ตอนที่ 283 ข่าวด่วน
ณ ฮอรัส เมืองหลวงของคานาเรีย
ช่วงตกดึก ดยุกโควิสกำลังเพลิดเพลินอยู่กับเครื่องดื่มภายในคฤหาสน์ของตนตามลำพัง
ทว่าเขาก็ไม่สามารถดื่มมันไม่มากนัก เนื่องจากตนต้องการรักษาอายุให้มันยืนยาวอีกสักนิด แต่อย่างน้อยคืนหนึ่งเขาก็มักจะมาดื่มด่ำกับมันสักนิดเป็นประจำ
ดยุกเฒ่าผู้นี้ได้ทำการเปิดขวดไวน์ขาวที่บ่มมากว่า 30 ปีและเอียงแก้วไปมาอย่างเพลิดเพลินกับทิวทัศน์เมืองหลวงจากริมหน้าต่าง แก้วคริสทัลได้สะท้อนแสงภายในห้องจนเกิดเป็นประกาย
กลิ่นองุ่นอันเข้มข้นได้ทะลวงเข้ามาภายในจมูก รสของแแอลกอฮอล์ที่ชวนให้แสบคอกำลังไหลลงไปภายในลำไส้ชวนให้รู้สึกพึงพอใจ
ร่างของเขาสั่นเทาไปด้วยความยินดี แต่น่าเสียดายที่ความสุขนั้นหาได้อยู่นากนัก
เพราะเสียงเคาะประตูได้ดังขึ้น
ดยุกโควิสที่ถูกขัดขวางความสุขนี้จึงเลิกคิ้วขวาขึ้นและหมายจะบ่นกับบุคคลที่มารบกวนเวลาส่วนตัวของตน
ทว่าหากพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ก็มีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะต้องการแจ้งเหตุด่วนกับตน เขาจึงบอกให้อีกฝ่ายเข้ามาได้
「ขออภัยที่มารบกวนครับท่าน!」
ชายที่เข้ามาภายในห้องก็คือข้ารับใช้ผู้ภักดีของตระกูลที่ดูแลตระกูลมากว่า 30 ปี
แม้จะดูขี้ขลาดและไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ดยุกโควิสก็ชื่นชอบอีกฝ่ายที่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งตนได้โดยไม่ต้องถามอะไรที่ไม่จำเป็น
เขาได้มายืนอยู่ตรงหน้าของดยุกโควิสด้วยสีหน้าตระหนก
「เกิดอะไรขึ้นกัน ถึงได้เอะอะขนาดนี้」
ดยุกโควิสพยายามดึงสติให้อีกฝ่ายสงบสติแล้วรายงานสิ่งที่ตนรู้มาเสีย
อีกฝ่ายพอได้สติก็เริ่มตอบกลับไปแม้จะมีเสียงกระวนกระวายใจปนไปบ้าง
「พวกเราได้รับข่าวด่วนจากคนภายในเขตดยุกดรากูนอทครับ! เนื้อความคือคนของเราที่ส่งไปถูกกวาดล้างหมดแล้ว!」
「…แล้วเจ้าอิเนสล่ะ? มันนั่นฆ่าตัวตายเหรอ?」
「ฮ่ะ!」
พอได้ยินคำตอบอีกฝ่าย ดยุกโควิสก็แสดงสีหน้าอันเคร่งขรึมออกมา
อิเนสคือหัวหอกที่ทำหน้าที่ดูแลกองกำลังส่วนตัวของดยุกโควิส จนถึงปัจจุบันเขาก็ได้ใช้กองกำลังดังกล่าวในการตรวจสอบสถานการณ์ภายในจักรวรรดิและทางมาร์ควิสโคเคียด้วย อีกทั้งยังรวมไปถึงสั่งให้ก่อความวุ่นวายภายในคานาเรียเพื่อลดอำนาจของพวกสนับสนุนจักรวรรดิด้วย
มันคือเงามืดที่มิอาจจะปรากฏตัวให้ผู้ใดพบเจอได้
ครั้งนี้เองก็เช่นกันเขาได้ทำการส่งกองกำลังไปยังเขตดยุกดรากูนอทและก่อความวุ่นวายโดยแสร้งทำเป็นโจร
ตามรายงานก่อนหน้า กองทัพของดยุกดรากูนอทที่ส่งมาปราบพวกโจรไม่สามารถบุกขึ้นเขามาริสได้เพราะกังวลเกี่ยวกับจักรวรรดิ อิเนสบอกอีกว่าเขาจะพยายามยื้อสถานการณ์ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าดูเหมือนทางพวกดรากูนอทจะมีฝีมือมากกว่าที่คิด
