กำพร้า ณ ต่างโลก 28 เด็กซิ่วแพทย์ศาสตร์

ตอนที่ 28 เด็กซิ่วแพทย์ศาสตร์

ผมนั่งทบทวนความรู้หมอที่ได้ในพิธีรับปริญญาที่ทุกคนต้องเข้า

ที่โลกนี้ไม่มีโรคร้ายต่างๆนาๆ หมอจึงฝึกเป็นหมอศัลยกรรมกันอย่างเดียวจนวิชาศัลยกรรมมันเท่าแพทย์ศัลกรรมใบหน้าแม้ผ่าตัดใหญ่ก็ไม่มีแผลเย็บ

โรคพยามัจจุราจที่ไม่มีทางแก้ แม้แต่วิชาหมอก็ยังหาสาเหตุไม่ได้

แต่เป็นที่ต้องสงสัยที่สุดคือการคิดปัญหาที่ไม่มีทางแก้ด้วยมุมมองเดิมซ้ำๆ

สมองรวมกันตอนอายุ 15 ถึงมีศูนย์กลางควบคุมอารมณ์ที่อายุ 18 ก็โตเต็มที่แล้ว แต่บางคนโตได้อีกไปถึงอายุ 19 เมื่อ 20 จะสมบูรณ์แล้วทุกคน

การย่อยอาหาร การเผาผลาญพลังงานโลกนี้ไม่เหมือนกันกับโรคเก่า กระเพาะอาหารคนทุกคนดีมาก อาหารเลยย่อยได้หมด กากใยอาหารก็ย่อยและนำไปเป็นไฟเบอร์ในกล้ามเนื้อได้หมด แม้แต่เมล็ดผลไม้ก็ย่อยได้

กินผักเยอะๆอาจถึงขนาดฟันไม่เข้าได้เลยเพราะไฟเบอร์หนาแน่น

สารอาหารมันคล้ายกัน

สาเหตุของความอ้วนอยู่ที่การกินมันกับโปรตีนจืดเยอะ มันไม่เหมือนกัน

บางเรื่องก็ยังเหมือนเดิมเช่นระบบสมอง นอกจากอายุเปลี่ยนในบางเรื่อง

อวัยวะไม่หย่อนยาน อาการโรคอาวุโสคือเส้นผมเปลี่ยนเป็นสีขาว ถ้าผมขาวอยู่แล้วผมจะเปลี่ยนไปดำกับขาวปนกัน ร่างกายนอกจากใบหน้าไม่มีเสื่อม

พิธีรับปริญญาจบ

ผมเรียนไม่จบ

ผมเก็บของกลับรถฟาเนิคด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ แจ้งข่าวบอกสื่อนกทุกตัวรวมถึงคนของผม

วีกับวิวตัดสายทั้งคู่

ท่านหญิงเสือดำด่าครึ่งวัน

ผมสื่อนกหานา

“นา”

นกเงียบ

“นา”

นกเดินมา

“มีอะไรวารี?”

“พร้อมทำงานหรือยัง?”

“ได้ทุกเมื่อแต่ต้องเริ่มที่มาสั่งเองและจับมือฉันก่อน เขียนสัญญารายวัน และสัญญาไม่เลิกจ้างตลอดตระกูล”

“ตระกูลเหรอ? ฉันยังไม่มีนามสกุลเลย”

“นามสกุล?”

“เอ่อ ชื่อตระกูล”

“ไม่ใช่ฮาโมนี่ที่ตั้งกับสร้อยหินอย่างแรกเหรอ?”

“ได้เหรอ?”

