ตอนที่ 285 กำจัด
ก็จริงอยู่ว่าดยุกดรากูนอทบอกถึงเรื่องหน้าไม้จำนวนหนึ่งให้ฟัง ทว่าพอถูกถามว่ารู้จำนวนที่ถูกต้องได้อย่างไร ดยุกโควิสถึงกับกระวนกระวาย
แต่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ได้ เขาจึงรีบตั้งสติและจ้องมองกลับไป
「ถ้าถามว่าทำไม..นั่นสินะ ก็จริงว่าเจ้าไม่ได้พูดถึงจำนวนของมัน แต่ว่าหากพิจารณาจากการที่พวกมันบุกไปถึงเขตของไรโค จะให้เอาไปแค่อันสองอันก็ไม่น่าจะเพียงพอแน่ ในอีกมุมหนึ่งถ้าจะบอกว่าจัดหามาได้มากกว่า 10 ก็คงเป็นไปไม่ได้อีก ดังนั้นข้าจึงอนุมานว่ามันน่าจะอยู่ที่ 5 」
「ก็หมายความว่าทุกอย่างเกิดจากการคำนวณ หาใช่ท่านเป็นคนส่งโจรพวกนั้นไปที่เขตแดนสินะ? 」
「ไม่เห็นจำเป็นต้องตอบ พวกเจ้าคงไม่คิดว่าข้าเป็นคนจัดหาหน้าไม้ให้พวกมันหรอกนะ? เจ้าก็รู้ว่าดาร์เรน โควิสผู้นี้รับใช้กษัตริย์มากว่า 3 แผ่นดินด้วยความจงรักภักดี พร้อมพลีกายเพื่ออาณาจักรด้วยพลังทั้งหมดที่มี คงจะเป็นการดูหมิ่นยิ่งนักหากมาตั้งคำถามกับความภักดีที่ข้ามีด้วยเรื่องพรรค์นี้!」
คำพูดของดยุกโควิสเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและไม่ได้มีความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย อย่างน้อยที่สุดก็คือตัวของดยุกเองซึ่งมั่นใจว่าตนกำลังเดินบนเส้นทางแห่งความถูกต้อง
ดยุกที่เห็นการกระทำนั้นก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะดยุกโควิสก็เคยเอ็นดูเขาไม่น้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา
「สิ่งที่ข้าต้องการจะถามมีเพียงอย่างเดียว ข้าขอถามอีกครั้ง ท่านไม่ได้เป็นคนส่งพวกโจรเข้ามายังเขตของข้าใช่หรือไม่? 」
「จะอะไรนักหนา ปาสคาล! เอ้า ข้าไม่ได้เป็นคนส่งพวกโจรนั่นไปยังเขตแดนของเจ้า! แล้วก็ไม่มีทางจะทำเช่นนั้นด้วย!」
เมื่อดยุกโควิสพูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังเซเรม
ดยุกโควิสไม่มีเวลาจะแก้ไขอะไรอีกแล้ว จากนี้ไปคือหน้าที่ของเซเรม เขาเปิดปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
「คำพูดที่ท่านกล่าวมาเมื่อครู่ เป็นเท็จครับ」
เมื่อได้ยินสิ่งนั้นดยุกโควิสก็ถึงกับพูดไม่ออกและตระหนักได้แล้วว่าตนถูก จับเท็จ เล่นเข้าให้แล้ว
จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นความโกรธแทน
「นี่เจ้า…! เจ้ากล้าใช้จับเท็จกับข้า โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างนั้นหรือ! ไม่รู้หรืออย่างไรว่าการกระทำของเจ้ามันเป็นอาชญากรรม ยิ่งเป็นการดูหมิ่นขุนนางระดับสูงเช่นข้ายิ่งแล้วใหญ่ ทุกคนในที่นี้ก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?!」
ดยุกโควิสพูดขณะจ้องไปยังเซเรม ก่อนที่จะเบนสายตาไปยังกษัตริย์ต่อ
