ผมเวียนหัว
หมัดนั้นมันเข้าคางครึ่งหนึ่งเข้าแก้มครึ่งหนึ่ง
ผมเห็นเขาง้างอยู่เต็มตาอยู่ แต่ผมมัวแต่มองพี่วาเนสซ่ากับพี่โดโรเธีย แล้วผมคิดว่าเขาอ้วน คิดว่าเขาจะช้า
ผมพลาดเพราะดูคนจากภายนอก ผมโกรธตัวเอง
พอผมรู้ตัวผมก็โดนคร่อมจากข้างหลัง ตอนผมนอนคว่ำหน้าอยู่
แย่แล้ว กลับไปสู้อย่าเพิ่งคิดเยอะ นายยังสู้ได้อยู่ วารี
“ศอกกลับ!”
ผมศอกกลับแต่มันแค่เฉี่ยวอกอ้วนๆของเขา แล้วไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรเลย
เขาไม่ได้อ้วนอย่างเดียว เขาตัวสูงด้วย
“นอนต่อย!”
“โว่ว!”
ผมนอนต่อยเขาเขาโยกหัวหลบแล้วมือกดคอผมไว้
“มีท่าแบบนั้นด้วยเหรอวะเนี่ย”
เขาเกาหัวแต่มือขวายังกดคอผมอยู่
“เอามีดมาดิ๊ ฉันจะให้ไอ้เด็กนี่มันอยู่นิ่งๆ”
แม้แต่วีกับวิวก็ไม่ค่อยได้คร่อมแบบได้เปรียบเต็มๆกับผมบ่อย มันเป็นท่าที่ผมไม่ได้ฝึกจนเชี่ยวสุดๆ
จะทำอย่างไรดี?
ผมเงยหัวขึ้นไปดู
คนที่อยู่ท้ายเตียงกำลังเดินมาส่งมีด
ถ้าเขามีมีดผมจบเห่แน่
เพราะเขาจ่อคอผมได้และแม้ว่าผมมีท่าอยู่ แต่ความเสี่ยงมันสูงมากจนไม่น่าใช้ถ้าผมยังอยากอยู่ต่อ
“กุ้งดีด!”
ผมงอตัวเหมือนกุ้งแล้วดีดตัว เรายิ่งไปใกล้เตียง แต่มันแค่เซ็นติเมตรเดียวมากที่สุด ตัวเขาหนักมาก
คิดสิคิด อย่ายอมแพ้
ผมจะเอาอะไรมาคิดเล่า
อย่าเพิ่งสับสน!
คิด
จินตนาการ
ผมนึกถึงเพลงของวีเมื่อตอนเราดูดาว
เอามาเป็นฉากหลัง
นึกภาพ
คนส่งมีดเดินมาอีกสองก้าว
ผมเปิดตากว้าง
“สะพานโค้งเด้งดึ๋ง!”
ผมดีดสะโพกขึ้นสุดแรงเกิด
เขาลอยขึ้นไปแล้วขาผมเริ่มลอยตาม
“ถีบพื้น!”
ผมพับเข่าขวามายันพื้นอย่างเร็วเพราะเป็นท่า ตอนนี้ขาเขารัดหลังผม มันจะทำให้น้ำหนักเบาลงเพราะเขาไม่กางไว้ห่างตัว
น้ำหนักเท่านี้ขาเดียวก็ไหว
เชื่อมั่นที่ฝึกมา
ตอนนี้ผมยกท่อนบนได้แล้ว
“ถีบกลับหลัง!”
ผมถีบขาขวา ตัวผมกับเขาลอยขึ้น
“ฮุคขวา!”
ผมฮุคแบบโยนหมัดไกลๆ มันเข้าคางเขาเต็มๆแล้วขาเขาคลายตัว เขาหมดสติแล้ว แต่ผมยกตัวเขาอยู่
ผมลุกได้ครึ่งหนึ่งแล้ว สองขายึดหลักมั่นที่พื้น ผมเหลียวดูหลังหาคนถือมีด เขาเดินก้าวที่สามแล้วเริ่มวิ่ง อีกสามก้าวก็จะถึงเรา
“ตัวตรง!”
