กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 25 – การกลับมา
วิลเลียมโกรธเกรี้ยวมาก ความเจ็บปวดที่ลูกศิษย์ของเขาต้องพบพานเพียงเพื่อให้เขานั้นได้แข็งแกร่งขึ้น แต่เขากลับถูกหักหลังโดยทหารผู้ไร้ค่าในภารกิจแรก
เมสันยืนขึ้นและอธิบายด้วยสายตาที่ก้มมองแต่พื้นดิน “ท่ารองสารวัตร เราเห็นเขาครั้งสุดท้ายเมื่อวานหลังจากที่เขาถูกแมงมุมอันดับสามโจมตีใส่ เสียงสุดท้ายที่เราได้ยินคือคำสบถด่าเบเลอร์”
เขาชี้ไปยังชายผู้ที่ถูกมัดตรึงอยู่บนพื้น
วิลเลียมมองเขาพร้อมทั้งใช้แรงกดดันทางจิตที่ถูกส่งออกไปทำให้เบเลอร์หายใจไม่ออก
“ได้โปรดเมตตาด้วยเถอะขอรับ! เจ้าเด็กนั้นทั้งขู่ขวัญและสบประมาทข้า มันทำให้ข้ากลัว สิ่งที่ข้าทำลงไปเพียงเพราะว่าข้าต้องเอาชีวิตรอด!”
คำโกหกเล็ดลอดออกมาจากปากของเบเลอร์ขณะที่วิลเลียมเดินเข้าไปใกล้ เขาจับมือที่ถูกมัดอยู่ของเบเลอร์ที่ตัวสั่นเทา จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
“ลูกศิษย์ข้าขู่ขวัญเจ้างั้นรึ ก้มศีรษะของเจ้าและอ้อนวอนขอความเมตาจากข้าเสียสิ”
วิลเลียมจับแน่นขึ้นจนเลือดที่มือของเบเลอร์หยุดเดิน
“หากลูกศิษย์ของข้าสบประมาทเจ้า เจ้าจงยิ้มและขอบคุณผู้ที่ชี้นำเขา”
มีเสียงกระดูกแตกดังออกมาจากมือของเบเลอร์ขณะที่กระดูกถูกบีบอัดเข้าหากัน ความโกรธครอบงำวิลเลียมจนทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ที่กำลังเดินออกมาจากปากทางเข้าถ้ำ
“ถ้าลูกศิษย์ของข้าต้องเสี่ยงชีวิต เช่นนั้นจงแลกเปลี่ยนเพื่อเอาชีวิตของเจ้าไปเสี่ยงแทน และหากเจ้าตายขึ้นมากลางคันเจ้าก็จะได้ตายอย่างมีความสุข”
แกร่ก
กระดูกมือของเบเลอร์แตกละเอียดแต่เขากลับร้องออกมาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เขากลัวความโกรธจนหน้ามืดตามัวของวิลเลียมจนไม่เหลืออากาศสำรองที่จะใช้เพื่อพูด
ผู้พิทักษ์ที่มองดูเหตุการณ์อยู่เริ่มตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินเสียงกระดูกหักและภาวนาให้พวกเขามีชีวิตรอดพ้นจากรองสารวัตรไปได้
“อาจารย์ ท่านมาทำอะไรที่นี่รึ?”
เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังออกมาจากถ้ำขณะที่ร่างของเขาค่อยๆ เผยออกมาจากความมืดมิด ณ ปากถ้ำ เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า เศษเสื้อผ้าของเขาขาดหลุดลุ่ยอยู่ข้างลำตัว ร่างกายของเขาถูกคลุมด้วยสสารสีเขียวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าทำให้เขาดูเหมือนคนที่เป็นโรคผิวหนัง สภาพดาบในมือซ้ายของเขาเหลือใบดาบเพียงแค่ครึ่งเดียว เขากำลังมองวิลเลียมด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มและสายตาที่สงบนิ่ง
“โนอาห์?”
วิลเลียมรีบลุกขึ้นและกระโดดเข้าไปหาเขาพร้อมทั้งตรวจสอบการบาดเจ็บบนเรือนร่างของเขา แต่นอกจากรอยแผลเป็นและเสื้อผ้าที่ขาดลุ่ย ทุกอย่างก็ดูปกติทั้งหมด
“ขอรับ อาจารย์?”
โนอาห์มองเขาในความสับสน เขายังเชื่อมโยงตัวเองกับสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้
ผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ถลึงตามองเขาและแม้แต่เบเลอร์เอง กรามของเขาแทบร่วงลงมาติดพื้นราวกับเขาไม่เชื่อสายตาของตัวเอง ณ ขณะนี้เลย
วิลเลียมมีความสุขเมื่อได้เห็นว่าลูกศิษย์ของเขาปลอดภัยแต่อดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่ค้างคาอยู่มากมายออกมา
“เจ้ารอดมาได้ยังไง? แล้วแมงมุมอันดับสามล่ะ? ทำไมเจ้าถึงไม่ออกมาก่อนหน้านั้น? แล้วทำไมเนื้อตัวเจ้าถึงเป็นสีเขียวไปหมด?”
