บทที่ 577 ลาก่อน ชุนไจ่
บทที่ 577 ลาก่อน ชุนไจ่
ท่ามกลางกลุ่มผู้หญิงในหมู่บ้านนี้ มีผู้หญิงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่อยู่ติดกับชาวพม่า เธอจึงเข้าใจถ้อยคำที่พวกเขาพูด
เธอส่งสัญญาณมือไปทางเซี่ยชิงหยวน “พวกเขาบอกว่าทำไมหมู่บ้านถึงเงียบสงบขนาดนี้ มันไม่ปกติ”
คูน้ำลึกเกือบสามเมตรนี้ถูกขุดขึ้นโดยศูนย์บรรเทาความยากจนและหน่วยรักษาความปลอดภัยร่วมกับชาวบ้าน ซึ่งอยู่บนเส้นทางที่จำเป็นในการเข้าสู่หมู่บ้าน
โดยปกติแล้วจะใช้กระดานไม้มาวางไว้ด้านบนเพื่อเป็นสะพาน แต่หากถึงคราวจำเป็นจริง ๆ กระดานไม้จะถูกยกออกและแทนที่ด้วยสนามหญ้าปลอม นอกจากนี้ยังมีกับดัก ซึ่งทำจากไม้ไผ่ลับคมไว้ข้างใต้ด้วย
ทันทีที่คนตกลงไป จะยังไงก็ต้องได้รับบาดเจ็บ
ทว่าเงื่อนไขข้อแรกคือพวกเขาจะต้องร่วงหล่นลงไปอยากที่ต้องการเสียก่อน
ชายที่บาดเจ็บชี้ไปที่ชายคนหนึ่ง บอกให้เขาไปยังบ้านเรือนที่ใกล้ที่สุดเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
บ้านหลังนั้นคือบ้านหลังแรกที่เซี่ยชิงหยวนไปหา
บ้านหลังนั้นอยู่ที่ด้านหลังของคูน้ำลึก หากคนที่ไปตรวจสอบตกลงไปในคูน้ำก่อน พวกคนที่เหลือข้างหลังย่อมไม่มีทางงับเบ็ด ซ้ำยังเป็นการยั่วยุให้พวกเขาโมโหเสียอีก
ผู้หญิงในหมู่บ้านซึ่งหมอบซ่อนตัวกันอยู่ต่างพากันนิ่งเงียบ
เซี่ยชิงหยวนละสายตาหันไปมอง พร้อมส่งสัญญาณบอกเถียนกุ้ยฟาง “พี่สาวกุ้ยฟาง ฉันจะไปล่อพวกเขา”
เถียนกุ้ยฟางรั้งเธอไว้ “พวกเขามีปืนนะ!”
เซี่ยชิงหยวนในเวลานี้ไม่อาจลุกขึ้นยืนให้มั่นคงได้ด้วยซ้ำไป เธอจะเอาแรงกำลังที่ไหนมาล่อพวกเขาได้? ถึงตอนนั้นเกรงว่าวิ่งไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็จะโดนทุบน่วมจนกลายเป็นตะแกรง
เซี่ยชิงหยวนจึงเอ่ยอีกครั้งว่า “ถ้าหากไม่ไป พวกเขาก็จะพบว่าคูน้ำนี้ผิดปกตินะคะ”
เถียนกุ้ยฟางมองไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียว ทว่าคงไว้ซึ่งความเด็ดเดี่ยวของเซี่ยชิงหยวน แล้วจึงกัดฟัน เอ่ยกับผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “พวกเธอจับชิงหยวนไว้”
เอ่ยจบ ก็ก้มตัวลงและหลบไปอีกด้าน ก่อนจะลงมาจากเนินเขาเล็ก ๆ และยืนอยู่หน้าต้นไม้ต้นหนึ่ง
เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ทันพวกเขา พร้อมแสดงท่าทางตกใจก่อนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร?”