ผมดีดตัวตรง คนอ้วนยังไม่หลุดแม้ขาคลาย เรายังลอยพร้อมกันอยู่
“ทุ่ม!”
ผมกดอกคนอ้วนทุ่มลงพื้น
เมื่อกระแทก
“ลังกาหน้า!”
ผมม้วนหน้าแล้วมีดเฉือนหลังผม
เมื่อมือถึงพื้น
“แขนยืน! ตอกส้นกระจก!”
ผมเอาแขนยืนแล้วตอกส้นกลับหัวใส่คางของคนถือมีด มีดเฉี่ยวขาผมนิดหน่อย แต่ผมรู้สึกได้ว่าเฉี่ยวไกลๆ
เขาเซมาข้างหน้า ผมงอศอกกลับไปตีลังกาหน้าต่อ
ผมเห็นกระบองแดงที่ตก หยิบมัน
“ลุกยืน!”
ผมดีดตัวลุกขึ้นยืน
“หันหลัง! วิ่ง!”
ผมกลับหลังหันแล้ววิ่งไปเตียง เป้าหมายคือคนที่คร่อมวาเนสซ่า
“แกเสร็จฉัน! ข้าคือคนสำเร็จเป้าหมาย ข้าคือลม-”
ผมหวดหัวเขากระเด็นตีลังกาขาชี้ฟ้าหัวทิ่มตกไปข้างเตียง
ผมดูแผลพี่วาเนสซ่า มันมีเลือดออก ผมไม่รู้ด้วยว่าโดนจุดสำคัญมั้ย ต้องเสี่ยงอย่างเดียวแล้วแข่งกับเวลา
ผมหันกลับวิ่งไปหยิบมีด วิ่งกลับไปตัดเชือกที่แขนพี่โดโรเธีย
เมื่อพี่เขาลุกได้เธอหันข้างแล้วอุ้มหัวพี่วาเนสซ่ามาหนุนตัก
ผมต้องอุ้มไปเลยไหม
ไม่สิตอนนี้มันต้องนั่น
เสื้อจะดีพอไหม เหงื่อผมไม่ได้ออกเยอะ ซึ่งมันแปลกอยู่
ผมถอดเสื้อพับเหลือเล็กๆเท่าแผล
พวกเขาเอาเชือกมัด คนพวกนี้มีเชือก
มันอยู่ที่ใคร
“เจอแล้ว!-”
“จะ, เจออะไรวารี!”
“เชือกครับ”
ผมบอกพี่โดโรเธียที่สับสน
ผมเอาเชือกรัด มันต้องโยกตัวเธอเพื่อเอาเชือกวนรอบ แต่ผมทำช้าๆ
ในที่สุดผ้ากดแล้วเชือกมัดก็เสร็จ
วีกับวิวรีบเข้าประตูมา
“ทั้งบ้านปลอดภัยแล้ว เอ๋!? พี่วาเนสซ่า!”
วิวเปิดมาหน้ายิ้มรีบบอกข่าวแต่เมื่อเห็นเลือดไหลเยอะที่เตียงหน้าก็ตกใจ
วีมองวิวเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง หน้าเธอเหงื่อออก เธอดูใจไม่อยู่กับตัว
แต่เมื่อเธอเห็นหน้าผมเธอหายใจลึกๆแล้วสงบลง จากนั้นเดินเข้ามา
“พี่วาเนสซ่าจะเป็นอะไรมั้ย”
วีถาม
“พี่ไม่รู้ต้องพาเธอไปหาหมอ-”
“พี่โดโรเธีย”
พี่วาเนสซ่าพูดทั้งหน้าซีดทั้งน้ำตาตัดคำพูดผม
“หนูรักพี่มาตลอด แม้ไม่ได้เริ่มตั้งแต่เด็ก แต่พอหนูโต หนูเริ่มรู้จักรัก หนูรักพี่ตอนนั้น แม้ว่าเมื่อจากกัน หนูยังคิดออกห่างพี่ไม่ได้”
““เออออออ๋!?””
