ตอนที่ 282 หัวหอก
「นี่คุณอัศวิน พวกข้าก็วิ่งขึ้นเขามาเหมือนที่ท่านพูดแล้วนะ จากนี้ไปจะเอายังไงกันต่อล่ะ?」
ณ จุดหนึ่งของเขามาริสที่ติดอยู่กับทางตะวันออกของเขตดยุกดรากูนอท
ชายผู้มีรอยแผลเป็นบนแก้ว เคราที่ดูรุงรัง กับกลิ่นตัวที่ฉุนแม้จะอยู่ไกลก็ได้กลิ่น ซึ่งดูเข้ากับรูปลักษณ์ของทหารรับจ้างทั่วไป เขาคือผู้หน้าของกลุ่มโจรนี้
แม้เขาจะถูกเรียกว่าอัศวิน แต่หัวหอกผู้นี้ก็ไม่ใช่อัศวินจริงๆ ทว่าถึงจะเป็นโจรเขากลับให้ความสำคัญในเรื่องรูปลักษณ์และวินัยภายในกลุ่มโจร จนทำให้เหล่าลูกน้องมักจะล้อเลียนเขาแล้วเรียกว่าอัศวิน
หัวหอกก็เลยตอบกลับคำถามของคนที่ถาม
「ก็อย่างที่ข้าบอกไปว่าจะอยู่บนเขานี้กันอีกสักพัก ระหว่างนี้ก็ทำตัวดีๆกันหน่อยล่ะ」
「แต่มันก็ผ่านมานานแล้วนะ บนเขาที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้ มันชวนให้รู้สึกเสียเวลาเปล่า ไม่ใช่แค่ข้านะคนอื่นๆก็บ่นเหมือนกัน อย่างน้อยถ้าฉุดผู้หญิงมาสักหน่อยได้ก็คงดีแท้ๆ ข้าละไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าคุณอัศวินคิดอะไรอยู่ ดังนั้นอนุญาตให้พวกข้าลงเขาไปสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวที่เหลือพวกข้าจัดการเอง」
เขามาริสไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ หากลงเขาไปสักหน่อยก็พอจะพบหมู่บ้านกระจายตรงจุดต่างๆบ้าง พวกลูกน้องคงหมายตาชาวบ้านแถวนั้นอยู่
ได้ยินแบบนี้หัวหอกก็เลิกคิ้วขึ้นและจ้องมองไปยังลูกน้อง
「ถึงพูดเล่นข้าก็ไม่ขำนะ หากแอสทริดรู้ว่าพวกเราดึงชาวบ้านมาเกี่ยวข้องด้วย นางคงไม่สนจักรวรรดิแล้วบุกมาบนเขาแน่ นางเป็นผู้หญิงแบบนั้นแหละ」
หัวหอกพูดขณะนึกถึงใบหน้าของหัวหน้าศัตรูที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ฝ่ายเดียวกัน ทว่าลูกน้องก็เหมือนจะยังไม่เข้าใจและพูดต่อ
「ถ้าเป็นแบบนั้นจะไม่ดีกว่าหรือไง ยังไงท่านก็สามารถใช้ของน่าขนลุกที่อยู่ข้างหลังท่านทำให้รองหัวหน้าอัศวินมังกรกลายเป็นรังผึ้งได้นี่」
พอพูดจบสายตาของเขาก็มองไปยังหน้าไม้ขนาดใหญ่ 5 อันที่เรียงกันอยู่ แถมมันยังไม่ใช่ของที่ทำมาแบบครึ่งๆกลางๆแต่เป็นของที่ใช้กันในกองทัพ
ขนาดของลูกธนูก็มีความหนาและยาวเท่ากับหอก จะโล่หรือเกราะใดๆก็มิอาจต้านทานได้ หากร่างของมนุษย์โดนเข้าไปคงไม่เหลือรูปเดิมให้เห็น ถึงจะเป็นอัศวินมังกรที่แสนภาคภูมิใจของคานาเรียก็มิอาจประมาทมันได้
มันเป็นสิ่งที่โจรธรรมดาทั่วไปไม่สามารถหามาได้อยู่แล้ว อันที่จริงหน้าไม้พวกนี้ได้ถูกขนขึ้นมาบนเขาก่อนจะเกิดเหตุการณ์ปล้นเสียอีก ทำให้เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
