บทที่ 400 มีความสุข
บทที่ 400 มีความสุข
แน่นอนว่าเมื่อตู้จ้งเหว่ยได้ยิน เขาปฏิเสธแทบจะทันที
“พี่สาวซวงและคนอื่น ๆ ไม่รู้จักนาย ถ้านายเดินเข้าไปโดยพลการ มันมีแต่จะทำให้พวกเขาไม่พอใจ ยิ่งกว่านั้น นายยังมีจุดประสงค์แอบแฝง ถ้าหากพวกเขารู้ มันจะทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่าเดิม”
ใบหน้าของตู้จ้งเหลียนบิดเบี้ยวทันทีที่ได้ยิน
“จุดประสงค์แอบแฝง? ผู้ชายหล่อและผู้หญิงสวยเป็นของคู่กัน คุณถังเซวี่ยสวยมาก แล้วเธอก็ยังไม่มีแฟนไม่ใช่หรือครับ?”
อี้หงที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นด้วยกับคำพูดของลูกชาย เธอหันมองตู้จ้งเหว่ยอย่างไม่พอใจ “จ้งเหว่ย เธอพูดอะไรน่ะ จ้งเหลียนเป็นน้องชายของเธอ ทำไมถึงไม่คิดจะช่วยเหลือเขา? แต่กลับเย็นชาใส่เขาแบบนี้น่ะหรือ? ถ้าจ้งเหลียนได้พบเจอผู้หญิงที่เขาชอบ เธอก็ต้องช่วยสนับสนุนเขาสิถึงจะถูก”
เดิมทีเธอไม่คิดจะพูดแบบนี้ต่อหน้าตู้หรงหมิง แต่เพราะรู้ว่าตู้หรงหมิงกำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงต้องสนับสนุนความคิดของลูกชาย การจะกล่าวออกไปจึงถือว่าไม่ผิด
“ใช่ จ้งเหว่ย น้องชายของแกไม่รู้ประสีประสา คราวหน้าถ้ามีโอกาสก็พาจ้งเหลียนไปที่บ้านตระกูลจิงด้วยซะ ถึงจะไม่ได้พาไปพบผู้ใหญ่ในตระกูลจิง แต่ถ้ามีนัดไปเที่ยวเล่นก็ควรจะพาน้องชายแกไปด้วย การที่คนหนุ่มสาวบังเอิญเจอกันและได้ทานข้าวด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่”
มันคงจะดีถ้าลูกชายคนเล็กของเขาสามารถเข้าหาถังเซวี่ยได้ ถึงเวลานั้นตระกูลตู้ของเขาจะมีสัมพันธ์แนบแน่นกับตระกูลจิง เพียงคิดเรื่องนี้ยิ่งทำให้ตู้หรงหมิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เมื่อรู้ถึงความคิดของผู้เป็นพ่อ ตู้จ้งเหว่ยเผยความเย้ยหยันออกมาก่อนจะกลับห้องโดยไม่พูดอะไร
“เฮ้อ… ดูเหมือนว่าจ้งเหว่ยจะไม่ค่อยชอบพวกเราแม่ลูกนะคะ”
ใบหน้าของอี้หงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แววตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้
เมื่อเห็นภรรยาของตนโศกเศร้าอย่างนี้แล้ว ตู้หรงหมิงระเบิดความเกรี้ยวกราดใส่ลูกชายคนโตทันที “ดูเหมือนว่าฉันคงจะเอาใจเจ้าเด็กนั่นมากเกินไปจนทำให้เขาอวดดีอย่างนี้ ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้แท้ ๆ แต่เขากลับกล้าเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร นี่ฉันยังมีความสำคัญอยู่ไหม!”