ผมกับวิวตกใจเสียงดัง
พี่วาเนสซ่าหันมามองค้อน เอานิ้วชี้วางไว้ที่ปากเธอ
“งั้นที่เธอแวะมาบ่อยๆหลังจบจากที่นี่ไปแล้ว เพราะแบบนี้เหรอ? แล้วที่สุดท้ายเธอมาเป็นพี่เลี้ยงที่นี่ก็เพราะแบบนี้เหรอ?”
“ค่ะ”
พี่โดโรเธียยิ้ม
“ฉันก็คิดถึงแต่เธอเมื่อเธอโตแล้วมาบ่อยๆเหมือนกัน มันทำพี่สับสน มันไม่เคยเกิดขึ้นกับพี่ แต่เธอดีกับพี่มาเรื่อยๆ มันค่อยๆเกิดขึ้นจนตอนนี้พี่เสียเธอไปไม่ได้ อย่าไปวาเนสซ่า อยู่กับพี่”
พี่วาเนสซ่าเปิดตากว้าง
“พี่ก็ ระ, ระ, รักหนูเหรอ?”
“แน่นอน พี่รักหนู ให้พูดยังได้”
“งื้ออออ”
“ชู่ว วิว!”
วิวทำเสียงมีความสุขกับภาพที่เห็น วีบอกให้เธอเงียบลง
พี่โดโรเธียกับพี่วาเนสซ่ามองหน้ากัน แล้วพูดกันหวานๆ แต่ผมเลิกยุ่งมากไปแล้วคุยกับวี
“พวกเขามากี่คน”
“สะ, สี่คน”
“เธอได้รับบาดเจ็บมั้ย”
ที่เสื้อผ้าวีกับวิวมีเลือดอยู่ แต่ไม่ได้ดูเหมือนเธอได้รับบาดเจ็บกัน ผมเลยยังไม่ตกใจ
“หนูไม่เป็นไร”
“หนูก็ยังสบายอยู่ เราต้องสู้อีกมั้ย!”
วีบอกผมและ วิวจะสู้ต่อแล้ว อารมณ์ต่อสู้ของเธอน่าจะพุ่งขึ้นสูง
“วี, วิว บุกออกจากที่นี่ คุ้มกันพี่ พี่จะอุ้มพี่วาเนสซ่า”
“หืม ไม่เอาฉันจะตายที่นี่แหละ”
“พี่จะไม่ตาย! เชื่อผม!”
พี่วาเนสซ่าจะไม่ไป แล้วผมบอกพี่เขา
ผมอุ้มพี่วาเนสซ่าแม้เธอดิ้น
“อย่าดิ้นแผลมันจะเปิด ถ้าพี่อยู่นิ่งๆ มันอาจถึงมือหมอทัน”
“แต่-”
“น้องวาเนสซ่า”
พี่วาเนสซ่าจะขัดผมแต่พี่โดโรเธียพูดขึ้นมา
“เชื่อวารี พี่เชื่อ เธอก็ควรเชื่อด้วย”
พี่วาเนสซ่าและพี่โดโรเธียมองหน้ากัน ผมเดินไปที่ประตูระหว่างพวกพี่เขาโหม่หัวมองกัน วีกับวิวนำผมไป
เราเปิดประตูแล้วมีเด็กๆยืนกันหน้าห้อง รวมถึงพี่อลิส
พวกโจรไม่ตามเข้ามาเหรอ?
“เด็กๆกลับไปที่ห้อง โจรยังไม่หมด พี่อลิสครับช่วยดูเด็กๆที”
“พี่วาเนสซ่าเป็นอะไร?”
