บทที่ 554 ก็แค่บทเรียนมาน้อยไปหน่อย
บทที่ 554 ก็แค่บทเรียนมาน้อยไปหน่อย
เมื่อรู้ว่าถูกเซี่ยชิงหยวนจับได้คาหนังคาเขา กลุ่มคนที่เดิมทีอาเหมยลากมาจับกลุ่มซุบซิบนินทาต่างพากันหน้าถอดสีทันที
มองกันไปมองกันมา เธอมองฉัน ฉันมองเธอ พร้อมกับหาข้อแก้ตัวเพื่อจะหลบเลี่ยงสถานการณ์ตรงหน้าออกไป
แม้ว่าอาเหมยจะถือเป็นคนที่พาลพาโลในหมู่บ้าน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็ก ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเซี่ยชิงหยวน
เธอตามหลังคนอื่นไป เพราะคิดอยากจะออกไปจากที่นี่ด้วย
“พอรู้ว่าตัวเองมีความผิด ก็คิดพยายามหนีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?” เซี่ยชิงหยวนก้าวเข้าไปขวางอาเหมยเอาไว้
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนที่เปล่งปลั่งงดงามพลันเปี่ยมล้นด้วยความเย็นชา ถ้อยคำที่เอ่ยออกไปเริ่มไม่สุภาพนัก
เถียนกุ้ยฟางเองก็กอดอก ยืนอยู่ข้างเซี่ยชิงหยวน
เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกผู้หญิงที่เหลือก็รีบยื้อยุดกันไปมา ฉันดึงเธอลาก รีบหนีหายสลายตัวกันอย่างรวดเร็ว
อาเหมยตะโกนอย่างเหนื่อยเปล่า “นี่! ทำไมพวกเธอถึงไปกันแล้วล่ะ?”
คำตอบที่เธอได้รับคือแผ่นหลังของผู้หญิงสองสามคนที่ค่อย ๆ ลับสายตาไป
อาเหมยก่นด่าสาปแช่ง “พวกแกมันพวกนางผู้หญิงสารเลว แล่นเรือไปตามลมกันหมด!”
เธอมองไปทางเซี่ยชิงหยวน แล้วยืดอก พยายามเพิ่มราศีอำนาจให้ตัวเองด้วยการเอ่ยตะโกนเสียงดัง “ฉันเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน จึงมาเล่าให้ทุกคนฟังก็แค่นั้น ทำไม? เธอกล้าทำแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นจะเอาไปพูดหรือไง?”
คนที่เป็นคนกุข่าวลือทั้งหมดคือเธอ แต่ไม่มีทางที่เธอจะยอมรับหรอก
มีคนไม่น้อยที่แอบวิจารณ์ลับหลัง แล้วเซี่ยชิงหยวนจะมีหลักฐานอะไร?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หน้าอกของอาเหมยก็พลันยืดออกอีก
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยเยาะเย้ยเสียงเย็น “ฉันนั่งอยู่บนความซื่อตรง มีอะไรต้องกลัวล่ะ? ในทางกลับกัน เธอต่างหากที่กุเรื่องขึ้นมาโดยไม่มีหลักฐาน ทั้งยังทำลายชื่อเสียงของฉัน นี่เรียกว่าการใส่ร้ายป้ายสี”
อาเหมยเชิดหน้าขึ้น พลางเอ่ย “ใส่ร้ายไม่ใส่ร้ายอะไรกัน คิดว่าตัวเองเป็นคุณนายข้าราชการแล้วจะไม่ให้คนอื่นพูดรึไง?”
เธอหัวเราะเยาะเย้ย “แล้วก็ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอกนะ ถ้าตัวเองสำรวมกิริยาแล้ว ทำไมโจรนั่นถึงไปหาเธอล่ะ? ฉันว่าเป็นเธอมากกว่าที่ไม่อยากอยู่คนเดียว สามีของเธอเพิ่งออกจากหมู่บ้านไปที่อื่น เธอก็แอบมีชู้ลับหลังแล้ว ฉันว่านะเด็กสองคนนั้นอาจจะไม่ใช่ลูกของเสิ่น… อ๊าย!”
แก้มของเธอแสบร้อนผ่าว ในปากก็มีกลิ่นสนิม
อาเหมยกุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง “แกกล้าตบฉันเหรอ!?”