เอ่ยพลางทำท่าจะวิ่งหนีกลับไป
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเถียนกุ้ยฟางทำให้โจรกลุ่มนั้นตกใจ ชายคนที่เป็นหัวหน้าตอบสนองทันที “รีบจับเธอไว้ แล้วปิดปากเธอซะ!”
พวกเขายังไม่ได้จับตัวคนในหมู่บ้านเลย และคงจะไม่ดีนักหากพวกเขาปลุกคนที่เหลือในหมู่บ้านขึ้นมาในตอนนี้
กลุ่มโจรเมื่อได้รับคำสั่งก็ทำการจับตัวเถียนกุ้ยฟางทันที
ชายคนที่บาดเจ็บเองก็เดินตามหลังมา เขาเดินเซเล็กน้อยในระหว่างที่เดินขึ้นไป
ใครเลยจะรู้ว่าคนกลุ่มนั้นสาวเท้าก้าวไปได้เพียงสองก้าว ก็กลับกลายเป็นว่าก้าวเท้าอยู่บนอากาศ แล้วตกลงไปในคูน้ำลึกแล้ว
ชายคนที่ได้รับบาดเจ็บพลันเบิกตากว้างมองดูลูกน้องของเขาร่วงหล่นลงไป และพยายามจะหยุดยั้งตัวเองไว้ แต่ว่าไม่ทันจึงทำให้ตกลงไปด้วยเช่นกัน
แถบไม้ไผ่ที่ลับคมซึ่งถูกปักไว้ใต้คูน้ำลึกทำให้กลุ่มโจรพวกนั้นล้วนได้รับบาดเจ็บ หากไม่ใช่ถูกครูดบาด ก็ถูกแทงเข้าที่แขนขา หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือแทงจนทะลุผ่านช่องท้อง
พวกเขารู้ได้ทันทีว่าตนติดกับเข้าแล้ว จึงพากันสบถก่นด่า
ชายที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วนั้นเดิมได้รับบาดเจ็บที่ช่องท้อง มาตอนนี้ต้นขาของเขาถูกแทงทะลุจนขยับไม่ได้
ทันใดนั้น ก็มีเสียงโห่ร้องของผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านนอกคูน้ำลึก
“ล้มลงไป ร่วงลงไปซะ!”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มโจรนั้นถูกอาบไปด้วยความโกรธ จึงดึงปืนที่คาดไว้ที่เอวออกแล้วยิงสุ่มขึ้นไปสองสามนัด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายคนที่บาดเจ็บก็คว้าโคลนและทรายจำนวนหนึ่งจากก้นคูน้ำปาใส่เขา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “นี่แกจะบ้าไปแล้วรึไง? อยากให้พวกมันมาจับเราไว้รึไงกัน?”
ลูกน้องของเขาไม่กล้าพูดอะไร ทำเพียงปิดปากเงียบโดยไม่มองเขา
และด้วยการยิงปืนเพียงไม่กี่นัดนั้น ทำให้เสียงข้างนอกก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนจะมีเสียงกรอบแกรบดังขึ้น จากนั้นทั่วทั้งท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยพริกป่นซึ่งพัดลงมา ทำให้กลุ่มโจรที่อยู่ในคูน้ำแสบร้อนจนน้ำหูน้ำตาไหล ทั้งยังจามออกมาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโรยผงพริกป่นนั้นโดนบาดแผลตามร่างกาย ทำให้เจ็บแสบมากจนบางคนต้องกัดฟัน
ขณะที่บางคนกำลังคิดว่าจะปีนขึ้นไปยังไง ก็มีเสียงฝีเท้าเป็นระเบียบดังขึ้นมาจากข้างนอกอีกครั้ง ก่อนตามมาด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความดีอกดีใจจากพวกผู้หญิง
“ผู้อำนวยการเสิ่นกลับมาแล้ว!”