พี่อลิสถามผม
“โดนมีดครับ”
พี่อลิสเปิดตากว้าง แต่ปิดปากแน่น
เด็กๆกลืนน้ำลายแล้วจับมือกันพาไปที่ห้อง
ก่อนเด็กดวอร์ฟที่อยู่คนสุดท้ายเข้าห้องไป เขาหันมามองผมเหมือนอยากพูดอะไร เปิดปาก แล้วก็กลับไปทำท่าจะเข้าห้อง
จากนั้นเขาส่ายหัวแล้วหันมาพูด
“ขอบคุณครับ!”
เขามองหน้าผมแล้วขอบคุณ จากหน้าตาเขาผมรู้ได้ว่าเขาพูดจากใจ
จากนั้นเขาหน้าแดงแล้วรีบเข้าห้องไป พี่อลิสตามเขาไป
ผมเดินไปที่หน้าประตูโดยมีวีกับวิวนำ
“ค่อยๆเปิด”
วีเตรียมกระบองแล้วค่อยๆเปิดประตู
“ย้ากกก!”
“ย่าาา! เอ๋?”
เมื่อผมได้ยินเสียงสับสนของวิวผมตามออกไป
ผมเห็นยามเมืองจับตัวโจรแล้วโจรพยายามออกแรงทึ้งจะหนี
ยามเมืองมาแล้ว เขามาไวกว่าที่ผมคิด แม้มันจะช้ามากแล้วแต่ผมคิดว่าจะช้ากว่านี้
มันเริ่มจะค่ำแล้วด้วย ตอนผมดูเวลาก่อนออกมามันเกือบทุ่มแต่แดดยังส้มๆ
ผมเดินผ่านวิวที่ยังงงอยู่เมื่อผมเดินผ่านวี เธอรีบขึ้นมานำให้ต่อ ยังพร้อมอยู่
“หมออยู่ตรงไหนครับ มีมั้ย?”
ผมถามคนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้า นั่นพี่จัสตินนี่ เขาทำหน้าเหนื่อยๆแถมปวดหัวกับเรื่องทั้งหมด
“มีๆ หมอ!”
มีหมอผู้ชายและผู้หญิงมาสองคน แต่เขาไม่ได้มาแต่ตัว เขาขี่นกฟาเนิคสีทองมีที่บังเหียนมีไม้ยื่นยาวตรงไปข้างหลังได้ประมาณ 1 เมตรและมีเปลญวนผูกอยู่อย่างแน่นหนา
“เธอเป็นอะไรครับน้อง”
หมอผู้ชายถามผม
“โดนแทงครับ ตำแหน่งคือตรงนี้”
ผมชี้เชือกแต่ตำแหน่งแผลอยู่ด้านล่าง
“แผลยาวมั้ย?”
“ไม่นะครับ ประมาณคืบ-”
“มีดเล่มนี้ค่ะ”
วีเอามีดให้หมอดู
หมอทำท่าคิด
“ผ้าอยู่ข้างใน มัดอย่างดี”
หมอพยักหน้ากับตัวเอง
“เอาเธอไว้ที่เปลน้อง โรงบาลอิวิวรุสจะรับตัวเธอต่อ”
“ขอบคุณครับ”
ผมขอบคุณหมอผู้หญิงที่บอกผม ผมใส่พี่วาเนสซ่าที่เปล หมอเอาเชือกกระสอบผูกเปลญวนเพื่อปิดข้างหน้า แต่เปิดไว้ที่หน้าพี่วาเนสซ่า
จากนั้นหมอสองคนหันหน้าออกหน้ารั้ว
“พร้อม!”
“พร้อม!”
“วาเนสซ่า! ปล่อยฉัน!!”
บารอนจางตะโกนมาจากข้างหลัง ผมหันไปดู เขาสะบัดหลุดออกมาจากยามเมืองที่จับแล้ววิ่งมาทางนี้
ผมยืนขวางระหว่างเขากับพี่วาเนสซ่า วีกับวิวยกกระบองพาดบ่ามายืนกันข้างผม
เมื่อเขาวิ่งมาใกล้ วีง้าง แต่วิวยังเอาพาดบ่าไว้ ไม่ขยับ
“เธอเป็นอะไรมั้ย! ฉันไม่อยากให้เธอตาย!”
