ตอนที่ 289 ความเชื่อใจ
ป่าทีทิสนั้นมีอาณาเขตกว้างใหญ่จนลือกันว่าเทียบเท่ากับประเทศหนึ่งได้เลย และมันก็ถูกแบบออกเป็นคร่าวๆ ด้วยกัน 3 ส่วน
นั่นคือโซนรอบนอก โซนลึก และ โซนลึกที่สุด
สถานที่ที่ผมคิดว่าจะเอาพวกคิจินอพยพไปอยู่กันก็คือโซนลึก
เพราะในโซนที่ลึกสุดนั้น จะมีกลุ่มก้อนพลังที่หนาแน่นซึ่งไหลออกมาจากรังมังกรจนทำให้สิ่งมีชีวิตโดยรอบผิดแปลกไป คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก
ส่วนพื้นที่รอบนอกที่ผมไปบ่อยๆ ในช่วงยังเก็บสมุนไพร หากเทียบความอันตรายแล้วมันก็อันตรายน้อยกว่า 2 อย่างที่ว่ามาตอนแรกแหละแถมยังเหมาะสำหรับอยู่อาศัยมากที่สุดด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาเลยซะทีเดียว
หากตัวผมในอดีตยังสามารถเข้าไปได้สบายๆ ก็หมายความว่าคนอื่นๆ ก็สามารถเข้าไปได้เช่นกัน จริงอยู่ว่าเพราะไฮดราเลยทำให้พวกนักผจญภัยไม่ค่อยอยากจะเข้าป่านี้นัก แต่ก็ใช่จะไม่มีเลย
หมายความว่าหากไปสร้างหมู่บ้านคิจินแถวรอบนอกเข้า พวกนักผจญภัยก็อาจจะพบเจอได้ง่าย
แถมยังมีบางคนที่อาจจะเชี่ยวชาญในการล่าพวกคิจินมาวุ่นวายอีก ไม่สิถึงไม่นับเรื่องนั้นพวกคิจินก็ยังถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของมหาสงครามในอดีต พวกเขาคงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนักหรอกในหลายๆ แง่
ถึงผมบอกว่าจะเปิดเผยเรื่องของคิจินในสักวันหนึ่งแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
ดังนั้นมันก็เลยเหลือแค่พื้นที่ส่วนลึกเท่านั้นที่ผมคิดว่าไหว แม้พวกมอนสเตอร์ที่ดุร้ายจะอาศัยอยู่มากมายแต่หากเทียบกับคิไคแล้วยังดีกว่าหลายขุม
เอาเป็นว่าก็แบ่งโซนอาศัยกันด้วยเขตรอบนอกของป่านั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตผมจะได้ทำหน้าที่ลอร์ดทีทิสด้วยสิ คนมากหน้าหลายตาคงได้มาแวะเวียนแน่ เห็นทีต้องคิดแผนตอบโต้อะไรสักหน่อย
「หรือฉันควรจะใช้อำนาจในฐานะขุนนางห้ามไม่ให้คนเข้ามาในป่าดีนะ」
「ฉันว่าไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งค่ะ」
คนที่ขัดความคิดของผมก็คือปราชญ์ลูนามาเรียเอลฟ์สาวผมบลอนด์ยาว
ผมมาข้างในป่าทีทิสก็เพื่อเจอคาการิและปรึกษาแนวทางต่อจากนี้กับลูนามาเรียภายในถ้ำของราชาแมลงวัน
เธอกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