หัวหอกที่ฟังก็ตอบปัดไปโดยไม่สนใจความเห็นของอีกฝ่าย
「หน้าไม้นี่ก็เป็นมาตราการป้องกันเฉยๆ หน้าที่ของพวกเราคือการยืดความวุ่นวายภายในเขตดยุกดรากูนอทให้นานที่สุด หาใช่การเอาชนะแอสทริด」
「แต่ข้ามองว่าการสังหารบุตรสาวของดยุกดรากูนอทจะสร้างความโกลาหลวุ่นวายได้มากกว่านะ」
「หุกปากน่า! ข้าไม่ได้คิดจะฟังความเห็นของเจ้าแต่แรกอยู่แล้ว ไปๆ กลับไปทำหน้าที่ตัวเองซะ อย่าให้ต้องพูดซ้ำข้าไม่อนุญาตให้พวกเจ้าลงเขาหรอกนะ!」
「จ้าๆ พออัศวินคนเก่ง」
อีกฝ่ายก็แอบเหน็บแนมก่อนจะเดินจากไป
หัวหอกที่ได้ยินแบบนี้ก็อดอารมณ์เสียไม่ได้
ยังไงก็แค่พวกทหารรับจ้างที่หามา จะให้คาดหวังความสุภาพหรือการเคารพจากพวกมันก็ใช่เรื่อง
อย่างไรก็ตามหัวหอกก็อดรู้สึกรำคาญใจกับพฤติกรรมของพวกมันไม่ได้สักที
――ให้ตายสิ ไม่ว่าใครหากต้องมาเจอแบบข้าก็คงหัวเสียไม่ต่างกัน
ริมฝีปากของหัวหอกบิดเบี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นหนึ่งในอัศวินของคานาเรีย แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นทหารรับจ้างที่ทำตัวเป็นโจรมาก่อความวุ่ยวายในบ้านเกิดตัวเอง การที่ตัวเองตกต่ำได้ขนาดนี้จะหงุดหงิดเพิ่มก็ไม่แปลก
ทั้งที่คิดว่าตัวเองได้สูญเสียเกียรติและศักดิ์ศรีของอัศวิน จนพร้อมทำเรื่องสกปรกได้ทุกเรื่องแท้ๆ ทว่าใจลึกๆของเขาก็คงมีความเป็นอัศวินเหลืออยู่ดี
ช่างเป็นความคิดที่แปลกหากเป็นโจรจะเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์สักหน่อยก็ไม่แปลก แต่ตอนนี้ดันมาทำตัวเป็นอัศวินปกป้องคนซะงั้น ความย้อนแย้งภายในจิตใจของเขายิ่งทำให้เขาหงุดหงิด
อาจจะเพราะตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับแอสทริดด้วยก็ได้
หัวหอกและแอสทริดนั้นเคยอยู่กองอัศวินเดียวกันมาก่อน อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายเป็นถึงบุตรสาวคนโตของดยุกและรองหัวหน้าภาคี ส่วนหัวหอกเป็นเพียงอัศวินธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก่อน
แต่ตัวตนของแอสทริดก็ทำให้เขานึกถึงสภาพตัวเอง หากแอสทริดคือแสงสว่าง เขาก็เป็นเพียงเงาที่อยู่ข้างหลังร่างนั้น ตัวตนที่แสนไร้ค่า
หัวหอกพยายามดึงสติไม่ให้ด้อยค่าตัวเองเพิ่ม
「ดยุกดรากูนอทก็เป็นเพียงคนขี้ขลาดที่ก้มหัวให้จักรวรรดิ แอสทริดเองก็ไม่ต่างกันการไม่สามารถหยุดพ่อตัวเองได้ช่างน่าผิดหวัง ข้าสิคือความถูกต้อง ข้ากำลังปกป้องจักรวรรดิอยู่ตามที่ท่านดาเรนมอบหมาย ข้ากำลังทำเพื่อประเทศ แม้ตอนนี้ข้าจะซ่อนตัวราวกับโจรร้ายก็ตามที」
ดยุกโควิสเป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาคือชายที่รักชาติอย่างแท้จริง ชายผู้มอบโอกาสที่สองให้กับหัวหอกผู้นี้ หลังถูกปลดจากการเป็นอัศวินเนื่องจากทะเลาะกับพวกระดับสูง