“หัวหน้าหลิงก็อยู่ที่นี่ด้วย!”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเสิ่นอี้โจวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเธออย่างเร่งรีบ อารมณ์ที่ตึงเครียดของหญิงสาวก็คลายลงโดยพลัน
เธอพึมพำออกมาเบา ๆ “อี้โจว”
ก่อนที่วินาทีต่อมาโลกเบื้องหน้าของเธอจะมืดมิด และสติดับวูบลง
…
เมื่อเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเที่ยงตรงของวันรุ่งขึ้นแล้ว
นอกจาก เสิ่นอี้โจวและหลินตงซิ่ว รวมถึงสมาชิกในครอบครัวแล้ว ยังมีเผ่ยเยว่ เถียนกุ้ยฟาง ตลอดจนชาวบ้านเองต่างก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด
เมื่อพวกเขาเห็นเซี่ยชิงหยวนลืมตาตื่นขึ้นมา จึงโห่ร้องอย่างดีใจว่า “ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว!”
เสิ่นอี้โจวรีบเดินเข้าไปช่วยพยุงเธอให้นั่งพิงหมอนทันที “คุณดีขึ้นบ้างไหม? รู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกไหม?”
เซี่ยชิงหยวนตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วสั่นศีรษะ “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
สายตาของหญิงสาวจับจ้องไปที่ลูกทั้งสองคนและเสิ่นอี้หลิน ไล่มองไปทีละคน จึงรับรู้ในที่สุดว่าอันตรายผ่านพ้นไปแล้ว
เมื่อหวนนึกถึงภัยอันตรายเมื่อคืนนี้จึงเอ่ยถามว่า “จับคนร้ายได้แล้วรึยังคะ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้ารับ ดวงตาของเขาพลันแดงขึ้นเล็กน้อย “จับได้ทั้งหมดแล้วครับ”
เถียนกุ้ยฟางเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข “น้องชิงหยวน เธอมีความดีความชอบมากสำหรับเรื่องในคราวนี้ คนหนึ่งที่เราจับได้เมื่อคืนนี้เป็นคนที่ถูกตำรวจหมายหัวตามจับกุมตัวเพราะเรื่องอะไรนะ…”
เผ่ยเยว่กล่าวต่อ “ต๋าค่ะ เป็นลูกชายของหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติด”
เซี่ยชิงหยวนเมื่อได้ยินว่ากลุ่มโจรโดนจับแล้วจึงโล่งใจ
เธอจับมือเถียนกุ้ยฟางพร้อมเอ่ยว่า “ผลงานในสครั้งนี้เป็นของฉันคนเดียวที่ไหนกันล่ะคะ หากเมื่อคืนนี้ไม่ใช่เพราะทุกคนและพี่สาวกุ้ยฟาง พวกเราคงตายไปนานแล้ว”
หัวหน้าเฉินยังกล่าวบอกอีกว่า “พวกเราสามารถจับกุมพวกเขาได้สำเร็จ ทั้งยังสามารถปกป้องชาวบ้านได้ด้วย ต้องขอบคุณพวกคุณ กลุ่มทหารหญิงแล้วครับ”
ถ้อยคำของเขาทำให้ทุกคนหัวเราะ
ทุกคนปลอบโยนเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง และเมื่อพวกเขาเห็นว่าเธอดูอ่อนเพลีย พวกเขาจึงขอตัวกลับบ้านไป
หลังจากชาวบ้านกลับไปแล้ว เซี่ยชิงหยวนต้องการสอบถามเสิ่นอี้โจวถึงฉีจิ่นจือ
ไหนเลยจะรู้ว่าเสิ่นอี้โจวเป็นฝ่ายเร็วกว่าหนึ่งก้าว ชายหนุ่มพลันเอ่ยขึ้น “เมื่อคืนนี้มีการปะทกันอย่างดุเดือดตลอดทั้งคืน ตำรวจของเรากำลังร่วมมือกับทหารพม่าเพื่อตามล่าซางคุน โดยมีฉัจิ่นจือคอยให้ความร่วมมือในการจับกุม”