「การสั่งห้ามนั้น คือสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในการกระตุ้นความอยากรู้เห็นของผู้คนค่ะ หากดราก้อนสเลเยอร์ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นลอร์ดทีทิสออกคำสั่งทันทีว่าห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในป่า ก็หมายความว่าลอร์ดผู้นั้นกำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ค่ะ」
「ก็นั่นสิน้อ」
「ดังนั้นฉันว่าหากต้องการกันคนออกไป ใช้วิธีการกระจายข่าวลือจะเหมาะสมกว่าค่ะ เอาประมาณว่ามีคนเจอมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ส่วนลึกโผล่ออกมารอบนอกเป็นบางครั้ง เนื่องจากไฮดรา เดี๋ยวคนที่รักตัวกลัวตายก็ไม่น่าจะเข้ามาใกล้เองแถมปัจจุบันในป่าก็สภาพประมาณนั้นจริง ดังนั้นถึงจะบอกว่าเป็นข่าวลือก็มีมูลความจริงอยู่ด้วยค่ะ」
ผมรู้สึกเห็นด้วยกับลูนามาเรีย
ไม่มีอะไรง่ายไปกว่าการบอกข่าวที่มีมูลความจริงอยู่ในนั้น หากจะยกตัวที่น่ากลัวสำหรับคนทั่วไปก็น่าจะเป็นแมนติคอร์ ไว้ค่อยดึงพวกมันไปแถวๆ เมืองอิชกะให้คนได้เห็นกันสักหน่อย เดี๋ยวพวกที่เหลือก็ทำงานกันเองแหละ
ในขณะที่ผมกำลังคิดจะล่ามอนหายากแถวนี้อีกสักหน่อยก่อนกลับไปยังเกาะ ลูนามาเรียก็พูดขึ้น
「แต่ว่ามาสเตอร์ค่ะ นอกจากพวกคนธรรมดาแล้ว พวกที่รู้ความจริงอย่างการมีรังมังกรภายในป่าก็อาจจะเป็นภัยกับเราได้นะคะ ยิ่งรู้ว่ามาสเตอร์จะได้กลายเป็นลอร์ดทีทิส พวกมันคงไม่อยู่เฉยแน่」
「ก็ตามนั้นแหละ โดยเฉพาะพวกวิหารเทพแห่งกฎหมาย คงหาทางทำอะไรสักอย่างลับหลังเรา」
หลังจากฉันใช้ประโยชน์จากแผนที่พวกมันวางไว้กับดยุกโควิสจนทำให้สามารถตั้นฐานในป่าได้ ฉันเองก็กลายเป็นลอร์ดทีทิสด้วย
อีกฝ่ายไม่มีทางมองข้ามไปได้แน่ นอกจากนี้ผมแน่ใจว่าวิหารเทพบนเกาะน่ากระจายเรื่องที่ผมได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลมิตสึรุกิแล้วแหง
เอาละจะเคลื่อนไหวยังไงต่อดีล่ะ
ระหว่างที่ผมกำลังคิด ลูนามาเรียก็ถามผมต่อ
「มาสเตอร์ ถึงจะถามแปลกไปเสียหน่อย แต่คุณเชื่อจริงเหรอคะว่าวิหารเทพแห่งกฎหมายมีเป้าหมายในการชำระล้างโลกนี้? 」
「ฉันเชื่อนะ จริงอยู่ว่าตอนที่ราสคาลิสกับสันตะปาปาโซเฟียยังไม่ปักใจเชื่อเต็มที่ แต่เหตุการณ์ของดยุกโควิสนี่ทำให้ฉันมั่นใจขึ้นเยอะเลย」
「แล้วเรื่องมิโกะคนปัจจุบันนั่น――」
「อาจจะเป็นสันตะปาปาโนอาห์นั่นแหละ」
ผมตอบชื่อนั้นออกมา
เซเรมคือคนสนิทของสันตะปาปาโนอาห์ซึ่งเคลื่อนไหวเพื่อให้มาตั้งฐานที่ป่าทีทิสได้ ถึงจะมองแค่เหตุการณ์นี้อย่างเดียว ก็ชัดเจนพอแล้วว่าเป็นคำสั่งของโนอาห์
แต่ก็นะ ในฐานะคนได้คุยกับเธอตัวต่อตัวมาแล้ว มันก็มีช่วงเวลาที่แอบลำบากใจเชื่อเหมือนกันว่าคนแบบนี้น่ะเหรอ จะมาล้างโลกหรือเป็นพวกกับจ้าวมังกรนั่น
