บทที่ 575 ผีผู้หญิงไล่ตามฉัน
บทที่ 575 ผีผู้หญิงไล่ตามฉัน
เซี่ยชิงหยวนก้าวขาออกวิ่งอย่างเร่งรีบ พยายามไล่ตามเผ่ยเยว่ก่อนที่อีกฝ่ายจะไปถึงที่หมาย
ภายใต้ความมืดมิดยามราตรี ดวงดาราบนท้องนภาเปล่งประกายจาง ๆ ส่องสว่างเส้นทางตรงหน้าเซี่ยชิงหยวน
บ้านไม้ไผ่ของเซี่ยชิงหยวนและที่พักของเผ่ยเยว่นั้นอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ร้อยเมตร หลังจากผ่านไปราวสิบกว่าวินาที เธอก็มองเห็นเงาเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้า
เซี่ยชิงหยวนเปล่งเสียงตะโกนว่า “เสี่ยวเยว่!”
ทว่าเสียงปืนซึ่งดังเป็นระยะ ๆ จากไกล ๆ นั้นกลบเสียงของเซี่ยชิงหยวนจนมิด
เซี่ยชิงหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเร่งฝีเท้าของตัวเอง
เธอไล่ตามเผ่ยเยว่ไปตลอดทาง และในพริบตาเผ่ยเยว่ก็เข้าสู่เส้นทางในป่าบนภูเขาแล้ว
เซี่ยชิงหยวนไล่ตามเธอไป ปล่อยให้ขวากหนามและใบไผ่คมกริบบาดผิวแก้มของตนโดยไม่ชะลอฝีเท้าลงแม้เพียงนิด
มีเพียงความคิดเดียวในใจของเธอ นั่นคือไล่ตามเผ่ยเยว่ให้ทันและพาหญิงสาวกลับไป
เสียงเดียวในป่าเขาลำเนาไพรในเวลานี้คือเสียงฝีเท้าของหญิงสาวทั้งสองคน ผสานไปกับเสียงหอบหายใจของพวกเธอ
หากเป็นสถานการณ์ปกติ เสียงดังกล่าวคงจะดึงดูดความสนใจของเผ่ยเยว่ไปแล้ว ทว่าในตอนนี้ สุ้มเสียงนี้กลับไม่ได้ไปกระตุ้นปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ จากเธอเลย
แสงในป่าบนภูเขาเริ่มสลัวมากขึ้น มีเพียงแสงดาวที่อยู่บนฟ้าเท่านั้นที่สามารถใช้ในการมองและจดจำเส้นทาง เซี่ยชิงหยวนตามเงาของเผ่ยเยว่ไม่ทันนานแล้ว จึงทำได้เพียงระบุตำแหน่งของตัวเองจากคำบอกกล่าวของเสิ่นอี้โจวถึงเรื่องทิศทางของประเทศพม่า ประกอบกับเสียงฝีเท้าเป็นระยะ ๆ ของเผ่ยเยว่ที่มาจากด้านหน้า
เซี่ยชิงหยวนใช้วิธีนี้และวิ่งตามเผ่ยเยว่ต่อไป หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ลดระยาห่างระหว่างตนกับเผ่ยเยว่ได้เหลือราวสองหรือสามร้อยเมตร
ในขณะนี้ เซี่ยชิงหยวนแทบจะมองไม่เห็นแผ่นหลังของเผ่ยเยว่ ทว่าเสียงปืนพลันดังขึ้นในหูของเธอ หญิงสาวไม่รู้ว่าอันตรายนั้นอยู่ใกล้พวกเธอแค่ไหน จึงตะโกนไล่หลังเผ่ยเยว่อีกครั้ง “เสี่ยวเยว่!”
ด้วยเสียงตะโกนนี้ ในที่สุดเธอก็เห็นร่างของเผ่ยเยว่หยุดลง
ในตอนแรกหญิงสาวตัวแข็งค้างไปทั้งร่าง ก่อนจะหันศีรษะมองมาทางเซี่ยชิงหยวนด้วยความสับสนงุนงง
เซี่ยชิงหยวนหอบหายใจพลางยื่นมือไปหาเธอ “เผ่ย… เผ่ยเยว่”
เผ่ยเยว่ร้องออกมาด้วยความกลัว แล้ววิ่งไปข้างหน้าอีกครั้งอย่างไม่คิดชีวิต
เซี่ยชิงหยวน “…”
เสียงของเธอแหบห้าว “เผ่ยเยว่ หยุดอยู่ตรงนั้น ฉันเซี่ยชิงหยวนเอง!”
