กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 22 – การหักหลัง
เมื่อรุ่งสาง กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนและเด็กอีกหนึ่งคนเริ่มเดินไปยังปากทางเข้าถ้ำที่กว้างสองเมตรและสูงสามเมตร ทางเดินทอดยาวลงไปสู่ความอ้างว้างที่ไร้ขีดจำกัดและเงียบสงัด
“ทางเดินทอดยาวหนึ่งกิโลเมตรจากนั้นเราจะพบทางแยก ข้ารู้แค่ว่าพวกมันไปทางไหนเพราะเมื่อคืนข้าหยุดอยู่แค่ตรงนั้น”
ลูคอธิบาย
“ข้าจะนำเอง ที่เหลือตามข้าไว้อย่างให้ห่าง”
เมสันออกคำสั่งและเดินเข้าไป ทุกคนต่างเดินตามโดยโนอาห์อยู่ตรงกลาง
มันเป็นทางเดินหินและดินดูไม่ค่อยมั่นคง เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเลยจุดที่แสงอาทิตย์ก็สามารถส่องถึงได้
ทางเดินมืดลงเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาต้องเดินช้าลง
เมสันก้าวอย่างระมัดระวังทุกฝีก้าวเนื่องจากเขาตระหนักรู้ดีว่านี่คือรังของศัตรู แม้เสียงเพียงเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่วิบัติได้
เมื่อผ่านไประยะหนึ่งพบว่าทางเดินเริ่มใหญ่ขึ้นและพวกเขาจึงต้องมายืนรวมข้างๆ กัน จากนั้นพวกเขาก็มาถึงจุดที่เป็นทางแยกไปตามทิศทางต่างๆ ของถ้ำ
ลูคชี้ไปยังทิศหนึ่งและเมสันก็ตรงเข้าไปข้างใน
พวกเขาเดินเข้าไปราวหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเจอทางแยกอีกครั้ง
แสงไฟช่างริบหรี่และอากาศก็เปียกชื้นแต่พวกเขาจำเป็นต้องรอจนกว่าลูคจะพบร่องรอยของเมงมุมเพื่อจะได้ตัดสินใจว่าทิศทางใดที่พวกเขาต้องไปสำรวจ
“ไม่มีร่องรองที่แน่ชัดเลยขอรับ มีร่องรอยทางเดินของพวกมันถึงสี่ทิศทาง ข้าเสนอทางขวาสุดเพราะว่ามีแสงสว่างออกมาจากทางนั้น”
เมสันคิดเล็กน้อยจากนั้นก็ตัดสินใจไปยังทิศทางที่ลูคเสนอ
พวกเขาเคลื่อนที่อีกครั้งและหลังจากเดินทางได้หนึ่งชั่วโมง แหล่งกำเนิดของแสงริบหรี่ประกายออกมาจากปลายสุดของทางเดินหิน
พบแอ่งน้ำขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว่าหนึ่งร้อยตารางเมตร ตรงกลางเป็นทะเลสาบทอประกายแสงสีฟ้าระยิบระยับ
‘มีน้ำขังในนี้ด้วยหรือ?’
โนอาห์รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลย เขามองรอบๆ เพื่อจะได้เห็นว่ามีใครรู้เรื่องนี้บ้างหรือไม่
ดวงตาของเมสันเบิกโพลงคล้ายกับผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีอาการกำเริบ เมื่อเห็นว่าโนอาห์มองอยู่เขาก็รวบรวมสติและพูดเวยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ข้าพอมีความคิดว่านั่นคืออะไร และถ้าถูกต้องเราจะไม่ต้องทำงานอีกเลยไปตลอดชีวิตนี้ แต่เพื่อให้แน่ใจข้าต้องไปดูใกล้ๆ”
ความสนใจของทุกคนตกอยู่ที่คำพูดเมสันเนื่องจากพวกเขาต่างเริ่มจ้องมองละเลสาบด้วยดวงตาแห่งความโลภ
‘แปลกมาก ความหนาแน่นของ “ลมหายใจ” ดูจะสูงกว่าภาคพื้นดิน’
โนอาห์สัมผัสได้ว่าจุดฝังเข็มทำงานช้าลงเนื่องจากในอากาศมีปริมาณ “ลมหายใจ” ที่สูง
ก่อนที่เขาจะหาคำตอบต่อไป เมสันก็เดินมาไปยังทะเลสาบ
บนกำแพงของพื้นที่กว้างใหญ่แห่งนี้ มีรูจำนวนนับไม่ถ้วนหลากหลายขนานอยู่บนนั้น และบนพื้นดินมีโครงกระดูกจำนวนมากที่มาจากชีวิตหลากหลายสายพันธุ์
‘ขาของแมงมุมหุ้มเหราะเหล็ก กะโหลกศีรษะมนุษย์’
ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้ริมทะเลสาบ
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงริมละเลสาบ เมสันก็ไม่อาจปิดบังสีหน้าอารมณ์ที่ปะปนด้วยความตื่นเต้นได้
“ใช่ ข้ามั่นใจว่าภายในทะเลสาบแห่งนี้จะต้องเป็นอาศิรของ “ลมหายใจ” มันคือแร่ธาตุในตำนานที่สามารถตรึงกับ “ลมหายใจ” ได้ เขตในจะจ่ายให้เราอย่างงามเพื่อแลกกับสิ่งนี้ ลองจิตนาการถึงรางวัลที่เราจะได้หากนำมันกลับไปให้พวกเขาสิ!”