“แค่นี้นะ เขียนสัญญามาให้เสร็จด้วย ฮาโมนี่ไม่หาย ฉันไม่เลิกเป็น แล้วฝากลูกไปเลี้ยงต่อคนนึงด้วย พอแล้วนก”

“ห้ะ! เดี๋ยวก่อนดิ เฮ้ยๆ”

นกรักเดินหนี

“พอแล้วนก”

เธอหมายความว่าอย่างไร ฝากลูกไปเลี้ยงต่อ? ผมสับสนมาก เธอมีลูกแล้วเหรอ

แต่สรุปแล้วผมไม่รู้

เอาล่ะอะไรที่เสียไปแล้วก็ช่างมันเถอะผมต้องคิดเรื่องต่อไป

ผมต้องแก้ความล้มเหลวด้วยผลงาน

ถ้าอย่างนั้นผมต้องไปดูหินไฟฟ้า

ผมนอน

 

 

พอเช้าผมออกเดินทางตั้งแต่เช้า ผมทิ้งอุปกรณ์อุ้ยที่ผมใช้กับเพื่อน ถอดต่างหูเด็กกำพร้าทองวางทิ้งไว้

ตอนแรกผมไม่ใส่แต่มีผู้หญิงเข้าหา ผมเลยใส่กันไว้

“ไม่เอาอุ้ยไปด้วยหรอไอ้วารี”

“ฉันจะกลับไปเริ่มทำงาน ฉันจะลองเลิกให้ขาดสักสองสามปีลองความเลิกง่ายเองก่อนด้วย ก่อนน้องๆจะลองใช้กันน่ะ มหัศศรี”

นั่นคือมหัศศรี เขาเป็นหมอศัลยกรรมมือหนึ่งที่เก่งเรื่องการผ่าตัด ตระกูลเขามีวิชาต้องห้าม ปลูกถ่ายอวัยวะ ที่เขาสืบทอดมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นแบบปลูกที่ปลูกใส่ผู้บริจาค แล้วผ่าตัวเอาชิ้นไปใส่คนที่ต้องการ

แต่เขาเรียนหมอเอาใบประกาศนียบัตรไม่ได้เพราะอายุไม่ถึง ผมสัญญากับเขาว่าจะให้เขาแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่พบรักกันตั้งแต่ปีหนึ่งให้ได้

“ทองก็ไม่เอาไป ฉันเอาไปฝากพ่อแม่ได้เปล่า”

“ทิ้งไว้เหอะน่า! คิเซกิ”

นั่นคิเซกิ แฟนมหัศศรี นักวิจัย เขาเป็นนักวิจัยหน้าเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเงินทอง ฝีมือศัลกรรมเขาสุดๆเหมือนกัน แต่เพราะมหัศศรีเก่งมาก มันเลยไม่ชัด

พวกเขาทั้งคู่แต่งงานกันไม่ได้เพราะเป็นชายเหมือนกัน

ผมเห็นพวกเขามีอะไรกันผมเลยรู้ว่าใครฝ่ายไหน

“พี่ๆ ไปฟาร์มดงเสือดอกเล่นน้ำ อยู่ชานเมือง ถามทางกับเคาน์เตอร์ดงเสือดอกเล่นน้ำก็ได้ แต่แวะร้านตำผลสุกดิบก่อน แล้วแวะรับคนเลี้ยวขวาซอยหน้าด้วย ที่หอหญิง”

“ได้ค่ะน้อง”

พี่ผู้หญิงอายุน้อยๆสวยๆตอบรับ

ตำผลสุกดิบคือส้มตำ ผลสุกดิบคือมะละกอ

ไม่ทันไรเราก็มาถึงหอหญิง เพราะมันใกล้ๆ

“ป่ะ ลูน่า”

ข้างหน้าผมมีผู้หญิง 19 ตัวเล็กๆ สูงไม่ถึง 150 ซม. ผมยาวสีน้ำตาลอ่อน เธอชื่อลูน่า เป็นคนเก็บตัวที่ไม่คุยกับคนด้วยกัน เด็กกำพร้าเหมือนผมแต่คนละบ้าน เธอรับเลี้ยงหมูส่งตัวเองเรียนหมอ

