บทที่ 565 หดหู่ใจ
บทที่ 565 หดหู่ใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เผ่ยเยว่สะพายกระเป๋าเป้และสวมชุดลำลอง ในขณะที่เธอเดินตามหัวหน้าเฉินก็ผ่านประตูบ้านของเซี่ยชิงหยวน เซี่ยชิงหยวนจึงตะโกนเอ่ยเรียกเธอไว้
“เสี่ยวเยว่ จะไปไหนเหรอ?”
เผ่ยเยว่ยิ้มพร้อมยกกล้องในมือขึ้น “วันนี้หัวหน้าเฉินและหน่วยรักษาความปลอดภัยจะไปลาดตระเวนทางตะวันตกพอดีค่ะ ฉันก็เลยจะไปกับพวกเขาด้วย”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อ้อ อย่างนี้นี่เอง ดีแล้ว ดีแล้ว”
ก่อนที่วินาทีต่อมา หญิงสาวจะกุมท้องตัวเองแล้วร้อง “โอ๊ย!” ออกมาด้วยท่าทีที่ดูทรมานอย่างยิ่ง
เผ่ยเยว่ตกใจมากจึงรีบวิ่งเข้ามาหาทันที “พี่สาวชิงหยวน เป็นอะไรไปคะ?”
เซี่ยชิงหยวนกุมท้องของเธอเอาไว้ พร้อมคิ้วที่ขมวดแน่น “ฉันปวดท้องมากเลยน่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เผ่ยเยว่ก็รีบเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาพี่ไปสถานีอนามัยเองค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยตอบ “อื้มๆ ขอบใจเธอมากนะ”
เผ่ยเยว่หันไปหาหัวหน้าเฉินแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าเฉินคะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ฉันมีเรื่องให้ต้องจัดการ เอาไว้วันพรุ่งนี้ฉันจะไปกับพวกคุณนะคะ”
หัวหน้าเฉินโบกมือพร้อมเอ่ยคำ “ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ยังไงพวกเราก็ไปที่นั่นทุกวันอยู่แล้ว จะวันไหนก็ได้ทั้งนั้น”
ทันทีที่ประโยคนี้จบลง เขาก็ได้รับสายตาเชือดเฉือนจากเซี่ยชิงหยวนทันที
หัวหน้าเฉินไม่ค่อยเข้าใจนัก
คุณครูเซี่ยตำหนิเขาที่เมื่อครู่ไม่แสดงห่วงใยต่อเธออย่างนั้นเหรอ?
แต่เธอเป็นผู้หญิง เขาเป็นผู้ชาย ชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน เขาเองย่อมไม่สามารถเข้าไปช่วยเธอได้
หัวหน้าเฉินจึงเอ่ยด้วยความลังเล “เอ่อ… คุณครู่เซี่ย ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
เซี่ยชิงหยวนแทบจะรอไม่ไหว อยากให้หัวหน้าเฉินรีบไปเสียที หญิงสาวรีบสั่นศีรษะ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเสี่ยวเยว่จะไปสถานีอนามัยเป็นเพื่อนฉัน ตรวจดูสักหน่อยก็พอแล้ว หัวหน้าเฉินยังมีเรื่องให้ต้องไปจัดการ ก็ไปจัดการก่อนเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนส่งสัญญาณเร่งด่วน หัวหน้าเฉินก็มึนงงไปครู่หนึ่ง “…”
เขาเป็นคนตรงไปตรงมา จึงยังคงไม่รู้ว่าเซี่ยชิงหยวนหมายถึงอะไร ชายหนุ่มเอ่ยเพียงว่า “อย่างนั้นคุณครูเซี่ยดูแลตัวเองด้วยครับ ผมขอตัวก่อน”
เอ่ยจบ เขาก็ก้าวออกไปพร้อมหันมามองซ้ำ ๆ ในแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก
เผ่ยเยว่สังเกตท่าทางของเซี่ยชิงหยวน แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พี่สาวชิงหยวน ตอนนี้ดีขึ้นแล้วเหรอคะ?”
