บทที่ 614 ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ (1)
บทที่ 614 ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ (1)
หลังจากนั้น ถังซวงก็บอกเรื่องนี้กับหัวเฟยเฟิ่ง
หัวเฟยเฟิ่งไม่มีทางแคลงใจในคำพูดของถังซวง อีกทั้งสีหน้าของเธอดูบิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก
“ดูเหมือนว่าหัวเฟยหลงจะยังทะเยอทะยานไม่เลิก เขาไม่ยอมสละตำแหน่งผู้นำตระกูล จึงต้องคิดหาวิธีกำจัดพวกเราสินะ”
“เรื่องอื่น ๆ หนูไม่มีอะไรให้กังวลใจ หนูกังวลก็แต่ทางฝั่งคุณทวดค่ะ ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงทางด้านตระกูลหัวด้วย อีกอย่างก็ยังมีคนอยู่มากที่สนับสนุนหัวเฟยหลง”
เมื่อได้ยินดังนี้หัวเฟยเฟิ่งจึงรีบกล่าวทันที “วางใจเถอะซวงเอ๋อร์ ตระกูลหัวทางนี้ยายจะดูแลอยู่ตลอด ส่วนทางด้านของคุณทวดนั้น ยายจะค่อย ๆ เล่าให้เขาฟัง”
“คุณยาย อย่าเพิ่งพูดกับทางฝั่งคุณทวดเลยดีกว่าค่ะ กลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่า ๆ”
หัวเฟยเฟิ่งอยากที่จะพูดกับคุณพ่อของเธอสักหน่อย ทว่าเธอก็คิดขึ้นมาได้ว่าไม่มีอะไรพูดอยู่ดี เพราะเธอเองก็กลัวว่าจะแหวกหญ้างูตื่น “อืม ยายเข้าใจแล้ว”
ถังสือจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว เขาพาคนจากตระกูลถังมาจำนวนไม่น้อย พร้อมกับนำของที่ถังซวงต้องการมาด้วย
หัวเฟยหลงมองไปที่หัวโย่วเฉิงแล้วเอ่ยถาม “ยานี้จะไม่มีปัญหาเรื่องอื่นตามมาอีกแน่นะ?”
เมื่อได้ยินหัวเฟยหลงกล่าว หัวโย่วเฉิงก็เหลือบมอง เขาหัวเราะเยาะพลางกล่าวว่า “เฟยหลง ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะทำการใหญ่ขนาดนี้แล้ว นายจะยังสนใจไปทำไม”
หัวเฟยหลงจ้องมองหัวโย่วเฉิงอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร
หัวโย่วเฉิงเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว จากนั้นก็กล่าวยืนยัน “ไม่ต้องเป็นห่วง แค่ให้ยานี่ออกฤทธิ์ก็พอ มันไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เพราะฉะนั้นแกก็ใช้มันได้อย่างสบายใจ”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “หลังจากที่ถังซวงและถังเซวี่ยถูกจับมาแล้ว แกก็อย่าได้ใจอ่อนกับผู้หญิงเด็ดขาด”
“ไม่มีทางแน่นอน”
ในดวงตาของหัวเฟยหลงมุ่งมั่น เขาทบทวนตามแผนการทั้งหมดอีกครั้ง แต่ไม่นานก็พบว่าตนได้ลืมอะไรบางอย่างไป
“พี่ใหญ่ พวกเราลืมอะไรไปหรือเปล่า”
“อะไร?”
แววตาหวาดกลัวของหัวเฟยหลงฉายขึ้น “ถังซวงในตอนนี้คือผู้นำตระกูลถัง ผมได้ยินมาว่าฝีมือการทำยาของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก เธอจะไม่รู้หรือว่าเป็นยานั่น?”