ผมเคยเห็นเธอคุยกับสัตว์ ผมเอาเงินล่อหนึ่งทองถามว่า สัตว์เห็นผมแล้วคิดอย่างไร เธอรับไปแล้วบอกผมแค่ว่า

สัตว์ส่วนใหญ่บอกว่า ‘ตัวใหญ่ แต่ไม่ดุ’

หลังจากนั้นมาเธอคอยมาหาแต่ไม่พูดอะไรอยู่เรื่อยๆ ผมบอกเธอว่า ทำงานดีๆมั้ย? เธอตกลง

ผมยังไม่ได้บอกเธอว่าจะไปไหนหรือทำอะไร แต่เธอเชื่อผมเพราะผมมีเงิน ผมไม่อยากเอาเงินเชื่อมผมกับผู้หญิง แต่ถ้านั่นมันดึงดูดเธอ ไม่ใช่ผมจะปฏิเสธ

เรายังไม่ได้มีอะไรกัน

ผมกับลูน่าขึ้นรถฟาเนิค

เราเข้าเมือง รถฟาเนิคแวะถามทางดงเสือดอกเล่นน้ำ แล้วเราออกชานเมืองทันที

ไม่นานเราก็ถึงร้านผลสุกดิบตำ

“นั่งเลยน้อง ร้านนี้กินแล้วเข้าส้วมแน่”

เรื่องนั้นดันมาอีกแล้ว

“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ พูดว่ามันดีต่อท้องดีกว่า”

“นั่นแหละๆ ป้าก็พูดไม่เป็น ตำสุกดิบปลาเน่า”

คิเซกิถาม อาหารมีอย่างเดียว พวกเราไปนั่งกันที่โต๊ะ

ผมลองชิม มันเป็นส้มตำปูปลาร้าที่รสชาตินัวดี

“ป้า ปิดร้านสอนสูตรพ่อครัวผมแบบนับว่าวันลูกค้าเยอะสุด ตลอดปีหรือรายวันจะเท่าไหร่ ป้าคิดมา ผมถ้าไปเก็บของเตรียมเดินทางไว้ เราจะไปดงเสือดอกเล่นน้ำ ระหว่างสอนมีค่าที่พักค่าอาหาร”

“ป้าคิดวันละ 1 ทอง นั่นมากสุดที่เราได้ กับแถมนิดหน่อยค่าสูตร และต้องรับลูกป้าครึ่งราคาติดไปด้วย”

“ได้ครับ ทำสัญญาจ้างมั้ย ผมพอเขียนได้อยู่ ขอกระดาษอย่างเดียว”

ผมถามป้าอายุ 60 แล้วในร้านส้มตำปลาร้า

“กระดาษมีอยู่บนร้านมั้ง แต่ไม่ต้องหรอก หรือน้องต้องเอา?”

“ถ้าป้าว่าไม่ก็ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมไปธุระก่อนสักครู่ ประมาณครึ่งชั่วโมงได้”

“ครึ่งชั่วโมงเหรอ นั่นเร็ว ให้ลูกสาวเก็บก็ไม่รู้จะได้เรื่องมั้ย เออๆ ได้ก็ได้วะ ตั้ง 1 ทอง 50 เงินต่อวัน ปิดร้านอยู่ยันนอนไหม้ได้เลย”

“หึหึ คร้าบๆ ไปนะครับป้า”

“เดินทางดีๆล่ะ”

ผมหันหลังแล้วชนผู้หญิงอายุน้อยๆคนหนึ่ง เธอผอมโซ ผมพยุงเธออย่างรวดเร็ว จับเธอยืนดีๆ

“ขอโทษครับ”

“นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก คนอย่างฉัน แต่ของเล่นฉันหักเลย”

มีกองเกียร์และเฟืองกับกาต้มน้ำ กำลังไหม้นิดๆ มีคราบน้ำมันดำ

“อะไรนั่น”

มหัศศรีถามมา ผมดับไฟก่อนด้วยการตีสุดเร็วด้วยมือ แล้วดูดีๆอีกครั้ง

“มันคืออะไรครับ ทำอะไรได้”

“มันเรียกว่ารถควัน มันวิ่งเองได้ถ้าวางนี่ไว้หน้ามันเรื่อยๆ”

มันเป็นรถไฟของเล่นอย่างนั้นหรือ?