เนื่องจากนี่พิธีอภิเษกระหว่างรัชทายาทเอซ่าและเจ้าหญิงซากุยะจึงทำให้คานาเรียได้รับอิทธิพลจากจักรวรรดิมากกว่าเดิม หากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคานาเรียคงได้กลายเป็นเมืองขึ้นจักรวรรดิแน่
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการที่รุนแรงเพื่อหยุดเรื่องนี้ โดยแผนคราวนี้ก็มีเป้าหมายที่จะเขี่ยดยุกดรากูนอทให้พ้นทางและดันดยุกโควิสให้กลับไปอยู่จุดเดิม
การเสียเลือดเนื้อเพื่อเป้าหมายใหญ่ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องแลก
ไม่เพียงแค่ลูกน้องหรือชาวบ้านที่อาจจะได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ชีวิตของเขาหอกเองก็ไม่ต่างกัน
ท้ายที่สุดแล้วในมุมของคนทั่วไปเขาคือโจรที่ทำร้ายประเทศตัวเอง ถึงเขาจะถูกจับเขาก็ไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือจากใครได้และถูกประหารแขวนคอในฐานะโจรชั่ว
ดยุกโควิสก็บอกเขาไปก่อนแล้ว แต่หัวหอกก็ยังยอมรับภารกิจดังกล่าว
ไม่มีเกียรติใดสำหรับชายวัย 40 กลางๆจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการทำเพื่อประเทศตัวเองอีกแล้ว ถึงเขาจะตายลงไปดยุกโควิสก็สัญญาว่าจะมอบเกียรติและการยกย่องให้กับเขาในภายหลัง
ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องด้อยค่าตัวเองให้มากเมื่อมองไปยังแอสทริด นั่นคือสิ่งที่ผู้เป็นนายบอกเขา
――ในตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าที่เหยียบพื้นหญ้าเข้ามาใกล้เขา โดยทิศทางก็เป็นทางเดียวกับที่ลูกน้องเดินจากไปตอนแรก
ในขณะที่หัวหอกกำลังจะหันไปถามอีกฝ่ายว่ามีอะไรจะมาบ่นอีก วัตถุทรงกลมบางอย่างได้ถูกโยนมาตรงหน้าเขาทันที
ขนาดของมันเท่ากับหัวของมนุษย์ ไม่สิมันคือหัวของมนุษย์จริงๆ
มันคือหัวของชายที่ล้อเลียนเขาว่า คุณอัศวินเมื่อครู่กำลังกลิ้งไปมา แม้จะตายไปแล้วแต่ใบหน้าที่ยียวนชวนให้กระทืบก็ยังคงเหลือ
ราวกับว่าเขาได้ถูกตัดหัวไปก่อนที่จะรู้ตัว
「――คุ」
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นนักดาบมากฝีมือ หัวหอกก็รีบกระโดดถอยจากจุดที่ตัวเองอยู่และดึงดาบที่เอวออกมา
อีกฝ่ายคือชายหนุ่มผมสีดำ ซึ่งน่าจะอายุราวๆ 20 ซึ่งในมือของเขาก็มีดาบยาวสีดำซึ่งเต็มไปด้วยเลือดที่หยดลงมาจากปลายดาบอยู่
เลือดนั้นก็คงไม่ต้องถามว่าเป็นเลือดของใคร หากพิจารณาจากสภาพของลูกน้องเขาแล้ว หัวหอกมองว่าหากตนช้ากว่านี้อีกสักนิด ร่างของตนคงได้ถูกผ่าครึ่งไปแล้วแน่ๆ