เมื่อเห็นตู้หรงหมิงโกรธจัด อี้หงรีบกล่าวปลอบประโลม “จ้งเหว่ยก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ อย่าไปโกรธเขาเลย”
“เฮ่อะ… เด็กนั่นก็ยังไม่เชื่อฟังเหมือนเดิม”
ตู้หรงหมิงโกรธจัดและเดินออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
เห็นสามีโกรธจัดอย่างนี้แล้ว อี้หงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
ส่วนตู้จ้งเหลียนเดินเข้าหาแม่พร้อมรอยยิ้ม “แม่ครับ ดูเหมือนความปรารถนาดีที่พี่ได้รับจากคุณพ่อจะไม่เหลือแล้ว ตอนนี้พ่อเริ่มผิดหวังในตัวเขาแล้วล่ะครับ”
“ใช่ น่าเสียดายแทนจริง ๆ”
อี้หงยกยิ้มก่อนจะหันไปหาลูกชายแล้วถามว่า “ลูกชอบผู้หญิงที่ชื่อถังเซวี่ยนั่นจริงหรือ? แม่เองก็รู้สึกเหมือนกันว่าเธอสวยมาก”
เมื่อนึกถึงถังซวงและถังเซวี่ย อี้หงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรง ภาพที่จิงเจ้อหรงดูแลเฮ่อหลานอย่างดียังคงตราตรึงในใจของเธอ
ตู้จ้งเหลียนพยักหน้า “ครับ ถังเซวี่ยสวยมาก เธอตรงตามอุดมคติผมทุกอย่าง อีกอย่างตอนนี้เธอคือสตรีหมายเลขสองของตระกูลจิง แต่… ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจผมเลยสักนิด” นึกถึงท่าทีของถังเซวี่ยที่มีต่อเขาก่อนหน้านี้ ตู้จ้งเหลียนรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
หากแต่อี้หงยกยิ้มก่อนจะตอบว่า “น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน ตราบใดที่ลูกยังพยายาม แม่ไม่เชื่อหรอกว่าลูกจะเอาชนะใจเธอไม่ได้”
ได้ยินคำให้กำลังใจของแม่ ตู้จ้งเหลียนถึงกับมีความสุขขึ้นมาทันที
“ครับแม่ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ผมมีเป้าหมายแล้ว และผมจะทำให้สำเร็จ”
ส่วนถังเซวี่ยที่ไม่ทราบเลยว่าตนเองกำลังถูกพูดถึงอย่างไร และไม่ได้พักผ่อนเลยในเช้าวันอาทิตย์ เวลานี้เธอตื่นแต่เช้าเพื่อออกกำลังกายกับถังซวง และถังชุนหยานก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
“แฮ่ก ๆ… พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ย ฉันไม่ไหวแล้ว พวกคุณไปก่อนเลยค่ะ”
ถังซวงชำเลืองมองถังชุนหยานที่เหนื่อยจนหมดแรงก่อนจะยกยิ้ม “งั้นเธอพักก่อนนะ ฉันจะพาเสี่ยวเซวี่ยออกไปวิ่งต่อสักรอบ”
หลังจากทั้งสองพี่น้องวิ่งเสร็จแล้ว พวกเธอกลับมาที่ลานเพื่อฝึกฝนการต่อสู้ระยะประชิดต่อ
“เสี่ยวเซวี่ย ตอนนี้เธอต้องฝึกโจมตีจากมุมเฉียงดูบ้าง เพราะการโจมตีตรง ๆ มันป้องกันง่ายเกินไป”
ถังเซวี่ยที่เหนื่อยจนแทบจะล้มลงไปกองบนพื้น ได้ยินคำพูดของถังซวง ก็พยักหน้าก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงบางเบา “ค่ะพี่ แต่เอาไว้คราวหน้าได้มั้ย ตอนนี้ฉันเหนื่อยจนไม่อยากขยับตัวแล้ว”
ถังซวงมองถังเซวี่ยยิ้ม ๆ “อื้ม ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น”
ถังชุนหยานมองทั้งสองคนด้วยความอิจฉาก่อนจะพูดว่า “พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ย พวกคุณแรงดีมากเลย ดูเหมือนฉันจะต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้ซะแล้ว”