「ทางฝ่าบาทเองก็เช่นกัน! หากมาถึงนั้นนี้แล้วได้โปรดลงมือสอบสวนด้วยพระองค์เองเถิด! การมาขอให้คนของสันตะปาปาใช้จับเท็จเข้าแทรกกระบวนการยุติธรรมของอาณาจักรเราเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลย การตัดสินคนของคานาเรีย ก็ควรให้คนของคานาเรียเป็นผู้ตัดสินหาใช่บุคคลภายนอกพ่ะย่ะค่ะ!」
จับเท็จ เป็นพลังของเหล่านักบวชระดับสูงที่จะสามารถมองผ่านคำโกหกของอีกฝ่ายได้ แต่ในทางกลับกันมันก็มีข้อเสียตรงที่มีเพียงผู้ร่ายเท่านั้น ที่สามารถรู้ได้ว่านั่นคือคำโกหกจริงไหม
ดังนั้นถึงตัวผู้ร่ายจะบอกว่า คนที่ถูกใช้สกิลใส่โกหก อีกฝ่ายก็สามารถโต้แย้งได้เสมอว่าตนถูกใส่ร้าย โดยผู้ใช้จับเท็จเสียเอง
อย่างไรก็ตามมันก็ไร้ผลอยู่ดีเพราะพวกคนบาปสำหรับองค์กรทางศาสนาแล้วไม่ว่าจะมองจากมุมไหนความน่าเชื่อถือมันก็สูงกว่าเป็นไหนๆ
และด้วยอำนาจทางศาสนานี้เอง จึงทำให้ จับเท็จ เป็นที่ยอมรับการในผู้คน
ทว่าดยุกโควิสก็เป็นหนึ่งในคนที่มองว่าจับเท็จคือปัญหาใหญ่ของเขา
การที่เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดโดยจับเท็จ แม้จะยังไม่มีหลักฐานอะไรชัดเจนนัก ก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกว่า กษัตริย์ของตนยอมรับอำนาจของวิหารเทพแห่งกฎหมายให้อยู่เหนือขุนนางแห่งอาณาจักรแล้ว
หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป การยอมรับคำตัดสินของพวกวิหารเทพแห่งกฎหมายผ่าน จับเท็จ ก็จะทำให้อำนาจของขุนนางภายในอาณาจักรลดลงกลับกันอำนาจของพวกนักบวชก็จะสูงขึ้น
ท้ายที่สุดอำนาจสูงสุดภายในประเทศก็จะตกเป็นของวิหารเทพแห่งกฎหมายแทน
「เหตุผลที่กษัตริย์ผู้ก่อตั้งประเทศของเราไม่ยอมรับให้วิหารเทพแห่งกฎหมายกลายเป็นศาสนาประจำชาติก็เพราะพระองค์กังวลในเรื่องนี้นะพ่ะย่ะค่ะ แต่การกระทำของฝ่าบาทในตอนนี้ไม่เพียงแค่ยอมผสมสายเลือดกับจักรวรรดิ แต่ยังยอมรับ จับเท็จซึ่งเป็นอำนาจของพวกวิหารเทพแห่งกฎหมาย นี่ฝ่าบาทกำลังหมายจะทำลายอาณาจักรคานาเรียของพวกเราอยู่หรืออย่างไรกัน!? 」
「….ท่านลุง สงบสติลงก่อนเถิด แม้ว่าท่านจะเป็นญาติของข้า แต่คำพูดของท่านตอนนี้มันล้ำเส้นไปหน่อยนะ」
กษัตริย์พยายามพูดกับดยุกโควิสที่บ่นจนฟองจะออกปากอย่างใจเย็น
อย่างไรก็ตาม ดยุกเฒ่าที่เครื่องติดแล้วกลับไม่ได้เชื่อฟังคำพูดของกษัตริย์เลย ไหนๆ เขาก็ไม่พอใจกับการกระทำของกษัตริย์แต่แรกอยู่แล้ว เขาจึงใช้โอกาสนี้ในการระบายความโกรธเสียเลย
「สิ่งที่ข้าพูดก็เป็นเพียงการชี้แจงในมุมของข้าให้ฝ่าบาทได้รับฟัง! ฝ่าบาทเป้าหมายของพระองค์ในตอนนี้คือการนำพาชาติไปอยู่ภายใต้เท้าของจักรวรรดิอย่างนั้นหรือ ฝ่าบาทตั้งใจจะเป็นคนปิดฉากนำพาอาณาจักรไปสู่ยุคมืดและทิ้งมลทิลอันโสมมเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นหรือ ฝ่าบาทไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือที่จะต้องไปพบ ปู่ หรือ พ่อของพระองค์หลังจากกระทำเรื่องพวกนี้ไป บัดนี้มันถึงเวลาที่ต้องแยกทางกับจักรวรรดิ――」