เผ่ยเยว่ปิดหูของเธอพร้อมร้องพึมพำ “คุณย่าทวด คุณปู่ทวด เง็กเซียนฮ่องเต้ พระแม่ซีหวางหมู่ พระโพธิสัตว์ เหล่าทวยเทพ โปรดช่วยลูกช้างด้วย!”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ เธอก็โกรธขึ้นมาไม่น้อย ที่แท้หล่อนเห็นเธอเป็นภูตผีปีศาจอย่างนั้นเหรอ?
เธอโกรธมากจนเร่งฝีเท้าและไล่ตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่คิดชีวิต
ในท้ายที่สุด ก็จบลงด้วยการที่เซี่ยชิงหยวนพุ่งกระโจนใส่เผ่ยเยว่
ไฟฉายของเผ่ยเยว่ตกลงไปข้างตัวแต่แรกแล้ว หญิงสาวปิดหูของตัวเองไว้พร้อมหลับตาแน่น ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหล “อย่ากินฉัน อย่าทับฉันเลย ฉันขอร้อง”
เซี่ยชิงหยวนตบเบา ๆ เข้าที่หน้าของเธอโดยตรง “ลืมตาขึ้น แล้วดูว่าฉันคือใคร”
เผ่ยเยว่เมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยชิงหยวนก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมอง
แสงจ้าส่องผ่านยอดไม้ลงมาทำให้เกิดเงากระดำกระด่างบนร่างกายของเซี่ยชิงหยวน ใบหน้างดงามของเธอมีความงามที่เย้ายวนใจในตอนกลางคืน แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้เผ่ยเยว่มองออกว่าคนตรงหน้าคือเซี่ยชิงหยวน
หญิงสาว “ว้าว..” ออกมาหนึ่งคำ จากนั้นจึงร้องไห้ออกมา
เธอร้องไห้จนหายใจไม่ออก “พี่สาวชิงหยวน พี่ทำให้ฉันกลัวแทบตาย ฉันคิดว่าเป็นผีผู้หญิงไล่ตามฉันมาเสียอีก… ฮือออ…”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธออดใจกลอกตามองบนไม่ได้ “เธอกล้าออกไปข้างนอกคนเดียวในตอนกลางดึก แต่กลับกลัวผีผู้หญิงเนี่ยนะ?”
เผ่ยเยว่สะอึกสะอื้น “ฉันไม่กลัวคนไม่ดี ฉันกลัวผี… ฮึก ฮืออออ…”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกปวดหัวจากเสียงร้องไห้ของเผ่ยเยว่ จึงกัดปากจิไว้แน่น แล้วเอ่ยว่า “ฉันจะจัดการเรื่องนี้กับเธอทีหลัง ตอนนี้กลับไปกับฉันก่อน”
เอ่ยจบ เธอจึงลุกขึ้นจากตัวเผ่ยเยว่ พร้อมดึงหญิงสาวขึ้นมาด้วย
เมื่อเผ่ยเยว่เมื่อได้ยินเซี่ยชิงหยวนพูดว่าจะพาตัวเองกลับไป เธอก็ถอยไปหนึ่งก้าวพร้อมกล่าวว่า “พี่สาวชิงหยวน ฉันอยากไปที่นั่น”
ขณะที่พูดก็ชี้ไปในทิศทางที่เกิดเสียงดังขึ้น
เซี่ยชิงหยวนไม่มองเสียด้วยซ้ำ เพียงหยิบไฟฉายขึ้นมาจากพื้น จากนั้นจึงข้อมือเธอแล้วเดินกลับไป “ที่นั่นมันอันตรายมาก เธอไปไม่ได้”
“พี่สาวชิงหยวน” เผ่ยเยว่ต้านเอาไว้ไม่ยอมก้าวเดิน ไม่ยินยอมที่จะขยับแม้เพียงคืบ “ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ เมื่อก่อนตอนที่อยู่ต่างประเทศ ฉันก็เคยไปรายงานข่าวสงครามมาแล้ว”
ในเวลานั้น มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่ติดตามอาจารย์ไป มีสถานที่อันวุ่นวายที่เกิดจากภัยสงครามที่เธอไม่เคยไปที่ไหนกัน?