แล้วถ้าเป็นกรณีที่มีใครอยู่เบื้องหลังเธออีกล่ะ ให้ตายสิไม่มีข้อมูลพอจะให้ตัดสินใจในส่วนนี้เท่าไหร่ แต่ช่างมันเถอะ ผมรีบจัดการเรื่องอพยพให้มันเรียบร้อยดีกว่า จากนั้นค่อยดูท่าทีของอีกฝ่ายแทน
พอผมพูดแบบนั้น ลูนามาเรียก็แสดงท่าทีกังวลออกมา
「เช่นนั้นมาสเตอร์เรียกอิเรียกลับมาจากเบลก้าจะไม่ดีกว่าเหรอคะ นอกจากนี้ฉันว่าเราควรพูดเรื่องนี้ให้นักบวชซาร่าฟังด้วย」
「จะดีเหรอ」
「หากวิหารเทพต้องการรังมังกรจริง พวกมันต้องหาทางกำจัดมาสเตอร์แน่ อย่างไรก็ตามคงจะเป็นเรื่องยากที่จะกำจัดท่านผู้สังหารจ้าวมังกรในคิไคลงได้ตรงๆ ดังนั้นพวกมันอาจจะเบนเข็มไปทางนักบวชซาร่ากับอิเรียแทนค่ะ」
เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น ลูนามาเรียเลยแนะนำให้ผมบอกสถานการณ์กับพวกเธอ ก่อนที่พวกวิหารจะเคลื่อนไหว
รู้สึกปวดหัวขึ้นมาละสิ
ก็จริงว่าศัตรูผมคือวิหารเทพแห่งกฎหมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนในนั้นจะเกี่ยวข้องกับการล้างโลกหรือจ้าวมังกร
โดยผมเชื่อว่านักบวชซาร่ากับอิเรียคงไม่มีางรู้เรื่องนี้หรอก หากเป็นไปได้ผมเลยไม่อยากให้พวกเธอมาเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ลูนามาเรียมองว่าไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีนัก
นั่นสินะ――ในมุมของอีกฝ่ายแล้ว ไม่มีทางหรอกที่พวกมันจะไม่ใช้คนใกล้ชิดของผมซึ่งเกี่ยวข้องกับพวกมันเต็มๆ อยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิเรียที่อยู่เบลก้า หากพวกมันตั้งใจจริงคงไม่ใช่แค่ป่าทีทิสแต่ยังเป็นรังมังกรภายในทะเลทรายคาตาลาน อิเรียก็อาจจะกลายเป็นหมากชั้นดีอีกตัวหนึ่ง
ก็ประมาณนี้พวกวิหารเทพบอกให้อิเรียกับคนอื่นๆ ช่วยกันกำจัดราสคาริสเพื่อความถูกต้องก็ได้มั้ง นั่นสินะคงต้องพาเธอกลับมาแล้วสิ
พอได้หยุดมองดีๆ ผมพลาดไปจริงด้วย เพราะมัวแต่สนใจป่าทีทิสเลยลืมเรื่องของเบลก้าไปเสียหมด
ผมพยักหน้าขอบคุณลูนามาเรียสำหรับคำแนะนำ
「ขอบคุณเธอจริงๆ นะลูน่าที่ช่วยเปิดมุมใหม่ๆ 」
「แค่ฉันสามารถช่วยมาสเตอร์ได้ก็ดีใจแล้วค่ะ」
ลูนามาเรียยิ้มออกมา
ทางมิโรสลาฟเองก็เหมือนกัน รู้สึกดีจริงๆ ที่มีคนคอยช่วยเหลืออยู่ด้านหลัง เพราะหากเป็นผมตัวคนเดียวคงจะไม่สามารถมองเห็นภาพรวมที่พลาดไปได้แน่
นอกจากนี้พวกเธอทั้งสองยังเป็นคนที่รู้ถึงอดีตของผมทั้งหมดอีกด้วย ผมเลยสามารถพูดเปิดอกกับพวกเธอได้ง่าย
