กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามีบทที่ 582 จะทำให้ดีที่สุด

บทที่ 582 จะทำให้ดีที่สุด

บทที่ 582 จะทำให้ดีที่สุด

บทที่ 582 จะทำให้ดีที่สุด

ความโศกเศร้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟู่ชุนไจ่

เขาส่ายหน้า “ไม่สิ ตลอดมาไม่เคยมีคำว่าควรตายหรือไม่สมควรตาย สำหรับเรามันคือความเสียสละ คือความภักดี คือความเต็มใจ”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ รอยยิ้มโล่งใจก็เผยให้เห็นบนใบหน้าของเขา “ลูกพี่ ชีวิตของผมมันไม่ได้มีราคา ไม่มีใครสนใจใส่ใจ อีกทั้งผมเองก็ไม่รู้ว่าชีวิตควรเป็นยังไง หากผมไม่ได้พบลูกพี่ เกรงว่าคงต้องตายด้วยน้ำมือของเตาปาไปแล้ว”

“ลูกพี่คือคนที่ช่วยผม และคอยปกป้องผมเสมอ”

“ดังนั้นคราวนี้ถือว่าผมตอบแทนที่ลูกพี่ช่วยชีวิตผมไว้ตั้งแต่แรก ทั้งยังคอยดูแลผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

เขาเดินเข้ามากอดฉีจิ่นจือไว้แน่น เฉกเช่นวันนั้นที่เขาเอาร่างของตัวเองมาบังกระสุนปืนให้

หลังจากกอดได้สักพัก เขาก็รีบปล่อยมืออีกครั้ง “ลูกพี่ พี่มีคนที่รักและห่วงใยมาโดยตลอด เพียงแต่โชคชะตาทำให้พวกพี่ต้องคลาดกัน”

“อย่าเศร้าไปเลยนะครับ ผมแค่ไปในที่ที่อยากไป การที่ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ ผมมีความสุขมากจริง ๆ”

“ลูกพี่ กลับไปเถอะ พวกเขากำลังรอพี่อยู่”

ฉีจิ่นจือเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก “รอฉันอยู่เหรอ?”

ฟู่ชุนไจ่พยักหน้ารับ “ครับ คนที่ลูกพี่รัก พวกเขาก็รักลูกพี่เช่นกัน พี่ไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ ใช้ชีวิตให้ดี ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับส่วนหนึ่งของผม”

เอ่ยจบ ร่างของฟู่ชุนไจ่ก็ค่อย ๆ หายลับไปในแสงเงาอย่างไร้ร่องรอย

ฉีจิ่นจือก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัวเพื่อคว้าบางสิ่งบางอย่าง เท้าของเขาก้าวขึ้นไปจากอากาศ ทว่าในทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง และพบว่าตัวเองอยู่ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล ซึ่งเต็มไปด้วยสีขาวเสียแล้ว

ด้านหน้าเตียงผู้ป่วยมีใบหน้าอันเปี่ยมล้นด้วยความยินดีของฉีหยวนซาน เผ่ยเยว่ และเหล่าแพทย์พยาบาล

ดวงตาของฉีหยวนซานนั้นแดงก่ำ พลางเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ในที่สุดแกก็ฟื้น”

ฉีจิ่นจือแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบ เขาได้กลับสู่โลกเดิมของตัวเองแล้ว และก็เป็นโลกที่ไม่มีฟู่ชุนไจ่อีกต่อไปเช่นกัน

ใบหน้าของเขามีความเย็นเยียบเล็กน้อยจากหยาดน้ำตาของตัวเอง ซึ่งเอ่อล้นในความฝัน

เขาพยายามปริปากเอ่ย แต่กลับพบว่าคอของตนนั้นแห้งผากและมีอาการเจ็บ เสียงของเขาแหบแห้ง “อืม”

เผ่ยเยว่ร้องไห้เสียจนตาแดงก่ำ “อย่าเพิ่งขยับตัวเลย ให้หมอตรวจดูก่อนนะ”

เอ่ยจบ ทั้งสองก็รีบก้าวออกไปเพื่อให้แพทย์ได้ตรวจร่างกายของฉีจิ่นจือ

ฉีหยวนชานและเผ่ยเยว่ยืนดูอยู่นิ่ง ๆ ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ด้วยเกรงว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน

เมื่อแพทย์ทำการตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็บอกว่าอาการบาดเจ็บของฉีจิ่นจือยังคงต้องพักฟื้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยต้องให้ความสนใจกับการฝึกการฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายให้เป็นอย่างดี ส่วนอาการอื่น ๆ นั้นไม่มีอะไรที่หนักหนา

