ตอนที่ 16 สาวน้อยหลงทาง 3
“อายากะจัง!”
เมื่อพวกเราไปถึงศูนย์รับแจ้งเด็กหลงของห้างจานุโกะ ผมก็เห็นหญิงสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
ทันทีที่เธอเห็นอายากะจัง เธอก็ลุกขึ้นยืนทันทีและรีบวิ่งเข้ามาหา
แม้ว่าอายากะจังจะเรียกเธอว่า “คุณยาย” แต่เธอก็ดูยังสาวมาก อาจจะอยู่ในวัยห้าสิบต้น ๆ เท่านั้น
เธอสวมเสื้อผ้าที่สวยงามและมีสร้อยคอไข่มุก นี่คือผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกว่าเป็น ‘มาดาม’ ที่สง่างามและมีระดับ
“ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ เด็กคนนี้ไปอยู่ที่ไหนคะ?”
“เธออยู่ที่ลานจอดรถของร้านสะดวกซื้อที่ห่างจากที่นี่ไปประมาณสิบนาทีค่ะ”
“เอ๊ะ!? ทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้ล่ะ…”
“ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามเดินกลับบ้านเองค่ะ”
คุณยายถึงกับพูดไม่ออก เด็กที่หลงอยู่ในห้างกลับไปโผล่นอกห้างที่อยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งกิโลเมตรแบบนี้ มันไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ
เอาล่ะ ได้เวลาที่จะให้พวกเขาได้พบกันอย่างซาบซึ้งแล้ว ฉันจึงแตะหลังของอายากะจังเบา ๆ
เธอควรจะกระโดดเข้าสู่อ้อมอกของคุณยายด้วยความดีใจได้แล้ว
“คุณยาย! อายากะนะ! ไปที่ร้านสะดวกซื้อคนเดียวได้ด้วยล่ะ!”
ทุกคนในที่นั้นถึงกับทรุดลง
เจ้าเด็กนี่! เธอพยายามทำให้เรื่องที่เธอหลงหายไปกลายเป็นว่าเธอไปถึงร้านสะดวกซื้อเองสำเร็จซะอย่างนั้น!
ช่างเป็นเด็กที่หน้าด้านอะไรแบบนี้! แต่เพราะความน่ารักของเธอ มันทำให้ใครก็ดุเธอไม่ลง น่ากลัวจริง ๆ
ผมว่าต่อไปเด็กคนนี้ต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แน่ ๆ
“เด็กคนนี้นี่นะ…”
คุณยายหัวเราะขำ ๆ พลางลูบหัวอายากะจังเบา ๆ แล้วหันมาทางพวกเรา
“ทั้งสองคน ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
เธอก้มศีรษะขอบคุณอย่างลึกซึ้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้นเอง”
“อุ๊ย เธอสองคนเป็นนักเรียนของชิจิฟุกุสินะ”
“ใช่ค่ะ เพิ่งขึ้นม.ปลายปีนี้เองค่ะ”
“อุ๊ยตาย แล้วสองคนเป็นแฟนกันเหรอ?”
“ใช่ครับ” “ไม่ใช่ค่ะ! เราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้นเอง!”
ฉันพยักหน้าเบา ๆ แต่ยูกิรีบปฏิเสธเสียงดังเหมือนจะลบคำพูดของฉัน
“อ้อ ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนสินะ”
คุณยายยิ้มพลางมองไปที่เข็มกลัดบนอกของพวกเรา
“ทั้งสองคนเก่งมากเลยนะเนี่ย”
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักเกี่ยวกับเข็มกลัดดาวเจ็ดแฉก
“รู้รายละเอียดดีจังเลยนะคะ”
“ก็พอรู้บ้างน่ะ สมัยก่อนเคยมีโอกาสเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เหมือนกัน…”
เธอพูดเหมือนคิดถึงอดีต ทำให้ฉันสงสัยว่าเธออาจจะมีลูกที่เคยเรียนที่โรงเรียนชิจิฟุกุก็ได้
“ว่าแต่ อย่างน้อยให้ฉันเลี้ยงอะไรตอบแทนหน่อยสิ ชอบของหวานไหมล่ะ? เด็ก ๆ น่าจะชอบกันใช่ไหม?”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
“อย่าเกรงใจเลย ฉันจะพาเด็กคนนี้ไปจองที่นั่งก่อน แล้วพวกเธอก็ขึ้นไปชั้นสองตรงฟู้ดคอร์ทนะ”
ไม่ทันที่เราจะได้ปฏิเสธ คุณยายก็พาอายากะจังเดินจากไปแล้ว
“ลำบากแล้วสิ ฉันอยากรีบกลับไปโรงเรียนนะ…”
“ก็ค่อย ๆ กินแล้วรีบกลับก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก”
“อืม งั้นดื่มน้ำผลไม้แก้วเล็ก ๆ แล้วรีบกลับดีกว่า”
หลังจากพูดคุยกัน เราก็เดินขึ้นไปที่ฟู้ดคอร์ท แต่สิ่งที่รออยู่คือ…
ตุ้บ!