ดังนั้นการสู้รบที่ชายแดนพม่าครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรสำหรับเธอนัก
สิ่งสำคัญที่สุดคือสัญชาตญาณของเธอบอกเธอว่าฉีจิ่นจืออาจจะอยู่ที่นั่น
ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่แยกทางกัน เธอก็ไม่ได้เจอฉีจิ่นจืออีกเลย
เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกเส้นทางที่กำลังเดินอยู่ในตอนนี้ แต่เธอก็กังวลว่าวันหนึ่งเขาจะยอมรับความตายอย่างเงียบ ๆ ในมุมมืดที่ไม่มีใครรู้จัก
ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นในคืนนี้เมื่อเสียงปืนดังขึ้น หญิงสาวจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป จนต้องมุ่งหน้าไปตามเสียงปืน
เธอพร่ำบอกตัวเองว่าแค่รายงานข่าว แค่ไปรายงานข่าวเท่านั้น
หากเธอบังเอิญพบเข้ากับฉีจิ่นจือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอจะพาเขากลับมาอย่างเงียบ ๆ
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนสี “เมื่อครู่เธอเพิ่งอ้อนวอนต่อคุณย่าทวด คุณปู่ทวด ไหนจะเง็กเซียนฮ่องเต้ พระแม่ซีหวางหมู่ พระโพธิสัตว์ เหล่าทวยเทพไปไม่ใช่รึไง? นี่ยังมาขอร้องฉันอีก เห็นที่ว่าคงจะไม่ได้ผลนัก”
เผ่ยเยว่ “…”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นว่าเผ่ยเยว่ไม่ยอมเลิกรา จึงเอ่ยต่อ “เสี่ยวเยว่ ฉันขอใช้คำเดิมว่า พื้นที่ทางนั้นไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะไปได้ หากเธออยู่ที่อื่นแล้วจะยืนหยัดมุ่งมั่นในการทำงานของตัวเอง ฉันย่อมไม่เข้าไปยุ่ง แต่นี่เธออยู่ในสายตาของฉัน ฉันจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอเด็ดขาด”
“ฉันจะให้ทางเลือกเธออยู่สองทางแล้วกัน หนึ่งคือมากับฉันอย่างสมัครใจ หรือสอง จะให้ฉันจัดการทุบให้หมดสติแล้วลากเธอกลับไป เมื่อถึงเวลานั้น หากบั้นท้ายถลอกปอกเปิก ก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
เผ่ยเยว่ “…”
เธอกำลังจะพูดอย่างอื่นอีก ทว่าพลันได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังมาจากระยะไกล
ดวงตาแนเฉียบคมและมืออันรวดเร็วของเซี่ยชิงหยวนรีบดึงเผ่ยเยว่ และกลิ้งลงไปตามทางลาดเล็ก ๆ ด้านข้าง
ในขณะที่กำลังกลิ้งลงไป เซี่ยชิงหยวนก็กดปิดไฟฉาย ทั้งสองกลิ้งลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งชนเข้ากับพุ่มไม้
ในระหว่างที่กลิ้งลงมา เซี่ยชิงหยวนปกป้องเผ่ยเยว่ไว้ในอ้อมแขนของเธอเอง ส่งผลให้แขนของเธอถูกกิ่งไม้ขูด เลือดของหญิงสาวเปื้อนเปรอะใบไม้สีเหลืองเหี่ยวเฉาโดยรอบ
เซี่ยชิงหยวนกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด พลางกอดเผ่ยเยว่ไว้ใต้ร่าง และคอยเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวจากด้านบน
เธอหวังอย่างยิ่งว่าผู้มาเยือนจะเป็นหนึ่งในคนของตัวเองที่มุ่งหน้าไปยังช่วยรักษาชายแดน แต่เธอก็ต้องผิดหวัง
เธอได้ยินถ้อยคำซึ่งเปี่ยมไปด้วยความฉุนเฉียวเป็นภาษาพม่าสองสามคำ
เผ่ยเยว่เองก็ได้ยินเช่นกัน
ฟังจากบทสนทนาแล้ว ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายเปิดฉากยิงกันแล้วพวกเขาตื่นตระหนกจึงหนีเข้ามาในแผ่นดินจีน
หากคนกลุ่มนี้ก้าวเข้ามาอีกไม่กี่ก้าวก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะเจอพวกเธอ
ในขณะนี้ ความหาญกล้านั้นหายไปจนแทบหมด เผ่ยเยว่รู้สึกว่าการที่ตัวเองเข้าใกล้ความตายมากถึงเพียงนี้นั้นเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน
เธอปิดปากด้วยความกลัว และหายใจเข้าออกช้า ๆ ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ทั้งสองคลานลงมาจากเนินเขาเล็ก ๆ พร้อมอธิษฐานขอให้คนกลุ่มนั้นผ่านไปจากตรงนี้โดยเร็ว