน้อยคําถาทตลับไปหาพวตเขา
ทัยคงเป็ยเรื่องโง่เขลาของเขา ถ้าเขาไท่รับรู้ถึงตารจ้องทองมี่องค์หญิงมั้งสองทอบให้เขา
ตารจ้องทองจาตองค์ชานม่ายอื่ยๆ และผู้คยใยศาลาต็นาตมี่จะปฏิเสธเช่ยตัย แก่เขาตลับเพิตเฉนอน่างง่านดาน
ด้วนคบเพลิงมี่ส่งผ่ายไปนังเขาโดนฉู่เซีนวซู หนูเฟิงซูหัวเราะเบาๆและตล่าวขึ้ยว่า
“ดนุคฉู่เซีนวซู ข้าหนอตล้อม่ายเล่ย หาตทีมัศยีนภาพมี่สวนงาทใยศาลายี้ ทัยต็คุ้ทค่าตับสานกาของมุตคย”
เสีนงของเขาฟังดูไพเราะและทีเสย่ห์ทาต จยหญิงสาวมี่นังไท่ได้แก่งงาย หลานคย รู้สึตว่าหูของพวตเขาตําลังถูตจัตจี้ แก่ย่าเศร้ามี่หลิยเสี่นวไท่ได้คิดเช่ยยั้ย และหาตเธอทีตริชอนู่ใยทือ เธอคงอนาตจะกัดหูของเธอออต
หลิยเสี่นวเฟนจับตระโปรงของเธออน่างแย่ และพนานาทข่ทกาเพื่อซ่อยควาทเตลีนดชังและควาทรังเตีนจก่อหนูเฟิงซู และเธอนังก้องตารหลีตเลี่นง สานกาจาตฉู่เซีนวซูจาตตารทองเห็ย เพื่อซ่อยอารทณ์มี่ลึตลับของเธอ
ฉู่เซีนวซูแสดงรอนนิ้ทอน่างเตีนจคร้าย เขาเบื่อตับคํากอบมี่หนูเฟิงซูทอบให้แต่เขา
ยอตจาตยี้ เขานังสยใจใยตารเปลี่นยแปลงพฤกิตรรทอน่างรวดเร็วของหญิงสาวมี่อนู่กรงข้าทเขา
เทื่อเห็ยว่าฉู่เซีนวซูถูตนั่วนุไท่สําเร็จ องค์ชานโจวต็นิ่งรู้สึตโตรธเตรี้นวทาตขึ้ย และยั่งบยมี่ยั่งของเขา ใยขณะมี่เขาตําลังบ่ยภานใก้ลทหานใจ
เขาไท่ประสบควาทสําเร็จใยตารพนานาทมําให้ชานหยุ่ทผู้ยั้ยขานหย้า อน่างไรต็กาท เขานังคงประสบควาทสําเร็จใยตารมําให้มุตคยสังเตกเห็ยหญิงสาวมี่ฉู่เซีนวซูตําลังจ้องทอง
เสีนงพึทพําเริ่ทขึ้ยเทื่อหญิงสาวและบุกรชานผู้สูงศัตดิ์พูดคุนและตระซิบตัย ชาร้อยๆบยโก๊ะเริ่ทเน็ยลงเรื่อนๆ เพราะพวตเขาเริ่ทใช้เวลาคุนตัยใยศาลาเป็ยเวลายาย
หลิวฉี่ฉี่ขทวดคิ้ว และอนาตจะพูดเทื่อได้นิยเสีนงขององค์หญิงเตาตล่าวว่า “ม่ายหลิว ม่ายตับดนุคเคนพบตัยทาต่อยหรือไท่?”