เซี่ยชิงหยวนรีบแสดงอาการทรมานออกมาอีกครั้งในทันที “อ๊ะ ยังปวดอยู่”
เผ่ยเยว่ไม่ได้สงสัยในตัวเธออีก เพียงช่วยพยุงตัวเธอขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปสถานีอนามัยเพื่อตรวจดูอาการกันเถอะ”
…
ในตอนที่ทั้งสองคนมาถึงสถานีอนามัย ไช่จิ้งกั๋วกำลังตากสมุนไพรอยู่
ทันทีที่เขาเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ชายหนุ่มพลันตกตะลึงในตอนแรก ก่อนจะมองไปยังเซี่ยชิงหยวน “คุณครูเซี่ย ไม่สบายเหรอครับ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันปวดท้อง”
เผ่ยเยว่มีสีหน้ากังวล “พี่สาวชิงหยวนสุขภาพดีมากมาโดยตลอด คุณหมอช่วยตรวจดูให้หน่อยนะคะ”
ไช่จิ้งกั๋ววางยาในมือพร้อมเอ่ยตอบ “ครับ ไปเดี๋ยวนี้ครับ”
เขาเริ่มจากหยิบหูฟังแพทย์มาวางลงเพื่อฟังหัวใจของเซี่ยชิงหยวน ก่อนที่คิ้วของเขาจะขมวดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ฟังมันอีกครั้ง
เผ่ยเยว่เห็นดังนั้นก็คิดว่าสถานการณ์นั้นร้ายแรง จึงเอ่ยขึ้น “คุณหมอไช่ พี่สาวชิงหยวนเป็นอะไรเหรอคะ?”
ไช่จิ้งกั๋วคิดว่าตัวเองวินิจฉัยผิดพลาด ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมขอตรวจดูอีกครั้ง”
เอ่ยจบ เขาก็ยกมือของเซี่ยชิงหยวนขึ้นมา แล้วจับชีพจรของเธอ
ตระกูลของไช่จิ้งกั๋วล้วนเป็นแพทย์แผนจีนมาโดยตลอด กระทั่งมาถึงรุ่นของเขาที่หันมาเรียนรู้การแพทย์แผนตะวันตก ทว่าตั้งแต่วัยเด็กก็ได้เรียนรู้ด้านการแพทย์แผนจีนมาไม่น้อย
ในตอนที่เขาใช้หูฟังแพทย์ฟังหัวใจและปอดของเซี่ยชิงหยวนก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ อีกทั้งสุขภาพของเธอยังดีมาก
แต่เมื่อเห็นลักษณะท่าทางที่ดูเจ็บปวดทรมานของเซี่ยชิงหยวน ดูแล้วก็ไม่เหมือนว่าแกล้งทำ
ดังนั้นเขาจึงต้องใช้วิธีการทางแพทย์แผนจีนในการวินิจฉัยเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง
ไม่นานนัก ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของเซี่ยชิงหยวนและเผ่ยเยว่ ไช่จิ้งกั๋วก็มองไปยังอีกฝ่าย
เซี่ยชิงหยวนเหลือบมองเขาก่อนจะร้อง “โอ๊ย” ออกมา แล้วเอ่ยว่า “ต้องเป็นเพราะความเย็นแน่เลยค่ะ เพราะเมื่อคืนฉันดื่มน้ำเย็นไป ไม่รู้ว่าด้วยเหตุนี้จึงทำให้ป่วยขึ้นมาหรือเปล่า”
ไช่จิ้งกั๋วมองออกไปยังท้องฟ้าเดือนกันยายนข้างนอก
ที่อำเภอรุ่ยหนาวอย่างนั้นเหรอ?
ไม่ใช่ว่าร้อนจนเหงื่อออกเหรอ?
