ตอนที่ 284 โถงบัลลังก์
「ท่านลุงเรื่องที่ข้าอยากจะบอกก็ไม่พ้นเรื่องพวกโจรที่ซ่องสุมกันอยู่แถวตะวันออกของอาณาจักรเรา บัดนี้เราได้รับข่าวใหม่จากพวกมันแล้ว――ปาสคาล」
「พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท」
กษัตริย์คานาเรียขานชื่อดยุกดรากูนอท
ดยุกโค้งคำนับหนึ่งคราวก่อนจะเปิดปากต่อ
「พวกโจรที่ก่อความวุ่นวายอยู่แถวตะวันออกของอาณาจักรได้ทำการหลบหนีขึ้นไปบนเขามาริส ซึ่งเป็นพรมแดนติดกับจักรวรรดิ ทว่าพวกเขาก็ถูกนักผจญภัยที่รับคำขอจากทางเราไปจัดการหมดเรียบร้อยแล้วครับ」
「แบบนี้นี่เอง ก็คิดว่าเรื่องอะไรเสียอีก ทว่าในฐานะดยุกแล้วการที่ปล่อยให้พวกโจรเข้าไปในเขตแดนตัวเองก่อนจะก่อความวุ่นวายไปเสียทั่วก็นับว่าเป็นความบกพร่องครั้งใหญ่เลยนะ」
ดยุกโควิสกล่าวต่อว่าดยุกดรากูนอท
แต่มันก็มีคำพูดบางอย่างที่เกิดความคาดหมายออกจากปากของดยุกดรากูนอท
「จะว่าไป เจ้าบอกว่าคนที่ปราบพวกโจรนั่นเป็นนักผจญภัยงั้นหรือ ข้าก็นึกว่าลูกสาวของเจ้าเสียอีก」
「ครับ เพราะสถานที่ตั้งที่พวกมันไปซ่อนตัวกันค่อนข้างอ่อนไหว แอสทริดจึงไม่สามารถเคลื่อนกองกำลังได้สะดวกนัก」
เมื่อได้ยินเช่นนี้ดยุกโควิสก็ขมวดคิ้ว
เขาเริ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสงสัย
「พวกโจรที่ก่อความวุ่นวายบนเขามาริสหากลองมองความเสียหายที่เกิดขึ้น ข้าว่าคงจะมีประมาณ 1-200 คนแน่ๆ ดังนั้นเจ้าไปจ้างนักผจญภัยมากี่คนกันล่ะในเรื่องคราวนี้? 」
「คนเดียวครับ」
「……หา? นี่เจ้ากำลังพูดอะไรของเจ้า? 」
「ข้าบอกว่าคนเดียวครับท่าน พวกโจรที่อยู่บนเขามาริสถูกท่านโซระที่เป็นดราก้อนสเลเยอร์เข้าไปกำจัดเพียงลำพัง」
เมื่อได้ยินคำว่าดราก้อนสเลเยอร์ ดยุกโควิสก็เริ่มสับสน
แน่นอนว่าดยุกโควิสรู้เกี่ยวกับตัวตนของชายที่ได้รับฉายาว่าดราก้อนสเลเยอร์ ซึ่งมันมาจากการที่เขาคนนั้นเป็น1ใน4คนที่ช่วยกันสังหารไฮดราในป่าทีทิสได้สำเร็จ
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดยุกโควิสจะยอมรับได้ง่าย
เขาคือชายที่อาศัยอยู่ในคานาเรียมาเกือบ 70 ปี ทว่าตลอดช่วงชีวิตก็ไม่เคยเห็นพวกแฟนท่อมมันโผล่มาจากป่าทีทิสเลย การที่อยู่ดีๆ มีคนมาบอกเขาว่ามีกลุ่มคน4คนสามารถสังหารจ้าวแห่งพิษในตำนานที่ปรากฏตัวขึ้นในป่าได้สำเร็จเพราะความบังเอิญว่าพวกเขาอยู่ตรงนั้นกันพอดี มันก็นับว่าเชื่อได้ยาก
ก็จริงว่ามลพิษที่เกิดขึ้นภายในป่านั้นเป็นของจริง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้พิษปรากฏตัวขึ้น แต่มันจะเป็นพวกแฟนท่อมจริงหรือ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการมีอยู่ของดราก้อนสเลเยอร์นัก แถมดราก้อนสเลเยอร์นั่นก็ไม่ได้มาร่วมพิธีแต่งงานเสียด้วย เขาจึงมองว่าอีกฝ่ายคงจะอยู่นอกคานาเรียอยู่ ทำให้ดยุกโควิสไม่นำปัจจัยดังกล่าวมาคำนวณในแผนการ