ขนาดตอนที่ผมคุยถึงเรื่องคิไค พวกคิจิน รวมไปถึงการอพยพ ผมก็ไม่เคยถามพวกเธอเลยว่าจะมาช่วยผมได้ไหม เพราะผมคิดอยู่แล้วว่าพวกเธอน่าจะต้องตอบรับผมอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงซะด้วย
มิโรสลาฟอาจจะคิดว่าตัวเองตอนนี้ไร้ประโยชน์เพราะไม่แข็งแกร่งพอจะสู้หากเทียบกับไคลอาหรือคนอื่นๆ แต่ผมไม่คิดแบบนั้นเลย
『มิโรสลาฟ ซัลซ่าที่ฉันรู้จักน่ะไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมอยู่ในตำแหน่งไร้กำลังไปตลอดหรอก』คำพูดที่ผมบอกเธอไปตอนนั้น ถึงแม้อนาคตเธอจะไม่แข็งแกร่งพอจะสู้เคียงข้างผม ผมก็ไม่คิดทิ้งเธอหรอกนะ
ลูน่าที่อยู่ตรงหน้าของผมก็ด้วย การแสดงคำพูดและความรู้สึกของเธอต่างจากมิโรสลาฟอยู่หน่อยๆ ตรงที่เธอไม่ได้เทียบตัวเองกับคนอื่นๆ แต่ผมรู้ว่าในใจของเธอก็คงมีอะไรค้างคาอยู่
「จากนี้ไปก็ขอฝากด้วยนะ ขอบคุณจริงๆ 」
มันเป็นคำพูดสั้นๆ แต่ก็ออกมาจากหัวใจ จนทำให้ลูนามาเรียผงะไปทันที
ถึงจะกระทันหันไปสักหน่อย แต่ผมก็กลั่นออกมาจากใจจริงนะออ
สามวินาทีหลังลูนามาเรียได้ยินคำนั้น แก้มและใบหูสีขาวของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสดทันที
ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ ส่วนทางเธอที่รู้ตัวก็รีบก้มหน้าลงไปทันที
「อะ คือ เอ่อ…เรื่อง…นั้น…จากนี้ไปก็ขอฝากตัวด้วยค่ะ….!」
หายากแฮะที่ลูน่าจะแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา
ผมก็เลยอดหัวเราะไม่ไหว
「ดูท่าทางเธอเปลี่ยนไปนะ หรือฉันพูดอะไรแปลกๆ ออกไป? 」
「ก็ไม่ใช่คำที่แปลกอะไรหรอกค่ะ แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่มาสเตอร์จะพูดออกมาจากปากตัวเองค่ะ…!」
「ไหงงั้น? 」
ผมสงสัยและนึกย้อนไปในอดีต
ในตอนแรกที่เธอกลายเป็นทาสผมอาจจะทำอะไรแย่ๆ ไปบ้าง แต่หลังจากปลดปล่อยเธอแล้วผมก็ปฏิบัติตัวตามปกติ แน่นอนว่าตอนที่เธอทำอะไรให้กับผม ผมก็พูดขอบคุณไปตามปกติ แต่จะว่าไปผมก็ไม่เคยพูดอะไรทำนองว่า ฝากด้วยนะ หรือ ฉันเชื่อในตัวเธอนะ จริงๆ ด้วย
แต่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าการที่ผมพาไคลอากับคนอื่นๆ มาด้วย จะทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองอาจจะถูกทิ้งอะไรทำนองนั้น
เอาเป็นว่าก็ดีจริงๆ ที่คำพูดของผมตอนนี้มันทำให้ความกังวลในใจของเธอคลายลงไปบ้าง
ระหว่างที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็พลางมองปราชญ์เอลฟ์สาวที่แสดงสีหน้าสับสนออกมาอย่างสนุกสนาน
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code