“เอ๋?”
“เอ๋?”
ผมกับวิวงง
“อ้าว แล้วมาสั่งแทงทำไม?”
“ก็ฉันคิดว่าฉันทิ้งเธอได้ ฉันคิดว่าถ้าเธอตายซะฉันจะลืมๆไป แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นเลย ใจฉันสลายเมื่อฉันได้ยินเจ้านั่นประกาศ ฉันทิ้งเธอไปไม่ได้ วาเนสซ่า รับรักฉันเถอะ ฉันจะรักเธอตลอดไป ฉันจะเลี้ยงเธอดีๆ หะ, ให้ฉันเลิกเป็นวิสเคานต์ก็ได้ ฉันจะเลิกเป็นขุนนาง ฉันจะทำงานกับเธอก็ได้ ไม่ก็ตอบฉันหน่อย”
เขาเงียบไปสักพัก
“ตอบฉันหน่อยว่าทำไมไม่รักฉัน”
พี่วาเนสซ่ามองเหมือนไม่ค่อยชอบ
ผมหันไปบอกพี่วาเนสซ่า
“ตอบเขาหน่อยเถอะครับ ถือว่าทำบุญทำทานไป”
พี่วาเนสซ่าทำหน้าหนักใจอยู่สักพัก แล้วหายใจเข้า หันไปหาบารอนจาง
“มันเสียงนาย”
“เออออ๋?”
เมื่อพี่วาเนสซ่าบอกบารอนจาง เขาตกใจมาก
“เข้าใจมั้ย เสียงน่ะเสียง”
“ฉะ, ฉันไม่เข้าใจ หมายถึงอะไร ฉันก็เสียงปรกติ เสียงฉันมันทำไม”
พี่วาเนสซ่าย้ำใจคนช้ำซ้ำ แต่วิสเคานต์จางตามหาคำตอบ
“เฮ้อออ”
พี่วาเนสซ่าถอนหายใจยาวๆเหมือนปวดหัวกับเขาที่สุด
“เสียงมันแหล้มแหล้ม แล้วก็สูงปรี้ด หยั่งก๊ะเสียงผู้หญิง ถ้าฉันจะเอาผัว ฉันขอสมชายๆเสียงต่ำๆ แล้วก็เลิกใส่น้ำหอมได้ก็ดี โคตรจะฉุนเลย”
“แต่ฉันทำอะไรกับเสียงไม่ได้นี่”
“ก็ใช่ไง มันช่วยไม่ได้ไงคะ! คนมันแค่ชอบไม่ลง ไปเถอะค่ะหมอ หนูพอแล้ว!”
พี่วาเนสซ่าปาใจช้ำโดนซ้ำแล้วลงพื้นเหยียบย้ำๆย่ำๆยีๆ ให้บารอนจำขึ้นใจ ไม่มีใครขำภาพที่มืดมนจนดำของใจที่ไม่รักนี้ได้
หมอทำหน้าหนักใจแต่พยักหน้า
“ไป!”
“ไป!”
เขาพูดพร้อมกัน แล้วออกตัว
ผมโล่งอกขึ้น แต่ยังไม่วางใจ
“ว่ะ, ว่ะ ว้าาาาาาาา โถ่เว้ยยยยยยยย!!!?”
