บทที่ 533 สัญญาณ
บทที่ 533 สัญญาณ
ถังซวงกลับไปที่เมืองหลวงพร้อมกับทุกคน ส่วนความตึงเครียดที่หัวเฟยเฟิ่งมีก่อนหน้านี้ก็ผ่อนคลายลงมาก
ถังหลานเห็นว่าแม่ของเธอหายเครียดก็โล่งอก “แม่คะ หนูบอกแล้วว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
หัวเฟยเฟิ่งกล่าวออกเสียงเข้ม “หนึ่งหมื่นไม่กลัว กลัวหนึ่งในหมื่น ในคราวแรกแม่ก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าลูกจะถูกครอบครัวรองพรากไป”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ถังหลานจึงตระหนักได้ว่าตัวเองได้จากครอบครัวหลังจากถือกำเนิดได้ไม่นาน จนกระทั่งตอนนี้ผู้เฒ่าถังและแม่เฒ่าถังก็ยังไม่พบเจอข้อสรุป
“แม่คะ แม่คิดว่าคุณปู่กับคุณย่าจะให้ถังคุนเฉินกับภรรยาของเขารับผิดชอบเรื่องนี้ไหม?” เพราะถังคุนเฉินต้องการจับกุมถังซวงก่อนหน้านี้ ซึ่งเหตุผลนี้ถังหลานจึงไม่เรียกเขาว่าอา
หัวเฟยเฟิ่งส่งเสียงเย้ยหยันออกมา “ปู่ของลูกมีใจมุ่งมั่นกับครอบครัวรองมาก สุดท้ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปู่ของลูกก็คงไม่จัดการกับถังคุนเฉิน แต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็จะไม่มีวันปล่อยเขาไป ตอนนี้แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น เราต้องรอก่อน”
ถังหลานกับจิงเจ้อหรงพยักหน้าให้กัน “ใช่ค่ะ เราจะปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้”
แน่นอนว่าถังซวงและถังเซวี่ยเองก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ นอกจากเรื่องถังหลานถูกพรากจากครอบครัวแล้ว ยังมีเรื่องที่ถังคุนเฉินต้องการจับตัวถังซวงด้วย แต่ละเหตุการณ์ล้วนแต่นำพาให้พวกเขายิ่งเกลียดชังครอบครัวรองมากขึ้น
หัวเฟยเฟิ่งที่ได้ยินทุกคนพูดอย่างนั้นจึงบอกกล่าวบางอย่าง
“ไม่ต้องห่วง ถ้าหากแม่จัดการเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จแล้ว แม่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับครอบครัวรองแน่นอน”
“ขอบคุณค่ะคุณยาย”
ถังซวงยกยิ้ม แต่ขณะเดียวกันเธอเองก็สงสัยว่าหัวเฟยเฟิ่งคิดจะทำอะไร
ทว่าจิงเจ้อหรงกลับพูดขึ้น “กลับบ้านกันเถอะครับ จะได้พักผ่อนกันให้เต็มที่” หลังจากนั้นทุกคนก็เดินทางกลับอย่างเร่งรีบ ร่างกายแทบจะคลุกไปด้วยฝุ่น
“ใช่ พวกเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า”
ถังหลานคิดถึงลูกน้อยทั้งสองคนมาก ถึงขนาดที่ว่าช่วงนี้น้ำหนักของเธอลดลงไปหลายกิโลกรัม
ทันทีที่ทุกคนกลับมาถึงบ้านตระกูลจิง คุณปู่จิงและคุณย่าจิงกล่าวต้อนรับด้วยความตื่นเต้น “อาหลาน อาเจ้อ ในที่สุดก็กลับมาสักที ทำไมถึงไปนานนัก เด็กน้อยสองคนยังพูดไม่ได้เลย แต่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเธอหายไป พอไม่ได้เห็นเธอสองคนนานเข้า พวกเขาก็เริ่มงอแง ร้องไห้บ่อย ๆ”
ถังหลานรีบกล่าวถามทันที “แม่คะ แล้วฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยอยู่ที่ไหนหรือคะ”
คุณย่าจิงรีบบอกให้คนพาเด็กน้อยสองคนออกมา ก่อนจะหันมาต้อนรับหัวเฟยเฟิ่งอย่างอบอุ่น “คุณแม่ยาย คราวนี้คุณแค่มาส่งอาหลานหรือเปล่าคะ? แล้วจะกลับเลยหรือคะ? อยู่ในเมืองหลวงต่อสักหน่อยไหม?”
