บทที่ 492 สวีซา
บทที่ 492 สวีซา
ถังซวงที่ได้ยินเหวินเจ๋อหลิ่วพูด ก็ยกยิ้มตอบกลับ “ไม่ได้ ฉันยังอ่านไม่เสร็จ”
“เธอ…”
แม้เหวินเจ๋อหลิ่วจะคิดไว้แล้วว่าถังซวงต้องปฏิเสธตนแน่นอน แต่เธอก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหยาบคายขนาดนี้ ไม่มีคำพูดปฏิเสธที่ไพเราะแต่เพียงแต่ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา เธอไม่คิดขัดแย้งกับถังซวง จึงค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าให้ใจเย็นแล้วพูดต่อ “งั้นถ้าอ่านจบแล้วก็ค่อยให้พวกเราก็ได้”
หลังเธอพูดอย่างนั้นแล้ว ถังซวงก็ยังไม่ยินดี
“ถ้าอ่านจบแล้วฉันจะคืนให้อาจารย์ฝู พวกเธอก็ค่อยไปขออนุญาตจากอาจารย์ฝูดีกว่า ถ้าอาจารย์ยินดี ก็อ่านได้เลย”
เหวินเจ๋อหลิ่วไม่คิดว่าถังซวงจะตอบกลับอย่างนี้ เพราะฝูเซียงหยางไม่ได้ให้ข้อมูลนี้กับพวกตน แต่กลับให้ถังซวง แล้วนี่ถังซวงยังโยนมันกลับไปให้อาจารย์ฝูอีกงั้นหรือ
หลังนึกถึงเรื่องที่ฝูเซียงหยางให้ข้อมูลวิจัยกับถังซวงแทนที่จะเป็นถังอวี้สือ เหวินเจ๋อหลิ่วยิ่งโกรธขึ้นมาอีกครั้งและรู้สึกไม่พอใจที่ทุกคนชอบถังซวง
“ฉันบอกให้เธอเอาให้ฉัน ไม่ใช่…”
ก่อนเหวินเจ๋อหลิ่วจะพูดจบ ถังอวี้สือก็กล่าวขัดจังหวะ “พอได้แล้ว ชั้นเรียนกำลังเริ่ม ฉันต้องใช้สมาธิ”
“คุณ…”
ถังอวี้สือเหลือบมองถังซวง ก่อนจะหันมองเหวินเจ๋อหลิ่ว “เจ๋อหลิ่ว หยุดพูดได้แล้ว” ที่เธอหยุดอีกฝ่ายไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากอ่านมัน แต่เป็นเพราะถังซวงที่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด จึงไม่มีอะไรต้องพูดคุยอีกต่อไป
หลังได้ยินถังอวี้สือพูด เหวินเจ๋อหลิ่วหันกลับไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
ถังซวงเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของถังอวี้สือก่อนจะละสายตาไป แม้เธอจะรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่ว แต่ก็ไม่คิดจะสืบเสาะอะไร สุดท้ายแล้วเธอแค่คาดหวังว่าทั้งสองคนจะไม่สร้างปัญหาให้กับตน ไม่อย่างนั้นเธอก็จะไม่เกรงใจแล้วเหมือนกัน
หลังจากชั้นเรียนเริ่มต้นขึ้น นักเรียนทุกคนต่างตั้งใจฟัง แม้แต่ถังซวงเองก็เริ่มจดบันทึก
หลังเลิกเรียน ต้วนเฟิ่งหยิงและเจียนหวานหว่านหันไปหาถังซวงก่อนจะพูดว่า “ถังซวง ไปทานมื้อเที่ยงกันเถอะ”
ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับว่า “ไม่ล่ะ พวกเธอสองคนไปกินข้าวเถอะ ฉันมีเรื่องต้องทำ เดี๋ยวจะกลับมาในคาบบ่ายนะ”
ต้วนเฟิ่งหยิงกับเจียนหวานหว่านได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ถามมาก “จ้ะ อย่างนั้นก็ไปทำธุระเถอะ”
ถังซวงเก็บข้าวของและออกจากห้องเรียนโดยตรง
ถังอวี้สือหันมองแผ่นหลังของถังซวงอย่างครุ่นคิด ถังซวงยุ่งอยู่เสมอ และมักจะไม่อยู่ที่มหาวิทยาลัยนอกจากมีคาบเรียน
ซึ่งถังซวงยุ่งมากจริง ๆ เธอเพิ่งทำงานเสร็จเมื่อสองวันที่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังไปส่งยาเม็ดบำรุงตับให้กับเจียงหงเหลียง
“สหายถังซวง คุณนี่สุดยอดจริง ๆ สามารถผลิตยาตัวใหม่ได้ เอ่อ นี่คือยาที่ไว้บำรุงตับใช่ไหม?”
ถังซวงพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ ยานี้จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องนอนดึก ฉันคิดว่าคงจะมีคนในกองทัพจำนวนมากที่ต้องปฏิบัติหน้าที่จนดึก ฉันเลยพัฒนามันขึ้นมา ทานวันละสองเม็ดถ้าหากนอนดึกเป็นประจำ”
“เอาละ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะสหายถังซวง”
เจียงหงเหลียงอยากจะขังถังซวงไว้ที่นี่ซะจริง ๆ
ยาที่พัฒนาโดยถังซวงยอดเยี่ยมมาก ถ้าหากไม่ปกป้องเธอให้ดี เขากลัวว่าวันหนึ่งเธอจะประสบอันตราย และเขาอยากให้ทุกคนในโลกนี้รู้ว่าถังซวงได้พัฒนายาที่มีประโยชน์มากมาย
“ค่ะรองเจียง ฉันส่งของเสร็จแล้ว อย่างนั้นขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เจียงหงเหลียงเห็นถังซวงจะจากไป ก็หยุดเธอไว้ทันที “สหายถังซวง จะกลับไปโดยไม่กินข้าวด้วยกันก่อนได้ยังไงล่ะครับ คุณมาที่นี่เพื่อส่งของอย่างเดียวหรือ? ยังไงซะอยู่ทานมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะครับ”
ถังซวงส่ายศีรษะ “ไม่ล่ะค่ะ ฉันมีเรื่องต้องทำต่อ และต้องกลับบ้าน คงจะอยู่ทานมื้อเที่ยงด้วยไม่ได้”
เห็นถังซวงไม่คิดจะอยู่ที่นี่จริง ๆ เจียงหงเหลียงจึงไม่ตอแย “เอาละ ในเมื่อคุณมีธุระ ก็กลับเถอะครับ ไว้โอกาสหน้าพวกเราไปกินข้าวที่บ้านผู้อาวุโสจูกันนะครับ”
“ค่ะ ยังไงนัดวันล่วงหน้าได้เลยนะคะ”
“ครับ”
เจียงหงเหลียงพยักหน้ารับอย่างเป็นธรรมชาติ
ถังซวงเดินออกจากบ้านของเจียงหงเหลียงแล้วกลับมาที่บ้าน
คุณนายจิงเห็นถังซวงกลับมาจึงรีบถามไถ่ “ซวงเอ๋อร์ กินข้าวหรือยังจ๊ะ?”
“ยังเลยค่ะ”
คุณนายจิงรีบบอกให้ใครสักคนเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะ “มานั่งเถอะจ้ะ ไม่ได้กินมื้อเที่ยงคงจะหิวแย่”
ถังซวงหิวมาก เธอกินข้าวอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกสดชื่นหลังกินข้าวหมดไปสองชาม
“ซวงเอ๋อร์ ถ้ายังไม่อิ่มกินอีกได้นะจ๊ะ”
ถังซวงส่ายหน้า “คุณย่า ฉันอิ่มแล้วละ เดี๋ยวฉันจะแวะไปหาฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยก่อนดีกว่า”
“จ้ะ ๆ รีบไปเถอะ”
หลังจากถังซวงมาหาฟักทองน้อยกับฟักขาวน้อยแล้ว เธอตรงไปที่ลานบ้านของถังชุนหยาน
ถังชุนหยานประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าถังซวงมาที่นี่ “พี่สาวซวง ฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาตอนเที่ยงด้วย”
“มีเวลาน่ะเลยกลับมา วันนี้ฉันจะคุยกับเธอเรื่องผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ด้วย”
ถังชุนหยานถึงกับตกใจ เธอตั้งใจฟังทุกคำพูดของถังซวง
ความจริงแล้วเครื่องสำอางที่ถังซวงพัฒนาขึ้นใหม่นี้คือเครื่องสำอางที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความบางเบาราวกับไม่ได้แต่ง แต่อย่างไรก็ตามมันจะดูดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับฝีมือของคนแต่งด้วย
“เรามาเริ่มกันทีละขั้นตอนดีกว่า วันนี้ฉันจะบอกวิธีการใช้บลัชออนก่อน”
“ค่า”
ถังชุนหยานรู้ดีว่าเธอไม่สามารถอ้วนได้ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว เช่นนี้เธอจึงต้องพยายามอย่างหนักขณะฟังคำอธิบายของถังซวง
เดิมทีถังซวงอยากจะพูดคุยไปเรื่อย ๆ แต่หลังจากหันไปมองเวลาแล้วเธอต้องกลับไปก่อน “ชุนหยาน เดี๋ยวลองฝึกดูนะ ฉันกลับไปที่มหาวิทยาลัยก่อน”
“ค่ะ”
วันต่อมา ถังซวงยิ่งยุ่งมากกว่าเดิม และอ่านข้อมูลวิจัยจากฝูเซียงหยางเสร็จแล้ว จากนั้นจึงส่งมันคืนให้กับฝูเซียงหยาง
เมื่อเห็นว่าหนังสือวิจัยวางตรงหน้า ฝูเซียงหยางจึงถามว่า “นักศึกษาถังซวง คุณอ่านจบแล้วหรือ?”
“ค่ะ ฉันอ่านหมดแล้ว”
“แล้วคิดยังไงบ้าง?”
ถังซวงเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน และเธอรู้ดีว่าควรพัฒนายานี้อย่างไร แต่ตอนนี้มีคนมากเกินไปเธอจึงตอบกลับสั้น ๆ ว่า “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันก็ได้ค่ะ”
“อ้อ ตกลง ๆ”
ฝูเซียงหยางก็จำได้ว่านี่คือชั้นเรียนเภสัชวิทยาของเขา เขาเดินไปที่หน้าชั้นก่อนจะเริ่มบรรยาย
หลังจากฝูเซียงหยางสอนเสร็จแล้ว เขาเรียกถังซวงและถังอวี้สือไปหา “ไปที่ห้องทดลองกันเถอะ”
ถังซวงเห็นความตื่นเต้นของฝูเซียงหยาง ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มก่อนส่ายศีรษะน้อย ๆ แล้วเดินตามไป
เมื่อมาถึงห้องวิจัย เฉารุ่ยและผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยุ่งกันอยู่ ฝูเซียงหยางเห็นพวกเขาจึงทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “เฉารุ่ย สวีซายุ่งกันอยู่หรือ”
“อาจารย์ มาแล้วหรือคะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่สวีซาได้พบเจอกับถังซวง อีกฝ่ายจ้องมองเธอก่อนจะก้าวไปด้านหน้าแล้วแนะนำตัวเองอย่างกระตือรือร้น “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อสวีซา”