ฉีหยวนซานและเผ่ยเยว่พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เผ่ยเยว่ออกไปเติมน้ำ ในขณะที่ฉีหยวนซานนั่งอยู่ในห้องผู้ป่วยเพื่อพูดคุยกับฉีจิ่นจือ

เรื่องที่เขาพูดพร่ำนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการเตรียมการสำหรับอนาคตของชายหนุ่ม “หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว อย่ากลับไปอยู่ในกองปราบปรามยาเสพติดอีก ความดีความชอบของแกในคราวนี้ ทำให้แกได้รับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับกลางในหน่วยงานได้เลย”

“ในช่วงที่แกอยู่ในอาการโคม่าไม่ได้สติ ก็มีเสี่ยวเยว่นี่แหละที่คอยจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้แก ฉันคิดว่าเธอใช้ได้เลยทีเดียว หากแกไม่คัดค้าน หลังตรุษจีน ฉันจะไปสู่ขอเธอจากตระกูลเผ่ย ให้แกแต่งงานกับเธอซะ”

ฉีจิ่นจือหลุบตามองไปยังผ้าพันคอและผ้าเช็ดหน้าในมือของเขา แล้วกำมันเอาไว้แน่น

ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉีหยวนชาน “พวกเขาล่ะครับ?”

ในตอนที่เขายังไม่ได้สติเต็มร้อยนั้น เขาจำได้ชัดเจนว่าคนที่มาพูดคุยกับเขา นอกจากเผ่ยเยว่แล้ว ยังมีเธออีกด้วย

เมื่อเห็นดังนั้น ฉีหยวนซานก็ระงับโทสะของตน แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “พวกเขางั้นเหรอ? หรือเป็นเซี่ยชิงหยวนกันแน่ที่แกอยากเอ่ยถามถึง?”

ด้วยเพราะมีผ้าทั้งสองผืนถูกยัดไว้ในมือของตน ฉีจิ่นจือจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่ฉีหยวนซานสามารถคาดเดาทุกอย่างได้

เขาตอบอย่างไม่แยแสว่า “หากเป็นแบบนั้นแล้วมันยังไง?”

ก่อนที่ฉีจิ่นจือจะตื่นขึ้นมา ฉีหยวนซานบอกตัวเองว่าเขาจะไม่ขัดแย้งกับฉีจิ่นจืออีก เพราะไม่มีอะไรเทียบได้กับการที่มีลูกอยู่เคียงข้างกาย

ใครกันคาดคิดว่าหลังจากการผ่านเหตุการณ์นี้ไป กลับไม่ได้ทำให้อะไร ๆ ระหว่างพวกเขาสองพ่อลูกดีขึ้นเลย

เขาอดรนทนไม่ไหวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้น “เธอรู้แล้วว่าแกรู้สึกยังไงกับเธอ”

ฉีจิ่นจือรีบเอ่ย “คุณว่าอะไรนะ?”

เซี่ยชิงหยวนคิดหน้าคิดหลังอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองกว่างโจวก่อนตรุษจีน

จากอำเภอรุ่ยถึงเมืองกว่างโจวนั้น มีคนที่เสิ่นอี้โจวจัดเตรียมไว้ให้คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอดทาง หลังจากใช้เวลาราวเจ็ดแปดวัน ในที่สุดเธอก็มาถึง

เหล่าไต้นำรถมารับเธอ ทว่าทั้งสองไม่มีเวลาพอให้ได้พูดคุยย้อนวันวานกัน เขาต้องบอกกล่าวเซี่ยชิงหยวนถึงสถานการณ์ปัจจุบันและพาเธอไปยังเฟิงหวง

ทั้งสองนั่งอยู่บนรถแท็กซี โดยเหล่าไต้อธิบายสถานการณ์ให้เธอฟังว่า “ฉันได้ทำข้อตกลงกับเจ้าของทั้งสองของเฟิงหวงแล้ว ตราบใดที่เราเห็นด้วยกับเงื่อนไขที่พวกเขาเสนอมาเมื่อครั้งที่แล้ว ส่วนที่เหลือโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่เป็นปัญหา”

“แต่ไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวออกมา ทำให้มีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลายแห่งที่ต้องการเข้าซื้อเฟิงหวงเช่นกัน ทว่าทุกโรงงานไม่สามารถเจรจาได้เนื่องจากเงื่อนไขที่พวกเขาร้องขอ”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้ารับ พลางหยิบกระจกที่นำติดตัวขึ้นมา แล้วหวีผม “ค่ะ เข้าใจแล้ว”