“อย่างนี้นี่เอง”

มหัศศรีกับคิเซกิเดินไปขึ้นรถ เขาคงว่าเธอเพี้ยน

“จ้างมาทำงานคิดเท่าไหร่ต่อเดือน เอาแบบอยู่สบาย”

“30 เงิน”

“ไม่น้อยไปเหรอ?”

“ฉันอยู่ได้ แต่ก่อนฉันเคยได้เดือนละทอง แต่นั่นมันตั้งแต่เด็ก”

มากสุดที่เธอเคยได้คือวันละหนึ่งทอง

“อายุเท่าไหร่? ผม 19”

“20”

“ทำแบบนี้มานานรึยังพี่?”

“ไม่ต้องเรียกฉันพี่หรอก

เธอพูดขึ้นมา

“ทำแบบนี้มานานรึยัง?”

“เป็นปีๆแล้ว”

“อยู่ได้มั้ย?”

“หึหึ”

เธอก้มหน้าหัวเราะผมรอเธอพูดต่อ

“เกือบไหว ไม่มีก็อด”

ช่างเป็นนักประดิษฐ์ที่อาภัพ

“จากนี้ มาเป็นคนของผม ผมให้วันละทอง ถ้าประดิษฐ์อย่างนึงก็ได้เงินพิเศษ ผมมีของดีๆให้เห็นตอนผมกลับมาจากการหยิบมัน เก็บของมาตรงนี้อีกครึ่งชั่วโมง”

“ฉันพร้อมไปได้เลย”

“มีเท่านี้เหรอ? แล้วนอนที่ไหน?”

“ฉันนอนข้างทาง”

ผมพูดอะไรไม่ออก ผมบอกเธอไม่ได้ว่าผมเข้าใจ

“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?”

ผมถามเธอ

“ฉันเคยเป็นลูกขุนนางเมื่อยังเด็ก ฉันชอบสร้างของเล่นตั้งแต่เด็ก และแม่ที่เลี้ยงฉันคนเดียวสนับสนุนมาตลอด ฉันทำเป็นอย่างเดียว เล่นมันเป็นอย่างเดียว จากนั้น ฉันเสียแม่ไปตอนยังไม่ถึง 10 ขวบเลยด้วยซ้ำจากโรคพยามัจจุราจ ตอนแรกฉันมีเงิน แต่เมื่อฉันทำงานตอนยังมีเงินแรกๆ ฉันได้รู้ว่าผลงานฉันไม่มีใครเอา และมันขายยากมาก แล้วเงินฉันก็หมดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ฉันก็เดินขายแบบนี้มาตลอดเพราะฉันเอาเงินไปเปิดร้านเลิกกิจการหมดแล้ว มันลำบากมาตลอด พูดตรงๆไม่นาน”

เธอเงียบไป

“ไม่นานฉันก็จะหนาวอยู่ข้างทางแล้วถูกขนไปเผา อดมื้อกินมื้อมานานแล้วล่ะ จากที่เคยอ้วนๆกลมตอนเด็กๆ”

ผมเข้าใจแล้ว

เธออยู่มา 3 ปีได้โดยขายของที่ขายไม่ออกเธอมีความพยายามเอาตัวรอดดี และเธอเคยกินมูมมาม แต่เรื่องนั้นผมไม่มีปัญหา

“ครับ จะทำสัญญามั้ย ผมเขียนให้ตอนขากลับ”

ผมล้วงถุงทองหยิบให้เธอหนึ่งทอง

“ทำสิ มันจะนานมั้ย?”