บารอน ไม่สิ วิสเคานต์จางร้องไห้น้ำตาแตกทุบพื้นแรงๆจนเขาแทบมือหักได้เลย แต่ยามเมืองที่เดินมาข้างหลังจับเขายืนแล้วใส่กุญแจมือแบตรวนเหลี่ยมๆ
มีกุญแจมือด้วยหรือนี่
มันเป็นเหล็กสี่เหลี่ยมเท่ามือที่ขยายขนาดโดยใช้กุญแจหมุนไปเรื่อย
ผมดูเขาขันกุญแจมือ
มียามเมืองบุกเข้าไปในบ้านพร้อมดาบเก็บกวาดพื้นที่
“เอาล่ะ เด็กๆมานั่งรวมกันตรงนี้ ส่วนน้องเอาอาวุธมาก่อน”
“ครับ”
“แต่-”
“วี เชื่อผู้ใหญ่บ้างจะดีกว่า กับทุกอย่างเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”
ผมบอกวี
“แต่พวกเขา-”
“ไม่เอาน่า พี่รู้อยู่เหมือนกัน พี่เข้าใจที่น้องคิด แต่ตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว เราวางใจได้หมดแล้วนอกจากเรื่องพี่วาเนสซ่า”
วีมองกระบอง มองผม มองยามเมืองกลับไปกลับมา
สุดท้ายเธอหลับตา แล้วนิ่งอยู่นาน จากนั้นเปิดตาขึ้นมาถอนหายใจ
“นี่ค่ะ”
เมื่อยามเมืองรับไปเขาก้มหัวให้เธอ มันนิดเดียว แต่เขาก้ม
เธอยืดตัวเหมือนเลิกคิดเรื่องวุ่นวายทุกอย่างแล้ว แล้วเดินมาข้างผม
เธอจับมือผม
“ป่ะ หาที่นั่ง”
ผมยังพูดไม่ค่อยออก ไม่รู้จะพูดอะไร แต่ผมยิ้มให้เธอแล้วพากันนั่ง ผมเห็นพี่จัสตินเราพยักน้าให้กัน แล้วเขาก็ยุ่งกับงานต่อ
“พี่วีแซงหน้าอ่ะ”
“ขอน่า มันเพิ่งมีเรื่องนั้นนี่ พี่จะลืมมันด้วยเลย!”
วีขอวิว พูดถึงเรื่องนั้นที่ผมไม่รู้ว่าเรื่องไหนกัน แต่ผมมีลางอยู่แล้ววิวพองแก้มมานั่งข้างเรา
วียังจับมือผม จากนั้นหาว
แล้วเธอก็มาพิงผมแล้วเริ่มงีบ ไม่นานเธอก็หลับ
วิวมองพี่สาวเธออย่างเอ็นดู แต่เหมือนเสียใจอยู่
“เธอหลับไปแล้วอ่ะ”
“ให้เธอหลับเถอะ วันนี้พี่เขาเจอมาเยอะ”
ผมมองหน้าวิว ไม่พูดอะไร
ผมพอนึกออก แต่ผมไม่อยากพูด มันมีโอกาสที่เธอเลือกทางนั้น ทางที่ผมเกือบทำเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำมัน
มันอาจเพราะเธอยังคิดว่าเธอไม่เก่งพอ เธอยังขาดพลัง เธอจำเป็นต้องทำ
หรือคนปรกติเห็นเป็นแค่เรื่องปรกติไม่ใช่เรื่องใหญ่?
นั่นก็เป็นไปได้
มันไม่รู้จนกว่าจะได้ถามแหละ
แต่ผมว่าผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ยามเมืองที่อุ้มโจรออกมายืนยันเรื่องนั้น
มีคนหนึ่งมีผ้าปิดหน้า
ผมปลุกวี
“พี่วารีปล่อยพี่วีนอนเถอะ”
“ไม่ได้ เชื่อพี่”
วิวทำหน้าหนักใจ พูดไม่ออก แต่พยักหน้า
วีตื่นแล้วขยี้ตา
“หืม หนูหลับไปนานแค่ไหน?”
“เพิ่งแป๊ปเดียว”
ผมบอกวี จากนั้นจับไหล่เธอสองข้างแล้วมองหน้าเธอ
วียิ้ม หันไปหาวิวเหมือนยิ้มยั่ววิว แต่วิวยังหน้าหนักใจอยู่แล้วส่ายหัว จากนั้นวีเปิดตากว้าง
“วี เธอฆ่าคนใช่มั้ย?”