ขณะที่สาว ๆ กำลังพูดคุย เกอชิงเหม่ยเดินเข้ามาแล้วเห็นถังชุนหยาน ก็กล่าวหยอกเย้าติดตลกว่า “ชุนหยาน จ้งเหว่ยมาหาน่ะ บอกว่าจะมาอ่านหนังสือกับเธอ แต่นี่ยังเช้าอยู่เลย พวกเรายังไม่ได้ทานมื้อเช้าด้วยสิ”
ถังชุนหยานเผยสีหน้าแดงก่ำ
“ป้าเกอ… เขา… เอ่อ… ฉัน ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมาเช้าขนาดนี้ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับเขาเองค่ะ”
เกอชิงเหม่ยยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ไม่ต้องหรอกจ้ะ พวกเธอสามคนรีบไปล้างหน้าล้างตาเร็วเข้า แล้วไปทานมื้อเช้ากัน”
“ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ถังชุนหยานจากไปพร้อมใบหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าจะหันมองถังซวงและถังเซวี่ย เพราะยังอับอายที่ตู้จ้งเหว่ยรีบมาหาจนไม่ดูเวล่ำเวลา
“ฮ่าฮ่า… พี่ชุนหยานขี้อายตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ถังเซวี่ยลุกขึ้นยืนพร้อมยกยิ้ม
ถังซวงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ตู้จ้งเหว่ยนี่รีบจริง ๆ เลยนะ” จากนั้นทั้งสองไปล้างเนื้อล้างตัวพร้อมกัน
ทันทีที่มาถึงห้องอาหาร ทุกคนก็พบว่าโม่เจ๋อหยวนเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน เขานั่งอยู่กับตู้จ้งเหว่ย และเมื่อเห็นถังซวงกับคนอื่น ๆ เดินเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นต้อนรับ
เกอชิงเหม่ยทักทายทั้งสองก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ๆ นั่งก่อนจ้ะ เดี๋ยวผู้เฒ่าจิง ลุงหลี่ กับอาจารย์ก็จะมาแล้ว”
เพราะท้องของเฮ่อหลานใหญ่มากขึ้นทุกวัน เวลานี้เกอชิงเหม่ยจึงต้องดูแลเรื่องเล็กน้อยในบ้านนี้แทน อีกอย่างทั้งซูเหนียนอวิ๋นและหลี่จงอี้ก็ยังอยู่ในบ้านตระกูลจิงด้วย
วันนี้ผู้เฒ่าจิงและคุณนายจิงมาพร้อมกัน จากนั้นซูเหนียนอวิ๋นและหลี่จงอี้ก็เข้ามา ส่วนจิงเจ้อหรงกับเฮ่อหลานมาพร้อมกับจิงไค่หรงและจิงซิวหรง
ตู้จ้งเหว่ยไม่คิดว่าครอบครัวจิงจะทานมื้อเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
แม้แต่ถังชุนหยานก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหม่า แต่โชคดีที่พวกผู้ใหญ่กับพวกหนุ่มสาวแยกโต๊ะกัน หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว ถังซวงและคนอื่น ๆ จึงนั่งลงที่อีกโต๊ะ
ครอบครัวจิงไม่ได้มีชีวิตชีวาเช่นนี้มานานแล้ว ผู้เฒ่าจิงทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะเริ่มรับประทานมื้อเช้า พร้อมพูดคุยกับหลี่จงอี้อย่างอารมณ์ดี
แต่เมื่อหลี่จงอี้เห็นว่าทุกคนก็อยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้า เขากล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ในเมื่อทุกคนเองก็อยู่ที่นี่ ฉันเลยจะขอเชิญทุกคนร่วมดื่มไวน์ฉลองให้กับการแต่งงานของฉันกับสหายซูเหนียนอวิ๋น”