บทที่ 365 ผู้อยู่เบื้องหลัง
บทที่ 365 ผู้อยู่เบื้องหลัง
สิ่งที่หูเยว่พูดออกไป เธอไม่คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนโดยรอบเธอก็รู้สึกว่าเธอพูดอะไรผิดไป
หลิวก่วงซิ่วมองแม่ของตัวเองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะพูดว่า “แม่ครับ ตอนนั้นแม่ไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติงั้นหรือ? ว่าทำไมถึงบังเอิญได้เจอคนพวกนั้นแต่เช้า”
“จะไปรู้ได้ยังไง ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนนี่”
ถังซวงชำเลืองมองหูเยว่ก่อนจะถามต่อว่า “หลังจากนั้นไม่มีอะไรผิดปกติเลยหรือ?”
“ไม่ ไม่มีอะไรผิดปกตินี่ ฉันคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี”
เมื่อเห็นอย่างนั้น ถังซวงไม่สนใจแล้วว่าอีกฝ่ายพูดความจริงหรือไม่ เธอหยิบขวดแก้วสีใสอันเล็กออกมาแล้วโรยยาใส่หูเยว่ทันที
คราวแรก หูเยว่ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แต่หลังจากเห็นถังซวงถือขวดแก้ว เธอก็รีบถามอย่างกระวนกระวาย “แกทำอะไรฉัน?”
“ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่อยากได้ความจริง”
หลังจากนั้นถังซวงก็เริ่มถามใหม่อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่หูเยว่ไม่รู้อะไรเลย และความจริงคือเธอเพียงบังเอิญได้พบคนเหล่านั้นแล้วว่าจ้างพวกเขาเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ส่วนเรื่องอื่นเธอไม่ทราบ
เห็นอย่างนั้นจิงเจ้อหรงขมวดคิ้วแน่น “มีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รู้อะไรเลย”
“ใช่ ดูเหมือนว่าคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะวางแผนมาเป็นอย่างดี”
ถังซวงพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย นอกจากนี้เธอยังรู้สึกได้ว่ามีคนใช้หูเยว่เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความวุ่นวายให้กับทุกคน เพื่อเปิดเส้นทางให้กลุ่มอื่น ๆ “พ่อคะ ฉันไม่มีอะไรจะถามแล้ว”
“อืม อย่างนั้นพวกเรากลับไปตั้งหลักกันก่อน”
ในตอนท้าย จิงเจ้อหรงหันมองเกอชิงเหม่ยก่อนจะถามว่า “พี่ครับ พี่อยากจะทำยังไงกับสองคนนี้?”
ถังซวงมองเกอชิงเหม่ยเช่นกัน “ใช่ค่ะ ป้าเกออยากให้สองคนนี้ถูกลงโทษยังไง? พูดออกมาได้เลย”
หลิวเชาที่ยืนอยู่ด้านข้างพยักหน้ารับอย่างรีบร้อน “ใช่แล้วครับสหายเกอ อยากจัดการยังไงบอกผมได้เลย”
แต่จู่ ๆ หลิวก่วงซิ่วกลับโพล่งออกมาอย่างหมดความอดทน
“แม่ก็ตอบทุกอย่างแล้ว พวกคุณต้องการอะไรอีก”
หูเยว่พูดขึ้นด้วยความโกรธเช่นกัน “ใช่ พวกแกจะทำอะไร ฉันให้ความร่วมมือแล้วก็ควรจะจบได้แล้ว”
“เฮ้อ… แค่เพียงให้ความร่วมมือแล้วคิดว่าจะพ้นผิดได้งั้นหรือ?”
เกอชิงเหม่ยมองสองแม่ลูกด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันมองหลิวเชาแล้วถามว่า “สามารถทำอะไรตามที่ฉันต้องการหรือคะ?”
“ใช่ครับ”
หลิวเชาต้องการพูดต่อ แต่คิดว่าเกอชิงเหม่ยคงไม่พูดอะไรมากนัก เขาจึงพยายามสงบปากสงบคำเอาไว้
ซึ่งเกอชิงเหม่ยไม่ได้ร้องขออะไรมาก เธอพูดแค่ว่าไม่ต้องการเห็นหน้าของสองแม่ลูกอีก
ได้ยินอย่างนั้น หลิวเชากล่าวรับปากทันที “ครับ ผมจะให้ครอบครัวของหลิวก่วงซิ่วออกจากเมืองหลวงทันที”
“หลิวเชา นายทำอย่างนี้หมายความว่าไง? คิดจะไล่พวกเราออกจากเมืองหลวงหรือ?”