คนทั้งหมู่บ้าน ยกเว้นเถียนกุ้ยฟางเท่านั้นที่สูสีกับเธอ มีใครบ้างที่เมื่อเจอเธอแล้วจะไม่ยอมทำตามคำสั่งเธอกัน? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตบตีเลย
ฝ่ามือที่ฟาดออกไปนั้น เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ยั้งแรงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย และฝ่ามือของหญิงสาวเองก็รู้สึกซาบซ่าด้วยความร้อนเช่นกัน
เหตุการณ์ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกชี้หน้าก่นด่าว่าคบชู้กับตู้อวิ๋นเซิงในหมู่บ้านซีสุ่ยพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า เหตุการณ์นี้ไปปลุกเร้าความโกรธที่ถูกกดอยู่ในใจเซี่ยชิงหยวนอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้เธอทนไม่ไหวยิ่งกว่านั้นคืออาเหมยลากลูก ๆ ของเธอเองเข้ามาในเรื่องนี้ด้วย!
เธอสละครึ่งชีวิตเพื่อให้กำเนิดลูก และโอบอุ้มพวกเขาไว้ในมือ เธอจะไม่ยอมให้ใครเหยียบย่ำพวกเขาไม่ว่าในทางใดก็ตามเด็ดขาด!
หญิงสาวจ้องอาเหมยเขม็งด้วยสายตาเย็นชา “กล้าพ่นเรื่องเหลวไหลออกมา คิดว่าฉันไม่กล้าตบเธอรึไง? ฉันขอเตือนเธอไว้เลยนะ กินอะไรไม่ระวังแล้วโดนพิษตายนั่นก็เรื่องของเธอ แต่พอพูดไร้สาระและก่อปัญหา กลับรับมือกับผลที่ตามมาด้วยตัวเองไม่ได้”
อาเหมยถูกถ้อยคำของเซี่ยชิงหยวนทำให้ตกตะลึงอย่างรุนแรง ปากกว้างเริ่มส่งเสียงเห่าหอนออกมา “ใครก็ได้ช่วยด้วย! ภรรยาข้าราชการตบตีชาวบ้าน ยังมีคุณธรรมอยู่หรือ… โอ๊ย ให้ตายสิ!”
เซี่ยชิงหยวนอดรนทนไม่ไหว จึงตบอีกครั้ง
เธอกระชากคอเสื้อของอาเหมยไว้แล้วเอ่ย “ก่อนที่รอยตบบนหน้าเธอจะหายไป รีบไปเดินให้ทั่วหมู่บ้านซะนะ เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าเธอถูกฉันตบเพราะนินทาว่าร้ายคนอื่น!”
เอ่ยจบ เซี่ยชิงหยวนก็ปล่อยอีกฝ่ายอย่างแรง พร้อมผลักไปข้างหลัง อาเหมยจึงล้มลงกับพื้น
เธอมองเซี่ยชิงหยวนด้วยความสับสน ดวงตาเบิกกว้างราวกับว่าเธอได้เห็นปีศาจหรือสัตว์ประหลาดที่น่าหวาดผวา
อาเหมยลุกขึ้นจากพื้นและเซเล็กน้อย จากนั้นจึงวิ่งออกไปอีกด้านหนึ่ง ในขณะที่วิ่งก็ยังเอ่ยตะโกนว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
เมื่อเห็นเธอจากไป เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ไล่ตาม หญิงสาวเพียงปัดมือเบา ๆ และตั้งใจจะกลับไปยังบ้านไม้ไผ่ของตน
เถียนกุ้ยฟางผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ตกตะลึงเช่นกัน
ใครกันจะคาดคิดว่าเซี่ยชิงหยวนที่ดูอ่อนโยนนุ่มนวล เมื่อโกรธแล้วจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
หากเป็นเมื่อวาน เธอคงไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยชิงหยวนจะกล้าตบใครได้
การหมิ่นประมาทชื่อเสียงของตัวเองยังพอว่า แต่ก้าวล้ำไปถึงลูก ๆ ไม่ว่าใครก็คงทนไม่ได้
เธอเดินเข้าไปเพื่อพยายามปลอบใจเซี่ยชิงหยวน ทว่าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
กลับเป็นเซี่ยชิงหยวนที่ระบายยิ้ม พร้อมกล่าวขอโทษเธอแทน “ขอโทษนะคะพี่สาวกุ้ยฟาง ทำให้พี่ต้องหัวเราะแล้วสิ”
เถียนกุ้ยฟางยิ้มจาง ๆ “ที่ไหนกันล่ะ ปากแบบนั้น บทเรียนแค่นี้ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ”