แต่ก็หาได้เกินความคาดหมายนัก เพราะทั้งจำนวนและคุณภาพในการฝึกฝนมันไม่เหมือนกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ดยุกโควิสหลับตาและพูดไว้อาลัยให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่จากไป
「อิเนส ข้าจะไม่มีวันลืมคุณงามความดีของเจ้าที่เสี่ยงชีวิตเพื่อรับใช้ประเทศของเรา วันใดเมื่อเราสามารถกำจักพวกจักรวรรดิไปได้หมด ข้าจะล้างบาปของเจ้าและสรรเสริญเจ้าในฐานะอัศวินแห่งอาณาจักรเอง」
พอเขากล่าวไว้อาลัยจบ ผู้รายงานก็เอ่ยออกมาด้วยความกังวลต่อ
「นายท่านจะทำเช่นไรต่อครับ?」
「แผนการของเราจะยังคงเดิม ถึงจะพลาดที่ไม่สามารถนำปาสคาลออกจากเมืองหลวงได้ แต่อุปกรณ์และของต่างๆที่ให้อิเรสไปก็ล้วนเป็นของจักรวรรดิทั้งสิ้น คนของเราก็ตายกันหมดแล้วด้วยยังไงบาปคราวนี้ก็ไม่พ้นจักรวรรดิต้องรับไป ที่เหลือก็เป็นงานของข้าที่ต้องโน้มน้าวฝ่าบาทและขับไล่พวกคนเขลาที่ฝั่งใฝ่จักรวรรดิออกประเทศนี้เสียให้หมด!」
เมื่อดยุกโควิสกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น สีหน้าของข้ารับใช้ก็ดูเบาใจขึ้น ราวกับได้รับกำลังใจจากคำพูดนั้น
อย่างไรก็ตาม คืนนี้กลับมาข่าวด่วนมากกว่า 1 ข่าวเสียได้
「ท่านดยุกต้องขออภัยด้วย!」
มีเสียงเคาะประตูเกิดขึ้นอีกครา
เจ้าของเสียงดูเหมือนจะตื่นตระหนกมากพอสมควรและรีบเข้ามาภายในห้องโดยไม่รอให้ทางดยุกตอบกลับ เขาคือหนึ่งในพ่อบ้านที่ทำงานในคฤหาสน์นี้
ข้ารับใช้ส่วนตัวของดยุกหมายจะต่อว่าความหยาบคายของอีกฝ่าย แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้น อีกฝ่ายกลับตะโกนพูดออกมาก่อน
「เหตุด่วนครับ! ท่านดยุกตอนนี้มีพวกทหารราชองครักษ์ปรากฏตัวที่หน้าคฤหาสน์ของพวกเราโดยพวกเขาต้องการเชิญท่านเข้าไปที่วังโดยด่วน!」
「ถึงกับต้องส่งราชองครักษ์มาเลยหรือ? กลางดึกแบบนี้มีเหตุใดกันนะ?」
ดยุกโควิสขมวดคิ้วสงสัย แล้วทางพ่อบ้านก็กล่าวต่อด้วยใบหน้าไม่สู้ดี
「อย่างที่ท่านว่า! เพราะผู้บัญชาการของราชองครักษ์มาด้วยตัวเองและบอกว่าเป็นคำสั่งโดยตรงจากฝ่าบาทครับ!」
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็มองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นกลุ่มก้อนคบเพลิงกำลังเคลื่อนตัวไปมารอบๆคฤหาสน์ โดยพวกเขาสวมชุดเกราะสีเงินที่เป็นสัญลักษณ์ของราชองครักษ์
ราชองครักษ์ที่ล้อมคฤหาสน์เอาไว้พร้อมอาวุธครบมือยามค่ำคืนโดยหมายเชิญตนไปยังวัง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็คือวิธีการกำจัดผู้ทรยศ แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความผิดตัวเอง แต่มันก็ไม่ควรจะกระทำกับชายผู้รับใช้คานาเรียมาถึง 3 แผ่นดินเลย
「นายท่าน……」
ข้ารับใช้มองดยุกโควิสก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่าแผนที่วางกันมาได้หลุดไปถึงหูกษัตริย์แล้ว
กลับกันทางดยุกโควิสเหมือนจะคงความสงบนิ่งไว้ได้และกล่าวต่อ