「หุบปาก! มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ โควิส ดาร์เรน!」
ดยุกที่ดยุกโควิสจะพูดจบ กษัตริย์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พูดส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ
กษัตริย์คานาเรียที่มักจะไม่พูดจาอะไรรุนแรงนักกลับมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหน้าแสดงให้เห็นถึงความโกรธ
ดยุกโควิสถึงกับนิ่งเงียบไปจากคำพูดของกษัตริย์ จากนั้นตัวกษัตริย์ก็เริ่มพูดต่อขณะจ้องไปยังลุงของตนด้วยสายตาอันเฉียบคม
「ท่านอยากจะให้ข้าเข้าใจอย่างงั้นเหรอ? ท่านกล้าดียังไงถึงพูดแบบนั้นออกมาได้ ทั้งที่ตนเองเป็นคนทำให้ประเทศต้องเสียหายเพราะความโง่เขลาของตนเช่นนี้! ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยนะถึงจะไม่ใช้จับเท็จ แต่ทางข้าก็มีหลักฐานอยู่แล้วว่าท่านอยู่เบื้องหลังในการโจมตีเขตแดนของปาสคาล!」
「อะไรกัน?! นี่ฝ่าบาทกำลัง――」
「ข้ารับใช้ที่ทำงานอยู่ในคฤหาสน์ของท่านบังเอิญได้ยินแผนการทั้งหมด เขาจึงนำเรื่องนี้ไปรายงานกับวิหารเทพแห่งกฎหมายในฐานะผู้ศรัทธา แม้จะเป็นคนที่รับใช้ท่านมานาน แต่ความศรัทธาที่ถูกต้องของเขาก็หาได้ทำให้หน้ามืดตามัว」
หลังจากวิหารได้รับข่าวจากข้ารับใช้ ทางวิหารก็ส่งเรื่องต่อไปให้สันตะปาปาโนอาห์ทันที
จากนั้นโนอาห์ก็ส่งเซเรมที่เป็นคนสนิทของตนมาที่นี่ผ่านการติดต่อกับซากุยะ เนื่องจากทั้งสองได้ทำความรู้จักการผ่านพิธีแต่งงานในคราวก่อน จึงมีการแลกเปลี่ยนจดหมายกันนับแต่นั้นมา อีกทั้งพอรู้ว่าเป้าหมายของดยุกโควิสคือซากุยะ ก็เป็นเรื่องปกติที่โนอาห์จะต้องบอกให้ซากุยะรู้ก่อน
อีกทั้งการสร้างบุญคุณกับซากุยะผู้จะกลายเป็นราชินีแห่งคานาเรียในอนาคต ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเลยสักนิด บางทีวิหารเทพแห่งกฎหมายอาจจะได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติของคานาเรียในยุคถัดไปก็ได้
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน การกำจัดดยุกโควิสที่เกลียดชังจักรวรรดิและวิหารเทพแห่งกฎหมายออกไป ก็นับว่าเป็นประโยชน์กับทางวิหารเทพและซากุยะอยู่ดี
ทั้งสองฝ่ายจึงได้แอบร่วมมือกันเพื่อรวบรวมพยานกับหลักฐานมาจนมากพอจะมัดตัวอีกฝ่ายได้ แล้วก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่แอสทริดมารายงานว่าการปราบพวกโจรเสร็จสิ้นแล้ว
กษัตริย์พูดต่อด้วยความหงุดหงิด
「การที่ข้าใช้จับเท็จกับท่าน ก็เป็นเพราะข้ายังภาวนาว่าท่านอาจจะถูกหลอกให้ลงมือกระทำเรื่องพวกนี้ลงไปหรือเปล่า แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ของข้าเอง….แม้ท่านเซเรมจะยอมรับฟังความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของข้าสุดท้ายก็เปล่าประโยชน์สินะ」
「ฝ่าบาท ได้โปรดรอก่อน! เซเรมอาจจะเป็นไพ่ตายในการตอกฝาโลงข้าก็ได้! การที่ท่านกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านไว้ใจจับเท็จจากอีกฝ่ายอยู่แล้วนี่ ดังนั้นท่านก็น่าจะต้องคิดสิว่าหลักฐานพวกนั้นอาจจะเป็นของปลอมเช่นกัน!」
ใบหน้าของดยุกโควิสเริ่มเปลี่ยนสีเมื่อเห็นเรื่องราวมันดำเนินไปเกินตนจะคุมไหว จึงพยายามโน้มน้าวกษัตริย์ที่ยังเหลือความหวังเล็กน้อยในตัวเขา
ทว่ามันก็เปล่าประโยชน์ เพราะใจของกษัตริย์ตอนนี้ได้เชื่ออย่างสุดใจแล้วว่าดยุกโควิสคือผู้อยู่เบื้องหลังของเรื่องราวในครั้งนี้
「เลวร้ายสุดๆ เลยนะ ดาร์เรน ทั้งที่รับใช้อาณาจักรมาตั้งเนิ่นนาน อย่างน้อยๆ ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็ควรจะใช้อย่างเงียบๆ แท้ๆ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในอาณาจักรของเราตอนนี้มันคงเกินที่เจ้าจะรับผิดชอบไหวเสียแล้ว」
กษัตริย์พูดขึ้นราวกับจะบอกว่าให้อีกฝ่ายยอมรับเสีย
ดยุกโควิสที่ครั้งหนึ่งเคยรับใช้คานาเรีย กลับนำกองกำลังส่วนตัวของตนเข้าทำลายประเทศตัวเองและพยายามโยนความรับผิดชอบให้จักรวรรดิ หากเรื่องนี้ลุกลามออกไปผู้คนคงได้โกรธกันมากแน่นอน ความวุ่นวายคงไม่ได้จบแค่ในคานาเรียแต่ลามไปถึงจักรวรรดิที่ถูกใส่ร้ายด้วย
ความน่าเชื่อถือของคานาเรียจะล่มจมทั้งจากภายในและภายนอก ถึงเวลาจะผ่านไปเป็นสิบๆ ปีก็ใช่จะฟื้นความเชื่อใจดังกล่าวได้ เรียกได้ว่าการกระทำของดยุกโควิสมันสร้างแผลร้ายให้กับคานาเรียจริงๆ
――กษัตริย์จึงตั้งใจจะจบเรื่องนี้โดยที่ยังไม่ถูกเผยแพร่ให้คนภายนอกได้รู้
ดังนั้นเขาจึงวางแผนกับดยุกดรากูนอทอย่างลับๆ
เป็นเหตุผลว่าทำไม นอกจากพวกราชองครักษ์แล้ว เขาจึงเชิญแค่คนที่เกี่ยวข้องจริงๆ เข้ามาในการสอบสวนนี้
ก็นับว่าโดยรวมกษัตริย์ประสบความสำเร็จ
สำหรับเจ้าหญิงซากุยะที่แต่งงานเข้ามาแล้ว หากคานาเรียเสื่อมถอยลงก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเธอ
ทางวิหารเทพแห่งกฎหมายที่ช่วยเหลือซากุยะ ก็น่าจะยอมรับในการตัดสินใจคราวนี้ด้วย เพราะทางนั้นคงได้ประโยชน์มากกว่ากับผลลัพธ์นี้
แน่นอนว่าหลังจากนี้ก็ต้องมีการชดเชยความเสียหายให้เมหาะสมด้วย เพราะการที่แผนของดยุกโควิสถูกเปิดโปงมาถึงขั้นนี้ก็เกิดจากผลงานของทั้งสองฝ่าย กษัตริย์จึงกลายเป็นหนี้บุญคุณซากุยะและวิหารเทพแห่งกฎหมายนั่นเอง
แต่นั่นก็นับว่าเป็นปัญหาที่ชวนให้ปวดหัวเหมือนกันพอต้องมาคำนึกถึงเจตนาของอีกฝ่ายที่หมายจะทวงบุญคุณ ไหนจะเรื่องที่ต้องปิดความโง่เขลาของลุงตัวเองไม่ให้ภายนอกได้รู้อีก
ในระหว่างที่กำลังฟังคำพูดของดยุกโควิสที่เหมือนจะต้องการบอกอะไรสักอย่าง กษัตริย์ก็ถอนหายใจออกมาขณะคิดถึงความลำบากที่ต้องเผชิญในอนาคต
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code