“เอ๋?”
วีเหงื่อออก หันมองวิว วิวส่ายหัว
“เปล่านี่หนูเปล่า อ้อมันเป็นเราน่ะ เราทำด้วยกัน”
“พี่ดูอาการน้องออก วี พอเถอะ”
เธอตะลึง มองวิว มองผม อ้าปากปิดปาก แล้วรีบพูดขึ้นมา
“เราเต็มที่แล้ว แต่คนนั้นเขาจับกระบองหนู แล้วหนู, หนะ, หนูพยามดึง แต่สู้แรงเขาไม่ได้ จากนั้นหนูชักดาบ แล้ว-”
“พอเถอะวี พี่เขาใจ”
ผมมองหน้าวีตรงๆ เธอมองหน้าผม ทำหน้าแบบที่ผมไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“เพื่อให้เราอยู่ด้วยกัน หนูทำได้”
มันเป็นเรื่องใหญ่
การลงมือสังหารมันจะเป็นภาระใหญ่
มันไม่ใช่ตอนนี้ สักวันหนึ่ง เธอจะถามตัวเอง
เขาเป็นคนแบบไหน? เธอทำเรื่องไม่ดีหรือ? เธอออกแรงเยอะกว่านั้นได้ไหม?
เมื่อเวลาผ่านไปเธอจะคิดมาก แล้วเธอจะไม่เอาไปปรึกษาใคร
หรือไม่ก็แย่กว่านั้น มันจะเกิดขึ้นตอนผมไม่อยู่
ผมปล่อยเธอให้รับภาระคนเดียวไม่ได้ ผมต้องให้เธอคิดอย่างอื่นให้ได้
มันมีทางเดียว
ที่ผมคิดได้ ผมต้องรับภาระนั้นกับเธอ
ผมจุ๊บปากวีเร็วๆ
มันเป็นแบบปิดปากสนิทไปชนกัน
วีเปิดตากว้าง จะเอามือมาหลังคอผม
ผมรีบถอย
เธอไม่น่าจะใช้หมัดมวยหรอก ผมว่าเธอจะทำอย่างอื่น
ผมไม่คิดไปทางนั้นนาน
“ช่วยพี่ คิดว่าพี่ให้ทำ”
“เอ๋? ได้สิ!”
เธองง จับปากตัวเอง แล้วอ้าปากค้าง จากนั้นมองวิว
วิวมองอย่างใจดี อมยิ้ม ถ้าอย่างนั้นวิวรู้ว่ามันไม่ได้แค่นี้แล้วพอ
ผมก็รู้
แต่นี่จะช่วยเธอได้นานอยู่
แล้วเราจะค่อยๆแก้ปัญหานั้น ค่อยๆคลายปมใจ จนวันหนึ่งเธอระบายออกมาจริงๆ
ถ้าเธอไม่ได้คิดมากเลยตั้งแต่แรก นั่นก็ดีแบบหนึ่ง แต่กันไว้ดีกว่าแก้ตอนเหตุเกิดไปแล้ว
จากนั้นเราสามคนรอให้ยามเมืองทำหน้าที่เสร็จ ไม่พูดอะไรกัน นั่งกันเขินๆ รวมถึงผมด้วย
ผ่านไปหนึ่งปี ถึงวันที่ผม, วี, วิว, และนา อายุ 14
ไม่มีเหตุการณ์อะไรใหญ่หลังโจรบุกบ้าน
ในหนึ่งปีนั้น ผมกับวิวพยายามเปิดใจวีกัน
วีไม่ยอมพูดตอนแรก เธอเก็บไว้คนเดียว
แต่ไม่นานเธอก็มีคำถามกับตัวเอง แต่เมื่อคำถามแรกเกิดขึ้น เธอเปิดอกทุกอย่าง
มันพอสรุปทุกอย่างออกมาได้เป็นคำเดียว
เธอไม่ได้คิดมากเลย เธอคิดว่าฝีมือเธอยังไม่ถึง