「ข้าเข้าใจแล้ว จะว่าไปลูกสาวคนที่สองของเจ้าก็ย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ของดราก้อนสเลเยอร์ด้วยนี่ ข้าคงจะได้รับข่าวดีอีกไม่นานสินะ? สรุปก็คือด้วยเหตุนี้ดราก้อนสเลเยอร์ผู้นั้นก็ทำการกวดล้างพวกโจรด้วยตัวคนเดียวตามที่เจ้าขอมา」
ดยุกโควิสพูดเหมือนเรียบเรียงข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดยุกดรากูนอทก็พยักหน้าตอบ
「ก็ตามที่ท่านกล่าว อีกทั้งจากเรื่องคราวนี้ทำให้เราพบว่าพวกโจรมันได้ซ่อนหน้าไม้ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งไว้บนเขา บางทีมันอาจจะเป็นไพ่ตายที่ใช้สำหรับจัดการกับอัศวินมังกรโดยเฉพาะ」
「ก็แปลว่าพวกมันไม่ได้คิดจะโจมตีเขตแดนของไรโคแบบสุ่มสินะ หน้าไม้งั้นหรือ มันไม่ใช่ของที่โจรทั่วไปจะหามาครองได้ด้วยสิ ยิ่งบอกว่ามีมากกว่า 1 ด้วย」
ดยุกโควิสพูดแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็เริ่มคิดแล่วว่าตนควรจะเดินแผนที่วางไว้
「การจะสร้างอาวุธสำหรับปิดล้อมต้องอาศัยทักษะระดับหนึ่ง มันไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างได้ในเมืองหรือหมู่บ้านธรรมดา หรือว่าจะมีกลุ่มคนอยู่เบื้องหลังพวกมันกันนะ? 」
「แอสทริดก็คิดแบบเดียวกับท่านครับ เธอจึงได้ตรวจสอบหน้าไม้พวกนั้นแล้วพบว่ารูปแบบโครงสร้างมีความคล้ายกับของจักรวรรดิแอด แอสเทร่ามาก」
「ว่าไงนะ!」
ดยุกโควิสเบิกตากว้างและแสดงท่าทีตกใจออกมา ก่อนจะมองไปยังเจ้าหญิงซากุยะที่ไม่ได้พูดอะไรเลยมาตั้งแต่แรก
สายตาที่แสนเย็นชาและทิ่มแทงถูกส่งไปยังเจ้าหญิงผู้ที่อายุอยู่ในช่วงหลานของเขา
「จะว่าไปองค์ชายก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่กลับมีแค่เจ้าหญิงที่เป็นคู่ครอง ข้าก็ว่าอยู่ว่ามันแปลกๆ หรือก็คือเรื่องราวคราวนี้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือจักรวรรดิและเจ้าหญิงเองสินะ」
ดยุกโควิสพยักหน้าให้กับคำพูดตัวเอง
ทว่าดยุกดรากูนอทก็ส่ายหน้าปฏิเสธข้อสรุปของดยุกเฒ่าทันที
「อย่าได้รีบด่วนสรุปเลยครับ แม้จะเป็นเรื่องจริงที่หน้าไม้พวกนั้นเป็นของที่สร้างในจักรวรรดิ ทว่ามันก็ไม่อาจสรุปได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของจักรวรรดิ นอกจากนี้ตามที่แอสทริดบอกมา หลังท่านโซระโค่นหัวหน้าพวกโจรได้แล้ว เขาก็ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ด้วยว่า จักรวรรดิ จงเจริญ」
「เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่? คำพูดนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการตอกฝาโลงว่าเป็นฝีมือจักรวรรดิแล้วไม่ใช่หรือ」
「ความเป็นไปได้ที่อาจจะมีกลุ่มคนนอกพยายามใช้จักรวรรดิในการสร้างความวุ่นวายภายในคานาเรียของเราก็ได้ครับ หากฝ่ายนั้นพยายามหาของจากจักรวรรดิมาสร้างหลักฐานและหาหมากดีๆ มาสังเวยเพื่อป้ายความผิดให้จักรวรรดิโอกาสพวกนี้ก็ไม่ใช่ศูนย์เสียด้วย ส่วนตัวแล้วข้ามองว่าพวกโจรมีเจตนาเช่นนั้นจริงเสียด้วย」
