บทที่ 567 เธอถูกพบเข้าแล้ว
บทที่ 567 เธอถูกพบเข้าแล้ว
หญิงสาวเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมีหน้าตาซีดเซียวย่องออกมาจากกระท่อมมุงจากอันทรุดโทรมในตรอกฝั่งตรงข้าม
เขายืนอยู่ที่หน้าประตู พลางสูดหายใจเข้าลึก ทั้งยังเอามือแตะจมูก ลักษณะท่าทางของเขาดูล่องลอยไม่น้อย
เขาพลันสะดุดจึงรีบคว้าขอบประตูเอาไว้ แล้วค่อย ๆ ก้าวออกจากตรอกทีละก้าวราวกับว่าเขากำลังก้าวผ่านเมฆ
ในมือของเขาถือถุงเล็ก ๆ บางอย่าง แล้วมองไปรอบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยัดมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินจากไป
ประตูกระท่อมมุงจากข้างหลังเขาเปิดออก และมีผู้ชายอีกสองสามคนเดินออกมา
ผู้ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มมีรูปร่างผอมบาง สวมเสื้อเชิ้ตลายดอก เขามีพุงซึ่งเกิดจากดื่มเบียร์ไปไม่น้อยพร้อมคาบไม้จิ้มฟันไว้ในปาก
คนนั้นจะเป็นใครไปได้อีกหากไม่ใช่ฟู่ชุนไจ่!
แต่เขามาอยู่ที่อำเภอรุ่ยอันห่างไกลได้ยังไง?
สมองของเซี่ยชิงหยวนทำงานอย่างรวดเร็ว พยายามย่อยเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
ชายที่เพิ่งก้าวออกมานั้นดูแล้วไม่ต่างอะไรกับคนติดยา ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ฟู่ชุนไจ่จะเป็นเหมือนกับเขา หรือหากแย่กว่านั้นคือเขาเป็นคนจัดหายาเหล่านี้
ฟู่ชุนไจ่เคยเป็นลูกน้องของฉีจิ่นจือ และถึงกับต่อสู้เพื่อพุ่งเข้าไปในกองไฟโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองเพื่อตามหาฉีจิ่นจือในตอนที่เขาแกล้งตาย
เมื่อนึกถึงภารกิจลับของฉีจิ่นจือขึ้นมาอีกครั้ง เซี่ยชิงหยวนก็เบิกตากว้าง
อาจเป็นไปได้ว่าฉีจิ่นจือได้เข้ามาถึงอำเภอรุ่ยแล้ว!
เธอได้ยินเสิ่นอี้โจวกล่าวว่านับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุด การป้องกันชายแดนทั้งหมดของอำเภอรุ่ยและมณฑลอวิ๋นได้เสริมประสิทธิภาพในการป้องกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการตรวจค้นยาเสพติด
ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ พวกมันกล้าก่ออาชญากรรมได้ยังไง?
ทว่าเมื่อเทียบกับการพบเจอกับฟู่ชุนไจ่แล้ว เธอกลับยินดีมากกว่าหากอีกฝ่ายเป็นฉีจิ่นจือ
อย่างน้อยหากเป็นเช่นนั้น เธออาจจะสามารถสบตากับเขาได้ จากนั้นจึงแยกย้ายจากกันไป
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถจัดการได้
อาเซียงซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์กำลังบอกเล่าถึงปัญหาของตัว แต่เธอไม่มีใจที่จะฟังอีกต่อไป
หญิงสาวรีบตัดบทกล่าวลาอาเซียงแล้ววางสาย และเดินออกจากตู้โทรศัพท์
ใครกันจะรู้ว่าในตอนนั้นเองมีหญิงชราซึ่งหาบผักขายกำลังเดินผ่านประตูตู้พอดี
หญิงชรารีบไปขายผักจึงรีบเดิน ทำให้ไม่ทันสังเกตเห็นเซี่ยชิงหยวน และเกือบจะชนเข้ากับเธอ แต่โชคดีที่เซี่ยชิงหยวนหยุดฝีเท้าได้ทันเวลาจึงไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้น
มีเพียงหญิงชราเท่านั้นที่ตกใจมากจนนั่งลงกับพื้น
เมื่อหญิงชราเห็นว่าผู้หญิงอีกคนเป็นหญิงสาว ก็พลันเกิดความคิดบางอย่าง รีบยกมือขึ้นมากุมขาแล้วส่งเสียงร้อง “โอ๊ย! โอ๊ย!” ออกมา
เซี่ยชิงหยวนซึ่งเดิมเร่งรีบเพื่อออกไปจากที่นี่เมื่อเห็นดังนั้น จึงทำได้เพียงย่อตัวลงเพื่อช่วยหญิงชรา
แต่หญิงชราไม่ยอมลุกขึ้น พร้อมยกมือขึ้นทาบหน้าอกด้วยสีหน้าโศกเศร้าอย่างยิ่ง “ผักของฉัน ฟ้ายังไม่ทันสางก็รีบไปเก็บผักในแปลง เดิมทีอยากขายได้ราคาดี ไหนเลยจะรู้ว่าจะล้มจนเอาไปขายไม่ได้แล้ว”
เธอดึงเสื้อผ้าของเซี่ยชิงหยวน “เธอบอกมาซิว่าฉันควรทำยังไงกับผักพวกนี้? เธอต้องชดเชยให้ฉัน!”