เขาจับไหล่โนอาห์เขย่าทุกครั้งที่เกิดคำถาม
โนอาห์ถูกบังคับให้ตอบเพื่อที่จะได้ทำให้อาจารย์ของเขาสงบลง “ถ้ำมันใหญ่มากข้าจึงวิ่งหนีไปฆ่าแมงมุมไป เจ้าหมูตอนนั่นทำลายกำแพง เช่นนั้นข้าจึงต้องหาทางออกทางอื่น สีเขียวบนตัวข้ามาจากเลือดของแมงมุมตัวอื่นๆ ส่วนแมงมุมอันดับสาม ตายแล้ว”
ครังนี้ทุกคนต่างตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินข้อมูลจากปากของโนอาห์
วิลเลียมคือคนแรกที่หลุดจากภวังค์และถามคำถามต่อ
“เจ้าหมายความว่ายังไงที่อันดับสามตายแล้ว?”
“ตายก็คือตายไงขอรับ ข้าฆ่ามัน”
คลื่นความตกตะลึงอีกระรอกก็ได้ซัดเข้ามาหาทุกคนที่ได้ยินคำกล่าวนี้
ครั้งนี้เป็นเบเลอร์ที่พูดออกมาก่อน
“ไร้สาระ! เจ้าจะกำจัดสัตว์เวทมนตร์อันดับสามลำพังได้ยังไงและกลับออกมาโดยไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย?”
เขารู้สึกเสียใจที่พูดเช่นนั้นออกไปเมื่อเขาเห็นสายตาของคู่จากทั้งอาจารย์และลูกศิษย์จ้องมองคล้ายจะหมายเอาชิวตเขาและเขาก็ลดศีรษะลงเพราะกลัวจะถูกทรมานอีกครั้ง
“เจ้าสารเลวนั่นพูดถูก เจ้าฆ่ามันได้ยังไง?”
โนอาห์หยิบแผ่นกระดาษที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมาและแสดงให้อาจารย์ดู
“ข้าแสดงอักษรรูนคีเซอร์และใช้โอกาสนั้นโจมตีมันอย่างรุนแรงตอนมันกำลังสับสน ข้าเชื่อว่ามันยังคงอยู่ระหว่างการวิวัฒนาการร่างกาย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงทำให้มันบาดเจ็บได้”
วิลเลียมรู้สึกถึงความฉุนฉียวที่วิ่งพล่านอยู่ทั่วร่างกาย เขายิ้มให้โนอาห์และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงนำรูนติดตัวมาด้วยขณะปฏบัติภารกิจ?”
โนอาห์ตอบอย่างตรงไปตรงมาราวกับมันคือเรื่องปกติที่สุดในโลก
“เพราะข้าต้องใช้เวลาเดินทางถึงหกวัน และข้าต้องการฝึกฝนระหว่างช่วงที่เราแวะพัก”
วิลเลียมตีศีรษะเขาเบาๆ “เจ้านี่มันเหลือเชื่อจริงๆ เจ้าไม่คิดอย่างอื่นเลยนอกจากการฝึกฝน เอาเถอะ ข้าคิดว่าคงไม่เป็นอะไรในเมื่อเจ้าปลอดภัยดี แล้ใยเจ้าถึงไม่บาดเจ็บเลย?”
ดูเหมือนโนอาห์จะนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาหยิบก้อนหินรูปไข่ที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้ายื่นให้อาจารย์
เมื่อวิลเลียมคลี่ผ้าออก แสงสีฟ้าก็ประกายสวนทางออกมา
“อาศิรของลมหายใจ! มิน่าล่ะเจ้าแมงมุมนั่นถึงไปถึงอันดับสามได้! ฮ่าๆ ศิษย์ข้า ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะขอร้องเขตในให้ตบรางวัลให้เจ้าอย่างงามที่สุดที่ข้าสามารถต่อรองได้”
เมื่อได้ยินคำว่า “รางวัล” ดวงตาของโนอาห์ก็เป็นประกายทันทีเช่นเดียวกับริมฝีมือของเขา
“ท่านอาจารย์ ข้าขอดาบที่ดีกว่านี้ ดาบนี่แตกตั้งแต่ข้าใช้ฟันแมงมุมอันดับสามครั้งแรก”
วิลเลียมกำลังจะตำหนิเขาแต่จากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมยิ้มและปล่อยผมที่มัดรวบไว้
“สิ่งที่ลืมไปเสียไม่ได้เลย คือเจ้าจะลงโทษเจ้าสารเลวนั่นยังไง?”
เขาชี้ไปทางเบเลอร์ที่นั่งอยู่บนพื้นเพียงมองตอบด้วยสายตาอ้อนวอน
โนอาห์เดินเข้ามาใกล้และมองร่างที่น่าสังเวช
“ได้โปรดเมตตาข้าด้วย ข้าสาบานว่าข้าจะรับใช้ท่านด้วยความรู้ความชำนาญทั้งหมดที่ข้ามีนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะ…”
คำพูดที่เป็นเพียงแค่ลมปากถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่โนอาห์เพียงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อเบเลอร์หยุดพูด โนอาห์ก็ตอบกลับสั้นๆ
“ไม่”
ดาบโค้งยาวหักครึ่งถูกวาดลงมาและศีรษะของเบเลอร์ก็หลุดออกจากบ่าและกลิ้งไปบนพื้น เลือดปริมาณมากไหลทะลักออกมาเปื้อนผืนดินไปทั่วบริเวณ
วิลเลียมเดินเข้ามาและถามด้วยน้ำเสียงเรียบ
“รู้สึกยังไงบ้าง? นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าได้ฆ่ามนุษย์เลยนะ”
โนอาห์ยิ้มและมองเขาจากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
“ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าวัฏจักรที่สองของข้าสมบูรณ์แล้ว ข้าคิดว่าเราสามารถเริ่มวัฏจักรที่สามได้ในเร็วๆ นี้เลย”
เขาถูกตีที่ศีรษะอีกครั้งและมันทำให้เขาต้องหยุดพูด