「หากฝ่าบาทเป็นคนเชิญเอง ข้าก็ควรจะต้องไป จงไปบอกพวกราชองครักษ์เสียว่าข้าจะรีบออกไปหา ได้โปรดรออีกสักครู่ ข้าคงไม่สามารถเข้าเฝ้าฝ่าบาทในสภาพนี้ได้」
「แน่ใจแล้วเหรอครับ นายท่าน?」
「ไม่เป็นไร อันที่จริงข้ามองว่าเป็นโอกาสดีด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าใครไปเป่าหูฝ่าบาทเข้าแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นพวกสนับสนุนจักรวรรดิ เดี๋ยวข้าจะทำการจัดการพวกมันต่อหน้าฝ่าบาทเอง เพื่อบ้านเมืองที่พวกเราควรปกป้องข้าจะทำให้ฝ่าบาทตาสว่าง」
ดยุกโควิสเชื่อมันในความชอบธรรมของตัวเอง และเตรียมเดินทางไปยังวังด้วยสีหน้าที่มั่นใจ
แม้เหล่าข้ารับใช้จะดูเป็นกังวลก็ตามที แต่พวกเขาก็รีบทำตามที่ดยุกบอก
เมื่อดยุกโควิสมาถึงวัง――พวกราชองครักษ์ก็พาตัวเขาไปยังโถงเข้าเฝ้าทันที
ณ ที่แห่งนั้นกษัตริย์แห่งคานาเรียได้นั่งอยู่บนบัลลังก์รอดยุกโควิสอยู่ก่อนแล้ว
「ท่านลุง ข้าต้องขออภัยที่เรียกตัวท่านมาในเวลาเช่นนี้ แต่เพราะมีเหตุด่วนข้าจึงอยากจะถามความเห็นของท่าน」
เขากล่าวกับดยุกโควิสด้วยน้ำเสียงอันสงบนิ่ง
ดยุกโควิสคุกเข่าลงข้างหนึ่งและหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นความสงบนิ่งของอีกฝ่าย มันช่างดูตรงกับข้ามกับพวกราชองครักษ์ที่แสดงอารมณ์แสนเย็นชาออกมา
「หากฝ่าบาทเป็นผู้เรียกตัวมาแม้ฝนจะตกเป็นหอกแหลมข้าก็จะรีบมาเข้าเฝ้าให้เร็วที่สุด ดังนั้นแค่หลังพระอาทิตย์ตกดินไปหาใช่เรื่องใหญ่เลยพ่ะย่ะค่ะ」
หลังจากพูดจบดยุกโควิสก็มองไปรอบๆ
นอกจากพวกราชองครักษ์ก็มีคนอยู่ภายในนี้อยู่จำนวนที่นับด้วยนิ้วได้ อย่างกษัตริย์ ดยุกโควิส ดยุกดรากูนอท เจ้าหญิงซากุยะ แล้วก็ใครไม่รู้อีกคนหนึ่ง
ชายวัยกลางคนที่ท่าทางเหมือนอัศวินซึ่งเขาไม่รู้จักมาก่อน ลักษณะที่ดุดันราวกับนักดาบผู้มากประสบการณ์ แต่ความแปลกอยู่ตรงที่ชุดเกราะของเขาหาใช่คนของอาณาจักรคานาเรียจะสวม
มันคือชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่สวมโดยพวกครูเซเดอร์――ครูเซเดอร์วิหารเทพกฏหมาย
ดยุกโควิสขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าดยุกดรากูนอท กับเจ้าหญิงซากุยะจะปรากฏตัว แต่การที่มีครูเซเดอร์อยู่ด้วยแบบนี้ช่างน่าแปลก
คานาเรียนั้นไม่ได้มีเทพแห่งกฏหมายเป็นศาสนาประจำชาติ แล้วเหตุใดครูเซเดอร์ของทางนั้นถึงมาอยู่ตรงนี้ได้กัน แถมยังเป็นสถานการณ์ที่กษัตริย์กล่าวเองว่าเป็นเหตุด่วน
ครูเซเดอร์ที่เห็นสายตาของดยุกโควิสจ้องมองด้วยความสงสัยก็ทำการโค้งคำนับแล้วกล่าวชื่อของตน
「ยินดีที่ได้พบ ข้าคือเซเรม ข้ารับใช้พระสันตะปาปาโนอาห์ คาร์เนเลียสแห่งนครศักดิ์สิทธิ์คาริทัส แม้สถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวยนักแต่ก็ขอฝากตัวด้วย」
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code