หัวเฟยเฟิ่งรีบยกยิ้มตอบ “ฉันจะอยู่ในเมืองหลวงสักระยะหนึ่งค่ะ”
คุณย่าจิงเผยรอยยิ้มยินดีก่อนจะกล่าวอย่างกระตือรือร้น “จริงหรือคะ ดีเลย เราจะได้มีเวลาคุยกันให้มาก ๆ คุณก็จะมีเวลาอยู่กับลูกหลานมากขึ้นด้วย”
เห็นคุณย่าจิงมีความสุขมากขนาดนั้นแล้ว หัวเฟยเฟิ่งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“อย่างนั้นต้องรบกวนคุณแล้วค่ะ”
คุณย่าจิงรีบโบกมือก่อนจะพูดอย่างสบาย ๆ “ไม่เลย ไม่รบกวนเลย พวกเรายินดีมาก”
หลังจากฟักขาวน้อยและฟักทองน้อยถูกพาตัวออกมา ถังหลานกับหัวเฟยเฟิ่งก็เข้าไปโอบกอดพวกเขาไว้ทีละคน ทั้งสองยิ่งเบาใจเมื่อได้พบเด็กน้อย
ส่วนจิงเจ้อหรงเองก็ยืนอยู่ด้านข้างเด็กน้อยสองคนด้วย แม้เขาก็อยากจะกอดลูกบ้างแต่ยังไม่มีโอกาส
ไม่เพียงแค่ถังหลาน แต่ยังมีถังซวง ถังเซวี่ย โม่เจ๋อหยวน เฟิงเยี่ยหานที่ชื่นชอบเด็ก ๆ มาก เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กออกมาแล้ว ทั้งหมดก็เข้าไปรุมเด็กน้อยอย่างรักใคร่ ตอนนี้จึงไม่ใช่เวลาของเขาที่จะเข้าไปกอดลูกของตัวเอง
จากนั้นคุณย่าจิงพูดขึ้นจากด้านข้าง “เจ๋อหยวน เสี่ยวเยี่ย พาซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ พวกเธอคงจะเหนื่อยกันมาก เดินทางไกลกันมาตั้งนาน” หลังจากนั้นเธอก็หันมองจิงเจ้อหรงกับถังหลาน “พวกเธอสองคนก็รีบไปพักผ่อนเร็วเข้า เดี๋ยวแม่จะพาแม่ของอาหลานไปที่ห้องพักเอง”
หัวเฟยเฟิ่งรู้ว่าลูกสาวกับลูกเขยคงจะเหนื่อยไม่น้อย จึงยอมมอบเด็กน้อยทั้งสองให้กับพวกเขาอย่างไม่เต็มใจนัก อีกทั้งยังกล่าวกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ดูแลฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยให้ดีล่ะ” จากนั้นก็เดินตามคุณย่าจิงออกไป
หลังจากถังซวงและคนอื่น ๆ กลับไปพักผ่อน ตระกูลจิงที่เหลือก็ค่อย ๆ ทยอยกลับมา
ถังชุนหยานเป็นคนแรกที่กลับมาถึงก่อน ทันทีที่เธอรู้ว่าถังซวงและคนอื่น ๆ กลับมาแล้ว เธอก็มีรอยยิ้ม “พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ย ในที่สุดก็กลับมากันแล้ว ฉันคิดถึงแทบแย่” แม้เธอกับคุณย่าจิงจะคุ้นเคยกัน แต่ถังซวงกับถังเซวี่ยคือคนที่เธอสนิทด้วยมากที่สุด จึงรู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่พวกเขาไม่อยู่ในบ้าน
ถังซวงเห็นถังชุนหยานเดินเข้ามาเพียงลำพังเลยอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เธอเพิ่งกลับมาจากข้างนอกหรือ? แล้วทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ? จูรุ่ยกลับไปแล้วหรือ ฉันนึกว่าเธอออกไปด้วยกันซะอีก”
“จูรุ่ยยังไม่กลับหรอกค่ะ”
ถังชุนหยานรีบตอบ ก่อนจะกล่าวกระซิบกับถังซวง “เธอไม่ได้ออกไปกับฉัน แต่ออกไปกับลูกพี่ลูกน้องของพี่ ตอนที่ฉันเห็นพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน จะว่าไงดีล่ะ ดูเหมือนว่าจะมีอะไร… แปลก ๆ นะคะ”
“ลูกพี่ลูกน้อง? คนไหน?”