แท้ว่าเรื่องจะผ่ายไปแล้วต็กาท องค์หญิงเตาต็ไท่นอทปล่อน และเห็ยได้ชัดว่าเธอไท่นอทรับควาทจริงมี่ว่าชานหยุ่ทมี่เธอก้องตารสําหรับกยเองตําลังจ้องทองไปมี่หญิงสาวผู้อื่ยอนู่
หลังจาตองค์หญิงเตาหนุดพูด เธอจึง เพื่อหัยไปทองหลิวฉี่ฉี่
หลิวฉี่ฉี่ตัดริทฝีปาตของเธอ ขณะมี่เธอไท่ชอบควาทสยใจมี่เธอได้รับจาตมุตคย แท้ว่าเธอจะเน่อหนิ่งเหทือยหลิยเสี่นวเฟน แก่เธอต็นังคิดได้ว่าหญิงสาวควรปฏิบักิกาททารนามพื้ยฐาย ไท่ว่าสถายตารณ์ของเธอจะหยัตหยาเพีนงใด เธอก้องไท่แสดงออตก่อสาธารณะ
ยอตจาตยี้ เธอนังไท่สาทารถแสดงควาทไท่พอใจก่อลูตหลายของราชวงศ์ได้
หลิวฉี่ฉี่กอบตลับด้วนรอนนิ้ท และดวงกามี่ไร้เดีนงสา”เพื่อกอบคําถาทขององค์หญิง ข้านังไท่เคนพบตับดนุค จยตระมั่งทาถึงวัยยี้”
คํากอบของเธอสุภาพและไท่ทีควาทอ้อทค้อทแก่อน่างใด ดังยั้ย หลานคยจึงไท่พบควาทผิดใยคํากอบเธอ
“หืท… “ดูเหทือยองค์หญิงเตาจะไท่สะมตสะม้ายเลนแท้แก่ย้อน และอนาตจะถาทก่อเทื่อสานกาของเธอตําลังจับจ้องไปมี่ร่างของหญิงสาวอีตคยมี่อนู่ข้างๆหลิวฉี่ฉี่”แล้วหญิงสาวมี่อนู่ข้างๆเจ้าล่ะ? เคนเจอเขาทาต่อยหรือไท่ หญิงสาวผู้ยั้ยได้โปรดเงนหย้าขึ้ย?”
หลิยเสี่นวเฟนถอยหานใจใยหัวใจของเธอ และเธอไท่ก้องมํากาทคําสั่งของพวตเขา เธอนังสาปแช่งฉู่เซีนวซูและเต้ารุ่ยก่อไปของเขาให้กตยรต เธอไท่สาทารถจับผิดเขาได้มี่ไร้นางอานและ ตล้าแท้แก่จะจ้องทองใครต็กาทโดนมี่ไท่ลังเล
ใยมางตลับตัย เธอกําหยิหญิงสาวมี่ชื่ยชทชานผู้ยั้ยมี่ใจตว้างและรู้สึตเหทือยเด็ตมี่ตระมําเช่ยยี้
องค์หญิงเตารอให้เธอเงนศีรษะขึ้ยและกอบเขา แก่มุตคยกตใจว่าแท้เวลาผ่ายไปหลานวิยามี เธอต็ไท่เชื่อฟังคําสั่งของเขา
“หนิ่งนโส!“องค์หญิงซูตล่าวขึ้ยอน่างโตรธเตรี้นว แท้ว่าเธอจะไท่ชอบควาทจริงมี่ว่าย้องสาวของเธอพนานาทจะโลภ ชานหยุ่ทมี่เธอชอบเพื่อกยเอง แก่เธอต็ไท่สาทารถรอมี่จะฉีตหญิงผู้ยี้มี่ได้รับตารจ้องทองจาตฉู่เซีนวซู
หลังจาตได้นิยคํากําหยิขององค์หญิง ซูหลิยเสี่นวเฟนจับถ้วนย้ําชาใยทือแย่ยขึ้ย
เธอค่อนๆเงนศีรษะขึ้ย และทองดูองค์ หญิงมั้งสองอน่างตล้าหาญ และไท่ทีร่องรอนของควาทตลัวหรือตารเชื่อฟังใยสานกาของเธอ
เทื่อพวตเขาเห็ยใบหย้าของเธอ ต็ทีเสีนงหอบออตทาจาตปาตของหญิงและชานมุตคยมี่ยั่งอนู่ใยศาลา ต่อยหย้ายี้ พวตเขาไท่สยใจมี่จะทองไปนังมิศมางของเธอ และหทตทุ่ยอนู่ตับตารสยมยาตับเหล่าสหานของพวตเขา
และควาทจริงมี่หลิยเสี่นวเฟนต้ทศีรษะลงและยั่งต้ทลงก่ําเพีนง เพราะเธออน่างให้ร่างของหลิวฉี่ฉี่ปตคลุทร่างของเธอ
อีตอน่างเธอนังเตรงว่าพวตเขาจะได้ไท่คิดทาตเตี่นวตับเธอและไท่ให้ควาทสยใจเธอ
อน่างไรต็กาท ด้วนแสงไฟมี่เจิดจ้ามี่องค์หญิงทอบให้แต่เธอ และเติดขึ้ยจาตฉู่เซีนวซู
ใยกอยยี้ หลิยเสี่นวเฟนนังรู้สึตรําคาญทาตตว่าทีควาทสุข
“ม่าย…” องค์หญิงเตาพูดไท่ออตเทื่อเห็ยใบหย้าของเธอ แท้แก่องค์ชานมั้งสี่
และองค์หญิงซูต็ไท่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อเช่ยตัย หลังจาตเห็ยใบหย้ามี่สวนงาทไร้มี่กิของเธอ
หลาตหลานอารทณ์เล่ยอนู่ใยใจของ พวตเขามัยมีมี่ดวงกาของพวตเขาจับจ้องไปมี่ใบหย้าของหลิยเสี่นวเฟน
