บทที่ 551 บอกความจริง
บทที่ 551 บอกความจริง
ถังอวี้สือได้ยินคำพูดของเนี่ยหลาง แต่เธอยังตำหนิพ่อของตัวเองอย่างรุนแรง “หุบปากซะ คุณตาไม่ได้ทำอย่างที่พ่อพูด อย่าใส่ร้ายเขาแบบนั้นนะ”
เนี่ยหลางหันมองท่าทางเกรี้ยวกราดของลูกสาว และทันใดก็รู้สึกว่าลูกสาวของเขาดูแปลกไปมาก เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน? ลูกสาวของเขากลายเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายกับถังคุนเฉิน นอกจากจะไม่แปลกใจแล้วยังช่วยเหลือถังคุนเฉินอีก นั่นทำให้ในใจของเนี่ยหลางว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก
ถังอวี้สือยังคงพูดพล่ามไม่หยุด ถังซวงจึงใช้สันมือฟาดลำคอของถังอวี้สือ แล้วโยนหล่อนออกไป
“อวี้สือ…”
เนี่ยหลางที่รู้สึกเสียใจเพราะคำพูดของลูกสาว เมื่อเห็นว่าลูกสาวต้องเจ็บตัว ในใจของเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมา
“ไม่ต้องกังวล เธอแค่สลบไป แต่ถ้าคุณไม่มีหลักฐานมาแสดงอย่างที่พูด เธออาจจะไม่มีวันได้ตื่นขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้” ถังซวงกล่าวกับเนี่ยหลางอย่างเย็นชา
เห็นอย่างนั้น เนี่ยหลางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ฮ่า… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าฉันเป็นคนเดียวที่แตกต่างจากพวกเขาสินะ สมาชิกตระกูลถังทุกคนล้วนโหดร้าย ไร้หัวใจจริง ๆ ต่อให้เธอจะไปเติบโตนอกตระกูล แต่เธอก็ยังคงไร้หัวใจเหมือนพวกเขา สมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลถัง”
เมื่อมองไปที่ถังซวง และลูกสาวของตน เขารู้สึกว่าเขาคงจะเป็นได้แค่คนนอก เนี่ยหลางสงบสติอารมณ์ลงก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ไม่ต้องห่วง ฉันมีหลักฐาน และฉันจะให้มันกับเธอแน่นอน แต่เธอต้องจำสิ่งที่ให้สัญญาไว้ว่าจะปล่อยอวื้สือไป”
“แน่นอน ถ้าฉันได้เห็นหลักฐานนั้นเมื่อไหร่ ฉันจะปล่อยถังอวี้สือไป”
“อืม ถือว่าเราตกลงกันแล้ว”
เนี่ยหลางและถังซวงตกลงกันเสร็จ เขาก็หยิบซองจดหมายออกมาพร้อมเหลือบมองรอบข้างก่อนจะยื่นให้หญิงสาว “ทุกอย่างอยู่ในนี้แล้ว”
ถังซวงกำลังจะก้าวไปรับ แต่ทว่าโม่เจ๋อหยวนกลับหยุดเธอไว้ก่อน “ซวงเอ๋อร์ ฉันเอง”
ก่อนถังซวงจะตอบกลับ โม่เจ๋อหยวนก็ก้าวไปด้านหน้าเพื่อรับซองจดหมายจากเนี่ยหลางแล้ว
ถังซวงเหลือบมองซองจดหมายนี้ เปิดอ่านเนื้อหาด้านใน จากนั้นใบหน้าของเธอก็เย็นชาจนน่าขนลุก ถังคุนเฉินไม่เพียงแต่ยักยอกเหมืองของตระกูล แต่ยังสังหารผู้คนไปมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นพวกที่ไม่สนับสนุนครอบครัวรองของเขา อีกทั้งผู้เฒ่าตระกูลรองยังร่วมลงมือด้วยเพื่อทำสิ่งเลวร้ายมากมาย
เนี่ยหลางรีบพูดต่อว่า “ถ้าอ่านจบแล้ว ก็รีบปล่อยตัวอวี้สือเร็วเข้า”
ถังซวงยกยิ้มตอบกลับ “ไม่ต้องห่วง ฉันปล่อยถังอวี้สือไปแน่นอน” เธอขยิบตาให้เหลิ่งตง ทันทีที่อีกฝ่ายได้รับสัญญาณ เขาก็โยนถังอวี้สือให้กับเนี่ยหลางทันที
เนี่ยหลางคว้าถังอวี้สือเอาไว้ และโล่งอกเมื่อเห็นว่าลูกสาวยังมีลมหายใจอยู่
เวลานี้ถังหวยรุ่ยรีบวิ่งเข้ามาหาก่อนจะกล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “เนี่ยหลาง คุณเก็บของพวกนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่? คุณคิดจะจัดการกับพวกเราใช่ไหม? ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?”