“ไม่นานหรอกครับ ผมเขียนเร็ว”

มันเป็นทักษะที่ได้จากการเรียนหมอกับการออกกำลังกาย ผมได้รู้จักการควบคุมร่างกายอย่างละเอียดเพื่อทำแผล

“กินร้านนี้เป็นมั้ย?”

“เป็น มันถูกดี แต่”

เธอมีแต่แล้วเว้นไว้ ทำหน้าตาเหมือนไม่อยากบอกเลย แต่ผมดูว่าเธอเกรงใจมากกว่า

“แต่อะไรครับ บอกมาเถอะ”

“ป้าเขาพูดแปลกๆ ฉันเลยไม่ค่อยชอบ”

“จะกินร้านอื่นมั้ย?”

“ถ้านายบอกกินร้านนี้ก็กินร้านนี้แหละ”

“เข้าใจแล้ว งานแรก กินร้านนี้ แล้วไปซื้อข้าวกับไก่กิน แล้วนั่งรอข้างใน”

“ได้! กล้วยๆ”

“ชื่ออะไรครับ ผมวารี”

“ผักชี”

“ชื่อหรือของกินที่จะกิน?”

“มันไม่มีของกินชื่อนี้นี่ ฉันว่าเด็กๆฉันลองทุกอย่างแล้วนะ”

ถ้าอย่างนั้นมันไม่มีผักชีหรือ? แต่ผมเคยกินนี่ ผมจำได้ แต่ผมไม่เคยพูดถึงมันเลย”

“แล้วเจอกัน ไม่นาน”

ผมหันหลัง เดินไปที่รถฟาเนิค

“ฟาร์มดงเสือดอกเล่นน้ำครับ”

“ได้ค่ะน้อง”

ผมไปฟาร์มดงเสือดอกเล่นน้ำ

เดินทางไม่นานนักก็ถึง เราเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เที่ยงตอนนี้มันประมาณบ่ายสอง

ลงฟาร์ม เข้าไปคำนับพี่อัลฮาแล้วเก็บกล่องหินไฟฟ้า

“ไฟยังติดอยู่”

ผมพูดกับตัวเอง ผมเปิดดู แงะเครื่องช็อตไฟฟ้าดู

หินไม่เล็กลงหรือขยายและสีไม่ตก มันไม่ใช่แบตเตอรีลิเธียมเหมือนที่ผมคิดไว้ มันเป็นหินพลังงานไม่มีวันหมด แต่เพราะมันเป็นขยะเหมืองเลยไม่มีใครสน

ผมหยิบอุปกรณ์ที่รอประกอบเป็นไม้สั่นนวดหลัง กับอุปกรที่รอประกอบอื่นไว้ในกระเป๋า

“ไปร้านตำผลสุกดิบครับ”

“ค่ะน้อง”

พี่คนขับตอบรับ ผมขึ้นรถ

ผมประกอบเครื่องช็อตไฟฟ้าใหม่ ไม่นานก็เสร็จ

ผมทบทวนฝ่ายที่ผมมี

ผมมีพี่อเด็ป ฝ่ายเสื้อผ้า

ผมมีพี่เนตรทิพย์ ฝ่ายเครื่องประดับ

ผมมีพี่คุมะ ฝ่ายอาหาร

แล้วตอนนี้ผมมี ผักชี ฝ่ายประดิษฐ์

ผมสื่อนกหาพี่โดโรเธีย

“พี่โดโรเธียครับพี่โดโรเธีย”

“วารี มีอะไร”

“เด็กๆเป็นยังไงกันบ้างครับ”

พี่โดโรเธียถอนหายใจยาว

“ส่วนใหญ่ไม่มีที่ไป”

ผมรอเธอพูดต่อ แต่เธอไม่พูดสักพัก

“หมายเลข 4 กับหมายเลข 6 ได้งาน ได้พ่อแม่ หมายเลข 11 ได้งานมั่นคงเขาตั้งชื่อตัวเองว่าเหล็กกล้า”

“ครับ”

มันเป็นอย่างนั้น พวกเขาอยู่ดีกินดีแล้ว ก็ดีนี่?