อย่างไรก็ตามหากคิดแบบใจเย็นสักหน่อย อีกฝ่ายทำการฆ่าคนของตนโดยไม่ทันตั้งตัวก็ไม่ควรปรากฏตัวให้เขาเห็นแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายอยากจะแสดงความมั่นใจว่าถึงไม่ต้องลอบโจมตีพลังของตนก็มากพอจะโค่นศัตรู
ก็หมายความว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกหัวหอกอยู่ พอคิดได้แบบนี้ก็เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ
「คนของดยุกดรากูนอทงั้นเหรอ ข้าขอชื่นชมที่มาถึงตรงนี้ได้ แต่หากเสียดายชีวิตวัยหนุ่มสาวก็กลับไปเสียอย่าหะ――」
ก่อนที่เขาจะพูดพบก็เกิดประกายแสงสะท้อนของดาบวาบขึ้น
ถึงหัวหอกจะรู้ว่าการโจมตีมาถึงแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถตอบสนองทันได้
วินาทีต่อมา คอของเขาก็ถูกคมดาบปาดเป็นแนวยาว
เลือดสดได้ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
「คึ……คุ……」
หัวหอกพยายามห้ามเลือดโดยเอามือปิดคอตัวเองเอาไว้ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เขารู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังจะตาย
ทว่า
「คุ……หึ หึๆ……」
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเขาหาใช่ความสิ้นหวัง แต่เป็นรอยยิ้มที่กล้าหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใด
ถึงจะไม่ใช่ของที่ดีนัก แต่ดาบของเขาก็เป็นของที่สร้างภายในจักรวรรดิเหมือนกับหน้าไม้ที่มี
จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เห็นว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นฝีมือจักรวรรดิ
ถึงจะเป็นแค่กลุ่มโจรกระจอก แต่ในจักรวรรดิก็มีคนอย่างเจ้าชายริชาร์ดอยู่ด้วยนิสัยของทางนั้นแล้ว แผนพวกนี้อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ ทางคานาเรียไม่มีทางปล่อยไปแน่
เมื่อมีกลุ่มก้อนแห่งความสงสัยเกิดขึ้น เป้าหมายแรกที่คานาเรียจะมุ่งไปก็คือซากุยะ ซึ่งเป็นเจ้าหญิงของจักรวรรดิ ไม่เพียงเท่านั้น
การปล้นในคราวนี้ยังสามารถทำลายอิทธิพลของดยุกดรากูนอทได้อีกด้วย ก็เรียกว่าทั้งลดอำนาจของดรากูนอทและทำลายชื่อเสียงของเจ้าหญิงซากุยะได้ในทีเดียว แผนของดยุกโควิสคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวโดยแท้จริง
บัดนี้หัวหอกก็ได้บรรลุหน้าที่ตนแล้ว――ด้วยความเชื่อมั่นนั้นมันยิ่งทำให้เขายิ้มร่ากว่าเดิม
ที่เหลือก็แค่ฝากให้ดยุกโควิสจัดการ เอาละมาทำงานสุดท้ายของเขาให้เสร็จดีกว่า หัวหอกคิด
「….จักรวรรดิ จงเจริญ」
หลังสิ้นเสียงนั้น จิตสำนึกของหัวหอกก็ดำดิ่งลงในความมืดมิด
ร่างของเขาได้ล้มลงกับพื้นโดยไม่ส่งเสียงใดๆออกมาอีก
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code