ในท้ายที่สุดเขาก็กระแอมไอและกล่าวว่า “ผมจะสั่งยาแก้ปวดท้องให้คุณครูเซี่ยแล้วกันครับ”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ย “ขอบคุณค่ะคุณหมอไช่”
เผ่ยเยว่ซึ่งมารับยาเซี่ยชิงหยวนพร้อมส่งเธอกลับบ้าน เอ่ยว่า “พี่สาวชิงหยวน กลับไปกินยาแล้วพักผ่อนให้มากนะคะ”
สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนดูอ่อนล้าจากอาการป่วย “จ้ะ ขอบใจนะ”
เมื่อเห็นเผ่ยเยว่กำลังจะจากไป เธอพลันเอ่ยขึ้น “เสี่ยวเยว่น้อย เธอวางแผนว่าจะไปอีกเหรอ?”
เผ่ยเยว่กล่าวว่า “ฉันเพิ่งได้ยินจากคนที่ไปหาหมอว่ามีคนจากหน่วยรักษาความปลอดภัยกำลังจะไปที่หมู่บ้านทางตะวันตกเพื่อตรวจตรา ทั้งยังได้ยินมาว่ามีคนปลูกดอกฝิ่นที่นั่นด้วย”
“เสี่ยวเยว่…” เซี่ยชิงหยวนรีบเอ่ยรั้งเธอเอาไว้
เผ่ยเยว่หยุดฝีเท้าลง “มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่สาวชิงหยวน?”
เซี่ยชิงหยวนจึงกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ อยากจะพูดคุยกันสักหน่อยไหม?”
เผ่ยเยว่นั้นคิดว่าเซี่ยชิงหยวนอยากคุยกับตัวเองจริง ๆ หญิงสาวจึงตอบอย่างร่าเริงว่า “ได้ค่ะ”
จากนั้นเผ่ยเยว่ก็รั้งอยู่ที่บ้านของเซี่ยชิงหยวนจนถึงตอนเที่ยง หลังจากกินข้าวและหยอกล้อกับเด็ก ๆ สักพัก เมื่อกลับออกจากบ้านไปอีกครั้งก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าแล้ว
เผ่ยเยว่ถอนหายใจ “พรุ่งนี้เช้าค่อยไปแล้วกัน”
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยชิงหยวนมายืนพูดคุยกับชาวบ้านที่ทางแยกซึ่งเผ่ยเยว่ต้องเดินผ่านแต่เช้าตรู่
เมื่อหญิงสาวเห็นเผ่ยเยว่ เธอก็ระบายยิ้มพร้อมทักทาย “เสี่ยวเยว่”
เผ่ยเยว่ซึ่งสะพายกระเป๋าเป้เห็นเธอก็ยกยิ้มให้ “พี่สาวชิงหยวน”
เธอเดินเข้ามาถามว่า “ดีขึ้นหรือยังคะ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “โชคดีที่เธออยู่เป็นเพื่อน ตอนนี้ดีขึ้นมาแล้วจ้ะ”
เธอชี้ไปยังอุปกรณ์ของเผ่ยเยว่ “วันนี้จะไปไหนเหรอ?”
เผ่ยเยว่เอ่ยตอบว่า “วันนี้จะไปตรวจตราที่บริเวณชายแดนพม่ากับหัวหน้าเฉินค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนร้อง “อ้อ” ก่อนกล่าวคำ “พวกเธอกำลังจะไปทางนั้นเหรอ? บังเอิญว่าฉันเองมีเรื่องที่ต้องไปจัดการที่นั่นพอดี ฉันขอไปด้วยสิ”
เผ่ยเยว่ตอบรับอย่างมีความสุข “ดีสิคะ!”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนและเผ่ยเยว่ก็เดินจับมือกันไปตามทางเล็ก ๆ บนคันนา
ในตอนนั้นเอง เซี่ยชิงหยวนพลันร้องเสียงดัง “โอ๊ย!” ขึ้น หญิงสาว ‘ไม่ระวัง’ จึงสะดุดอากาศแล้วล้มลงจากคันนา
การเคลื่อนไหวในการล้มลงของเธอนั้นปราดเปรียวว่องไวมากจนไม่มีโอกาสให้เผ่ยเยว่ได้โต้ตอบเสียด้วยซ้ำ
เผ่ยเยว่ยื่นมือของเธอไปทางเซี่ยชิงหยวน พลางจ้องมองอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นอีกฝ่ายล้มลงต่อหน้าเธอ
หัวหน้าเฉินนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าเผ่ยเยว่มาก และเขาเกือบจะคว้าเซี่ยชิงหยวนไว้ได้แล้ว
แต่ไม่รู้ว่าเขามองผิดหรืออะไร ทว่าชายหนุ่มตระหนักได้ว่ามือของเซี่ยชิงหยวนซึ่งเดิมเหยียดออกไปกลางอากาศ กลับหดกลับเมื่อเขายื่นมือไปหาเธอ
หัวหน้าเฉิน “…”
นี่เขาโดนรังเกียจจริง ๆ เหรอ?