“หมายเลข 5 กับหมายเลข 8 มีงานที่เดียวกันแต่คนที่สวนจับได้ว่าชอบกินผลไม้จนอ้วนทั้งคู่ เลยเพิ่งโดนไล่ออกทั้งสามีภรรยา”

“เอ๋ แต่งงานกันแล้วเหรอครับ?”

“ใช่สิ หมายเลข 9 ชื่ออดัม หมายเลข 5 ชื่ออีฟ ตามนิทานที่พวกเธออ่าน ตอนนี้พวกเธอมาหมกกันอยู่ที่นี่ เดินหางานทุกวัน เงินก็จะหมดแล้ว ฉันไม่รู้ว่าปีหน้าเงินพวกเธอหมดแล้วจะไปทำงานที่ไหน”

ท่านหญิงถอนหายใจอีกครั้ง

อดัมกับอีฟหรือ? เข้าใจเลือกชื่อดี เขาชอบกินอย่างนั้นหรือ

“หมายเลข 7 ล่ะครับ”

“ฉันล่ะหน่าย”

“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

“ฉันไม่อยากบอกว่าเพราะเธอหรอกนะ อย่าถามเลยว่าขนาดไหน”

มันหนักขนาดนั้นเพราะผมด้วยหรือ? ผมรอพี่โดโรเธียพูด

“เพราะเธอน่ะชอบทำอะไรแปลกๆ หมายเลข 7 เชื่อในเธอ เขาฝึกร่างกายเหมือนเธอ เป็นทหารรับจ้างได้ 2 ปี เจอสามีเป็นคนสร้างไร่สร้างสวน ทั้งคู่เป็นเผ่าสต้าร์คเหมือนกันแล้ว แล้วเอาเงินทั้งหมดไปเรียนสร้างบ้าน กับสร้างนาสร้างไร่กันทั้งสามีภรรยา ตอนนี้ถังแตกมาขออยู่ฟรีกันทั้งคู่แลกงานที่นี่แล้วใช้พวกของเล่นเธอทั้งวันกันทั้งคู่เลย”

“แล้วอาชีพทหารรับจ้างล่ะ ไม่ทำแล้วเหรอครับ?”

“เธอบอกสุดท้ายเธอทนทำให้คนเลือดออกไม่ได้ เธอบอกนิดๆหน่อยๆได้ แต่เธอรับไม่ได้ที่บางครั้งทหารรับจ้างต้องทำสองแง่สองง่าม และบางครั้งงานที่สกปรก น้ำจิตน้ำใจเธอดี แต่ทำตัวอยู่ผิดที่ผิดทาง พาเธอไปทำงานหน่อย ฉันฝากล่ะ สามีเธออยู่รับจ้างที่สวนใกล้ๆนี้เอง เสื้อผ้าก็ไม่มีจะใส่กัน บางครั้งเธอก็กินข้าวครึ่งเดียวแล้วเอาไปแบ่งให้สามีเธออีก”

“ถึงขนาดรับเธอเป็นลูกมั้ย พี่โดโรเธีย?”

เธอเงียบไปนาน

“หึหึ เธอนี่ตลกดี ฉันมีลูกไม่ได้ ลูกบุญธรรมก็ไม่ได้ เพราะหญิงกับหญิงแม้แต่งงานกันแล้วรับบุตรบุญธรรมไม่ได้ แต่ ถ้ามันทำได้ฉันจะทำ”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร ได้แค่ตอบรับไปเบาๆ พี่โดโรเธียไม่พูดอะไรอีก

“พี่อลิสอยู่มั้ยครับ?”

“อยู่ มีอะไร?”