หัวโย่วเฉิงได้ยินกลับหัวเราะเสียงดังออกมา
“วางใจเถอะเฟยหลง ถังซวงไม่มีทางรู้แน่นอน เพราะยาชนิดนี้ไร้กลิ่นไร้สี ต่อให้เป็นหมอที่เก่งกาจก็ไม่มีทางรู้หรอก”
เมื่อได้ยินดังนี้หัวเฟยหลงก็โล่งใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย แต่ว่ายังไงพวกเราก็ยังต้องวางแผนเพิ่ม จะได้ไม่ตกม้าตายทีหลัง”
แววตาแห่งความมาดมั่นฉายบนดวงตาของหัวโย่วเฉิง
“วางใจได้เฟยหลง ฉันได้เตรียมพร้อมไว้หมดทุกด้านแล้ว ครั้งนี้บ้านรองของพวกเราจะต้องแย่งสิทธิ์การเป็นผู้นำตระกูลหัวมาครองไว้ได้อย่างแน่นอน”
สองพี่น้องมองหน้ากันด้วยแววตาเป็นประกาย
ในขณะที่หัวเฟยหลงและหัวโย่วเฉิงวางแผนการกันอยู่นั้น ทางด้านถังซวงก็มีความคืบหน้า
เมื่อหัวเฟยเฟิ่งมองดูข้อมูลในมือ เส้นเลือดบนหน้าผากของเธอก็เต้นตุบ ๆ “หัวเฟยหลงจะทำเกินไปแล้ว แค่เพราะไม่สามารถขึ้นเป็นผู้นำตระกูลได้ เขาถึงขั้นจะทำร้ายคนมากมายขนาดนั้นเลยหรือ”
แต่สีหน้าถังซวงกลับแน่นิ่ง
“คุณยาย บางคนเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ก็ไม่สนใจความเป็นความตายของคนอื่นหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเราก็แค่ต้องลงมือก่อนและกำจัดพวกมันก่อนที่พวกของหัวเฟยหลงจะลงมือ”
หัวเฟยเฟิ่งได้ยินก็กล่าวพลางพยักหน้า “อืม รออีกสักพักยายจะไปจัดการ”
เมื่อกล่าวจบ หัวเฟยเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะมองถังซวงแล้วเอ่ยถาม “ซวงเอ๋อร์ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่บอกคุณทวดของหลานสักหน่อยหรือ? ให้ท่านได้เตรียมใจเอาไว้บ้าง”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะกล่าว “แล้วถ้าคุณทวดไม่เชื่อว่าหัวเฟยหลงจะกล้าทำแบบนี้ แล้วเข้าไปเผชิญหน้ากับเขาโดยตรงล่ะคะ?”
หัวเฟยเฟิ่ง “…”
เมื่อนึงถึงนิสัยของพ่อ และนึกถึงความผูกพันระหว่างพ่อลูกของคุณพ่อกับหัวเฟยหลงที่ยาวนานขนาดนั้น สุดท้ายหัวเฟยเฟิ่งก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอทำเพียงพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาละ ยายรู้แล้ว งั้นก็ให้คุณทวดมาเห็นด้วยตาของตัวเอง เขาถึงจะเชื่อ”
ถังซวงเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน
หลายคนมักจะไม่เชื่อจนกว่าจะได้เห็นด้วยตาตนเอง มีแค่ความจริงที่เห็นด้วยตาถึงจะยอมตาสว่าง
หลังจากที่หัวเฟยเฟิ่งจากไปแล้ว โม่เจ๋อหยวน เฟิงเยี่ยหาน และถังเซวี่ยก็กลับมา
ถังเซวี่ยเอ่ยถามถังซวงด้วยสายตาเป็นกังวล “พี่คะ อยากจะให้พวกเราช่วยอะไรไหม?”
เฟิงเยี่ยหานที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวว่า “ใช่ มีเรื่องอะไรก็บอกพวกเราได้นะครับ พวกเราจะพยายามทำให้ได้”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของทั้งสอง ถังซวงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันกับคุณยายจัดการกันไปเยอะแล้วละ อีกอย่างถังสือก็พากำลังคนมาไม่น้อย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
โม่เจ๋อหยวนรู้แผนการคร่าว ๆ ของถังซวง จึงรู้ว่าเธอนั้นได้วางแผนมาอย่างรอบคอบ “ซวงเอ๋อร์ แล้วพวกเธอคิดไว้ว่าจะลงมือเมื่อไหร่?”
เมื่อถังซวงได้ยิน ก็ตอบเขาด้วยแววตาแหลมคม
“พรุ่งนี้เย็น”
เมื่อพบว่าถังซวงได้จัดการเรื่องเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว ถังเซวี่ยก็ไม่ถามอะไรเธออีก แต่ขณะนี้เอง เธอมองไปที่ถังซวงราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง “พี่ ฉันว่าพวกพี่เลือกเป็นพรุ่งนี้เช้าจะดีกว่าค่ะ”