กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 20 – ล้อมโจมตี
บรรดาผู้พิทักษ์ต่างตกตะลึงและพยักหน้าให้กันและกันกับพลังที่เพิ่งได้เห็น
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็คือทหาร พวกเขาเคารพพลัง
หัวหน้าดูจะไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะว่าเขาเห็นเหตุการณ์แบบนี้ในหมู่ทหารมาตลอดทั้งชีวิตเขา
“วันนี้พอแค่นี้ แยกย้ายได้ พบกันรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ ข้าจะจัดการเรื่องการยืมรถม้าเอง แต่อย่าลืมนำเสบียงของพวกเจ้ามาเอง การกำจัดรังแมงมุมอาจเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าพวกเจ้าจะจินตนาการถึง”
ทุกคนต่างแยกย้ายไปตามทางของตนเอง แต่เบเลอร์ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะลุกขึ้นยืนเนื่องจากขาทั้งสองข้างของเขายังคงไม่มีแรง
‘หวังว่าไอ้อ้วนนั่นนั่นจะไม่สร้างปัญหาให้ฉันระหว่างภารกิจนะ อย่างน้อยตอนนี้คนอื่นๆ ก็เชื่อในความสามารถของฉันแล้ว’
โนอาห์ยังคงรู้สึกขุ่นเคืองกับการกระทำของเบเลอร์เมื่อครู่นี้
‘หากมองในแง่ดี ในที่สุดฉันก็จะได้ไปสู้กับสัตว์อันดับสอง กำลังเบื่อที่ต้องสู้อยู่แค่กับอาจารย์อยู่พอดี’
เขากลับมาที่ห้องและเตรียมข้าวของสำหรับเดินทาง เขาสั่งคนรับใช้ตรวจสอบความพร้อมของทุกอย่าง
เขาสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง
‘เอารูนคีเซอร์ไปด้วยดีไหม? ฉันยังฝึกไม่ได้เนื่องจากอาจหมดแรงหลังนั่งมองมัน แต่ยอมให้หมดแรงระหว่างภารกิจไม่ได้’
เขากำลังซ่อนแผ่นกระดาษไว้ใต้เตียงเมื่อคิดบางอย่างและยัดรูนใส่เสื้อด้วยท่าทีที่มีความสุข
‘ถ้าฝึกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ไม่เป็นอะไรสินะ?’
ถ้าอาจารย์ฟังเขาอยู่ก็คงจะพูดว่าโนอาห์สามารถเอาชนะเขาได้
ระยะเวลาการฝึกสองชั่วโมงไม่สามารถทำอะไรโนอาห์ได้เนื่องจากการรักษาครั้งที่สองทำให้จิตใจของเขาแข็งแกร่งขึ้น
* * * * *
วันต่อมาเขาคือคนแรกที่มาถึงจุดนัดพบ
เมื่อสมาชิกในกลุ่มมาถึง พวกเขาก็จะพยักหน้าให้โนอาห์และรอให้ทุกคนมารวมตัวกัน
ยกเว้นเพียงแค่คนเดียวคือ เบเลอร์ ที่ไม่ได้พยายามเก็บซ่อนความขุ่นเคืองและเกลียดชังโนอาห์ไว้เลย
โนอาห์ไม่ได้ใส่ใจเขาเลย และเมื่อคนสุดท้ายมาถึง พวกเขาก็เดินไปยังประตูหละกพร้อมกันเพื่อขึ้นรถม้า
เมื่อพวกเขากำลังเดินทาง เมสันผู้ที่อยู่ด้านในรถก็กระแอมออกมาเพื่อดึงความสนใจของทุกคน
“เพื่อความเป็นกลุ่มที่ดีขึ้น เราควรแนะนำตัวเองและอาวุธที่พวกเจ้าเลือกใช้”
ผู้พิทักษ์เขตนอกคือกลุ่มของทหารที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยนายดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้จักกันเพียงแค่ผิวเผิน
‘นี่เขาทำเพื่อฉันหรือ? นี่เขาอยากจะเอาใจวิลเลียมงั้นหรือ?’
โนอาห์คิดว่าเมสันกำลังทำตามที่เขาขอเพราะความสัมพันธ์ของเขากับรองสารวัตร
“ข้าชื่อเมสัน หนึ่งในผู้อาวุโสที่สุดของเขตนอก ข้าใช้ขวานใหญ่”
“ข้าชื่อลูค ใช้ธนูกับมีด”
“ข้าโรเบิร์ต หรือจะเรียก ร็อบ ก็ได้ ใช้ดาบยาว”
“ข้าเอ็ดดี้ ใช้ดาบยาว”
เบเลอร์ทำเสียงฟึดฟัดพร้อมยกค้อนหนักสองอันขึ้นมาวางไว้ข้างกายเป็นอันเสร็จสิ้นการแนะนำตัวเอง
“โนอาห์ ดาบคู่”
ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วรถม้าซึ่งค่อนข้างอึดอัด
โรเบิร์ตหยิบลูกเต๋าออกมาจากกระเป๋าพร้อมรอยยิ้มอันแจ่มใส
“ข้านำสิ่งนี้มาด้วย มีใครอยากเสี่ยงดวงไหม?”
มันเป็นเกมง่ายๆ ที่คุณต้องเดิมพันด้วยเลขคี่หรือเลขคู่ และผลลัพธ์ของการเขย่าลูกเต๋าจะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
เหล่าทหารตอบตกลงเพื่อฆ่าเวลา โดยมีเพียงแค่โนอาห์และหัวหน้าเท่านั้นที่นั่งอยู่ที่เดิม
การเดินทางผ่านไปร่วมหกวัน เนื่องจากรถม้านั้นช้ากว่าม้ามาก พวกเขาจึงต้องแวะพักตามทาง ก่อกองไฟในทุกคืนและเล่นเกมกันระหว่างวัน
โนอาห์มักจะปลีกตัวออกมาเพื่อฝึกฝนอักษรรูนพักใหญ่ในตอนที่คนอื่นๆ กำลังหลับ แต่เขาไม่เคยฝืนตัวเองเกินขีดจำกัดสองชั่วโมงเนื่องจากมันจะส่งผลรุนแรงต่อเงื่อนไขของเขาและเขาต้องเตรียมพร้อมรับสำหรับอันตรายต่างๆ
ในช่วงเย็นของการเดินทางวันที่หกเป็นอันสิ้นสุดการเดินทางเนื่องจากตอนนี้ภาพของหมู่บ้านตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าพวกเขาจากระยะไกล
มีควันลอยออกมาจากที่นั่น และแสงไฟจากคบเพลิงเปล่งประกายรัศมีสีแดงออกมาในความมืด
“มีบางอย่างแปลกๆ” เมสันว่า “ลงจากรถ เราจะวิ่งไปตรวจสอบสถานการณ์โดยเร็วที่สุด”
ทหารทั้งหกนายลงจากรถม้าและวิ่งตรงไปยังหมู่บ้านด้วยความรวดเร็ว
โนอาห์วิ่งเร็วที่สุด ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แต่ตัวเขาเล็กและมีอาวุธที่เบา ดังนั้นความเร็วของเขาจึงเหมือนกับสายฟ้า ทิ้งให้คนอื่นๆ รั้งอยู่ข้างท้าย
‘ในที่สุดก็ได้สู้สักที!’
ตลอดทั้งหกวันไม่ได้ฝึกฝนหรือสู้กับใครเลยทำให้เขารู้สึกเบื่อเอามากๆ
ภาพของหมู่บ้านใกล้สายตาของเขาเข้ามาเรื่อยๆ จนเสียงกรีดร้องและคำพูดที่ฟังไม่ชัดเจนเริ่มกลายเป็นชัดเจนมากขึ้น กึกก้องอยู่ในหูของโนอาห์
เมื่อเขากำลังเข้าไปในเขตของหมู่บ้าน เขาได้ชักดาบออกจากฝักเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
เกิดภาพอันน่าสยดสยองภายในหมู่บ้านลิ่วอัน
แมงมุมยักษ์มีลำตัวสีเทาคล้ำกำลังเข่นฆ่าชาวบ้านผู้ไร้ทางสู้อย่างสนุกสนานและขนศพของพวกเขาไปด้วย
กลุ่มผู้ชายในหมู่บ้านรวมตัวกันตั้งแนวป้องกันเพื่อให้ผู้หญิงและเด็กหนีไปได้ แต่พวกเขากลับโชคร้ายเป็นได้เพียงแค่โล่เนื้อสดที่สามารถต้านทานฝูงแมงมุมได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น
เลือดกระเซ็นไปทั่วพื้นอย่างต่อเนื่องเมื่อชาวบ้านถูกแทงจนเสียชีวิตด้วยขาอันแข็งแรงของแมงมุมจากนั้นก็แบกซากศพขึ้นหลัง ผืนดินสีน้ำตาลถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นทะเลเลือด
แมงมุมหุ้มเกราะเหล็กทลายแนวป้องกันมนุษย์ไปได้ และไปถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังอุ้มลูกๆ ไว้ในอ้อมกอดพร้อมเปล่งเสียงกรีดร้อง
เคล้งงง!
เสียงของโลหะกระทบกับโลหะดังขึ้นขณะที่หญิงสาวกำลังรวบรวมความกล้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหลังเธอ
เด็กน้อยคนหนึ่ง อายุของเขาไม่น่าเกิดสิบสองปี กำลังยืนจ้องซากศพแมงมุมที่นอนกองอยู่ที่เท้าของเขา
บาดแผลจากการฟันผ่าครึ่งศีรษะของมันทำให้เลือดสีเขียวปริมาณมากไหลออกมาจากตรงนั้นอย่างต่อเนื่อง
ร่างของแมงมุมยาวหนึ่งเมตรครึ่งและศีรษะที่มีขนาดเพียงสามสิบเซนติเมตร
หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากถามว่าเขาคือผู้ที่ช่วยชีวิตเธอและบุตรชายใช่หรือไม่ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อพบว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
‘ฉันไม่ได้ใช้ปริมาณ “ลมหายใจ” มากนักแต่ผลลัพธ์กลับด้อยกว่าที่คาดหวังเอาไว้ แน่นอนว่าร่างกายของสัตว์อันดับสองดีจริง หากฉันยังไม่ผ่านวัฏจักรที่สองของการรักษา เกรงว่าฉันคงต้องฆ่าอีกหกถึงเจ็ดตัวก่อนจะได้พัก’
แมงมุมหุ้มเกราะเหล็กมีร่างกายที่หนามาก เหมือนชื่อของมัน พลังป้องกันอยู่ในระดับสูงสุดในหมู่ของสัตว์เวทมนตร์อันดับสอง
ทหารคนอื่นๆ มาถึงตัวโนอาห์และก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นเขาโค่นล้มแมงมุมยักษ์หนึ่งตัวภายในเวลาอันสั้น
เด็ดอายุสิบเอ็ดบวบสามารถล้มสัตว์อันดับสองได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่สามารถเห็นกันได้ในทุกวัน!