เธอไม่สนว่าเขาจำเป็นไหม เธอไม่คิดมากเรื่องเขา มันเพราะเขาทำเธอ
แต่เธอคิดจริงๆว่าเธอทำเกินไป และถ้ามีโอกาสเธอจะไม่ทำ เพราะเธอมีเล็บ แต่เธอคิดไม่ได้ตอนนั้น
สรุปแล้วเรื่องวีสังหารคนก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น
ผมกำลังนั่งอยู่บนรถม้าแบบสองคน แต่ผมมาคนเดียว
วีบอก เธอจะเรียนเป็นนักร้องนักเต้น
วิวบอกเธอจะขายแมลงทอด ผมเลยให้ทุนเธอไปก้อนหนึ่ง แล้วอวยพรเธอ
ผมนึกถึงตอนก่อนผมขึ้นรถ
“ไปล่ะนะ”
“พี่วารี”
“พี่”
วีเรียกชื่อผม แล้ววิวเรียกผม
“เราจะมาเจอกันใหม่ ปีเดียวเอง”
“เราจะจากกันทำไม”
วิวถาม
“เมื่อเรากอด ถ้าเรากอดตลอดมันอึดอัดใช่มั้ยล่ะ”
“ก็ใช่อยู่”
“นั่นแหละ มีรักกัน ก็ต้องมีลองปล่อยกันบ้าง ให้ไปเปิดโลก ไปหาอะไรใหม่ ถ้าเป็นไปได้ ลองคนคนแบบชอบๆกันดูบ้าง”
“พี่ไม่กลัวเรามีคนอื่นเหรอ?”
วีถาม
“ถ้าเธอเลือก พี่จะแค่ยินดีด้วย”
ผมพยายามทำหน้าสดชื่นที่สุดเท่าที่ทำได้
แต่ใจผมก็คิดเรื่องนี้ไม่ตกเหมือนกัน
แต่ผมรับภาระความคิดนั้นได้
“จึ”
“จึ”
วีจึปากพร้อมวิว
ผมยิ้มๆ
“ก็ได้ เชอะ!”
“น่าน่า พี่วี หนูก็เขาใจแล้ว พี่วารี”
“เจอกันวารี”
“อื้ม ติดต่อมาบ้างล่ะ วี, วิว, นา ไปล่ะ”
ผมขึ้นรถม้า
แล้วก็มาถึงตอนนี้
ผมมองนอกหน้าต่าง
ผมอยู่กันที่กัลเลีย
ส่วนใหญ่มันนา, สวน, และภูเขา
แต่ที่นี่มีภูเขาเยอะ พวกเขาขุดภูเขาให้เรียบและปลูกข้าวบนภูเขาเป็นชั้นๆ
ทหารหยุดเราบ่อย แต่เข้าใจได้เพราะเขาเป็นเมืองเน้นทางธุรกิจทหารรับจ้าง ผมเห็นนาเห็นภูเขาจนเบื่อแล้ว
เป้าหมายหน้าคือโครอลลัลเรย์เรีย
ผมจะไปทำงานให้ท่านหญิงเสือดำ
เป็นเด็กคุมความปลอดภัยย่านโคมแดง
พูดกันไม่รักษาหน้า ผมจะไปเป็นเด็กคุมประตูที่ซ่อง
แต่เรียกผู้คุ้มกันหรือผู้รักษาความปลอดภัยน่าจะดีกว่า
จบเล่ม 1
แต่งโดย: wayuwayu
tipme : tipme.in.th/wayuwayutl
patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu
ขอเชิญร่วมโดเนทสนับสนุนผลงานโดยการโดเนท ความช่วยเหลือของท่านจะทำให้งานดำเนินต่อไปได้เรื่อย ขอบคุณทุกท่านจากใจมากๆครับ
ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: http://linktr.ee/wayuwayu