ดยุกโควิสที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ดังลั่น
ก่อนจะเริ่มพูดกับดยุกดรากูนอทต่อราวกับจะสอนเชิง
「ปาสคาลเอ๋ย ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะสามารถวางแผนมีชั้นเชิงได้ตลอด อีกทั้งมันไม่ง่ายเลยที่จะจัดหาหน้าไม้ยักษ์ 5 ชิ้นจากประเทศอื่น ดังนั้นพวกจักรวรรดิจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ของประเทศตัวเองไงล่ะ ส่วนหัวหน้าโจรนั่นก็คงจะเป็นพวกที่มีความภักดีสูงจึงอยากจะพูดสรรเสริญบ้านเกิดตนก่อนสิ้นใจก็ได้」
「ต้องขออภัยที่ต้องพูดเช่นนั้น แต่คงจะเป็นไปได้น้อยมากครับ ไม่ทราบว่าท่านรู้จักชายที่ชื่อนิเอส คิสลิ่งหรือไม่? 」
เมื่อได้ยินชื่อดังกล่าว ดยุกโควิสก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
จากนั้นไม่นานปากของเขาก็เริ่มเปิดออก
「นิเอส คิสลิ่ง…หื้ม..เหมือนข้าจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งแต่จำไม่ได้เหมือนกัน ชายคนนั้นมันทำไมหรือ? 」
「เขาคืออัศวินที่เคยรับใช้ประเทศเรามาก่อนครับ จากที่เห็นในอดีตเขาคืออัศวินที่มาจากสามัญชนทั่วไปและมีไฟรับใช้ชาติเราสูงมาก ถึงจะต้องเอามาพูดต่อหน้าเจ้าหญิงอาจจะหยาบคายไปบ้าง แต่ชายผู้นั้นมีความเกลียดชังต่อจักรวรรดิสูงมากครับ หลังจากที่เขาถูกปลดออกจากอัศวินเนื่องจากอาชญากรรมที่ก่อ เขาก็ได้หายตัวไป ทว่าบัดนี้เขากลับถูกพบในฐานะหัวหน้ากลุ่มโจรบนเขามาริสเสียอย่างนั้น」
「……ที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือ? 」
「ครับ เนื่องจากแอสทริดเคยอยู่กองเดียวกับอิเนสมาก่อน แม้ใบหนเ่จะเปลี่ยนไปบ้างแต่เธอก็มั่นใจว่าคือเขาครับ」
สิ่งที่ดยุกโควิสคาดไม่ถึงเลยก็คือ เขาไม่เคยคิดฝันว่าแอสทริดจะทำอีกฝ่ายได้
ดยุกโควิสพยักหน้ารับอย่างไม่สบอารมณ์นัก
「ข้าเข้าใจที่จะบอกแล้ว หากหัวหน้ากลุ่มโจรเป็นคนของอาณาจักรเราจริง ก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าจะไปภักดีกับจักรวรรดิจนวาระสุดท้ายของชีวิตได้ ทว่าแอสทริดก็หาได้รู้จักชายผู้นั้นจริง สิ่งที่เธอเห็นคือตอนที่เขายังเป็นอัศวิน ความเป็นไปได้ที่เขาจะเปลี่ยนไปหลังออกกองอัศวินและหันไปบูชาจักรวรรดิเพราะไม่พอใจที่ตนถูกปลดออกจากการเป็นอัศวินก็ไม่ใช่ศูนย์นะ」
「แน่นอนว่าเรื่องนั้นก็เป็นไปได้ครับ ทว่าก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะไม่ใช่ ดังนั้นเราจึงได้พยายามตามหาร่องรอยของเขาว่านิเอสหลังออกจากกองอัศวินเขาไปอยู่ที่ไหนหรือรับใช้ใครระหว่างนั้นบ้างครับ」
「ก็จริงว่าหากทำเช่นนั้นคงจะเหมาะสมที่สุด แต่ข้ามองว่ามันใช้เวลามากเกินไป ตอนนี้ผู้เสียหายก็ได้รับความเดือดร้อนจากพวกโจรแล้ว ข้าว่าเราควรรีบเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุดดีกว่า ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร จักรวรรดิอาจจะสร้างหลักฐานหรือโยกย้ายหลายๆ อย่างเพื่อปัดภัยให้พ้นตัวก็ได้」