“ถามเธอเรื่องผักทั้งหอมทั้งเหม็นที่เธอชอบใส่ให้กินหน่อยครับ มันคืออะไร”

พี่โดโรเธียเงียบครู่หนึ่ง

“สื่อนกมาถามเรื่องผักเหม็นๆนั่นอ่ะนะ?”

“ครับ ผมอยากรู้จริง”

พี่โดโรเธียถอนหายใจ จากนั้นเงียบไปนาน

“เธอบอกไม่มีชื่อ หาได้แค่ที่ศิโร”

“ครับ ขอบคุณมากครับ เท่านี้แหละครับพี่”

“อืม แค่นี้นะนก”

“พอแล้วนก”

ผักชีหาได้แต่ที่ศิโร แล้วผมต้องไปรับเด็กๆด้วย

ผมเขียนสัญญาจ้าง

ไม่นานรถก็ไปถึงร้านตำผลสุกดิบ

ผมรับผักชีและป้ากับลูกสาว ป้าและลูกสาวดูตื่นเต้น ส่วนผักชีนิ่งๆ ก้มหน้าก้มตา

“ผักชี”

“ว่า?”

“ประกอบนี่มันเป็นเครื่องนวดหลัง แบบนี้”

ผมวาดรูป มีลูกศรชี้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน

“ส่วนนี่มอเตอร์ที่มีตัวหมุนทำให้มันสั่น”

ผมหยิบมอเตอร์ให้เธอดู

“แล้วอยู่ดีๆมันจะหมุนได้ไง ถ้าอย่างนั้นใช้-”

“เราจะไม่ใช้น้ำมัน”

“เอ๋? มันทำให้ของขยับเองได้นะ รู้จักมันด้วยเหรอ?”

“ฉันรู้แล้วกัน”

ผมบอกผักชี

“มันมีเหตุผล แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ด่วนกว่า พลังงานคือหินสีออกชมพูมันคือหินไฟฟ้า วัตถุที่ไว้ส่งพลังงานสู่อย่างอื่นคือทองแดง ประกอบมันให้เสร็จ ถ้าเสร็จก็ดีกว่า ถ้าไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร งานนี้ได้เงินค่าด่วนพิเศษ”

เธอยิ้มนิดหน่อยแล้วก้มหน้าก้มตาประกอบ

ไม่นานเราก็ถึงดงเสือดอกเล่นน้ำ ตอนนี้มีร้านห้องกระจกอยู่ฝั่งขวาด้วย

“อยู่ในร้านอาหารไปก่อน”

“ร้านไหนล่ะ?”

“ซ้ายดีกว่า ผมก็ยังไม่รู้ว่าทางขวามีอะไรเหมือนกันป้า”

“อืม”

ผมตามหาวีกับวิว เจออยู่ที่ชั้นที่ 3

เธออยู่กันสองคนพอดี

“วี วิว หาคนมาแทน พี่มีเรื่องพิเศษต้องคุยที่มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้”

เธอไม่ตอบ แล้วคุยใส่ท่อหาคนมาแทน

เราไปที่คาเฟ่ หาจุดคนน้อย มันบ่าย 4 แล้วมันเลยยังเกือบว่างอยู่

“เอาหูมาใกล้ๆ”

วีกับวิวยื่นหูมาใกล้ๆ

ผมพูดเบาๆ

“พี่เป็นคนต่างโลกที่มาเกิดใหม่ พี่มีความทรงจำชีวิตเก่า”

“ห้ะ!?”

“เอ๋!?”

ผมรีบพูดต่อหลังวีกับวิวอุทาน

“เข้าใจยังทำไมพี่เป็นแบบนี้ ความรู้โลกเก่ามันผิด มันมีคนละโลก คนละอย่าง”

“พี่เพี้ยนใช่มั้ย!?”