เซี่ยชิงหยวนรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการขู่กรรโชกทรัพย์ตัวเอง หากเป็นปกติเธอย่อมไม่ปล่อยไปเช่นนี้ แต่ตอนนี้เธอจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไม่ได้ จึงทำได้เพียงเอียงศีรษะพร้อมหยิบเงินออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้หญิงชรา “นี่ค่ะห้าเหมา ถือว่าฉันซื้อผักของคุณ”
เอ่ยจบ หญิงสาวก็ก้าวข้ามผักบนพื้นและจากไป
หญิงชราตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เดิมทีเธอแค่อยากจะสร้างสถานการณ์ เพื่อให้เซี่ยชิงหยวนจ่ายเงินให้ตนสักสี่ห้าเฟิน หากโชคดีพอก็คงได้มาสักเหมา ใครเลยจะรู้ว่าหญิงสาวจะให้มาถึงห้าเหมา!
ความโลภของมนุษย์พลันเพิ่มขึ้น
ดวงตาของเธอสั่นไหวขณะที่คว้าเงินมา ก่อนจะเดินไปขวางหน้าเซี่ยชิงหยวนไว้ “ห้าเหมานี่จะไปพออะไรกัน? ผักที่ฉันหาบมาขายนี้ยังไงก็ต้องได้ถึงหนึ่งหยวน!”
เธอยื่นมือออกไปหาเซี่ยชิงหยวน แล้วกางออก ดูเหมือนว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะได้เงิน
ในเวลานี้ผู้คนซึ่งเดินผ่านไปมาอยู่บนถนนรอบ ๆ ก็เดินเข้ามา และพากันถูกวิพากษ์วิจารณ์หญิงชรา
“ผักพวกนี้ของคุณน้ำหนักก็คงสักยี่สิบสามสิบจินได้ ไหนเลยจะคุ้มกับเงินหนึ่งหยวน? คนเขาให้มาถึงห้าเหมาก็นับว่าไม่แย่แล้วนะ”
“การขู่กรรโชกคนอื่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ คุณเองอายุอานามก็มากแล้ว ไม่ละอายใจเลยหรือยังไง?”
ใบหน้าของหญิงชราพลันแดงก่ำเมื่อถูกทุกคนประณาม
เธอเก็บผักขึ้นมา ก่อนจะผลักฝ่าฝูงชนออกไป พร้อมเอ่ยว่า “เกี่ยวอะไรกับพวกคุณกัน? ใครว่าผักของฉันไร้ค่าหะ? น้ำที่ฉันใช้รดผักทุกวันนั้นเป็นน้ำแร่จากภูเขานะ!”
เธอสาวเท้าก้าวอย่างรวดเร็วจนแทบจะบินได้ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนว่าโดนชนไปเมื่อครู่เลย
เมื่อเห็นหญิงชราจากไป เซี่ยชิงหยวนกลับดูเหมือนจะไม่มีความสุขเลย ด้วยเพราะเธอถูกพบเข้าแล้ว
ความสนใจของฟู่ชุนไจ่ก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงดังกล่าวเช่นกัน และเมื่อเขาหันหลังกลับมา ก็พบเข้ากับเซี่ยชิงหยวนโดยไม่คาดคิด
ด้วยมูลเหตุที่มาจากฉีจิ่นจือ เขาจึงมีความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อเซี่ยชิงหยวน
ในใจของเขา เซี่ยชิงหยวนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ประทับอยู่ในหัวใจของฉีจิ่นจือมาตลอดยี่สิบกว่าปี
หากเขายังอยู่ในเมืองกว่างโจว เขาคงเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้ม พร้อมพูดคุยถึงวันวานเก่า ๆ กับเซี่ยชิงหยวน จากนั้นจึงช่วยจัดการนัดหมายให้ฉีจิ่นจือและเซี่ยชิงหยวนได้พบหน้ากันไปแล้ว
ทว่าที่นี่คืออำเภอรุ่ย
พื้นที่ใกล้เคียงคือประเทศพม่า ซึ่งเป็นที่ที่เขาและฉีจิ่นจือก้าวออกมาจากภูเขาแห่งความตายและทะเลสีเลือด
เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่นี้เซี่ยชิงหยวนสังเกตเห็นตนหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจคือการปรากฏตัวของเซี่ยชิงหยวนจะทำให้ฉีจิ่นจือมีท่าทีที่ผิดแปลกไปจากปกติ และนั่นอาจทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายได้
เมื่อไม่นานมานี้ ซางคุนถึงกับสอบปากคำและทดสอบฉีจิ่นจือด้วยเรื่องของธุรกิจ
โชคดีที่ถ่าลี่ช่วยพูดให้ฉีจิ่นจือ ทำให้เขาสามารถรับมือกับซางคุนได้อย่างราบรื่นไร้ปัญหา
ส่วนเรื่องที่ว่าถ่าลี่ชอบฉีจิ่นจือ นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนในฐานที่มั่นบนภูเขารู้ดี
ถ่าลี่นั้นเป็นคนอารมณ์รุนแรง ซ้ำยังขี้อิจฉา หากเธอรู้เข้าถึงการมีอยู่ของเซี่ยชิงหยวน ก็ไม่รู้ว่าเธอจะไปสร้างเรื่องวุ่นวายกับฉีจิ่นจืออย่างไรบ้าง
หากพวกเขามีเรื่องมีราวกับถ่าลี่ ผู้ซึ่งเป็นคนเดียวที่คอยยืนเคียงข้างพวกเขาในฐานที่มั่น แล้วพวกเขาจะจัดการหาจุดยืนของตัวเองได้ยังไง?
ควรฆ่าเซี่ยชิงหยวนเหรอ?
ความคิดนี้พลันก็แล่นเข้ามาในจิตใจของเขา
เขาพ่นไม้จิ้มฟันออก ก่อนเอ่ยด้วยแววตามืดมนว่า “พวกนายกลับไปก่อน ฉันมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก”
ลูกน้องไม่เข้าใจ “พี่ชุน นายท่านฉีบอกให้เรารีบกลับไปทันทีที่ทำภารกิจเสร็จ นายท่านรอพวกเราอยู่นะครับ”
สถานการณ์ในช่วงนี้นั้นตึงเครียด จนทำให้สถานที่จัดส่งเดิมต้องหยุดชะงัก พวกเขาจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงเข้ามาในแผ่นดินใหญ่เพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น และถือโอกาสนี้ในการส่งของด้วย
ฟู่ชุนไจ่แสดงสีหน้าหมดความอดทนออกมาทันที “ฉันจะทำอะไรยังต้องให้แกมาคอยเตือนอยู่รึไง?”
เขาเตะลูกน้องของตนพร้อมเอ่ยว่า “ออกไปจากที่นี่ซะ”
ฟู่ชุนไจ่ติดตามฉีจิ่นจือ ทำให้เขาพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในฐานที่มั่น พวกลูกน้องไม่กล้าไม่เชื่อฟัง จึงรีบออกไปอย่างหดหู่
ฟู่ชุนไจ่แสยะยิ้ม ก่อนจะตามออกไป
…
ระหว่างทางกลับ เถียนกุ้ยฟางพูดคุยกับเซี่ยชิงหยวนตามปกติ
แต่เมื่อเธอเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนดูเหม่อลอย จึงเอ่ยขึ้น “น้องชิงหยวน เป็นอะไรรึเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหน้า ก่อนจะยกยิ้ม “ฉันสบายดีค่ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อย”
ตอนนี้มีถนนที่ตัดผ่านให้ออกนอกภูเขาได้แล้ว แต่ก็ยังมีเพียงรถแทรกเตอร์คอยรับส่งตามเวลาที่กำหนดในแต่ละวันเท่านั้น
หลังจากลงจากรถแล้ว ก็ยังต้องเดินไปตามทางบนภูเขาก่อน จึงจะถึงหมู่บ้าน
หญิงสาวสามารถรู้สึกได้ว่าฟู่ชุนไจ่ตามพวกเธอทั้งสองคนอยู่ไม่ไกลนัก จึงรู้สึกกังวลอยู่ในใจ
ตอนนี้ยังมีคนอยู่บนถนน แต่ทว่าในตอนที่รอรถริมถนนหรือลงจากรถ เธอก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะทำอะไรหรือเปล่า
เธอคลำหาแท่งเหล็กสำหรับใช้ป้องกันตัวซึ่งอยู่กระเป๋า ก่อนจะย่อตัวลง ทำทีเป็นผูกเชือกรองเท้า แล้วกำดินทรายขึ้นมาจากบนพื้นหนึ่งกำมือ
เถียนกุ้ยฟางพลันเอ่ยขึ้น “น้องชิงหยวน ทำอะไรเหรอ?”