ดยุกโควิสพยายามเร่งเร้าทุกคน
ซากุยะที่นิ่งเงียบมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็เปิดปากพูดขึ้น
「ด้วยความเคารพนะคะ ดยุกโควิส แต่ไม่มีความเป็นไปได้เลยจริงๆ ที่จักรวรรดิจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฉันขอประกาศยืนยันด้วยเกียรติของฉันค่ะ」
พอได้ยินคำประกาศของเจ้าหญิง ใบหน้าของดยุกเฒ่าก็แสดงสีหน้าราวกับอยากจะหัวเราะออกมา
「องค์หญิง ข้าก็ไม่อยากจะกล่าวเช่นนี้หรอกนะ แต่ความจริงที่พวกโจรนั่นมีอาวุธของจักรวรรดิในครอบครองอยู่ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ ถึงท่านจะใช้เกียรติของตัวเองยืนยันก็ตามที ก็นับว่าเชื่อได้ยาก」
「หากดยุกโควิสปรารถนาจริง ฉันสามารถขอยืมมือท่านเซเรมใช้ จับเท็จ ก็ได้นะคะ ขอรบกวนหน่อยนะคะท่านเซเรม」
พอเจ้าหญิงซากุยะหันไปหา เซเรมก็ตอบกลับด้วยความสงบนิ่ง
「หากเจ้าหญิงร้องขอมา ผมก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ ยังไงผมเองก็ดำรงตำแหน่งนักบวชของวิหารเทพแห่งกฏหมายด้วยดังนั้นจึงสามารถใช้จับเท็จได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ ครับ 」
「ในเมื่อท่านเซเรมก็ยอมรับแล้ว ทางท่านดยุกโควิสล่ะคะ? 」
ดยุกโควิสตอบกลับอย่างไม่พอใจนัก
「ต้องขออภัยด้วย แต่จับเท็จนั้นมีเพียงตัวผู้ร่ายที่สามารถแยกความต่างระหว่างความจริงและการโกหกได้ ดังนั้นจับเท็จ จึงเป็นสิ่งที่ต้องได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่ายจริงๆ ข้าก็ไม่ได้อยากจะกล่าวว่าร้ายท่านเซเรมนะ แต่วิหารเทพแห่งกฎหมายก็เป็นศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิ ตัวท่านเซเรมก็สืบเชื้อสายขุนนางแห่งจักรวรรดิ กล่าวได้ว่าท่านมีความสัมพันธ์กับทางจักรวรรดิสูง จึงทำให้เชื่อได้ยากว่าจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความเป็นกลาง」
เซเรมถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะพยายามโต้แย้ง
ทว่าก่อนที่ครูเซเดอร์จะได้เอ่ยปากพูด ดยุกเฒ่าก็ตัดบทเสียก่อน
「อีกทั้งมันดูไม่ปกติเลยที่จะมีการเตรียมคนที่สามารถใช้จับเท็จได้มาอยู่ตรงนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ มองจากมุมไหนก็รู้ว่าทางนั้นอาจจะรู้อยู่แล้วว่าตนถูกสงสัยจึงหาทางปัดภัยให้พ้นตัวเสียก่อน แม้จะเป็นการเสียมารยาทแต่ข้ามองว่าพวกท่านอาจจะรวมหัว――」
「ท่านลุง!」
แล้วก็เป็นกษัตริย์ที่พูดตัดบทของดยุกโควิสอีกที
「แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ทุกอย่างมันก็ควรจะมีหลักฐานในการว่ากล่าว ได้โปรดอย่าพูดใส่ร้ายโดยการคาดเดาเลย」
「ข้าต้องขออภัยด้วยฝ่าบาท แต่ตอนนี้ดูเหมือนฝ่าบาทจะถูกจักรวรรดิครอบงำเสียจนลืมการกำเนิดชาติของเราไปเสียแล้ว อาณาจักรคานาเรียได้ถูกสร้างขึ้นมาจากพันธมิตรทางการเมืองหลากหลายกลุ่มภายในทวีปฝั่งตะวันตกเพื่อตอบโต้กับความทะเยอทะยานของจักรวรรดิ ทว่าบัดนี้ฝ่าบาทกลับประสงค์ที่จะผสมสายเลือดของจักรวรรดิมาสู่คานาเรีย ฝ่าบาทไม่ได้ยินเสียงคร่ำครวญของเหล่าบรรพบุรุษเลยหรือ? 」