ทุกคนต่างจ้องมองลงไปยังจุดกึ่งกลางทะเลสาบ พยายามมองหากินในตำนานด้วยตาของตัวเอง พวกเขาไม่ทันได้สังเกตเสียงของการคืบคลานที่เริ่มดังก้องในแอ่งน้ำ
โนอาห์เป็นคนแรกที่ให้ความสนใจกับเสียงนั่นเนื่องจากความตื่นตัวและพลังงานจิตของเขาสูงกว่าใครทั้งหมดในกลุ่ม
“พวกมันกำลังมา!”
เขาชักดาบออกจากฝักโดยไม่ลังเล
คนอื่นๆ เริ่มตื่นตัวจากคำเตือนของโนอาห์และสบถออกมาดังลั่นเมื่อได้ยินเสียงที่กำลังเข้ามาจากทุกทิศทาง
แมงมุมวิ่งออกมาจากรูบนกำแพง พวกมันมีหลากหลายขนาด บางตัวก็ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง แต่อย่างน้อยห้าสิบตัวเป็นอันดับสอง
“อย่าตื่นตระหนก! เรารับมือได้ แต่อาจต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้าง”
เมสันตะโกนขณะมองสัตว์เวทมนตร์จำนวนนับร้อยที่กำลังล้อมพวกเขาอยู่
จู่ๆ โครงกระดูกริมทะเลสาบก็ลอยขึ้นเป็นรูปร่างหนึ่งตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า
มันมีขนาดลำตัวยาวสามเมตรและขายาวข้างละแปดเมตร ดวงตาอันดุร้ายสามคู่อยู่ด้านข้างใบหน้าและจะงอยปากแหลมคมขนาดใหญ่หนึ่งคู่ยื่นออกมาจากปาก
“อันดับสาม!”
ลูคตะโกนแต่เจ้าเดียรัจฉานขนาดมหึมารอช้า มันใช้ขาข้างหนึ่งเหวี่ยงมาหาโนอาห์แต่เขาป้องกันเอาไว้ได้ แต่ด้วยแรงอันมหาศาลจึงทำให้เลยกระเด็นไประยะหนึ่ง
“วิ่ง!”
เมสันออกคำสั่งทันที จากนั้นทุกคนก็วิ่งไปยังทิศทางที่พวกเขามา โดยไม่สนว่าจะพบแมงมุมไปเส้นทางนั้นหรือไม่
โนอาห์ลุกขึ้นยืนและตามคนที่เหลือไปทันที
‘เวรเอ๊ย! มือยังสั่นจากการโจมตีเมื่อกี้อยู่เลยและดาบก็น่าจะแตกด้วย ทำไมถึงไม่คิดให้ออกตั้งแต่แรก ทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว! เหตุผลเดียวที่ทำให้สัตว์เวทมนตร์ยอมเสียสละคือบางสิ่งที่มีอำนาจมากกว่าพวกมันออกคำสั่ง! ฉันมันโง่! วิ่งให้สุดชีวิต!’
เขาเร่งความเร็วผ่านฝูงแมงมุมไปเหมือนเงา ทั้งย่อและกระโดดเพื่อหลบขาของพวกมัน
ผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ไปถึงทางเดินแล้ว และคว้าอาวุธออกมาเพื่อสกัดกั้นฝูงแมงมุมจำนวนมากที่กำลังโถมเข้ามา เมื่อโนอาห์มาถึงพวกเขาก็ได้ดำเนินการพร้อมแล้วและแมงมุมจำนวนหนึ่งได้เข้ามาขัดขวางการหนีของเขา
โนอาห์ไม่รอช้า เขาใช้ใช้กระบวนท่าที่ดีที่สุดในชิวตและฆ่าอันดับสองไปสองตัวในดาบเดียว จากนั้นก็เร่งฝีเท้าไปยังทางเดินอีกครั้ง
แมงมุมจำนวนมากยังคงคืบคลานออกมาจากรูบนกำแพงและใช้ขาอันทรงพลังกั้นทางแต่โนอาห์ไม่สนใจ เขาปล่อยให้มันโจมตีเขาเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้
เมื่อเขามาถึงจุดแรกที่เป็นทางเดินส่วนแรก เบเลอร์อยู่ตรงนั้นกำลังเตรียมตัวเข้าไป สภาพเขาดูไม่ค่อยดีเนื่องจากมีบาดแผลบนร่างไขมันของเขาทั่วบริเวณและมีเลือดปริมาณมากไหลออกมา
เขาเห็นโออาห์ที่กำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วพร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงนะเจ้าหนู ข้าจะบอกทุกคนแน่ว่าเจ้าได้ใช้ความกล้าหาญพยายามสกัดกั้นเดียรัจฉานพวกนี้เพื่อให้เราได้หนีไปได้ และไม่ต้องห่วงเรื่องแม่ของเจ้าหรอกนะ ข้าจะปลอบนางให้อย่างดีเลยล่ะ ฮ่าๆ”
ดวงตาของโนอาห์เบิกโพลงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้และเห็นชายตรงหน้ากำลังยกค้อนขึ้นมาและกระแทกเข้ากับกำแพง
กำแพงทางเดินไม่อาจต้านแรกกระแทกไว้ได้และพังครืนลงมาต่อหน้าเขา ส่วนเบเลอร์เร่งฝีเท้าหลบไปด้านข้าง
“ม่ายยย!”
เสียงตะโกนลั่นดังออกมาจากปากของโนอาห์เนื่องจากหาหนีทางเดียวของเขาได้ถูกทำลายลงตรงหน้า
‘เวร! เวร! เวรเอ๊ย!’
“ไอ้หมูตอนสารเลว ถ้าฉันรอดออกไปได้ ฉันจะไปฆ่าแกก่อนเลย!”
ขณะเดียวกันแมงมุมก็กำลังเข้ามาจากทุกทิศทุกทางทำให้เขาไม่มีเวลามานั่งคิดถึงความสิ้นหวัง