เซี่ยชิงหยวนไม่มีใจที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังจากพูดคุยกับเถียนกุ้ยฟางสองสามประโยค หญิงสาวก็ตรงกลับบ้านทันที
ทว่ายังไม่ทันถึงบ้านก็พลันได้ยินเสียงเด็ก ๆ หัวเราะขึ้นมาก่อน
เป็นเสิ่นอี้หลินที่หยอกล้อกับเด็กสองคน ทำให้พวกเขาส่งเสียงว้าวออกมา พร้อมหัวเราะเสียงดัง
มุมปากของเซี่ยชิงหยวนกระตุกยิ้มเมื่อเธอก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น
ก่อนจะเห็นว่าบ้านไม้ไผ่หลังเล็ก ๆ มีรั้วไม้ไผ่ล้อมรอบ และปลูกต้นสัตฤาษีล้อมเป็นวงกลมไว้ด้านนอก ซึ่งว่ากันว่าต้นไม้นี้สามารถไล่งูได้
หลินตงซิ่วปล่อยลูกเจี๊ยบทั้งเจ็ดตัวที่ซื้อกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกมันเดินไปรอบ ๆ ลานบ้านเพื่อหาอะไรกิน พลางส่งเสียงร้องอย่างจ้อกแจ้กจอแจ
หลินตงซิ่วกำลังตากเสื้อผ้า โดยเหลือบไปให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเด็ก ๆ เป็นครั้งคราว
เซี่ยชิงหยวนสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะยกมุมปากวาดยิ้มขึ้น แล้วเปิดประตูลานบ้าน “กลับมาแล้วค่ะ”
ลมฝนพายุข้างนอก ให้เธอเผชิญหน้าก็พอแล้ว
ส่วนคนในครอบครัวนั้น เพียงหวังว่าพวกเขาจะได้รับความอบอุ่นและมีรอยยิ้มอยู่เสมอก็เท่านั้น
…
ในตอนที่เสิ่นอี้โจวกลับมานั้นก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว
ก่อนที่เขาจะได้กลับเข้าบ้าน ชายหนุ่มก็ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยเรียกตัวไป
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นชายอายุเกือบสามสิบปี และเมื่อเขาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้แล้ว เขาก็ก้มศีรษะลงเพื่อรอให้เสิ่นอี้โจวลงโทษ
จะไม่ละอายใจได้ยังไงกัน?
ผู้อำนวยการออกไปในเวลากลางวัน พอค่ำมืดก็มีเรื่องเกิดขึ้นที่บ้านเขาทันทีเลย แล้วแบบนี้หน่วยรักษาความปลอดภัยอย่างพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
สิ่งสำคัญคือพวกเขาเองเป็นทหารปลดประจำการ จึงยิ่งน่าอับอาย
เสิ่นอี้โจวนั่งอยู่ที่โต๊ะ นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะบนโต๊ะ สีหน้าของเขาดูไม่ออกว่าอารมณ์ดีหรือหงุดหงิด “หาตัวโจรเจอหรือยังครับ?
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเงยหน้าขึ้นตอบ “ยังครับ”
ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง คางของแทบจะชิดลงมาที่หน้าอกอยู่แล้ว
คิ้วคมของเสิ่นอี้โจวเลิกขึ้น “ผ่านไปจะเป็นวันแล้ว แต่ยังหาคนคนนั้นไม่เจองั้นเหรอครับ?”
น้ำเสียงช่วงท้ายประโยคของดังขึ้นและเย็นเยียบลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธ
เหงื่อเย็นพลันผุดขึ้นมาบนหน้าผากของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยทันที “เรากำลังขยายขอบเขตการค้นหาออกไปอยู่ครับ”
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้น ดูเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ขาของเขาได้รับบาดเจ็บ เขาสามารถติดปีกแล้วบินไปได้รึไง?”
เขายื่นมือออกมา “เอาแผนที่มาครับ”