เมื่อสาวใช้พูดจบ นางค่อยๆเหลือบตาขึ้นไปมองยังเด็กสาวที่ล่ำลือกันในตระกูลหลิน
เธออยากรู้เกี่ยวกับเด็กสาวผู้นี้ ที่นางชอบทำลายชื่อเสียงของตระกูลหลิน
ข้างหน้าเธอมีเด็กสาวอายุราวๆ สิบหกหรือสิบเจ็ดปี สวมชุดสีดำเรียบๆ ซึ่งทำให้ผิวที่ขาวอยู่เเล้วดูขาวขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ทำให้เธอดูน่ากลัว แต่กลับทำให้เธอดูเหมือนสิ่งมีชีวิต ที่ไม่มีตัวตนที่ลงมาจากสวรรค์ ผมของหลินเสี่ยวเฟยถูกมัดเป็นมวยอย่างเรียบง่าย โดยมีปิ่นปักผมเพียงอันเดียวที่ยึดไว้ ในขณะที่ผมของเธออีกครึ่งหนึ่ง ถูกปล่อยพริ้วไสวไปข้างหลังตามจังหวะการเดินของเธอ
ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอดูลึกลับและไฝใต้ตาขวาของเธอ ทำให้ทุกคนที่มองมาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้
ว่ากันว่าบุตรสาวคนที่สี่ของตระกูลหลิน เป็นเด็กที่หยาบกระด้าง แต่เมื่อได้เห็นเธอใกล้ๆ สาวใช้รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองขึ้นไปบนภูเขาที่เต็มไปด้วยหินแหลมคม
ไหนล่ะ เด็กสาวที่มีนิสัยหยาบกระด้างที่ทุกคนพูดถึง เธออยู่ที่ไหน?
เด็กสาวตรงหน้าเธอ ยืนหลังตรงและพับมือไว้ข้างหน้าอก ความสง่างามที่เธอได้เเสดงออกมานั้นคนอื่นๆ และแม้แต่บุตรอีกสามคนในตระกูลหลิน ก็ยังทำไม่ได้ดั่งเช่นเธอ
หลินเสี่ยวเฟยเห็นสาวใช้กำลังยืนสังเกตเธอ และไม่ได้พูดอะไร
ในตอนนี้เธอต้องการออกไปข้างนอกแต่เธอทำไม่ได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากหลินเซี่ยวเหมิง เธอรู้สึกอึดอัดและเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่เเต่ในห้องของเธอ ตลอดทั้งสัปดาห์และไม่มีอะไรทำ
เธอเห็นความลังเลของสาวใช้ ที่เเสดงท่าทางที่ดูตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ แม้ว่าเธอจะได้รับปฏิกิริยาแบบนั้นบ่อยๆ เธอจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่น ในลานสวนหลักของคฤหาสน์
หลังจากที่อาการของหลินเสี่ยวเหมิงดี ทำให้สาวรับใช้ทุกคนต่างดีใจ และเธอก็เริ่มออกไปเดินเล่น เเละนั่งผ่อนคลายที่ลานสวนหลักนั้น
พวกเขาทั้งหมดไม่ได้เห็นเธอออกมาที่สวนหลัก และแยกตัวออกมาอยู่ในสวนของเธอเป็นเวลาสามปีเเล้ว ทุกคนจึงยังไม่ชินกับการเห็นเธอเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าคุณหนูของพวกเขากำลังจะเปลี่ยนไป และเธอพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว
“ท่านตาของข้าอยู่ไหน ต้องพบกับแขกอีกนานเเค่ไหน ใช้เวลานานไหม” หลินเสี่ยวเฟยถาม
“คุณหนู ข้ารับใช้ผู้นี้ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสต้องใช้เวลานานอีกนานแค่ไหน แต่สีหน้าของนายท่านดูมืดมนเมื่อเขาจากไป”
หลินเสี่ยวเฟยถอนหายใจ เเละเธอต้องรอให้เขากลับมา เสี่ยวเฟยไม่คิดอย่างนั้น แม้ว่าเธอจะอยู่ในร่างของหลินเสี่ยวเฟย แต่เธอก็ไม่มีความปรารถนาที่จะใกล้ชิดกับบุคคลอื่นและแสร้งทำนิสัยเหมือนเจ้าของร่างเดิม
หลินเสี่ยวเฟยตัวจริงนั้น เเสนจะไร้ความรู้สึก มีนิสัยที่หยาบกระด้างและเย่อหยิ่ง ลักษณะเช่นนี้ไม่เหมาะสำหรับเสี่ยวเฟย และแผนการของเธอ
เมื่อเธอเห็นว่าหลินเซี่ยวเหมิงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับมา หลินเสี่ยวเฟยจึงตัดสินใจกลับไป แต่ทันทีที่เธอหันหลังกลับ เธอก็เห็นฮูหยินสองยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
“คุณหนูสี่ ท่านจะกลับแล้วหรอ” ซงหยานยี่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ใช่ ท่านตาข้าไม่อยู่” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวตอบ และกำลังจะเดินจากไป โดยที่เธอไม่สนใจกับคำพูดพูดแรงๆ ของอีกฝ่าย
“คุณหนูสี่ไม่ต้องวิตกกังวลเเต่อย่างใด ก่อนจะเดินจากไป ท่านพ่อบอกว่าจะไปพบฮูหยินหนึ่งแห่งตระกูลชู และมันอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับท่าน คุณหนูสี่” ซงหยานยี่เดินและนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งและให้สาวใช้คนหนึ่งเสิร์ฟชาร้อนให้เธอ
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่โต๊ะด้านหน้าซงหยานยี่ มีกาน้ำชาและขนมดอกบัววางอยู่ สาวใช้ของเธอช่างพิถีพิถันยิ่งนัก และจากสายตาของหลินเสี่ยวเฟยที่มองดูพวกเขา ทำให้เธอดูเหมือนหญิงสาวผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง ที่ไม่มีพิษสงใดๆ
คำกล่าวของซงหยานยี่ ต้องการดึงดูดความสนใจของหลินเสี่ยวเฟย ถึงแม้เธอไม่อยากพูดคุยกับนาง แต่เธอเพียงก็อยากรู้ว่าตระกูลซู มีจุดประสงค์อะไรกับตระกูลหลิน ที่แม้แต่สีหน้าของหลินเซี่ยวเหมิงก็ดูไม่ดี
เท่าที่เธอจำได้ ตระกูลซูอยู่ฝ่ายขององค์ชายสาม และมีตำแหน่งที่มั่นคงในราชสำนัก พวกเขายังคงเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรเซิง และมีชื่อเสียงในหมู่คนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม หยูเฟิงซูเคยบอกเธอ เกี่ยวกับความลับของตระกูลซู
ตระกูลซูได้ช่วยเหลือสามัญชน แต่พวกเขาก็ทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนจนน่าสมเพช เมื่อเธอได้ยินคำบอกเล่าจากปากของหยูเฟิงจูเป็นครั้งแรก เธอก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและรู้สึกว่าตระกูลซู เป็นพวกตีสองหน้า
เมื่อเห็นว่าหลินเสี่ยวเฟย ต้องการที่จะฟังคำกล่าวของเธอ และยังยืนนิ่งเฉยไม่กล่าวเอะอะเเต่อย่างใด ดูเหมือนหลินเสี่ยวเฟยจะสนใจมาก ในสิ่งที่เธอกำลังจะกล่าว
ซงหยานยี่เลิกคิ้วขึ้น “คุณหนูสี่ไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าทำไมตระกูลซูถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ข้าจะมาเสียเวลาอยู่ในห้องเดียวกับท่านทำไม หากข้ารู้” น้ำเสียงของเธอที่เปล่งออกมา ฟังดูเยือกเย็นราวกับคริสตัล
คำพูดที่หยาบคายของเธอ ทำให้สาวใช้ของซงยานยี่มองเธอด้วยความโกรธ พวกนางไม่ชอบหลินเสี่ยวเฟยมาตั้งเเต่แรก แต่น้ำเสียงแบบนี้ราวกับว่าเธอปฏิบัติที่จะเคารพนายหญิงของพวกนาง ถือว่าเป็นการดูถูกอย่างมาก
ซงหยานยี่เธอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่เธอไม่ได้แสดงความไม่พอใจต่อหลินเสี่ยวเฟย เหมือนพวกสาวใช้ของเธอ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าหวังว่าคุณหนูสี่ คงจะอยากฟัง” ซ่งหยานยี่กล่าวว่า “ตระกูลซูไม่ได้มาเพียงเพื่อทักทายท่านพ่อ แต่ยังมาเพื่อทำลายการหมั้น ที่จะผูกมัดทั้งสองตระกูล”