เขาไม่รู้จนกระทั่งเมื่อวานว่าในที่สุดพวกระดับสูงก็ตัดสินใจบอกหลิงเยี่ยว่าฉีจิ่นจือเป็นสายลับ และกล่าวบอกให้พวกเขาร่วมมือกัน
เมื่อคืนพวกเขาไล่ล่าต๋าไปจนถึงชายแดน ทว่าต่อมากลับคลาดกับพวกเขา
โชคดีที่ได้พบกับเผ่ยเยว่ระหว่างทาง เขาจึงสามารถกลับมายังหมู่บ้านได้ทันเวลา
เมื่อลองคิดดูถึงตรงนี้แล้ว สถานการณ์อันตรายนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่คาดคิดจากสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
ได้ยินดังนั้น เซี่ยชิงหยวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ “จะต้องปลอดภัยอย่างแน่น”
เสิ่นอี้โจวโอบกอดเธอไว้แน่นอนในอ้อมแขน “แน่นอนครับ”
ซางคุนในอดีตรุ่งโรจน์ขนาดไหน มาตอนนี้กลับน่าสมเพชยิ่ง
เดิมที เขาได้สั่งการให้ฉีจิ่นจือส่งสินค้าปลอมชุดหนึ่งให้กับคู่อริของเขา ใครกันคาดคิดว่าต๋าได้เดินทางไปครึ่งทางเสียแล้ว
และฉีจิ่นจือ ผู้ซึ่งควรจะตายในการปะทะต่อสู้ที่วุ่นวายกับคู่อริของเขา กลับปรากฏตัวต่อหน้าเขา ซ้ำยังนำตำรวจมาจับกุมตนด้วย
แต่คนอย่างซางคุนจะไม่เหลือทางออกให้ตัวเองได้ยังไง? เขาตัดสินใจทิ้งลูกชายไว้ข้างหลังและหนีไปพร้อมกับคนของตน
ฉีจิ่นจือและฟู่ชุนไจ่ซึ่งไล่ตามหลังมาติด ๆ พบว่าซางคุนหยุดพักอยู่ที่ริมแม่น้ำ
จากบทสนทนาภาษาพม่า ชายหนุ่มจับใจความได้ว่าพวกเขากำลังรอเรือจากอีกฝั่งมารับ
เมื่อเห็นว่าซางคุนกำลังจะหลบหนี ส่วนตำรวจยังคงตามเสาะหาอยู่ข้างหลัง หากเขาและฟู่ชุนไจ่เข้าไปสกัดกั้นไว้ก็เหมือนำไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
เขามองไปยังฟู่ชุนไจ่ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยว่า “ฉันจะไปหยุดพวกเขาไว้ ส่วนนายรอตำรวจอยู่ที่นี่”
จนถึงขณะนี้ ฉีจิ่นจือยังไม่ได้บอกฟู่ชุนไจ่ถึงภารกิจที่เขาปฏิบัติการอยู่
เขาเชื่อว่าฟู่ชุนไจ่พอจะเดาได้แล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะติดตามเขาอย่างแน่วแน่
แต่เพราะมิตรภาพนี้ เขาไม่อาจเสี่ยงที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายติดตามตัวเองต่อไปได้อีก
ฟู่ชุนไจ่จับมือเขาแน่น ไม่ยอมปล่อย “ลูกพี่ จะไปไม่ได้นะครับ”
แววตาของฉีจิ่นจือเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น “ชุนไจ่ เมื่อเรื่องนี้จบลง กลับไปแต่งงานหาภรรยาซะ มีลูกชายตัวอ้วนกลมสักคน และใช้ชีวิตให้ดีเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของแม่ของนาย”
ชายหนุ่มระบายยิ่ม “ส่วนฉัน ต้องไปปฏิบัติภารกิจของตัวเองให้สำเร็จ”
เอ่ยจบ เขาก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่หลังคอของฟู่ชุนไจ่
ฟู่ชุนไจ่ส่งเสียงฮึดฮัด ก่อนจะล้มลงเบา ๆ
ฉีจิ่นจือลากเขาไปข้าง ๆ เพื่อซ่อนร่างของเขาไว้ พลางกระซิบว่า “ลาก่อน ชุนไจ่”