“มองหน้าพี่วี”

เธอหันมามอง วิวก็มอง

“ที่พี่พูดมันจริงทุกอย่าง”

วีกับวิวมองกันสักพักแล้ว พยักหน้าใส่กัน

“เชื่อ พี่มั้ย? วี วิว”

“เชื่อ!”

“เชื่อ!”

“ขอบคุณ”

ผมก้มหัวให้พวกเธอ

“พี่! ไม่ต้องทำอย่างนั้นเลยนะ มาก้มหัวให้เราทำไม!?”

“นั่นดิ!”

วีตำหนิ แล้ววิวรีบเห็นด้วยตามมาติดๆ

“พี่ยังรู้สึกผิดที่พี่ต้องโกหกน้องมานาน”

วีเงียบ วิวมองวี

“เรื่องนั้นมันนิดหน่อย หนูรู้ว่าพี่มีเหตุผล”

วิวพูดตอบมา

“แล้วเมื่อไหร่เราจะคบกันได้?”

วีเงยหน้ามาพูด

“มันเป็นอย่างนี้”

ผมอธิบายความรู้ที่ผมได้จากการเรียนหมอมา

“20 อย่างนั้นเหรอ”

“ยังนานอยู่ดีอ่ะ”

“ขอโทษด้วย พี่ทำก่อนได้เสมอ-”

“แล้วทำไมไม่ทำเล่า!”

วีรีบพูดขึ้นมา

“พี่จะรู้สึกผิด มันจะรู้สึกว่าไม่สมบูรณ์ พี่เจอเธอมาตั้งแต่เด็กๆพี่จะยึดเธอไว้ไม่ได้ พี่ต้องปล่อยให้เธอได้เจอคนอื่นก่อน จากนั้น เมื่อสุดท้ายเราพร้อมกันเข้าหากัน เราเลือกกันเข้าจริงๆ”

ผมเงียบสักพัก

“พี่จะไม่ออมอะไรไว้”

วีกับวิวยิ้มๆ

“คบกับใครมั่งหรือยังล่ะ?”

ผมถามพวกเธอ สองคนมองหน้ากัน

“หนู 3 คน แต่มันแย่ หนูรอเฉยๆดีกว่า”

ถ้าอย่างนั้นประสบการณ์ของวีห่วย

“หนูคบเพียบ!”

“ฮ๋า?”

ผมตกใจกับคำบอกของวิว

“มันง้องๆหมดเลย บางคนก็จะมาจับตัวอย่างเดียว หนูต่อยหน้าไปหลายคนแล้ว”

จากนั้นวิวก้มหน้า

“เสียใจด้วย รอพี่นะ”

ผมชูนิ้วก้อย พวกเธอเอานิ้วก้อยเกี่ยวพร้อมกัน

“ตอนนี้พี่ต้องไปหาท่านหญิงเสือดำก่อน ขอโทษด้วยจริงๆ แล้วพี่จะบอกทุกอย่าง”

ผมเดินไปที่โต๊ะผักชี มันเสร็จพอดี ผมเอาไม้นวดมานวดหลัง

“ไหนขอดูหน่อย”

มันสั่นแรงพอดี เธอทำได้

ผมเดินขึ้นไปหาท่านหญิงเสือดำ

แต่งโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu

ขอเชิญร่วมโดเนทสนับสนุนผลงานโดยการโดเนท ความช่วยเหลือของท่านจะทำให้งานดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆขอบคุณทุกท่านจากใจมากๆครับ

ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

กำพร้า ณ ต่างโลก

กำพร้า ณ ต่างโลก

Score 10
Status: Completed
นี่คือเรื่องราวของชายหนุ่มผู้ได้ไปเกิดต่างโลก แต่กระนั้นเขาเป็นกำพร้า แล้วตัดสินใจจะสร้างชีวิตใหม่ในโลกใหม่ใบนี้ ร่วมใช้ชีวิตไปกับเขา ณ โลกใหม่กับคนใหม่ๆ กับ กำพร้า ณ ต่างโลก

Options

not work with dark mode
Reset