“นายควรจะขอบคุณที่ฉันทำแค่ขับไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้นดีกว่านะ”
หลิวเชาส่ายหัวก่อนจะมองหลิวก่วงซิ่ว “นายควรจะสำนึกผิดได้แล้ว และออกจากเมืองหลวงไปซะ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่รอพวกนายอยู่จะไม่ใช่ชะตากรรมที่พวกนายอยากพบเจอหรอก”
“นาย… นาย…”
ใบหน้าของหูเยว่บิดเบี้ยวน่าเกลียดและไม่พอใจ
แต่เวลานี้เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรอีก แม้เธอจะอยากทำก็ตาม หลิวเชาได้ตัดสินใจเรื่องของเธอและลูกชายไปแล้ว
เกอชิงเหม่ยพยักหน้าอย่างพอใจ เพราะเธอไม่ต้องการพบหน้าสองแม่ลูกนี้อีก
หลิวก่วงซิ่วถูกตระกูลของตัวเองตัดสินชะตากรรมอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่หลิวเชาพูด เขาก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี
“ไม่! พวกเราจะไม่ออกจากเมืองหลวงเด็ดขาด เราพูดความจริงไปหมดแล้ว และเราจะไม่ไปให้เกอชิงเหม่ยเห็นหน้าอีก พวกเราจะไม่ออกไปจากที่นี่”
“ใช่ พวกเราไม่ไป”
หูเยว่พยักหน้าเห็นด้วยกับลูกชายของตน
เมื่อเห็นทั้งสองยังดื้อรั้น หลิวเชาไม่คิดสนใจพวกเขาอีก ก่อนจะหันกลับไปหาจิงเจ้อหรงแล้วพูดว่า “อาเจ้อ เดี๋ยวพวกคุณกลับไปก่อนดีกว่า ผมจะจัดการเรื่องหลิวก่วงซิ่วเอง”
“อืม”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าก่อนจะพาถังซวงและคนอื่น ๆ ออกไป
ระหว่างทางกลับ เกอชิงเหม่ยพูดออกมาอย่างกังวล “เราถามหูเยว่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่เธอก็ไม่รู้อะไร เราเลยไม่ได้เบาะแสถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง”
เห็นความกังวลของเกอชิงเหม่ยแล้ว ถังซวงปลอบโยนอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้ม “ป้าเกอไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ยังไงแล้วเราจะหาคนอยู่เบื้องหลังเจอแน่ เพราะนอกจากกลุ่มแรกแล้วมันยังมีกลุ่มที่สอง อาจจะดูเหมือนบังเอิญแต่มันต้องไม่ใช่ความบังเอิญแน่ เดี๋ยวเราจะไปสืบสวนต่อว่าทำไมกลุ่มที่สองถึงมาปรากฏตัวในเวลานั้น”
เกอชิงเหม่ยพยักหน้ารับ “จริงด้วย กลุ่มที่สองปรากฏตัวอย่างกะทันหันเหมือนกัน มันต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่”
ในตอนท้าย เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเฟิงเยี่ยหาน หากไม่ใช่เพราะเขา คนพวกนั้นคงไม่มาจับตัวเสี่ยวเซวี่ย เราต้องติดต่อเขาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ไม่ต้องกังวลค่ะป้าเกอ ฉันจะติดต่อเฟิงเยี่ยหานเอง”
โม่เจ๋อหยวนพูดขึ้นจากด้านข้าง “ครับป้าเกอ พวกเราจะติดต่อเขา”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าอย่างมั่นใจก่อนจะกล่าวอย่างสบาย ๆ “มีพวกเธอสองคนอยู่นี่ ช่วยได้เยอะเลยนะ”
“พ่อคะ ป้าเกอ อย่างนั้นพวกพ่อกลับไปก่อนก็ได้ เดี่ยวหนูกับพี่โม่จะจัดการเอง” ถังซวงต้องการค้นหาความจริงโดยเร็วที่สุด เวลานี้ความสนใจของเธอไปทุ่มอยู่ที่เฟิงเยี่ยหานคนเดียว