เนี่ยหลางไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับถังหวยรุ่ย เขาเพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เพราะคุณไร้สามัญสำนึกมากเกินไป ไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก อีกอย่างผมกำลังพยายามช่วยอวี้สือนะ”
“อวี้สือไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ อวี้สือเป็นคนของตระกูลถัง ไม่มีทางจะเป็นอะไรเพราะนังถังซวงได้หรอกน่า”
เนี่ยหลางที่ได้ยินอย่างนั้น ก็หันมองถังหวยรุ่ยแล้วถามต่อ “แล้วคุณรับประกันได้ไหมว่าถังซวงจะไม่ทำอะไรอวี้สือจริง ๆ? แล้วถ้าเธอกล้าทำ แล้วอวี้สือตายจริง ๆ คุณจะทำยังไง? คุณกล้าที่จะเสี่ยงงั้นหรือ!”
“ฉัน…”
ถังหวยรุ่ยพูดไม่ออก แต่เธอก็ยังจดจำสิ่งที่เนี่ยหลางให้กับถังซวงได้ “แล้วคุณหยิบอะไรให้นังนั่น?”
“บอกตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
ได้ยินที่เนี่ยหลางพูด ถังหวยรุ่ยรู้สึกหายใจไม่ออก อึดอัดจนอยากจะทุบตีเขา
เรื่องราวของฝ่ายถังซวงจบลงแล้ว ส่วนถังคุนเฉินยังถูกต้อนให้จนมุม ผู้เฒ่าตระกูลที่แปดใช้ความได้เปรียบจากยาระเบิดพลังเพื่อจัดการกับถังคุนเฉินและคนที่อีกฝ่ายพามา
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ผลของยาระเบิดพลังนี่นับว่ายอดเยี่ยม”
ผู้เฒ่าตระกูลที่แปดรู้สึกสดชื่นมาก เขาสามารถต่อสู้ได้อีกสามร้อยกระบวนท่าเป็นอย่างน้อย
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่เห็นอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “พอได้แล้ว รีบจัดการคนที่เหลือซะ ส่วนนายก็ควรจะพักเสียที ฉันจำได้ว่าฤทธิ์ของยาอยู่ได้เพียงครึ่งชั่วโมง นี่มันใกล้ถึงเวลาแล้ว”
“พี่ใหญ่ ผม…”
แต่ก่อนที่ผู้เฒ่าตระกูลที่แปดจะกล่าวจบ เขารู้สึกเหนื่อยล้า จนร่างกายหนักอึ้งและล้มลงทันที
โชคดีที่ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่เห็นเสียก่อน จึงคว้าร่างกายของอีกฝ่ายไว้ได้ทัน
เวลานี้ใบหน้าของผู้เฒ่าตระกูลที่แปดซีดเซียวไร้ซึ่งพละกำลังในร่างกาย เขายกยิ้มขมขื่น “ดูเหมือนจะครบเวลาแล้ว ผลข้างเคียงของมันนับว่าร้ายแรง ตอนนี้ผมไม่สามารถขยับตัวได้เลย”
ผู้เฒ่าตระกูลใหญ่หันมองผู้เฒ่าตระกูลที่แปด “อื้ม นี่คือผลข้างเคียงของมัน พักผ่อนเสียเถอะ”
“ครับ”
ผู้เฒ่าตระกูลที่แปดรู้สึกหมดเรี่ยวแรง จึงค่อย ๆ หลบไปพักผ่อนอีกมุมหนึ่ง
ดวงตาของถังคุนเฉินเปล่งประกายเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าตระกูลที่แปดหมดเรี่ยวแรงแล้ว เขาคิดเคลื่อนไหว แต่ก่อนจะได้ลงมือ ผู้เฒ่าตระกูลหลักกลับยัดยาบางอย่างเข้าปากของถังคุนเฉินแล้วพูดว่า “เอาละ ต่อจากนี้ฉันจะเป็นคนดูแลแกเอง”
“คุณ… คุณยัดอะไรใส่ปากของผม?”