ถังซวงและถังเซวี่ยแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน พวกเธอคาดเดาไม่ถูกจริง ๆ
“ก็พี่เหวินรุ่ยไง ไม่ใช่ว่าจูรุ่ยรู้จักพี่เหวินรุ่ยมาก่อนหรือคะ?”
ถังซวงจำได้ดีว่าคราวที่แล้วจูรุ่ยมาหาเธอที่บ้าน จิงเหวินรุ่ยคือคนที่พาเธอมาที่นี่ และนั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบและได้รู้จักกัน
ถังเซวี่ยหันมองถังชุนหยานด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะถามต่อว่า “พี่ชุนหยาน จูรุ่ยกับพี่เค้าเป็นคนรักกันแล้วหรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่พวกเขายังไม่ได้เปิดตัวเลย”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ในเมื่อพวกเขายังไม่พูด ก็อย่าไปถามดีกว่า วันไหนที่พวกเขายินดีที่จะเปิดตัว พวกเราค่อยแสดงความยินดีกับทั้งสองคนก็ได้” ถ้าหากทั้งสองไปกันไม่ได้ขึ้นมา มันจะกลายเป็นอึดอัดเสียเปล่า
“ค่ะ”
ถังชุนหยานและถังเซวี่ยตอบรับพร้อมกัน และสัญญาว่าจะไม่พูดอะไรอย่างแน่นอน
ด้านเฟิงเยี่ยหานและโม่เจ๋อหยวนเห็นผู้หญิงสามคนคุยกันสนุกสนาน ก็มองหน้ากันแล้วยกยิ้ม
“เราไปคุยกันตรงนั้นเถอะ”
เฟิงเยี่ยหานพูด โม่เจ๋อหยวนก็พยักหน้า “อื้ม”
หลังจากทั้งสองนั่งลง เฟิงเยี่ยหานพูดถึงเรื่องที่เขาต้องไปจัดการ “อีกสองวันฉันจะกลับเมืองไห่เฉิง มีหลายอย่างที่ต้องกลับไปจัดการน่ะ”
“การวิ่งไปมาระหว่างเมืองไห่เฉิงกับเมืองหลวงมันเหนื่อยน่าดูนะครับ” โม่เจ๋อหยวนหันมองเฟิงเยี่ยหานก่อนจะพูดต่อว่า “พี่ไม่คิดที่จะย้ายทุกอย่างมาอยู่ในเมืองหลวงหรือไง?”
เฟิงเยี่ยหานถอนหายใจยาวเหยียด “แน่นอนว่าฉันคิด แต่มันยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้”
ตระกูลเฟิงมีเครือข่ายอยู่ในเมืองไห่เฉิงมานานหลายปี มันคือรากฐานที่มั่นคง การจะย้ายทันใจนึก ไม่สามารถทำได้
โม่เจ๋อหยวนได้ยินอย่างนั้นก็ตบไหล่เฟิงเยี่ยหานเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “พยายามเข้าล่ะครับ”
หลังจากนั้น คุณย่าจิงส่งคนมาเรียกพวกเขาไปทานมื้อเย็น อีกทั้งยังบอกว่าหลี่จงอี้ ซูเหนียนอวิ๋น เกอชิงเหม่ย และซ่างสยงเยี่ยจะมาทานมื้อเย็นด้วยกัน
ถังซวงและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินก็ตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินว่าเกอชิงเหม่ยกลับมาแล้ว
“ป้าเกอกลับจากเมืองก่างเฉิงแล้วงั้นหรือคะ เรารีบไปหาป้าเกอดีกว่า”
…………………………………………………