ตอนที่ 13 งานแรก
“ร่มพลาสติก 200 เยน…เหรอ…?”
“แปลกตรงไหนที่ต้องตกใจขนาดนั้น?”
ผมกับยูกิอยู่ที่ร้าน 100 เยนใกล้โรงเรียน
ก่อนหน้านี้ประธานสภานักเรียนได้ยื่นธนบัตร 5,000 เยนให้กับพวกเราแต่ละคน พร้อมกับบอกว่า
‘ก่อนจะเริ่มทำงานในสภานักเรียนอย่างจริงจัง ลองไปซื้อของที่คิดว่าจำเป็นสำหรับงานมานะ แล้วอย่าลืมขอใบเสร็จรับเงินด้วยล่ะ’
ขณะเดียวกัน รองประธานก็ฝากของให้ซื้อด้วย โดยมีรายการเขียนไว้ในโน้ต ซึ่งประกอบด้วย
-ลูกอมในถุง
-กล่องช็อกโกแลต
-นิตยสาร จัมป์ ของสัปดาห์นี้
“รายการพวกนี้เบิกค่าใช้จ่ายได้จริงเหรอ?”
“ของกินยังพอเข้าใจ แต่รายการสุดท้ายนี่ไม่มีทางเบิกได้หรอก มองข้ามไปเลยเถอะ”
ยูกิถอนหายใจก่อนจะเดินไปยังแผนกเครื่องเขียน
ผมมองดูเธอเลือกซื้อของ และเธอดูคล้ายกับภาพยูกิในอนาคตที่ผมเคยเห็น
“ไส้ดินสอกด…อันนี้ที่มีสองแท่งดูจะคุ้มกว่านะ”
อาจฟังดูน่าแปลก แต่ยูกิเป็นคนประหยัดมาก
แม้เธอจะเป็นลูกคุณหนูและไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงินมาก่อน แม้กระทั่งในช่วงที่กิจการครอบครัวเริ่มย่ำแย่ แต่ทุกครั้งที่เธอซื้อของ เธอก็ให้ความสำคัญกับราคามาก หากมีการลดราคาก็จะรีบไปทันที หรือถ้าเห็นป้ายลดครึ่งราคาในแผนกอาหาร เธอก็หยิบลงตะกร้าโดยไม่ลังเล
ผมเคยถามเธอว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เธอบอกว่านี่เป็นนิสัยที่ได้จากแม่
ทักษะการทำอาหารและการทำงานบ้านของเธอทั้งหมดก็ได้มาจากแม่เช่นกัน
ผมเคยได้ยินมาว่าแม่ของยูกิ ซึ่งเป็นชาวโปแลนด์ เสียชีวิตด้วยโรคตอนที่ยูกิกำลังจะขึ้น ป.6 เธอเคยบอกว่าคุณแม่เป็นคนสดใสเสมอ หากแม่ของเธอยังอยู่ ชีวิตของยูกิในตอนนี้คงแตกต่างไปจากเดิมมาก
“เหม่ออะไรอยู่เหรอ?”
เธอใช้กระดาษโปสเตอร์ม้วนเคาะที่หัวผมเบา ๆ
“เปล่า ก็แค่คิดว่าเธอคงจะชินกับการซื้อของแล้วสินะ”
ผมไม่ได้บอกไปหรอกว่าผมกำลังเห็นภาพซ้อนของยูกิในอนาคต เลยตอบไปแบบขอไปที
“แน่นอนสิ ฉันเป็นคนรับผิดชอบทำอาหารที่บ้านนี่นา”
“ทำอาหาร?”
“ใช่ เพราะบ้านฉันไม่มีแม่ ฉันก็เลยต้องทำอาหารเอง ส่วนพ่อก็มักจะไปกินข้าวนอกบ้าน ส่วนพี่ชายก็บ่นเรื่องรสชาติ เลยช่วงหลัง ๆ ทำแค่ของตัวเองเท่านั้น”
“บ่นเรื่องรสชาติ? ทั้งที่อาหารของเธออร่อยขนาดนั้น?”
ผมอดคิดถึงอาหารฝีมือยูกิไม่ได้ ฝีมือการทำอาหารของเธอนั้นถึงขั้นเปิดร้านได้เลย
พี่ชายเธอคงมีปัญหาเรื่องลิ้นรับรสแน่ ๆ
“หืม? นายพูดอะไรน่ะ ทั้งที่ไม่เคยกินอาหารของฉันเลยแท้ ๆ”
“เอ่อ…อ๊ะ”
แย่แล้ว เผลอพูดเรื่องอนาคตออกไปอีกแล้ว
“เปล่า แค่พูดตามภาพลักษณ์ เธอดูเป็นคนที่ทำอาหารเก่งน่ะ”
“ฉันดูเหมือนคนทำอาหารเก่งขนาดนั้นเลย? ก็จริงนะ ฉันมั่นใจว่าฝีมือน่าจะดีกว่าค่าเฉลี่ย”
ยูกิตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูภูมิใจเล็กน้อย
“ถ้าเธอทำข้าวกล่องมาให้ฉันกินบ้าง ฉันคงจะดีใจมากเลย…ล้อเล่นนะ”
“ทำไมฉันต้องทำข้าวกล่องให้นายด้วยล่ะ ถ้าจะให้ใครกิน ฉันยอมให้หมาแถวนั้นกินยังดีกว่า”
“โฮ่ง ๆ อยากกินอาหารฝีมือเธอจังเลย”
“นายไม่มีศักดิ์ศรีเลยเหรอ?”
“ก็เธอบอกเองว่าจะให้หมากิน”
ผมหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้กินอาหารฝีมือเธออีกครั้ง
โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นของเธอที่รสชาติยอดเยี่ยม เช่น เนื้อวัวซึเคะนิ หรือ บุริไดกง
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระ แล้วนายล่ะ จะไม่ซื้อของเหรอ?”
“ซื้อเสร็จแล้ว”
ผมยื่นตะกร้าที่เต็มไปด้วยเครื่องเขียนจำเป็นให้เธอดู
ส่วนของที่รองประธานฝากซื้อก็จัดการเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“ถ้างั้นกลับกันเถอะ ต้องรีบกลับไปอวดให้ประธานเห็นว่าเราทำงานเร็ว”
“เธอกลับไปก่อนก็ได้ ฉันจะแวะร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนแล้วค่อยตามไป”
“ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า? จะซื้ออะไรล่ะ?”
“แฟลชไดรฟ์ USB ไว้สำรองข้อมูล”
ผมเคยได้ยินมาว่าสภานักเรียนจะแจกโน้ตบุ๊กให้สมาชิกคนละเครื่อง แต่หากเครื่องเสีย ผมไม่มั่นใจว่าโรงเรียนจะช่วยกู้ข้อมูลให้หรือเปล่า บางทีอาจจะแค่ให้เครื่องใหม่มาแล้วจบ
การเก็บข้อมูลไว้ในเว็บก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ด้วยประสบการณ์จากตอนทำงาน ผมยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ ถ้าเป็นแค่เอกสารขนาดเล็ก ๆ แฟลชไดรฟ์ในยุคนี้ก็น่าจะเพียงพอ
“เข้าใจล่ะ งั้นฉันกลับไปก่อนนะ”
“อืม ไว้เจอกันที่โรงเรียน”
หลังจากแยกกับยูกิ ผมก็เดินตรงไปยังร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้ ๆ