จิงเจ้อหรงกับเกอชิงเหม่ยพยักหน้า
จากนั้นถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมุ่งหน้าไปที่ที่พักของเฟิงเยี่ยหาน ก่อนหน้าที่เฟิงเยี่ยหานจะกลับไป เขาบอกที่พักของตัวเองให้ทั้งสองรับทราบ ทำให้พวกเขาหาตัวอีกฝ่ายพบเจอโดยง่าย
เฟิงเยี่ยหานเห็นว่าถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนมาที่นี่ เขาชะเง้อมองด้านหลังของทั้งสองคนอย่างมีความหวัง
แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะถังเซวี่ยไม่ได้มาด้วยในคราวนี้
“ไม่ต้องมองหาหรอก เสี่ยวเซวี่ยไม่ได้มา”
ถังซวงสังเกตเห็นสายตาของเฟิงเยี่ยหาน เธอพูดออกไปอย่างเฉยเมยก่อนจะถามว่า “ทำไมซุนชิวและคนพวกนั้นถึงจะจับตัวเสี่ยวเซวี่ยไปในวันนั้น คุณสืบสวนเรื่องนี้มาแล้วหรือยัง?”
ได้ยินคำถามของถังซวง เฟิงเยี่ยหานลืมสิ่งก่อนหน้าทันทีก่อนพยักหน้ารับ “ผมสอบสวนแล้ว” ขณะพูดอย่างนั้นเขาเชิญถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเข้ามาด้านใน
หลังจากที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนนั่งลง เฟิงเยี่ยหานเริ่มเล่าเรื่องที่เขาได้ทราบมา
“ผมเคยเจอกับเสี่ยวเซวี่ยมาก่อน เขาสงสัยว่าผมปฏิบัติกับเสี่ยวเซวี่ยแตกต่างจากคนอื่น ๆ ครั้งสุดท้ายที่ผมถูกตามล่าในเมืองหลวง ผมก็รู้เรื่องที่พวกเขาวางแผนอยู่ และพี่น้องทั้งหมดถูกผมจัดการหมดแล้ว แต่ผมยังไม่สามารถจัดการเฟิงเยี่ยหยงได้ เพราะเขาเป็นลูกชายสุดที่รักของตาเฒ่านั่น”
กล่าวถึงตรงนี้ เฟิงเยี่ยหานอดไม่ได้ที่จะแสดงความหงุดหงิดออกมา
การจะจัดการกับเฟิงเยี่ยหยงไม่ยากเลย แต่เพราะตาเฒ่านั่นทำให้มันต้องวุ่นวายขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลเฟิงเป็นของผม แต่เฟิงเยี่ยหยงต้องการมัน และอยู่ ๆ เขาก็นึกถึงเสี่ยวเซวี่ย เขาเลยส่งซุนชิวกับลูกน้องมาจับเธอเพื่อข่มขู่ผมน่ะ”
หลังได้ยินคำพูดของเฟิงเยี่ยหานแล้ว ถังซวงขมวดคิ้วก่อนจะถามว่า “แค่นั้นเองหรือ? มีอะไรผิดปกติอีกไหม?”
“สิ่งที่แปลกก็คือก่อนที่เฟิงเยี่ยหยงจะส่งซุนชิวและคนอื่น ๆ มาที่นี่ เขารับโทรศัพท์สายหนึ่ง หลังจากนั้นเฟิงเยี่ยหยงกำหนดเวลา สถานที่สำหรับการลักพาตัวให้กับซุนชิวและพวกพ้อง”
ได้ยินอย่างนั้น แววตาของถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนเป็นประกาย
“ดูเหมือนว่าเบาะแสที่เราตามหาจะอยู่ที่เฟิงเยี่ยหยง”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ ต้องมีบางอย่างแน่นอน คน ๆ นั้นคือคนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด เขาวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้ทั้งสามกลุ่มมาเจอกัน เพื่อให้เธอไม่มีทางสู้ได้”
เวลานี้ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปหาเฟิงเยี่ยหานแล้วถามขึ้นว่า “แล้ว… คนที่โทรหาเฟิงเยี่ยหยงเป็นใคร?”