บนโต๊ะมีพาร์เฟ่ต์ถ้วยใหญ่ตั้งอยู่สองถ้วย มันคือพาร์เฟ่ต์จัมโบ้ที่แพงที่สุดในร้าน
“อ้าว มาแล้ว ๆ กินให้อิ่มเลยนะ!”
คุณยายของอายากะจังส่งยิ้มกว้างพร้อมโบกมือเรียกเราเข้าไป
“ทำไมผู้ใหญ่มักจะอยากให้เด็กๆ กินเยอะๆ กันนะ?”
“ก็คงเพราะตัวเองกินเยอะไม่ไหวแล้วล่ะ เลยอยากให้คนอื่นกินแทน”
ว่าไปแล้ว ตอนที่ผมใกล้จะอายุสามสิบ การจะกินข้าวหน้าเนื้อชามใหญ่ก็เริ่มจะลำบากแล้ว การได้เห็นเด็กใหม่กินอย่างเจริญอาหารกลายเป็นเรื่องที่ผมสนุกกับมันแทน เลยพอจะเข้าใจความรู้สึกนี้อยู่เหมือนกัน
ยังไงก็ตาม ตอนนี้ผมกับเธอก็นั่งลงตรงหน้าพาร์เฟ่ต์จัมโบ้แล้ว โชคดีที่ผมยังหนุ่ม ยังพอไหวอยู่ แต่ถ้าผมเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ป่านนี้คงแสบอกไปแล้ว
“อร่อย…อร่อย…”
อายากะจังที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ กำลังกินเครป ดูเหมือนจะกินไม่เก่งเอาซะเลย เพราะทั้งใบหน้าและมือเลอะครีมสดไปหมด น่ารักซะจริง
“เฮ้อ เด็กคนนี้นี่… ฉันไปเอากระดาษมาให้นะ”
คุณยายหัวเราะเบาๆ อย่างปลงๆ ก่อนจะลุกออกไป
“เราก็กินให้เสร็จแล้วรีบกลับกันเถอะ”
“อ่า โอเค”
ขณะที่ผมมองดูยูกิใช้ปากเล็กๆ กินพาร์เฟ่ต์อย่างเรื่อยๆ ผมก็หยิบช้อนขึ้นมาบ้าง
เดี๋ยวสิ…
พอคิดดูดีๆ นี่มันเหมือนเป็นคู่รักเลยไม่ใช่เหรอ?
หลังเลิกเรียนมากินของที่ฟู้ดคอร์ทกับผู้หญิงคนหนึ่ง อีเวนต์แบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตมัธยมที่ผมเคยผ่านมาในไทม์ไลน์ก่อน
“…นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?”
“หือ? รู้สึกอะไร?”
แย่ล่ะ คงไม่ใช่ว่าเธอรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ใช่ไหม? แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น
“เวลาอยู่กับฉัน…ก็ต้องโดนสายตาคนอื่นมองแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ”
“อืม…อ่า…”
พอเธอพูด ผมก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ารอบข้างมีคนแอบมองมาที่พวกเราอยู่
ยูกิเองก็เป็นคนที่ดึงดูดสายตาได้ง่าย แม้แค่เดินผ่าน คนก็ต้องหันกลับมามองเป็นรอบที่สอง
จริงๆ แล้ว ในอนาคต หลังจากที่เราแต่งงานกัน ผมเองก็ปวดหัวกับสายตาแบบนี้ไม่น้อย
โดยเฉพาะสายตาของผู้ชายที่มองมาแบบเจ็บแค้น เหมือนจะถามว่า ‘ทำไมนายถึงได้แต่งกับคนสวยขนาดนี้วะ?’
แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนเราก็ชินได้ ผมเริ่มไม่สนใจ และบางทีก็หันไปยิ้มตอบแบบ ‘อิจฉาไหมล่ะ? หมั่นไส้หรือเปล่า?’ ด้วยซ้ำ
“ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนั้นเท่าไหร่”
“เหรอ…นึกว่านายจะเป็นคนอ่อนไหวง่ายซะอีก”
“แล้วอีกอย่าง คนที่โดนมองน่ะ ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอมากกว่านะ เธอไม่เป็นอะไรเหรอ?”
“หืม นายห่วงฉันเหรอ?”
ยูกิหยุดขยับช้อน แล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เมื่อผมพยักหน้า เธอก็พูดขึ้นว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันชินตั้งแต่เด็กแล้ว”
พร้อมกับขยับตัวไปมาเล็กน้อย
โอ้ ดูเหมือนเธอจะดีใจ
เวลายูกิอารมณ์ดี เธอมีนิสัยขยับตัวไปมาเบาๆ เหมือนหมาที่กำลังแกว่งหางด้วยความดีใจ และเธอไม่เคยรู้ตัวเลยว่าทำแบบนั้น
“พูดถึงอายากะจังเมื่อกี้ที่บอกเรื่องโทรศัพท์มือถือ…”
“?”
“เรามาแลกเบอร์กันไว้ไหม?”
ผมหยิบมือถือออกมา แล้วทำท่าพร้อมทันที
ยูกิคิดอยู่สักพัก ก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่นแล้วพูดเหมือนเด็กว่า
“ไม่เอา”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็ฉันว่านานต้องส่งเมลเรื่องไร้สาระที่ไม่เกี่ยวกับสภานักเรียนมาให้แน่ๆ”
พูดอย่างนี้ได้ยังไง ผมยิ้มแหยๆ ออกมา
ในอนาคต ที่เราติดต่อกันผ่าน LIME คนที่ส่งข้อความมาเยอะกว่าคือยูกิ ไม่ใช่ผมเสียด้วยซ้ำ
ที่สำคัญ เนื้อหาก็มีแต่เรื่องแบบ “เจอรูปแมวน่ารัก” หรือ “เจอขนมที่ชอบ” ซึ่งก็น่ารักดีล่ะนะ
“อีกอย่าง ฉันไม่ได้เอามือถือมาโรงเรียนด้วย”
“….”
เธอพูดแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่จะจริงหรือเปล่านะ?
ยูกิเป็นคนที่ซื่อตรง แต่ก็ไม่ใช่คนที่มักจะละเลยการเตรียมพร้อม ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ผมว่าเธอไม่น่าจะไม่มีมือถือ
ลองพูดล่อเธอดูสักหน่อย
“อาริสุงาวะ เธอเอามือถือมาล่ะสิ”
“หืม? ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ก็เมื่อกี้ ฉันเห็นกระเป๋าเธอสั่น เหมือนมีสายเข้ามานะ”
“หา จริงเหรอ? ฉันก็น่าจะปิดเครื่องไปแล้ว…”
ยูกิพูดถึงตรงนี้ แล้วเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหลอก
เธอเริ่มตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า
“นายหลอกฉันเหรอ! แบบนี้มันแย่มากเลยนะ!”
“เคยได้ยินเรื่องบูมเมอแรงไหม? ปาไปแล้วมันจะกลับมาไงล่ะ”
“อึก…”
ยูกิหน้าแดงก่อนจะเงียบไป
“พี่ชายกับพี่สาวทะเลาะกันเหรอ?”
อายากะจังที่กินเครปเสร็จแล้วถามพลางมองพวกเราสลับไปมา
“ใช่แล้ว ทะเลาะแบบคนรักกันน่ะ”
“คนรักทะเลาะกันเหรอ?”
“อย่าพูดอะไรแปลกๆ ให้เด็กฟังสิ!”
ยูกิถอนหายใจยาวก่อนจะยอมแพ้ และหยิบมือถือฝาพับสีขาวออกมาจากกระเป๋า
“ฉันจะไม่อ่านเมลที่ไร้สาระหรอกนะ”
“ครับผม ผมจะคัดเลือกเนื้อหาก่อนส่งให้เสมอ”
ในที่สุด ผมก็ได้ข้อมูลติดต่อของยูกิมาจนได้
เพราะยูกิยังไม่คุ้นเคยกับการแลกอีเมล ผมเลยช่วยดูหน้าจอจากด้านหลัง แล้วสังเกตว่าเธอบันทึกชื่อของผมในมือถือว่า ‘สายก่อกวน’ …นี่มันเกินไปแล้ว!