พอชื่อของบรรพบุรุษได้ถูกยกขึ้นมาอ้าง กษัตริย์ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจนัก
ว่ากันตามตรงตัวเขาก็ไม่ได้ชอบนักเกี่ยวกับการรวมสายเลือดกับจักรวรรดิ ทว่าคำพูดของดยุกโควิสก็ทำให้เขาเจ็บปวดพอสมควร
แต่กาลเวลามันก็มีการผันเปลี่ยนเสมอ อาณาจักรคานาเรียนั้นถูกดันจากทางตะวันออกโดยจักรวรรดิ และทางใต้โดยนครศักดิ์สิทธิ์แห่งคาริทัส ส่วนทางเหนือกับตะวันตกก็เป็นทะเลทราย ส่งผลทำให้ประเทศเติบโตได้ยาก
กลับกันจักรวรรดิก็ยังสามารถขยายอำนาจต่อไปได้เรื่อยๆ แม้จะมีคานาเรียจะกำเนิดขึ้นมาแล้วก็ตาม ช่องว่างระหว่างสองประเทศไม่ได้แคบลงเลย
หากพวกเขายังเลือกจะดำเนินตามความตั้งใจในอุดมคติต่อไปและหันเขี้ยวใส่จักรวรรดิเรื่อยๆ ความล่มสลายอาจจะมาเยือนเข้าในไม่ช้า
สำหรับกษัตริย์แล้ว การแต่งงานในคราวนี้หาใช่เรื่องง่ายในการตัดสินใจ ทั้งเรื่องถูกกดดันมาจากจักรวรรดิ หรือรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่ได้รับความช่วยเหลือมหาศาลจากอีกฝ่ายจนต้องมีการแต่งงานเกิดขึ้น
ดยุกดรากูนอทเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนดยุกโควิสจะไม่คิดเช่นนั้น
แม้ดยุกโควิสจะมีความเป็นปรปักษ์ต่อจักรวรรดิอย่างรุนแรง แต่หากเขาใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ของตนในการสร้างความยืดหยุ่นกับจักรวรรดิ ก็จะเห็นว่าคานาเรียเองก็ได้รับประโยชน์มากมายจากจุดนี้เช่นกัน
แต่ความเกลียดชังของดยุกเฒ่าเหมือนจะกัดกินเขาไปทั้งตัว จนทำให้สายตาหรือหัวใจของเขามองไม่เห็นสิ่งใดอีกต่อไป เขาคือชายที่จะทำทุกอย่างเพื่อบั่นทอนจักรวรรดิโดยแท้จริง
พอมาถึงจุดนี้ก็ทำให้กษัตริย์เชื่อหมดใจแล้วว่าดยุกโควิสคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด จากนั้นเขาก็มองไปยังเซเรมครูเซเดอร์ของวิหารเทพ
กษัตริย์ได้ถอนหายใจก่อนจะเรียกชื่อดยุกดรากูนอท
「……ปาสคาล」
「ฮ่ะ」
ดยุกโควิสที่มองการแลกเปลี่ยนคำพูดของทั้งสองก็รู้สึกสงสัย
「ท่าทางนั่นมันอะไรกันปาสคาล? อันที่จริงเจ้าเองก็เป็นถึงข้ารับใช้ระดับสูงแห่งกษัตริย์ หากเจ้าทำการห้ามปรามฝ่าบาทแต่แรกเรื่องแบบนี้ก็――」
「ไม่ทราบว่า ท่านรู้ได้เช่นไรกันว่าหน้าไม้ยักษ์นั้นมีด้วยกัน 5 ชิ้น? 」
「……หา? 」
ดยุกโควิสรู้สึกสับสนกับคำถามของอีกฝ่าย
แล้วดยุกดรากูนอทก็ถามอีกครั้ง
「ท่านได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดหาหน้าไม้ยักษ์ 5 ชิ้นจากประเทศอื่น ข้าจึงอยากถามท่านอีกครั้งว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามันมีอยู่ 5 ชิ้น เพราะที่ข้าเคยกล่าวไปก็มีเพียงว่าพวกโจรมันซ่อนหน้าไม้ไว้บนเขา」
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code