เฟิงเยี่ยหานส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมทรมานซุนชิวจนมันหมดแรง มันก็ยังตอบว่าไม่รู้”
ถังซวงขมวดคิ้วเครียด
“แล้วถามคนอื่น ๆ ที่มากับซุนชิวหรือยัง?”
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้า “อืม ผมถามพวกเขาทุกคนแล้ว ไม่มีใครรู้”
“อย่างนี้ ต้องถามเฟิงเยี่ยหยงโดยตรง”
เฟิงเยี่ยหานสงสัย และเขาก็ไม่ลืมที่จะถามถึงสถานการณ์ของคนกลุ่มแรกและกลุ่มที่สามด้วย
ถังซวงบอกเรื่องที่พวกเธอรู้ และพูดเสริมว่า “มีใครบางคนพุ่งเป้ามาที่พวกเราอย่างเจาะจง เพื่อให้คนพวกนั้นรวมตัวกันเพื่อจับกุมพวกเรา”
“คนเหล่านั้นกำหนดเป้าหมายเป็นคุณกับเสี่ยวเซวี่ยหรือ?”
ตราบใดที่เขารู้ว่ามีใครบางคนคิดจะทำร้ายเสี่ยวเซวี่ย เฟิงเยี่ยหานย่อมไม่สามารถอยู่เฉยได้ “ผมจะกลับเมืองไห่เฉิงแล้วไปพูดคุยกับเฟิงเยี่ยหยงโดยตรง ว่าวันนั้นใครกันแน่ที่โทรหาเขา”
แววตาเย็นชาของเฟิงเยี่ยหาน ทำให้ถังซวงพยักหน้ารับ “ค่ะ อย่างนั้นฉันฝากเรื่องเฟิงเยี่ยหยงไว้กับคุณแล้วกัน ส่วนเราจะสืบหาเบื้องหลังของกลุ่มที่สามต่อไป”
เฟิงเยี่ยหานตกลง
“ครับ อย่างนั้นผมจะกลับเมืองไห่เฉิงทันที”
ถังซวงถามอีกหนึ่งอย่าง
“ซุนชิวกับคนพวกนั้นล่ะ? คุณทำยังไงกับพวกเขา?”
แววตาของเฟิงเยี่ยหานเปล่งประกายเยือกเย็น “พวกมันต้องได้รับโทษ”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราปล่อยซุนชิวให้คุณแล้วกัน”
ถังซวงสัมผัสได้ว่าแม้เฟิงเยี่ยหานจะมีปัญหาภายในครอบครัว และกำลังวุ่นวายกับการแย่งชิงสมบัติ แต่เธอรู้สึกว่าเฟิงเยี่ยหานห่วงใยเสี่ยวเซวี่ยจากใจจริง เธอจึงเชื่อว่าเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้โดยเร็วที่สุด
หลังจากถังซวงและโม่เจ๋อหยวนออกไปแล้ว เฟิงเยี่ยหานยังนั่งเงียบ ๆ กับตัวเอง
เขาอยากพบถังเซวี่ย แต่ก็รู้ดีว่าตระกูลจิงย่อมไม่ยินดี ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มีคนจงใจจับตัวพี่สาวและเสี่ยวเซวี่ยเลย มันทำให้เขายิ่งไม่สบายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เขาพยายามสงบสติอารมณ์และตัดสินใจกลับเมืองไห่เฉิงโดยเร็วที่สุด
หลังจากที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับมา จิงเจ้อหรงถามถึงเฟิงเยี่ยหาน
“พ่อคะ คนกลุ่มที่สองถูกใครบางคนวางแผนอย่างลับ ๆ เหมือนกันค่ะ คน ๆ นั้นโทรหาเฟิงเยี่ยหยงและบอกวันเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลักพาตัวเสี่ยวเซวี่ย เพราะอย่างนี้คนจากฝั่งของหูเยว่และเฟิงเยี่ยหยงจะต้องถูกชักใยโดยคน ๆ นั้นเหมือนกันแน่”
จิงเจ้อหรงได้ยินก็ชาวาบไปทั้งใบหน้า และแววตาของเขาเย็นชาลงอย่างมาก
“ในเมื่อเป้าหมายเป็นลูก คนที่มันต้องการตัวมากที่สุดคือลูก มันจึงลอบวางแผนทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเอง”