กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 32 – ชัยชนะ
เพื่อป้องกันดาบตรงหน้า ชายคนนั้นจึงต้องหยุดวิ่งหนี เป็นเหตุให้ผู้พิทักษ์แห่งคฤหาสน์บัลวันล้อมเขาไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง
ด้วยความโกรธแค้น เขาพยายามมองหาเจ้าของดาบเล่มนั้นแต่กลับเห็นเพียงแค่ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งวิ่งหนีไปด้วยความรวดเร็ว
ในช่วงจังหวะที่ได้รับการเบี่ยงเบนความสนใจนี้ อีธานใช้ดาบของเขาแทงเข้าที่เอวของชายคนนั้น แซนดี้และมาร์คเองก็ทำเช่นเดียวกัน ในการต่อสู้กันระหว่างผู้ฝึกตน หากมีคนใดคนหนึ่งวอกแวกอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ในทันที นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหน้าที่ของโนอาห์คือการช่วยเหลือให้ผู้ฝึกตนจากฝ่ายของเขาได้ต่อสู้อย่างราบรื่นโดยไม่ถูกขัดขวางหรือแทรกแซง และการเข้าแทรกแซงคือสิ่งที่เขากำลังทำอยู่กับฝ่ายตรงข้าม
เขาจะรอเพื่อหาโอกาสสร้างความผิดพลาดให้แก่ศัตรูที่กำลังจนมุมจากเพื่อนๆ ในกลุ่มของเขา
ตู้ม!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากเหนือทางเดินขึ้นภูเขา ปรากฏเป็นงูไฟที่กำลังเลื้อยพันอยู่รอบแขนข้างขวาของหัวหน้าทหารหนีทัพ
ซากศพของซูซานที่ถูกย่างจนไหม้เกรียมนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นใกล้ๆ เขา ไม่มีสัญญาณของชีวิตหลงเหลืออยู่ในตัวเธออีกต่อไป
“หะ หัวหน้า…”
ทหารหนีทัพที่คิดหนีเอ่ยคำวิงวอนครั้งสุดท้ายออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือก่อนตายถูกชายสามคนใช้โลหะแหลมคมเสียบเข้าไปในร่าง
เปลวไฟค่อยๆ จางหายไปและร่างของงูที่อยู่ตรงนั้นก็ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจอมเวทย์นั้นเป็นอย่างไรผ่านการใช้คาถาถึงสองครั้ง
โนอาห์ อีธาน แซนดี้ และมาร์คกลับมารวมกลุ่มและจ้องมองชายผู้มีสีหน้าซีดเซียวซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ใช้คาถาเวทมนตร์ฆ่าหัวหน้าของพวกเขา
“เจ้าเป็นใคร?” อีธาน ขณะหายใจหอบหืดจากความเหนื่อยล้าที่ต้องต่อสู้กับผู้ฝึกตนถึงสองคน
“ชิ อะไรกัน ตระกูลโชสติลืมเอ่ยถึงข้าไปได้ยังไง ในเมื่อพวกเขาเป็นคนที่ให้รายงานกับพวกเจ้า?”
ทุกคนต่างหยุดนิ่งเพื่อรอให้พลังงานบางส่วนฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง
“เราเป็นเพียงแค่คนธรรมดา อ่านชื่อของคนที่พวกเราต้องฆ่าไปก็เปล่าประโยชน์” แซนดี้ว่าพร้อมยักไหล่
“ข้าชื่อ ออร์สัน เจ้าจะอยากรู้ไปทำไม?”
“เจ้าฆ่าหัวหน้าของเรา เราต้องรายงานชื่อของเจ้าหลังจากที่ฆ่าเจ้าทิ้งไปแล้วเพื่อนำไปบอกพวกนั้นว่ารายงานของพวกเขาน่ะมันห่วยแตกแค่ไหน”
ถึงเวลาที่มาร์คจะต้องพูด แต่โนอาห์ไม่สนใจเพราะเขาจดจ้องอยู่กับออร์สัน
‘หมอนั่นทำอีกได้ไหม? เราอาจตายเพราะคาถาของเขา แต่ซูซานทำให้เขาใช้คาถาไปถึงสองครั้งแล้ว มันจะมีครั้งที่สามไหม?’