ภาพที่ติดอยู่ในความทรงจำของเขาอย่างชัดเจน คุณครูเซี่ยนั้นไม่ใช่คนที่ขี้น้อยใจเสียหน่อยไม่ใช่เหรอ?
ท้ายที่สุด เขาจึงทำได้เพียงเฝ้ามองด้วยความหดหู่อย่างยิ่งในขณะที่เซี่ยชิงหยวนล้มลง
ท่าทางการล้มของเซี่ยชิงหยวนนั้นับว่าชาญฉลาด ร่างกายของเธอตกลงไปในแปลงนา แต่ไม่โดนหรือไปทับพืชผลเลยสักนิด
เผ่ยเยว่วิ่งไปดึงเธอขึ้นมา “พี่สาวชิงหยวน เป็นอะไรไหมคะ?”
ในช่วงนี้ ในนามีน้ำอยู่ไม่มากนัก เสื้อผ้าและกางเกงของเซี่ยชิงหยวนจึงเปียกเพียงเล็กน้อย ไม่ได้หนักหนาอะไร
เผ่ยเยว่รีบเบี่ยงกายของตนเพื่อบดบังหญิงสาวเอาไว้ ก่อนเอ่ยขอโทษหัวหน้าเฉิน “หัวหน้าเฉิน ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ วันนี้เกรงว่าอาจจะไปกับคุณไม่ได้อีกครั้งแล้ว”
เธอปล่อยให้เซี่ยชิงหยวนเดินกลับไปแบบเปียก ๆ ทั้งแบบนี้ลำพังไม่ได้
หัวหน้าเฉินไม่ได้ถือสาอะไร ชายหนุ่มเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรครับ คุณรีบไปส่งคุณครูเซี่ยกลับบ้านดีกว่า”
เอ่ยจบ เขาก็แอบเหลือบมองเซี่ยชิงหยวนอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง พลางคิดกับตัวเองว่าการที่เขาทำเช่นนี้ก็น่าจะเป็นการเอาใจใส่เพียงพอแล้วใช่ไหม?
ใครกันคาดคิดว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ได้มองเขา กลับทำเพียงเอ่ยเร่งเร้าเผ่ยเยว่ “ฉันหนาวมากเลย เรารีบกลับกันเถอะ”
หัวหน้าเฉินไม่รู้ว่าที่เซี่ยชิงหยวนไม่ได้มองตนนั้นเป็นเพราะเธอไม่กล้ามองเขา
ไม่ต้องพูดถึงแง่มุมอื่น ๆ ของหัวหน้าเฉิน แต่การมองคนของเขานั้นเรียกได้ว่าเฉียบขาดและไม่ธรรมดา
หากเขาจับได้ว่าเธอจงใจ เธอจะอธิบายให้เผ่ยเยว่ฟังว่าอย่างไร?
ส่วยเผ่ยเยว่เองก็กังวลเช่นกันจึงกล่าวว่า “เรารีบไปกันเถอะค่ะ”
จากนั้นทั้งสองก็ช่วยประคองกันแล้วจากไป
หัวหน้าเฉินมองดูหญิงสาวสองคนที่จากไปก็พลันรู้สึกว่าความคิดในหัวของเขาปั่นป่วนคิดไม่ตกขึ้นมาอีกครั้ง
หนาวงั้นเหรอ?
ไม่ใช่ว่าผู้หญิงในหมู่บ้านยังพากันไปอาบน้ำที่แม่น้ำอยู่หรอกเหรอ?
เขารู้สึกหดหู่ใจจริง ๆ