เมื่อเซี่ยชิงหยวนมาถึงเฟิงหวง เจ้าของทั้งสองคนก็รออยู่ที่นั่นแล้ว

พี่น้องทั้งสองคนนี้แซ่เฉียน หากแต่ในวัยสี่สิบ กลับมีผมหงอกไปแล้วครึ่งหัว ซึ่งเป็นข้อบ่งบอกได้ว่าพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลต่อเฟิงหวงแค่ไหน

ทันทีที่เห็นเซี่ยชิงหยวน พวกเขาก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง

เหล่าไต้เคยบอกพวกเขาก่อนหน้านี้ว่าเถ้าแก่ใหญ่ของยามต้องมนต์นั้นเป็นหญิงสาว อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ ยามต้องมนต์ได้สร้างความฮือฮาอย่างมากในงานสัปดาห์แฟชั่น ณ กรุงปารีส ว่ากันว่าผลงานทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของเถ้าแก่ใหญ่คนนี้

ทว่าพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงสาวที่งดงามถึงเพียงนี้

ทุกอย่างในตัวหญิงสาวนั้นสวยสดใส ไม่มีร่องรอยของความก้าวร้าว แววตามุ่งมั่นชัดเจน หนักแน่นไม่อ่อนแอ มีรอยยิ้มที่มุมปากซึ่งดูราวไม่มีอยู่จริง แต่กลับทำให้หญิงสาวดูสุขุม

เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม พร้อมยื่นมือไปทางชายทั้งสองคน “สวัสดีค่ะคุณเฉียน ฉันเซี่ยชิงหยวนค่ะ”

การเจรจาดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเซี่ยชิงหยวนลงนามในข้อตกลงเพื่อแสดงความจริงใจของเธอ โดยระบุว่าเธอจะปฏิบัติต่อพนักงานเดิมของเฟิงหวงเป็นอย่างดี ทั้งยังจะไม่ตัดเงินเดือนหรือไล่พวกเขาออก หากพวกเขาไม่ได้ทำผิดพลาดใด ๆ

การที่เธอทำเช่นนี้ ถือเป็นการขจัดความกังวลสุดท้ายของเจ้าของทั้งสองให้หมดสิ้น

เถ้าแก่ใหญ่เฉียนกล่าวว่า “นี่เป็นกิจการที่คุณปู่ส่งต่อให้กับคุณพ่อ และคุณพ่อก็ส่งต่อให้กับเรา ทว่าด้วยการบริหารที่ผิดพลาด จึงไม่สามารถรักษาธุรกิจนี้ให้โดดเด่นในโลกของเสื้อผ้าได้อีกต่อไปแล้ว”

“พนักงานเก่าส่วนใหญ่ที่ยังคงอยู่ในเฟิงหวงจนทุกวันนี้ ต่างทำงานที่นี่กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อหรือปู่ของพวกเขา มาวันนี้เถ้าแก่เนี้ยเซี่ยยินดีที่จะเก็บพวกเขาไว้ ทางเราก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วครับ”

เซี่ยชิงหยวนจึงเอ่ยว่า “ในเวลานั้น คุณเหล่าเฉียนได้กระจายทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ของครอบครัวเพื่อสนับสนุนสงครามต่อต้านญี่ปุ่นในประเทศของเรา และคัดเลือกหญิงม่ายที่สามีเป็นผู้พลีชีพเพื่อชาติ เด็กกำพร้า และผู้พิการจำนวนมากมาทำงานในโรงงาน การกระทำดังกล่าวเป็นที่ยกย่องจากคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริงเลยค่ะ”

“การที่ฉันทำแบบนี้ ก็ด้วยเคารพเลื่อมใสการกระทำอันยิ่งใหญ่หาญกล้าของคุณเหล่าเฉียนค่ะ”

เถ้าแก่แซ่เฉียนทั้งสองเมื่อได้ยินเซี่ยชิงหยวนเอ่ยถึงเรื่องราวของคุณพ่อของพวกเขาก็พลันน้ำตารื้น

ทั้งสองโค้งคำนับเล็ก ๆ ให้เซี่ยชิงหยวน แล้วเอ่ย “เถ้าแก่เนี้ยเซี่ย ขอฝากเฟิงหวงไว้ในมือคุณด้วยนะครับ”

เซี่ยชิงหยวนเบี่ยงกาย พร้อมโค้งคำนับพวกเขากลับไป “ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Score 10
Status: Completed
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี ...ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! เรื่องย่อ หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

Options

not work with dark mode
Reset