“ไม่แปลกใจเลยที่นางแข็งแกร่งเช่นนั้น หัวหน้าของพวกเจ้าสินะ! ร่างกายของนางถึงขีดสุดของอันดับสาม ช่างน่าสงสาร ถ้านางเป็นขุนนางก็คงจะมีเคล็ดวิชาอันดับที่ต้องบรรลุให้ถึงอันดับสี่ แต่อนิจจา…” ดูเหมือนออร์สันจะรู้สึกเสียใจขณะพูดถึงซูซาน “เช่นนั้นข้าจึงคิดก่อกบฏ ข้าเป็นจอมเวทย์อันดับหนึ่งมาร่วมสิบปีและวิธีเดียวที่ทำให้ข้าได้มาซึ่งคาถาต่างๆ ก็คือ การขโมย พวกเจ้าไม่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมไปหน่อยรึ? ไม่คิดหรือว่าคนที่มีความสามารถเช่นนาง เช่นข้า มีสิทธิ์ที่จะได้รับสิ่งที่คู่ควร?” คำพูดของเขาแสดงถึงปัญหาที่มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในโลกของผู้ฝึกตน
ตระกูลขุนนางสะสมความมั่งคั่งและเคล็ดวิชาที่ผูกขาดกับพวกเขา ใครก็ตามที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลก็จะต้องรับใช้คนพวกนั้นไปตลอดชีวิตโดยหวังว่าวันหนึ่งจะได้รับรางวัลตามนั้นบ้าง หรือไม่ก็ด้วยวิธีที่ขัดต่อกฎหมาย
จังหวะการหายใจของอีธานกลับมาปกติ เขามองเพื่อนๆ และพยักหน้า
“ลุยกันเลยไหม?”
ออร์สันส่ายหน้าแต่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ เขาก้มหยิบกระบองเหล็กขนาดใหญ่ขึ้นมาจากพื้นด้วยมือข้างซ้ายและตะโกนลั่นออกมา “เข้ามาเลย!”
กลุ่มของโนอาห์ไม่รอช้าและกระโดดตรงเข้าไปหาเขาทันที อีธานคือคนแรกที่ฟันปะทะเข้ากันค้อนเหล็กทำให้พื้นตรงที่เหยียบอยู่นั้นเกิดรอยแตกร้าว แซนดี้และมาร์คเดินช้าลงเพื่อคอยรับมืออยู่ทางด้านข้าง
แต่ก่อนที่มีดทั้งสองเล่มของคู่พี่น้องจะพุ่งเข้าเสียบร่างของออร์สัน งูร่างไฟก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ปรากฏขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเขา
แซนดี้และมาร์คต้องหยุดการจู่โจมในขณะที่อีธานถูกผลจากคาถาผลักให้กระเด็นออกไปสามก้าวพร้อมกับมือที่ถูกไฟไหม้เล็กน้อย
งูหายไปและจากคาถาที่ใช้โจมตีมาถึงสองครั้งถูกเปลี่ยนเป็นคาถาเพื่อใช้ในการป้องกัน ดูเหมือนว่าออร์สันจะใช้คาถาเวทมนตร์เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น มันใช้พลังงานจิตของเขาจนเหลือไม่มาก
หลังจากการโจมตีถึงสามครั้ง แขนข้างซ้ายของอีธานห้อยต่องแต่งอยู่กับที่และใช้มือขวาเพื่อยกดาบ บาดแผลที่ขาข้างซ้ายถ่ายเลือดออกมาปริมาณมากทำให้สีหน้าของเขาซีดเทาอย่างเห็นได้ชัดเจน เขาอาจฝืนร่างกายให้ทนต่อไปได้อีกเพียงแค่การจู่โจมอีกครั้งเดียวเท่านั้น
แซนดี้และมาร์คประสานงานกันได้ดีมาก ไฟสัมผัสร่างกายของทั้งคู่เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น เกิดรอยแผลไฟไหม้ตามจุดต่างๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ
ออร์สันที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังหายใจหอบอย่างรุนแรง เขาดูเหนื่อยล้า คล้ายกับอยู่ระหว่างการฝึกฝนกับอักษรรูนคีเซอร์อย่างหนัก
สถานการณ์ทุกอย่างบ่งบอกว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะเป็นครั้งสุดท้าย
ดวงตาของอีธานปรากฏชัดถึงความแน่วแน่ขณะพุ่งเข้าใส่ออร์สันด้วยความประมาท เช่นเดียวกับการโจมตีครั้งที่แล้ว ดาบของเขาปะทะเข้ากับกระบองเหล็กและดันด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อจำกัดให้ออร์สันทำได้แค่ยืนอยู่กับที่
การโจมตีของสองพี่น้องมาถึงได้ถูกเวลาอย่างเช่นเคย โดยเล็งไปยังจุดบอดของจอมเวทย์
ออร์สันเลือกที่จะยกแขนขวาของเขาขึ้นอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด แขนของเขาส่องสว่างและเพลิงอสรพิษก็ก่อตัวขึ้นเมื่อคลื่นดาบแห่งลมที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวฟาดฟันเข้าที่แขนของเขาจนทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์
โนอาห์อยู่ห่างจากจอมเวทย์เพียงไม่กี่เมตร เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นและทำให้ร่างกายท่อนบนตั้งตรงโดยเพ่งเล็กไปยังดาบที่วางอยู่บนพื้น เขามองการโจมตีทั้งหมดจากระยะที่ห่างออกมาเล็กน้อยจนทำให้เขาเข้าใจอยู่สิ่งหนึ่งก็คือ เปลวไฟจะก่อตัวขึ้นมาจากแขนข้างขวาเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงรอจนกว่าออร์สันเผยจุดบอดอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยการโจมตีระยะไกลด้วยศิลปะการต่อสู้ที่เขามี
กระบวนท่าของโนอาห์สมบูรณ์แบบและเวทมนตร์ก็ถูกขัด แซนดี้และมาร์คใช้โอกาสนี้ฟันศีรษะของออร์สันถึงสองครั้งจากฝั่งตรงข้าม
จอมเวทย์เสียชีวิตในที่สุด!
โนอาห์และอีธานล้มลงไปกองกับพื้นในทันที คนหนึ่งล้มลงเพราะใช้ “ลมหายใจ” ในร่างกายจนหมดสิ้น ส่วนอีกคนหนึ่งล้มลงเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในทางตรงกันข้าม สองพี่น้องยังคงยืนมองไปรอบๆ สนามรบและร่างไร้วิญญาณของออร์สัน หลังจากประเมินสถานการณ์บริเวณโดยรอบเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตรงไปยังจุดที่อีธานและโนอาห์นอนอยู่
“ไม่พบคัมภีร์ของคาถาเวทมนตร์ดังกล่าว มันน่าจะทำลายทิ้งไปแล้ว”
“พวกมันตายหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เรากับตัวประกันผู้หญิงที่หิวโหย”
พวกเขาแยกกันออกเป็นกลุ่มสองกลุ่มเหมือนเช่นเคยแต่ครั้งนี้มีร่องรอยของความโศกเศร้า โนอาห์มองซากศพที่ถูกไฟเผาจนไหม้เกรียมตามพื้นและพูดออกมา “หากนางไม่ได้บังคับให้เจ้านั่นใช้คาถาถึงสองครั้ง หนึ่งในพวกเราคนใดคนหนึ่งคงไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อ”
ทุกคนต่างพยักหน้าและโค้งคำนับให้กับศพของผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มของพวกเขา