กําเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 46 – ขุนนางนิสัยเสีย
“คัมภีร์เวทมนตร์และเคล็ดวิชาอีกมากมายอย่างไม่จํากัด แต่ข้าเชื่อว่าเราสามารถทําข้อตกลงกันได้”
เควินตอบกลับทันที เขารู้ดีว่าการที่ไม่ได้มีฐานะเป็นขุนนางมันยากเพียงใดที่จะทําให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
โนอาห์สงสัยในข้อจํากัดดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องในสิ่งที่เขาต้องการรู้เพิ่มขึ้น
“ข้าต้องการยานหรือไม่ก็ยาเม็ดเพื่อบํารุงรักษาร่างกาย ซึ่งยาต้องมีระดับเดียวกับยากําลังภายใน”
เควินขมวดคิ้ว เขารู้สึกประหลาดใจที่เด็กหนุ่มคนนี้รู้จักยากําลังภายในด้วยแต่เขาก็ประทับใจในความจริงที่ว่าโนอาห์ขอสิ่งที่มีคุณค่าอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าไม่มีอํานาจที่จะรับปากให้รางวัลที่ดีเช่นนั้นกับเจ้าได้หรอกนะ
โนอาห์ยักไหล่ตอบ “งั้นก็พาข้าไปพบคนที่มียานั่นสิ”
คําถามจนมุมอีกหนึ่งคําถามถูกปล่อยออกมาโดยโนอาห์ ชายร่างยักษ์จ้องมองเด็กหนุ่ม ต่างคนต่างสงบเงียบอยู่ภายในรถม้า จู่ๆ เควินก็พยักหน้า
“ตามข้ามา และทําตัวให้เป็นที่น่าเคารพ”
เควินกระโดดลงจากรถพร้อมกับโนอาห์และตรงไปยังรถม้าคันรองสุดท้ายของขบวน เขาเคาะประตูและโค้งคํานับพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“นายน้อย ข้าเองขอรับ”
เสียงของเด็กหนุ่มดังออกมาจากข้างในรถม้า “เข้ามา”
ประตูถูกเปิดออกและเควินก็เข้าไปข้างในจากนั้นก็ส่งสัญญาณให้โนอาห์ตามมา ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสีเขียวนั่งอยู่ในรถม้าพร้อมกับถ้วยใบหนึ่งในมือ เขามีผมสีทองหยักศกและเคราเตียน อายุราวสิบสี่ถึงสิบห้าปีและมีสีหน้าที่ซีดเซียว ความเย่อหยิ่งเล็กๆ ถูกปล่อยออกมาจากสีหน้าของเขา
โนอาห์มองทายาทของตระกูลลานเซย์อย่างตั้งใจและอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
“ช่างอ่อนแอ จุดประสงค์ของการเป็นขุนนางคืออะไร หากคุณไม่ใช้ฐานะของคุณเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ไม่แปลกใจเลยที่ลุงของเขาคิดจะยึดครองอํานาจ
มีร่องรอยของ “ลมหายใจ” จางๆ อยู่รอบตัวเขา ซึ่งหมายความว่าอย่างน้อยเขาก็น่าจะได้รับการฝึกเคล็ดการบํารุงรักษาร่างกายมาบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมีเพียงแค่ฐานะของเขาเท่านั้นที่ปกป้องตัวเขาได้
โนอาห์ยังคงจ้องชายหนุ่มไม่ละสายตา จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงสายตาที่เกรี้ยวกราดส่งตรงมาถึงเขา เขาหันไปยังทิศทางนั้นและพบเควินกําลังมองเขาขณะกําลังรอให้มีบางอย่างเกิดขึ้น
“จริงสิ ถึงขุนนางจะอ่อนแอก็ยังเป็นขุนนางอยู่ดี”
โนอาห์โค้งคํานับเล็กน้อย
“ทําความเคารพทายาทตระกูลลานเซย์เสียสิ”
ขุนนางชายดูจะสังเกตเห็นท่าทางของโนอาห์หลังจากที่เขาพูดและใช้สายตามองสอบสวนอย่างขู่เข็ญส่งไปหาเควิน
“เขาโนอาห์ ลูกศิษย์ของเพื่อนสนิทข้าเอง เขาถูกส่งมาทําภารกิจ”
เควินพูด จากนั้นก็หันไปหาโนอาห์ “นายน้อยคือ เบซิล ลานเซย์ บุตรของท่าน เบเนดิก ลานเซย์ สายเลือดที่แท้จริงในตําแหน่งอัครบิดร”
เบซิลวางถ้วยลงและถามด้วยน้ำเสียเชิงรําคาญ “เจ้าพาเขามาที่นี่ทําไม มีธุระอะไร?”
เควินโค้งคํานับ “เขาขอรางวัลที่ข้าไม่มีอํานาจจะรับปากได้ว่าจะหาให้ได้”
เบซิลทําเสียงอึดฮัด “ห์ เมื่อข้าเข้าไปถึงคลังเก็บสมบัติ ข้ามั่นใจเลยว่าตลอดชีวิตนี้เจ้าจะไม่จําเป็นต้องทํางานอีกต่อไป ไม่จําเป็นที่เจ้าต้องถ่อมาถึงนี่ด้วยตัวเองหรอกนะ”
เควินเสริมต่อ “เขาร้องขอยาบํารุงรักษาร่างกาย และขอที่เป็นระดับสูง”
ดวงตาของเบซิลเบิกโพลง “ผู้ที่อายุน้อยกว่าข้าจะมีค่าควรกับของที่มีค่าเช่นนั้นได้อย่างไร พาเขาออกไปจากที่นี่ และช่วยสั่งสอนเขาด้วย”
โนอาห์เกิดความขุ่นเคืองใจทันทีและแรงกดดันอันเยือกเย็นก็ถูกปล่อยออกมาจากตัวเขา แรงกดดันที่ถูกปล่อยออกมาจากนักเวทย์นั้นทําให้ผู้อ่อนแอเช่นเบซิลเกิดอาการหายใจหอบ
ขณะเดียวกันนั้น จิตํามหิตจากเควินก็พุ่งแรงขึ้นอีกครั้งบังคับให้โนอาห์ถอนแรงกดดันออกไป
เบซิลหายใจหอบหืดและเกิดความโกรธเกินกว่าเหตุ
“คนชั้นต่ำเช่นเจ้ากล้าดียังไงถึงทําร้ายข้า! เควิน ข้าขอถอนคําพูดก่อนหน้านี้ ฆ่ามันเสียและโยนศพมันให้สัตว์ข้างนอกกิน บางทีพวกมันอาจจะเข้าใจความแตกต่างของ ฐานะก็ด้วยวิธีนี้!”
อย่างไรก็ตาม โนอาห์พร้อมที่จะลงมาจากรถม้าแล้ว “ช่างเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะทําภารกิจเสี่ยงๆ เพียงเพื่อชื่อเสียงและคุณสมบัติ ฉันต้องกลับไปคฤหาสน์แล้วหาข้ออ้างเอา”
ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไป เสียงของเบซิลก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เดี๋ยว!”
เขาหันไปมองเบซิล
“ดูเหมือนข้าจะตัดสินเจ้าผิดไป แน่นอนว่าข้าต้องการคนที่แข็งแกร่งสําหรับภารกิจนี้ เพราะเราจะต้องต่อสู้กับกองกําลังทหารของท่านลุง เราค่อยมาตกลงกับข้อเสนอของเจ้าได้ แต่ก่อนอื่น เจ้าต้องขอโทษกับการกระทําของเจ้าก่อนหน้านี้เสียก่อน”
“เขาก็ยังคงพอมีสมองอยู่บ้างนะแม้จะอยู่ท่ามกลางพวกขุนนางสมองกลวงก็ตาม
เขามองไปหาเควินและเห็นเขายิ้มอย่างภูมิใจพร้อมพยักหน้าให้เขา เขาคงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ขุนนางหนุ่มคนนี้ด้วยตัวเอง
“ไม่” คําตอบโนอาห์หนักแน่น
รอยยิ้มของเควินชืดจางไปและแม้แต่ทายาทหนุ่มก็หมดคําพูดไปชั่วขณะ จากนั้นเขาพูดตะกุกตะกักออกมา
“ทะ ทําไม?”
“เพราะท่านอ่อนแอ ไม่ว่าจะขุนนางหรือท่านก็ไม่คู่ควรกับคําขอโทษจากข้า”
เบซิลเกิดความโกรธอีกครั้งและกําลังจะตะโกนแต่เควินวางมือลงบนไหล่เพื่อห้ามเขาไว้ “นายน้อย ข้ารู้ว่าเขาเสียมารยาทแต่เราต้องการความช่วยเหลือจากทุกทางที่เราหาได้ เมื่อท่านได้อัครบิดรมาครอง เมื่อนั้นท่านจะเอาแต่ใจเท่าใดก็ได้”
โนอาห์เพียงส่ายหน้าเมื่อได้ยินคําพูดเช่นนั้น
“อย่าบอกนะว่าแม้แต่ทายาทตระกูลบัลวันก็เป็นอย่างนี้ บางทีทฤษฎีของฉันเรื่องความโง่เขลาของพวกอ่อนแออาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
การสนทนาระหว่างเควินและเบซิลดําเนินต่อไปครู่หนึ่งพร้อมกับความขุ่นเคืองในใจโนอาห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เขาต้องทนฟังเรื่องราวเหล่านี้
ในที่สุด เบซิลก็เห็นด้วยกับคําขอของโนอาห์และเควินก็รีบพาเขาไปก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกมาทําลายความรู้สึกของนายน้อยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทั้งคู่กลับมาที่รถคันเดิมโนอาห์ก็หัวเราะเยาะเควิน
“ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเช่นท่านถูกบังคับให้กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กใจแตกงั้นรี คงเป็นงานที่ยากน่าดูสินะ”
รอยยิ้มเยาะปรากฏบนใบหน้าของโนอาห์ขณะมองชายร่างยักษ์ที่กําลังขวดขมับตัวเองอยู่เพื่อสงบจิตใจ
“มันไม่ใช่ความผิดของนายน้องทั้งหมด เขาเติบโตมากับการที่ถูกทายาทจากตระกูลโชสติกลั่นแกล้งมาโดยตลอดและในที่สุดช่วงเวลาที่เขาจะได้ทําการกลั่นแกล้งบ้าง เขาก็ได้พบคนเช่นเจ้า อย่าห่วงเลย เมื่อเราไปถึงคฤหาสน์ข้าจะทําให้มั่นใจว่าเจ้าจะได้ในสิ่งที่ขอ”
โนอาห์พยักหน้า เขาเชื่อในคําพูดของเควิน
ขณะเดียวกันนั้น การไต่สวนภารกิจคุ้มกันนอกขบวนก็ได้สิ้นสุดลง
พวกเขาพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว