กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 10 – สามร้อยยี่สิบสี่
ณ ห้องของโนอาห์ เขากำลังนั่งจ้องแผ่นกระดาษในมือ ขั้นตอนดูเหมือนจะยาก เม็ดเหงื่อเย็นๆ ไหลลงจากหน้าผาก และดวงตาทั้งสองยังคงประกบกันแน่นสนิท
‘โครตยากเลย! สู้ต่อ สู้ต่อ! ตาก็ยังหลับไม่สนิท!’
โนอาห์จดจ่อกับสิ่งที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบและเมินเฉยต่อสิ่งเร้ารอบตัว
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และมือของเขาก็เริ่มสั่น ดวงตาของเขาเริ่มแดงฉานและมีเส้นเลือดปรากฏชัด
ภายในทะเลแห่งสติของเขา
คลื่นยังคงกระเพื่อมขึ้นลงจากศูนย์กลางของทรงกลมที่ซึ่งร่างโปร่งแสงของโนอาห์ตั้งอยู่ในท่าที่กำลังหลับตา และคิ้วขมวดผูกกันเป็นปม
เมื่อคลื่นกระแทกขอบของทรงกลมในทุกๆ ครั้งจะเป็นการเพิ่มเส้นรอบวงให้ขยายใหญ่ขึ้นครั้งละเล็กครั้งละน้อย ขณะที่ขั้นตอนนี้ยังคงดำเนินต่อไป ระดับของน้ำทะเลจะลดต่ำกว่าเดิมและตอนนี้ผืนน้ำปกคลุมพื้นที่หนึ่งในสี่ของทรงกลม
โนอาห์รีบพับกระดาษที่ระบุอักษรรูนไว้และถอนหายใจยาวขณะทอดกายนอนลงบนพื้น
‘รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดเลย! การมองเห็นก็สับสนและการคิดก็ทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอีก น่ากลัว การฝึกนี่มันช่างน่ากลัว! และฉันก็รู้สึกง่วงมากด้วย’
เสียงเคาะประตูหน้าห้องเขาดังขึ้น
โนอาห์บ่นพรำในใจ ยิ่งทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นนั่นจึงทำให้เขาบ่นพรำในใจอีกครั้ง
เขายืนขึ้นขณะพยุงร่างกายลุงขึ้นยืนด้วยสองขาให้ได้ก่อน จากนั้นก็ค้ำกำแพง และเดินต่อไปยังประตู
ร่างของลิลลี่ปรากฏอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของประตู เธอกำลังถือตำราเล่มเก่าสองเล่มและลังสีหน้าที่เปล่งปลั่ง
“มีผู้พิทักษ์นำตำราสองเล่มนี้มาให้ พวกเขาพูดว่ารองสารวัตรส่ง…”
เธอหยุดพูดเมื่อได้เห็นสภาพของบุตรชาย
สภาพของเขาดูเหนื่อยมาก บหน้าขาวซีด ดวงตากึ่งหลับและแดงก่ำ เธอสังเกตว่าเขาใช้ประตูเป็นที่ค้ำยันให้ร่างกายที่อ่อนล้ายังคงยืนหยัดได้อยู่
เธอพุ่งเข้าหาโนอาห์ทันทีและช้อนแขนเข้าไปข้าใต้รักแร้เพื่อช่วงพยุง
จากนั้นเธอก็พยุงเขาไปที่เตียงพร้อมตะโกนออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?! เพราะวิลเลียมใช่ไหม? หรือผู้พิทักษ์คนใด? แม่จะไปพูดกับสารวัตรเดี๋ยวนี้เลย! แม่จะ…”
ก่อนที่เธอจะได้ทันจบประโยค โนอาห์นั่งลงที่ปลายเตียง และยกมือขึ้นมาหยุดก่อนที่แม่ของเขาจะโกนเยอะไปกว่านี้ เขาปวดศีรษะมากแต่ก็ต้องพูดออกมาเพราะจำเป็นที่ต้องอธิบายให้แม่ของเขาฟัง
“ท่านแม่ อย่ากังวลไป มันแค่การฝึกฝนพิเศษที่วันหนึ่งจะทำให้ข้าใช้เวทมนตร์ได้ ข้าฝึกมากเกินไปเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรก แต่ข้าจะกลับมาปกติหลังจากที่ได้พักผ่อน ผู้พิทักษ์ต่างดีต่อข้า ท่านอย่าได้เป็นห่วงไปเลย พวกเขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับข้า”
ลิลลี่เงียบและมองบุตรชายของเธอ เธอลูบผมสีดำและมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าที่เย็นชา เธอรู้สึกอบอุ่นจากการที่โนอาห์เพียงสบตาเธอกลับ จากนั้นเธอก็นั่งลงข้างๆ เขาและโอบกอดเขา
‘ช่างเป็นเด็กที่ดื้อรั้น ความฉลาดเกิดอายุของเขานั้นมีมากกว่าความตั้งใจที่เขามีเสียอีก’
เมื่อมองลูกชายในอ้อมเขน เธอก็สำรวจอย่างละเอียดจนพบว่าบุตรชายมีมัดกล้ามและฝ่ามือที่ด้านแข็งมากขึ้น ความภูมิใจเล็กๆ จากบุตรชายที่ตั้งใจทำงานอย่างหนักเกิดขึ้นภายใจจิตใจของเธอ จากนั้นเธอก็คลายอ้อมแขนและขยับตัวเขามาอยู่ตรงหน้า ขณะแขนทั้งสองข้างยังคงช้อนพยุงร่างของเขาให้ยังคงตั้งอยู่ได้
“ก็ได้ แม่จะไม่ทำอะไร แต่เจ้าต้องสัญญาก่อนว่าจะระมัดระวังตัว! แม่ไม่อยากเห็นเจ้าในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้อีกแล้ว! อย่าทำอะไรเกินตัว จำไว้ว่าการพักผ่อนก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนเช่นกัน และอย่าแม้แต่จะคิดที่จะอดข้าวมิฉะนั้นเจ้าจะต้องรับผลที่ตามมา! เข้าใจแม่หรือไม่ หนุ่มน้อย?”
โนอาห์รู้สึกอบอุ่นมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่สมาธิของเขากลับอยู่ที่อื่น
‘หนึ่ง มีใหม่อีกสอง และฉันเห็นแค่นั้น’
เขากำลังนับร่องรอยจากความรุนแรงบนร่างกายของผู้เป็นแม่ มันเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นร่องรอยเหล่านี้ปรากฏบนร่างกายของลิลลี่ มันมักจะเกิดขึ้นเมื่อเขาต้องการพบอาจารย์ของตระกูล
“ขอรับท่านแม่ ข้าให้สัญญา ข้าจะระวัง”
โนอาห์ฝืนยิ้มขณะพูด
ลิลลี่มองเขาอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมทั้งวางตำราและลังไว้บนเตียง
“แม่ต้องไปแล้ว แม่จะบอกให้คนรับใช้ยกอาหารมาให้เจ้านะ จำไว้เสมอว่าสุขภาพของเจ้านั้นสำคัญที่สุด ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตและทำอะไรได้อยู่!”
จากนั้นเธอก็จูบโนอาห์ที่หน้าผากและมองเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากห้องไป
โนอาห์มองแม่ของเขาตลอดจนเธอออกไปจากห้อง รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของเขาและดวงตาที่แดงฉานได้รับความเย็นที่เขาแทบจะไม่เคยแสดงให้ผู้ใดเห็นมาก่อน
‘สามร้อยยี่สิบสี่ คือเท่าที่นับได้ตอนนี้ ท่านพ่อทำลายสถิติใหม่อีกแล้ว’
เขาเห็นริสเข้าออกห้องของลิลลี่บ้างบางครั้ง แต่ไม่เคยเข้ามาเหลียวแลบุตรชายของตัวเองเลย
‘ดูเหมือนว่าฉันจะฝึกพลังงานจิตได้แค่ตอนกลางคืน ไม่งั้นท่านแม่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น ฉันไม่อยากให้เธอเป็นห่วงจนเกินไป’
ความเยียบเย็นห่อหุ้มร่างกายของเขา อาการปวดศีรษะยังคงไม่หายไปแต่เขาก็พยายามที่จะไม่สนใจ
‘ฉันใช้เวลาสี่ชั่วโมงไปกับทะเลแห่งสติ อาจจะใช้เวลาได้นานกว่านั้นอีกแต่อาจต้องฝืนร่างกาย เพียงเพื่อแค่ต้องการรู้ว่าอัตราการฟื้นฟูร่างกายในการนอนหนึ่งคืนอยู่ที่เท่าไหร่’
เขามองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าตอนนี้น่าจะเป็นเวลาช่วงห้าถึงหกโมงเย็น จากนั้นเขาก็เบนความสนใจไปยังตำราที่อยู่ใกล้ๆ
‘รูปแบบดาบสองคู่และการกลอมรวมนรกเจ็ดขั้น เห็นได้ชัดว่าอาจารย์อยากให้ฉันคุ้นชินกับ การรักษา แม้ว่าเขาจะเกลียดกระบวนนี้มากก็ตามที’
เขาหยิบตำราที่เขียนว่ารูปแบบดาบและเริ่มอ่าน โดยไม่สนใจอาการเจ็บในศีรษะ
‘ศิลปะการต่อสู้เชิงลึก และการใช้ “ลมหายใจ” ดูจะง่ายกว่าเคล็ดข้อมืออสรพิษอีกนะเนี่ย’
เพื่อที่จะได้นำพลังที่แท้จริงจากศิลปะการต่อสู่ออกมาใช้ ต้องเคลื่อน “ลมหายใจ” ไปตามจังหวะและรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง จากนั้นตแงเชื่อมประสานการจัดการนี้ให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างถูกต้อง
‘ฉันยังฝึกตอนนี้ไม่ได้เพราะมันอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เอาไว้ค่อยเริ่มตอนพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน’
เขาปิดตำราและเปิดลัง พบดาบสั้นอยู่ภายใน คุณภาพโดยรวมของดาบดูจะสูงกว่าดาบที่เขาขโมยมาจากลานฝึก
‘ดาบนี่สวยจัง วิลเลียมเองก็จริงจังกับเรื่องนี้เหมือนกันนะเนี่ย’
จากนั้นเขาก็มองตำราอีกเล่มที่มีข้อความว่า กระบวนการหลอมรวมนรกเจ็ดขั้น ในขณะเดียวกัน อาหารมื้อใหญ่ที่ประกอบด้วยข้าวและเนื้อก็มาถึง
โนอาห์เปิดอ่านขณะกินข้าวไปด้วย เกิดอาการคลื่นไส้เล็กน้อยในกระเพาะเนื่องจากอาการปวดศีรษะที่รุนแรง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องฝืนกินให้หมด
‘หมอบ้า เข้าร่วมและคิดค้นสิบสองลัทธิของการทดลองกระบวนการรักษาร่างกาย ลัทธิเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาเด็กอายุต่ำกว่าสิบสามปีให้เขาเพื่อใช้ในการทดลอง ในขั้นตอนสุดท้าย กระบวนนรกเจ็ดขั้นถูกสร้างขึ้นมา แต่อัตราการเสียชีวิตลดลงจาก เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ เป็น แปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบหลังการรักษาที่เกิดขึ้นกับตัวอย่างการทดลอง’
โนอาห์หยุดอ่านเมื่อเห็นว่าเวลาค่ำเข้ามาเยือนและรู้สึกเหนื่อยล้ามาก
‘ฉันต้องไปนอน พรุ่งนี้จะเริ่มการฝึกดาบคู่ และอาจจะได้เริ่มฝึกพลังงานจิตอีกครั้งในช่วงเย็น ชักอยากรู้แล้วสิว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างจากการฝึกฝนของวันนี้’
เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็วางตำราไว้ข้างเตียงและเก็บดาบลงลัง ไม่นานก็ผล็อยหลับไป