ถังคุนเฉินบีบคอของตัวเองแน่น และพยายามจะคายสิ่งที่เขาเพิ่งกินเข้าไปเมื่อครู่
ผู้เฒ่าตระกูลหลักกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีอะไร แค่ยาพิษทั่วไป เงียบไว้เถอะ”
“คุณ…”
ถังคุนเฉินไม่กล้าพูดต่อ แน่นอนว่าเขายังไม่อยากตาย ถังคุนเฉินจ้องมองผู้เฒ่าตระกูลหลักและถังซวงอย่างโกรธแค้น ก่อนจะหันไปมองหลานอี้ไป๋
เวลานี้หลานอี้ไป๋และหัวเฟยเฟิ่งเองก็เข้าสู่ช่วงท้ายของการต่อสู้แล้วเช่นกัน แต่ทั้งสองคนยังไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย อีกทั้งการโจมตียิ่งรุนแรงมากขึ้น จนมีบาดแผลทั่วร่างกายของทั้งสอง
ถังซวงเห็นสถานการณ์ตรงหน้า จึงคิดจะเข้าช่วยหัวเฟยเฟิ่ง แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่หัวเฟยเฟิ่งกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ถังซวงจึงหยุดเท้าและปล่อยให้คุณยายจัดการปัญหาของตัวเอง
ขณะถังซวงกำลังไตร่ตรองเรื่องต่าง ๆ หัวเฟยเฟิ่งก็เตะหลานอี้ไป๋ออกไปอย่างแรง และยังไม่หยุดแค่นั้น เธอฉวยโอกาสช่วงที่หลานอี้ไป๋ล้มลงไปคร่อมร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นหนา
“หลานอี้ไป๋ ฉันรอวันนี้มานานจริง ๆ”
หลานอี้ไป๋กำลังจะตอบโต้ แต่มันสายไปเสียแล้ว หัวเฟยเฟิ่งดึงเชือกออกมาแล้วเริ่มมัดร่างกายของหล่อนเอาไว้
“อี้ไป๋…”
ถังคุนเฉินที่ถูกจับกุมไม่กังวลเรื่องของตัวเองเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเห็นว่าหลานอี้ไป๋ถูกจับ ในใจของเขาร้อนรน สีหน้าซีดเซียวก่อนจะกล่าวคำเสียงทุ้ม “หัวเฟยเฟิ่ง อย่าให้มันมากเกินไปนัก ปล่อยอี้ไป๋เดี๋ยวนี้!”
พอเห็นความกังวลของถังคุนเฉินอย่างนั้น หัวเฟยเฟิ่งถึงกับหัวเราะออกมา
“ถังคุนเฉินเอ๋ย ในใจของแกคงจะมีเพียงหลานอี้ไป๋เท่านั้นสินะ แต่น่าเสียดายที่แกไม่เคยรู้เลยว่าหล่อนไม่ได้รักแกแม้แต่น้อย นี่ก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว แกยังไม่รู้หัวใจของยัยนี่อีกหรือ?”
…………………………………………………